เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 357 แล้วแต่อารมณ์ของผม
ตอนที่ 357 แล้วแต่อารมณ์ของผม
……….
ขณะที่พูด ซ่งจื่อเซวียนก็เดินลงมาจากชั้นบน พร้อมกับซางเทียนซั่วและฟางรุ่ยที่เดินตามหลังมา
เมื่อเห็นซ่งจื่อเซวียน ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็มั่นใจทันทีว่านี่คือคนที่เขาตามหา
ทว่าชายหนุ่มคนนี้ดูท่าทางจะหยิ่งยโสยิ่งกว่าที่ตู้อวิ๋นกังเคยเล่าให้ฟังเสียอีก
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหนุ่มนี้ไม่รู้จักตนเอง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เชื่อว่าซ่งจื่อเซวียนจะกล้าเดินลงบันไดมาหาเขาเอง
ตู้อวิ๋นเลี่ยงพินิจมองซ่งจื่อเซวียนครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “ใช่แล้ว ผมมาตามหาคุณนี่แหละ”
ซ่งจื่อเซวียนเดินเข้ามาใกล้ “มาเพราะเรื่องพ่อลูกตระกูลตู้เหรอครับ”
ได้ยินดังนั้น ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เจ้าหนุ่มนี่เซนส์ดีนี่หว่า
หรือเป็นเพราะศัตรูในช่วงนี้ของเขาคือตระกูลตู้
“ใช่แล้ว”
“คุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ คิดจะเอาคืนเหรอครับ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยถาม
ตู้อวิ๋นเลี่ยงไม่ตอบ เพียงแต่เหลือบมองบอดี้การ์ดข้างกายแวบหนึ่ง
บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายมีสีหน้าเย็นชา นี่อาจเป็นมาตรฐานของบอดี้การ์ด ที่เวลาปฏิบัติหน้าที่ไม่สามารถยิ้มร่าได้
สายตาของบอดี้การ์ดคนนั้นมองผ่านซ่งจื่อเซวียนและซางเทียนซั่วไป แต่กลับจ้องมองเหลียงฮั่นและฟางรุ่ย
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็หัวเราะเบาๆ “ถ้าคิดจะเอาคืน ผมคงไม่มากันแค่สองคนหรอก”
ซ่งจื่อเซวียนฟังแล้วก็พยักหน้า “งั้นที่มาก็เพราะอยากมาเจอหน้าผมเฉยๆ เหรอครับ”
“จะว่างั้นก็ได้ ผมอยากมาดูสักหน่อยว่าใครมันกล้าดีถึงขั้นกล้าลงไม้ลงมือกับตระกูลตู้ของผมได้”
“ผมเองแหละ!” ซ่งจื่อเซวียนโพล่งออกไป
ตู้อวิ๋นเลี่ยงโกรธมาก บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดจากับเขาแบบนี้
“หึๆ พ่อหนุ่ม คุณนี่มันใจกล้าจริงๆ” ตู้อวิ๋นเลี่ยงเองก็เป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่คนหนึ่ง จะมาทำตัวขี้ขลาดเอาตอนนี้ไม่ได้
“นาย…”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงตะลึง ไอ้หนุ่มนี่ชักจะเอาใหญ่
เขาพยักหน้าช้าๆ “โอเค ไม่มีอะไรแล้ว!”
พูดจบเขาก็หันหลังจากไป
ขณะมองทั้งสองคนเดินจากไป ฟางรุ่ยก็พูดขึ้น “นายท่านรอง จะปล่อยพวกเขาไปเฉยๆ เหรอครับ”
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ เขายังไม่ได้ทำอะไรเราเลย ตอนนี้เราไม่มีเวลาสนใจพวกเขาหรอก”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็กลับขึ้นไปชั้นบน
หลังจากเดินออกมาจากสวนสวินเฟิง ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็พ่นลมหายใจออกมา
เขารู้สึกประหลาดใจ เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในสวนสวินเฟิง เขารู้สึกถึงความกดดันบางอย่าง
ความกดดันที่ว่านี้ไม่ได้มาจากสภาพแวดล้อมของสวนสวินเฟิง อย่างตู้อวิ๋นเลี่ยงใช่ว่าไม่เคยเผชิญหน้ากับขาใหญ่มาก่อน
แม้แต่ในที่ประชุมต้อนรับผู้นำระดับมณฑล เขายังได้เขาร่วมในฐานะตัวแทนนักธุริกจ
แต่ความกดดันนี้…มาจากชายหนุ่มคนนั้นน่ะเหรอ
ตู้อวิ๋นเลี่ยงไม่อยากคิดเช่นนั้น แม้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะแสดงวุฒิภาวะที่ต่างไปจากคนทั่วไป
ทว่าในสายตาของเขา มันดูเหมือนภาพที่จงใจเสแสร้งขึ้นมามากกว่า
“ต้าปิน ความสามารถของพวกนั้นเป็นไงบ้าง” ตู้อวิ๋นเลี่ยงถาม
หลายปีมานี้ ตู้อวิ๋นเลี่ยงติดต่อเจรจาแต่กับคนระดับเบื้องบน และแทบจะไม่มีการลงไม้ลงมือกัน เรียกได้ว่าประวัติขาวสะอาด
แต่เนื่องจากรากเหง้าของเขานั้นฝังลึกในใต้ดิน ไม่มีทางที่จะล้างบางให้หมดจดได้จริงๆ
ดังนั้นตู้อวิ๋นเลี่ยงจึงเลี้ยงดูน้องชายกลุ่มหนึ่งไว้ ซึ่งน้องชายพวกนี้ไม่ใช่พวกอันธพาลแต่อย่างใด
แต่เป็นชายฉกรรจ์อายุประมาณสามสิบถึงสี่สิบปีที่เก่งเรื่องต่อยตี คนพวกนี้ต่างหากที่คู่ควรกับคำว่าอันธพาล
ในบรรดาอันธพาลเหล่านี้ หนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือต้าปินที่คอยปกป้องข้างกายตู้อวิ๋นเลี่ยงมาโดยตลอด
“คุณตู้ ข้างตัวเขามีสองคนที่ต่อสู้เป็นครับ”
“อ้อ? หึๆ มิน่าล่ะ พี่ฉันหาได้แต่พวกอันธพาล ถ้าไปเจอกับพวกมือดีเข้า อันธพาลยังไงก็ไม่รอด”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงหัวเราะน้อยๆ อย่างไรเสียเขาก็มีอันธพาลอยู่ในสังกัดหลายสิบคน ดังนั้นแค่คนสองคนข้างตัวซ่งจื่อเซวียนเขาไม่กลัวอยู่แล้ว
ต้าปินพยักหน้า “ครับ แต่ว่า…ถ้าต้องปะทะกัน ผมว่าพาพวกพี่น้องมาด้วย กันเหนียวดีกว่าครับ”
“เรื่องนี้น่ะง่าย พี่น้องเรามีไม่น้อย แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีเวลาคิดแผนจัดการกับพวกมัน งานของเย็นวันนี้สำคัญที่สุด”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงกล่าว
“ครับ คุณตู้ คืนนี้ต้าปินจะปกป้องคุณอย่างเต็มที่”
“ตลาดมืดยุ่งวุ่นวายเกินไป มีแต่คนสารพัดรูปแบบ ใครจะรู้ว่าคนไหนเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก
คุณเฉิงต้องการหนวดพญามังกร และเขาต้องได้มันแน่ ทันทีที่เขาได้มันมา พวกเราจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกดักรอปล้น อีกกลุ่มหนึ่งตรงไปที่เมืองหลานหยวน”
“รับทราบครับคุณตู้!” ต้าปินพยักหน้ารับ
…
คืนนั้น ที่ตลาดมืด
เนื่องจากจะมีการเปิดตัวหนวดพญามังกรที่หอเยวี่ยซีในคืนนี้ ข้างนอกตลาดจึงมีรถจอดมากเป็นสองเท่า
หนึ่งกิโลเมตรก่อนถึงทางเข้าตลาด มีรถจอดจนแน่นเอี๊ยด
เช่นเดียวกับระยะหนึ่งกิโลเมตรจากทางออกของตลาด ข้างถนนไม่มีที่ว่างให้รถจอดเลย
ซ่งจื่อเซวียนเองก็คิดถึงเรื่องนี้ แม้ว่าตลาดจะเปิดตอนห้าทุ่ม แต่เขาก็ขอให้ถังหย่าฉีช่วยดูร้านต่อ หลังจากขายน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายไปแล้วยี่สิบที่
ยังไม่ถึงสองทุ่ม เขาก็มาจองพื้นที่แล้ว
อย่างไรเสียก็มีความเสี่ยงในการถูกโจรกรรมในตลาดสูง แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจหนวดพญามังกร แต่ถ้าหญ้าสวินหย่งถูกขโมยไป ความพยายามทั้งหมดของเขาก็จะสูญเปล่า
ดังนั้นเขาจึงต้องจอดรถไว้ใกล้ๆ กับตลาด พอขึ้นรถปุ๊บก็จะเหยียบคันเร่งออกไปเลย ช่วยลดความเสี่ยงได้นิดหน่อย
หลังจากมาถึง ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ได้รีบลงจากรถ แต่กลับลดหน้าต่างลงและสูบบุหรี่รอเวลา
พลางเฝ้ามองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา บางคนก็เป็นคนที่เขารู้จัก
โดยเฉพาะท่านชายไป๋คนนั้นที่ยังทำตัวจองหองพองขนเหมือนเดิม
เห็นได้ชัดว่าครั้งก่อนที่ปะมือกับหวังต้าลี่ ทำให้เขาม้่นใจในตัวเองมากขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้น หวังต้าลี่ก็มาด้วย แต่คราวนี้ท่าทางดูเจี๋ยมเจี้ยมขึ้นมาก
เมื่อเห็นท่านชายไป๋จากไกลๆ เขาก็รีบเดินหลบทันที
ทั้งหมดนี้ ถูกซ่งจื่อเซวียนสังเกตเห็นด้วยสองตา น่าสนใจมากทีเดียว
เช่นเดียวกับที่เขาคิดไว้ครั้งก่อน ตลาดมืดแห่งนี้มีกฎเกณฑ์และธรรมเนียมปฏิบัติของตนเอง
ซ่งจื่อเซวียนอาจมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากสถานที่แห่งนี้อีกมาก
สายตาเหลือบเห็นว่าเวลาใกล้จะห้าทุ่มแล้ว บ้านผุๆ พังๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดมืดก็อัดแน่นไปด้วยผู้คน
ด้านในมีทั้งเสียงพูดคุยดังบ้าง เบาบ้าง ตลอดจนเสียงคนทะเลาะกัน
เพราะอย่างไรเสียคนที่มาที่นี่ก็เป็นพวกมากอำนาจ และความโมโหของพวกเขาก็ไม่ใช่เล่นๆ
ทว่าท่ามกลางสายตาของฝูงชน มีสิ่งหนึ่งดึงดูดสายตาของซ่งจื่อเซวียนได้ในทันที
เขาเบิกตาโพลงอย่างไม่รู้ตัว “เขาก็มาเหรอ”
พูดจบ พวกซางเทียนซั่วสามคนก็มองออกไปนอกหน้าต่างตาม
“ใครเหรออาจารย์ ไปไหนแล้ว”
“คนที่มาร้านของเราวันนี้ไง” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางชี้ไปที่จุดหนึ่ง
ทั้งสามคนมองตามนิ้วของซ่งจื่อเซวียน และพบกับตู้อวิ๋นเลี่ยงดังที่คาด
แต่ตู้อวิ๋นเลี่ยงในตอนนี้ดูสง่างามกว่าเมื่อตอนกลางวันมาก
แทนที่จะพาต้าปินมาคนเดียว เขากลับยกโขยงลูกน้องมาเจ็ดแปดคน ดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน
เมื่อเห็นบอดี้การ์ดกลุ่มนี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็เขยิบห่างออกมาจากเขา
คนที่มา อย่างมากก็พาลูกน้องมาด้วยสี่ถึงห้าคนเท่านั้น เขายกโขยงมาเป็นกองทัพ คนส่วนใหญ่จึงไม่อยากไปหาเรื่องเขา
รวมถึงท่านชายไป๋ด้วย ถึงกับแอบถอยห่างออกมานิดหน่อย
แม้ว่าจะมียอดฝีมือข้างตัวหลายคน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องทะเลาะก่อน
ยิ่งพวกเขามีความปรารถนาจะได้หนวดพญามังกรมาครอบครอง ส่วนใหญ่เตรียมพร้อมที่จะชิ่งกลับทันทีที่ได้มา
เกือบทุกคนเข้าใจดีว่าวันนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้หนวดพญามังกรไป จะต้องมีการต่อสู้นองเลือดเกิดขึ้นทั้งในระยะใกล้และไกลจากตลาด
เวลาห้าทุ่ม ตลาดเปิดตรงเวลา
ผู้คนเดินเรียงแถวไปยังตลาดมืด
ในตอนนี้เอง พวกซ่งจื่อเซวียนก็ลงจากรถ เดินตามฝูงชนเข้าไป
เมื่อเข้าไปในตลาดแล้ว ซ่งจื่อเซวียนสังเกตเห็นว่าแทบทุกคนต่างมุ่งหน้าไปยังหอเยวี่ยซี
เพราะหอเยวี่ยซีคือตัวเอกในค่ำคืนนี้ การเปิดตัวหนวดพญามังกร ถือเป็นเป้าหมายในการมาเยือนของคนจำนวนมาก
บางทีคนที่สามารถแย่งชิงหนวดพญามังกรได้อาจมีเพียงไม่กี่คน แต่ถึงกระนั้นคนจำนวนมากก็ไม่ยอมพลาดโอกาสรับชมความตื่นเต้นไป
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าหนวดพญามังกรที่ว่าจะมีสรรพคุณสมคำเล่าลือหรือไม่ ลำพังแค่โฆษณาที่หอเยวี่ยซีปล่อยออกมา ก็ทำให้สัมผัสได้ว่าอย่างน้อยโสมชนิดนี้ก็หายากสุดๆ
ทว่าซ่งจื่อเซวียนกลับต้องประหลาดใจ ที่ในไม่ช้าฝูงชนก็สลายตัว
ทุกคนกลับไปเดินดูสินค้ารอบๆ หลงเหลือแขกเพียงสามถึงสี่คนที่เข้าไปในหอเยวี่ยซี
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วมุ่น “แยกย้ายกันหมดแล้วเหรอ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“อาจารย์ หนวดนั่นขาดหมดแล้วเหรอ เร็วเกินไปหรือเปล่า” ซางเทียนซั่วถาม
“ฉันกลับคิดว่ามีคนเสนอราคาประมูลสูงสุด จนทำให้คนอื่นๆ ไม่กล้าเสนอราคาต่อ ไม่ก็เสนอราคาต่ำเกินไปจนเถ้าแก่เจ้าของร้านไม่ขายก็ได้”
ฟางรุ่ยพูดจบ ซางเทียนซั่วก็พยักหน้า “มีเหตุผล”
ซ่งจื่อเซวียนไม่สนใจ แต่เดินตรงไปยังหอเยวี่ยซี
“ไอ้หยา นายท่านรองมาแล้วเหรอ”
ชายชราจำซ่งจื่อเซวียนได้ทันทีที่เจอ เห็นได้ชัดว่าท่านผู้เฒ่าคนนี้แม้อายุอานามจะไม่ใช่น้อยๆ แต่ความจำยังดีเยี่ยม
เพราะอย่างไรเสียสำหรับคนค้าขายความจำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้ามีคนแวะมาครั้งหนึ่งแล้วคุณจำได้ คนคนนั้นอาจจะกลายเป็นลูกค้าประจำได้
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าสินค้าเข้าวันนี้มีหญ้าสวินหย่งด้วยไหมครับ”
“โอ้ๆ นายท่านยังหาหญ้าสวินหย่งอยู่เหรอครับ ขอโทษด้ยนะครับนายท่านรอง สินค้ายังมาไม่ถึงเลย” ชายชรากล่าว
“ยังมาไม่ถึงเหรอครับ”
แต่ซ่งจื่อเซวียนก็เข้าใจในทันทีว่าเหตุใดเมื่อครู่คนจำนวนมากถึงได้แยกย้ายกันไปรวดเร็วนัก
ของยังส่งมาไม่ถึง ยังกล้าเชิญคนอื่นมาอีกนะ
“ใช่แล้วครับนายท่านรอง เถ้าแก่เราบอกไว้ว่าวันนี้สินค้าจะมาช้านิดหน่อย เพราะงั้นจะเริ่มประมูลตอนเที่ยงคืนตรงครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ “อย่างนี้นี่เอง งั้นสินค้าจะมาถึงก่อนเที่ยงคืนแน่ๆ ใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ แบบนั้นแหละ นายท่านรองไปเดินเล่นดูก่อน แล้วอีกเดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่ดีไหมครับ แวะมาชมการประมูลหนวดพญามังกรของเราด้วย”
“เอางั้นก็ได้ ขอบคุณครับ อีกเดี๋ยวเจอกัน”
แต่ด้วยความบังเอิญ ซ่งจื่อเซวียนหันหลังเดินออกจากร้านไปได้ไม่กี่ก้าว ก็บังเอิญเจอกับตู้อวิ๋นเลี่ยงแบบประจันหน้า
ตู้อวิ๋นเลี่ยงหยุดฝีเท้าแล้วแค่นหัวเราะออกมา “เหอะ โลกนี่มันกลมจริงๆ”
ขณะพูด เขาก็มองคนที่เดินตามหลังมา ตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ในสวนสวินเฟิงแล้ว
ถ้าคิดจะลงมือ แค่เสี้ยวนาทีก็จัดการพวกแกได้สบาย!
แต่แน่นอนว่าเขาไม่มีทางทำเช่นนั้น เหตุผลแรกคือตลาดมืดไม่อนุญาตให้ทะเลาะเบาะแว้งกัน ถ้าถึงหูสำนักงานบริหารเมื่อไร รับรองได้เป็นเรื่องใหญ่
เหตุผลที่สอง ตู้อวิ๋นเลี่ยงมีภารกิจที่ต้องทำอยู่ ไม่ว่าจะมีความคับข้องใจอะไรอยู่ในอก ก็ต้องรอให้ได้หนวดพญามังกรมาครองเสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ถึงกระนั้น ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็ยังสาวเท้าใกล้เข้ามา “บังเอิญจริงๆ นะไอ้หนุ่ม พวกเราเจอกันอีกแล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนกลับยักไหล่ “คุณไม่ได้เป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ ผมก็เหมือนกัน จะบังเอิญเจอกันก็ไม่แปลกนี่ครับ”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ฉันหวังจริงๆ ว่านายจะยังปากดีแบบนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ”
“ไม่แน่ แล้วแต่อารมณ์ของผม” พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็เดินตรงไปข้างหน้าทันที
คนของตู้อวิ๋นเลี่ยงกำลังจะขวางทางเขา แต่เพียงสิ้นเสียงฉับๆ สามครั้ง เหลียงฮั่น ฟางรุ่ย และซางเทียนซั่วก็พุ่งเข้ามาโดยพร้อมเพียง
คนจากสองฝ่ายประจันหน้ากันครู่หนึ่ง
ขณะเดียวกันก็ดึงดูดผู้คนหลายคนให้หยุดดูเรื่องน่าสนุก
เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็กล่าวอย่างเย็นชา “ต้าปิน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาก่อเรื่อง พวกเราไป!”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงพูดจบ คนทั้งกลุ่มก็เดินจากไปในอีกทางหนึ่ง
“นายท่านรอง คืนนี้…คงจะไม่ได้สงบสุขแล้วล่ะครับ” เหลียงฮั่นกล่าว
ซ่งจื่อเซวียนมองแผ่นหลังของตู้อวิ๋นเลี่ยง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไม่ก่อเรื่องได้จะดีที่สุด แต่ถ้ามันมาขวางไม่ให้ฉันได้หญ้าสวินหย่งไปล่ะก็…
งั้นคงต้องจัดการสักที!”
………………………………………………………
……….