เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 343 สวัสดีรุ่นน้อง
ตอนที่ 343 สวัสดีรุ่นน้อง
……….
เห็นสายตาของเลขาถาน ลู่ลี่จวินก็สัมผัสได้ว่าเขาก็น่าจะร้อนใจกับเรื่องนี้
อย่างไรเขาก็เป็นคนข้างกายผู้นำ ย่อมอยากให้ผู้นำมีความสุข เช่นนั้นคนข้างกายอย่างพวกเขาถึงจะมีชีวิตที่ดีได้
แต่ตอนนี้ เรื่องที่ทำให้ผู้นำเจ้ามีความสุขได้ก็คือรักษาอาการเบื่ออาหารขั้นรุนแรงของลูกสาวเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“เลขาถาน ความจริงที่วันนี้นัดคุณมาก็เพราะอยากคุยเรื่องนี้แหละครับ เพียงแต่ว่า…”
“หืม เพียงแต่ว่าอะไร ท่านอธิบดีลู่อย่าอุบไว้สิ ผมร้อนใจนะครับ” เลขาถานพูดอย่างร้อนใจ
“คุณจะร้อนใจทำไมครับเนี่ย”
“ผมจะไม่ร้อนใจได้เหรอครับ วันๆ อารมณ์ของผู้นำไม่ดีเอามากๆ เลย คุณคิดดูสิ ลูกป่วย ใครจะสบายใจอยู่ได้ล่ะครับ”
เลขาถานพูดพลางป้องปากพูดเสียงเบา
“ผมจะพูดแค่กับคุณนะครับ ตอนนี้ภาระงานของเราเยอะมาก อารมณ์ของผู้นำคือสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ ตอนนี้เรากำลังลำบากอยู่”
ลู่ลี่จวินพยักหน้าน้อยๆ คำพูดที่ว่าทำงานใกล้ชิดกับคนใหญ่คนโต ย่อมอันตรายเหมือนกับอยู่เสือ ติดตามอยู่ข้างกายผู้นำ ได้รับค่าตอบแทนดี ขณะเดียวกันก็ต้องทนรับกับเรื่องพวกนี้ให้ได้…
“เลขาถาน ที่คุณพูดแบบนี้กับผม หมายความว่าคุณนับว่าผมเป็นคนกันเองแล้ว งั้นผมลู่ลี่จวินก็ต้องพูดกับคุณตามตรง”
ลู่ลี่จวินพูดพลางขยับเข้าไปใกล้เลขาถาน “ผมมีตัวเลือกที่อยากจะแนะนำครับ”
“หืม ใครล่ะครับ”
ลู่ลี่จวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “แต่ว่า…ผมไม่มั่นใจนะครับ คุณก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก นี่เป็นเรื่องของผู้นำเจ้า”
“โธ่ อธิบดีลู่ก็คิดเยอะไป ตอนนี้โรงพยาบาลขนาดใหญ่แต่ละที่ก็จนปัญญากันหมดแล้ว ผู้นำเจ้าร้อนใจแทบบ้า ทางผู้นำกรมอนามัยก็ช่วยไม่ได้ ถ้าทางคุณมีตัวเลือกที่อยากแนะนำ ผู้นำจะต้องดีใจแน่ครับ
เรื่องแบบนี้มีความหวังดีกว่าไม่มี ต่อให้สุดท้ายจะรักษาไม่ได้ คุณก็มีเจตนาดีไม่ใช่เหรอครับ”
ลู่ลี่จวินได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “ที่พูดก็ไม่ผิดครับ แต่ว่า…ผมก็กลัวว่าจะมีปัญหา ทางผมก็มีตำแหน่ง…”
ลู่ลี่จวินพูดพลางชี้ที่ศีรษะตนเอง นี่เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐกังวลที่สุด
“ยกเรื่องนี้ให้ผมเถอะอธิบดีลู่ ขอแค่คุณมีตัวเลือกที่ดีที่อยากแนะนำจริงๆ ผมเป่าหูให้คุณไว้ก่อนได้ คุณจะได้ไม่ต้องกังวล”
ได้ยินประโยคนี้ ลู่ลี่จวินก็นึกถึงความทุกข์ทรมานของเลขาถานช่วงนี้ได้
เมื่อสภาพจิตใจของผู้นำไม่ดี การทำงานก็ย่อมได้รับผลกระทบ เลขาเอย ผู้ช่วยเอย จะต้องมีภาระงานเพิ่มเพราะเรื่องนี้แน่
อีกทั้งในระหว่างวันก็อารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ คนข้างกายพวกนี้ก็ทำได้แค่รับสภาพ ทำงานอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะทำผิดพลาด
เห็นลู่ลี่จวินยังไม่เอ่ยปาก ครั้งนี้ถึงคราวที่เลขาถานรุกถามเอง เขาขยับเข้าใกล้พูดว่า “อธิบดีลู่ คนที่คุณอยากแนะนำเป็นใครครับ”
ลู่ลี่จวินเดาะลิ้น ทำท่าลำบากใจ
ตอนนี้เลขาถานไม่ได้มีท่าทางสุขุมเหมือนตอนเข้ามาในร้านแล้ว พูดด้วยสีหน้าร้อนรน “รีบบอกมาสิครับ”
“เถ้าแก่ของสวนสวินเฟิงครับ”
ได้ยินดังนั้น เลขาถานก็อึ้งไป
“เถ้าแก่ร้านนี้? เขาเป็นหมอเหรอครับ”
“เปล่า เขาน่าจะแค่พอเข้าใจศาสตร์การแพทย์แผนจีนน่ะครับ”
“เรื่องนี้…ค่อนข้างเสี่ยงจริงๆ” เลขาถานกลับไปนั่งพิจารณา
ลู่ลี่จวินพูด “ตามหลักแล้ว เรื่องแบบนี้เราน่าจะหาหมอดีๆ จากที่ต่างๆ ของประเทศได้ หมอชื่อดัง หมอเก่งๆ แต่ว่า…หมอเฉพาะทางมากมายขนาดนี้ก็เคยรักษาแล้ว แต่ยังไม่ได้ผลเลย”
“แต่การแพทย์พื้นบ้านพวกนี้…ผู้นำจะคิดว่าไร้สาระเกินไปไหมเนี่ย” เลขาถานพูดอย่างกังวล
ไม่แปลกที่เขาจะกังวล เรื่องแบบนี้ไม่น่าลองเท่าไรอยู่แล้ว หากสำเร็จจะต้องก้าวหน้าอย่างราบรื่น แต่ถ้าไม่สำเร็จ…
ต่อให้ผู้นำเจ้าจะไม่ตำหนิ แต่หาคนที่ไม่เข้าใจศาสตร์การแพทย์ไป น่าจะโดนสาดน้ำไล่ออกมาตั้งแต่ยังไม่เข้าไปแน่
“เลขาถาน ผมพูดตามตรงเลยนะครับ ก่อนหน้านี้ช่วงหนึ่งสุขภาพผมย่ำแย่มาก ไม่มีกะจิตกะใจอยากน้ำอยากอาหาร หัวใจก็อาการกำเริบบ่อย ก็เป็นเถ้าแก่สวนสวินเฟิงนี่แหละครับที่รักษาผมให้หายดี”
“หืม เล่าต่อเลยครับ”
เลขาถานพูดเหมือนจะสนใจ
“ผมกินน้ำแกงห้าสายนี่ก็อยากอาหารขึ้นมาทันทีเลย อีกทั้งไม่รู้ว่าในอาหารมีสรรพคุณทางยาอะไร ช่วงนี้โรคหัวใจของผมก็ดีขึ้นมาก ไม่กำเริบแล้ว”
“การบำบัดด้วยอาหารเหรอครับ”
ลู่ลี่จวินพยักหน้า “ใช่ๆๆ เลขาถานพูดถูก เป็นการบำบัดด้วยอาหารครับ”
เลขาถานพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้ามีวิธีเรียกแบบนี้ ใช้การบำบัดด้วยอาหารมารักษาอาการเบื่ออาหาร…ก็ถือว่าถูกกับโรค เพียงแต่…”
เห็นท่าทางของเลขาถาน ลู่ลี่จวินกลับสงบนิ่ง
ถ้าพวกเขาคุยกันแบบนี้ตั้งแต่แรก ลู่ลี่จวินคงจะรับรองเป็นมั่นเหมาะ แต่หลังจากได้ทำความเข้าใจมาบ้างเล็กน้อย ตอนนี้คนที่ร้อนรนดูเหมือนจะเป็นเลขาถาน
เช่นนั้นเขาก็ย่อมแสดงท่าทีอีกอย่างออกมาอยู่แล้ว
คนในหน่วยงานราชการก็เป็นแบบนี้ หนึ่งประโยค หนึ่งท่าทาง ก็สามารถสื่อถึงสภาพจิตใจได้
ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดนี้ ก็ประเมินแนวโน้มและสถานการณ์ตอนนี้ออกมาได้ทันที จากนั้นก็เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
เรื่องภาษาระหว่างพวกเขาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
“เพียงแต่สถานะของเขา…เฮ้อ” ลู่ลี่จวินแสร้งทำท่าลำบากใจ ส่ายหน้า “งั้นก็ช่างเถอะครับ เสี่ยงเกินไป”
“ยะ อย่าสิครับ” เลขาถานรีบพูด “อธิบดีลู่ อย่าเพิ่งช่างมันสิครับ มีความหวังดีกว่าไม่มีโขนะ พรุ่งนี้ผมจะพูดกับผู้นำให้ ถ้าผู้นำยินยอมที่จะลอง คุณก็พาเขามาได้เลยครับ!”
ได้ยินประโยคนี้ ลู่ลี่จวินก็ยิ้มออกมา “ได้ครับ เลขาถาน มีคุณอยู่ ก็คงไม่มีปัญหา”
ตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว ทั้งสองก็คุยกันเรื่องอื่น
รวมทั้งเรื่องทิศทางการทำงาน เหตุการณ์ใหญ่ๆ ในตอนนี้ลู่ลี่จวินก็ได้รับข่าวสารมาไม่น้อย
จนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองถึงเดินเมาออกมาจากห้องส่วนตัว
ซ่งจื่อเซวียนรีบเดินเข้าไปหา “ทานเสร็จเรียบร้อยกันแล้วเหรอครับ”
ลู่ลี่จวินพยักหน้า “จื่อเซวียน เลขาถานชมว่าอาหารนายอร่อยตลอดเลย หลังจากนี้ต้องทำงานให้หนักขึ้นนะ”
เลขาถานเดินเข้าใกล้ซ่งจื่อเซวียน จับมือไว้ “เถ้าแก่เสี่ยวซ่ง ผมไว้ใจคุณนะครับ อาหารของคุณยอดเยี่ยมมากเลย”
ได้ยินน้ำเสียงเลขาถานค่อนข้างอ้อแอ้ ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้มพูด “มีเวลาเลขาถานก็มาบ่อยๆ นะครับ ทางผมจะช่วยแนะนำเหล้าดีๆ ให้เอง”
เลขาถานยิ้ม “รู้ความดีมาก เด็กหนุ่มคนนี้รู้ความดีมาก อนาคตไร้ขีดจำกัด”
พูดจบ เขาก็เดินโซเซออกจากสวนสวินเฟิงไป
ซ่งจื่อเซวียนไปส่งพวกเขา มองรถจากไป ถึงกลับเข้าไปในสวนสวินเฟิง
ประมาณสี่ทุ่มกว่า ลู่ลี่จวินก็โทรมา
“จื่อเซวียน นายเตรียมตัวนะ ฉันเดาว่าสองสามวันนี้เลขาถานจะวางแพลน”
“เข้าใจแล้วครับ แต่ว่าผมไม่ได้คิดจะรักษาทันทีนะครับ ยังต้องหาสาเหตุของโรคก่อน ถ้าผมรักษาไม่ไหว ก็ต้องบอกผู้นำเขาตรงๆ”
“อืม นายคิดดีแล้ว ตามนี้แหละ นายก็รอฉันโทรไปนะ”
“ครับ”
หยอกเย้ากับถังหย่าฉีที่ร้านครู่หนึ่ง ซ่งจื่อเซวียนถึงกลับบ้านไปกับฟางรุ่ย
หลังจากกลับบ้าน ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้รู้สึกง่วงสักนิด จึงอ่านหนังสือสูตรอาหารราชวงศ์ชิงจนถึงตีสอง ถึงเริ่มทำสมาธิโคจรพลังถู่น่า
และช่วงนี้ ซ่งจื่อเซวียนอ่านหนังสือสูตรอาหารก็ไม่ได้ตระหนักเท่าไรนัก
ถึงอย่างไรที่เข้าใจเรื่องการควบคุมไฟและโต้วหลงเหมินคราวก่อนยังผ่านไปไม่นานเท่าไร ดังนั้นช่วงนี้เขาจึงย่อยเนื้อหาก่อนหน้านี้ให้มากยิ่งขึ้น
ในระหว่างทำสมาธิ เขาก็ทบทวนเนื้อหาพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมา
…
เขตเฉิงตง บาร์เจ็ดราตรี
เสียงเพลงดังสนั่นมาพร้อมกับเสียงเบสทุ้มหนัก แสงไฟดิสโก้สีเขียวแดงกะพริบสาดส่องเหล่าหนุ่มสาวที่กำลังคึกคะนองอยู่
หนุ่มสาวบนฟลอร์นั้นเต้นและโห่ร้องตามเสียงเพลง ปลดปล่อยความกดดันเมื่อตอนกลางวันออกมา
ในห้องส่วนตัวชั้นสอง กลับไม่ได้ยินเสียงความคึกคะนองอะไรเลย
ที่นี่เก็บเสียงดีมาก
ในห้องส่วนตัวแขวนโทรทัศน์ไว้ที่ผนังสองด้าน ด้านหนึ่งของโซฟามีตู้เพลงอยู่
บนโต๊ะกาแฟมีจานผลไม้รวมสองจานและยังมีเบียร์นับสิบขวดวางไว้
ตู้เหวินจงมองเถียนซวี่หยางที่ศีรษะพันผ้าก๊อซเอาไว้ ก็อดแค่นหัวเราะออกมาไม่ได้
“เป็นไงล่ะ ไม่เจอแค่ช่วงบ่าย ก็หัวแตกแล้วเหรอ”
ตู้เหวินจงพูดพลางดื่มเบียร์ สาวสวยข้างๆ ก็รีบเติมเบียร์ให้เขาทันที
เถียนซวี่หยางจุดบุหรี่ สูบเข้าไปเฮือกหนึ่ง
“อย่าพูดถึงเลย เชี่ยแม่ง ไอ้เด็กนั่นอีกแล้ว เวร เหี้ยมจริงๆ คิดไม่ถึงจะกล้าฟาดฉัน!”
ตู้เหวินจงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หืม อีกแล้ว? คนที่นายบอกว่ารังแกนายครั้งก่อนหรือเปล่า”
“ใช่สิ แม่ง ไอ้หมอนั่นคิดจะจีบถังหย่าฉี ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเลย ไอ้สัต*เอ๊ย!”
“หึ เถียนซวี่หยาง นายสบถให้มันน้อยๆ หน่อย เรื่องนี้นายขายขี้หน้าถึงบ้านยายแล้ว ฉันให้นายไปกอบกู้หน้ากลับมาไม่ใช่หรือไง นายนี่มันจริงๆ เลย ขายขี้หน้าอีกรอบ!”
“ฉัน…คุณชายตู้ คนคนนี้มันเป็นคนมีอิทธิพลจริงๆ นะ!”
ตู้เหวินจงเหลิบมองเข้า “ผู้มีอิทธิพลเหรอ หึ ข้าก็เป็นผู้มีอิทธิพลเหมือนกัน ติดต่อคนคนนั้นได้ไหม”
เถียนซวี่หยางส่ายหน้า “ยาก แต่…อาจจะไปหาถังหย่าฉีได้อยู่ แต่ที่วันนี้ที่หวังเจี้ยนหวาโทรมาหาฉันก็เพราะเรื่องนี้แหละ”
ได้ยินดังนั้น ตู้เหวินจงค่อนข้างสับสนอย่างชัดเจน
“นี่มันเกี่ยวอะไรกับหวังเจี้ยนหวาวะ”
“ก็ฉันให้หวังเจี้ยนหวาเช็กสถานะของไอ้เด็กนั่น แต่จากสิ่งที่เขาบอกก็คืออย่าไปยุ่งกับถังหย่าฉีดีกว่า”
ตู้เหวินจงได้ยินก็กลอกตา “นักศึกษาผู้หญิงคนเดียว….หวังเจี้ยนหวานี่แม่งไม่ได้เรื่องแล้ว”
“คุณชายตู้ว่าเรื่องนี้…จะทำยังไงดี”
ตู้เหวินจงคิด “ยังต้องให้ฉันจัดการอีกเรอะ นายนี่มันไม่มีประโยชน์เลย พรุ่งนี้ฉันจะไปหาถังหย่าฉีที่มหา’ลัยเอง”
“คุณชายจะไปหาเธอเหรอ แต่หวังเจี้ยนหวาบอกว่า…”
“เอาน่า ฉันจะเหมือนกับเขาที่ไหนล่ะ ยังไงก็ได้ยินว่าถังหย่าฉีคนนี้เป็นรุ่นน้องปีหนึ่งที่สวยที่สุดมานานแล้ว ฉันยังไม่เคยเจอมาก่อนเลย” ตู้เหวินจงพูด
เถียนซวี่หยางได้ยินก็ยิ้ม “ใช่เลย พอเธอเข้ามหา’ลัยมา รายชื่อดาวมหา’ลัยเราก็รีเฟรชใหม่เลย!
เด็กคนนี้เรียกได้ว่ามีน้ำมีนวล หน้าฉ่ำเหมือนคั้นน้ำออกมาได้ คุณชายตู้ลองดูได้นะ”
ตู้เหวินจงยิ้ม มองเถียนซวี่หยาง
“นายไม่เคยได้มาก่อนจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย ฉันไม่เอาของต่อนายหรอกนะ”
“ฮ่าๆๆ รับรองเลยว่าไม่เคย เด็กคนนี้ต้องให้นายเท่านั้น ฉันเอาไม่อยู่หรอก” เถียนซวี่หยางหัวเราะออกมา
…
เช้าวันถัดมา ถังหย่าฉีไม่ได้ให้ไต้ทงมาส่งเธอที่มหาวิทยาลัย แต่มาที่สวนสวินเฟิงก่อน
เนื่องจากมาดูแลร้าน ซ่งจื่อเซวียนจึงมาแต่เช้า เจ็ดโมงกว่าก็มาแล้ว
พอถังหย่าฉีเข้าไปในร้านก็ลากเขาให้ไปส่งตนเข้าเรียน ไต้ทงก็มึนงง เขามั่นใจว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว
แต่หน้าที่ของเขาก็คือปกป้องคุณหนู ก้าวก่ายเรื่องชีวิตประจำวันไม่ได้…
ซ่งจื่อเซวียนตอบตกลงทันทีอยู่แล้ว ทั้งสองจูงมือกันเดินไปที่มหาวิทยาลัยหนานกวน
หน้ามหาวิทยาลัยหนานกวนมีแม่น้ำสายหนึ่ง เดินผ่านสะพานไปก็จะเป็นประตูมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่
ทั้งสองเพิ่งจะเดินถึงสะพาน ก็ได้ยินบีบเสียงแตรรถติดต่อกันสองสามครั้ง ทั้งสองหันหน้าไป ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถยี่ห้อแลนด์โรเวอร์
ชายหนุ่มคนนั้นมองซ่งจื่อเซวียนครู่หนึ่งก็อดอึ้งไม่ได้
ไอ้หมอนี่หน้าตาคุ้นๆ เหมือน…เคยเจอที่ไหน ตู้เหวินจงครุ่นคิดแต่ก็นึกไม่ออก
เขาเดินไปใกล้ถังหย่าฉี ยื่นมือไปก่อน
“สวัสดีรุ่นน้อง ฉันชื่อตู้เหวินจงนะ เธอคือถังหย่าฉีใช่ไหม”
…………………………………………………