เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 337 ตบจนร้องไห้
ตอนที่ 337 ตบจนร้องไห้
……….
ทันใดนั้น เฉินล่างก็เริ่มขาสั่นขึ้นมา
เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น คนเดียวที่พอจะเข้าใจก็อาจจะเป็นข่งอวี้เซินที่กำลังเจ็บปวดทุรนทุรายอยู่
เมื่อครู่เขาเห็นฟางรุ่ยแค่แวบเดียวก็จำได้ทันที
ครั้งก่อนที่โดนฟางรุ่ยจัดการที่ร้านอาหารร่ำรวย ใครจะไปลืมลง
แต่ดูเหมือนว่าฟางรุ่ยจะไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไร ทันทีที่ลงมือ เขาก็ร่วงลงไปกองกับพื้นแล้ว
ตอนนี้ทั้งเฉินล่างและหลิวหยวนเฮิงต่างมองหน้ากัน สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
อย่างไรพวกเขาก็เป็นคนในถิ่นอื่น ตอนนี้เหมือนจะตกอยู่ในกำมือของคนอื่นแล้ว…
เฉินล่างหันขวับไปทางฟางรุ่ย “สหาย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย จำเป็นต้องเข้ามาแส่ด้วยเหรอ”
หลิวหยวนเฮิงโมโหมาก คิดในใจว่าไอ้หน้าโง่ เห็นๆ อยู่ว่ามันเป็นพวกเดียวกัน ยังจะเข้าไปสอดอีก
ไม่แปลกใจที่ยอดฝีมือหลายๆ คนของกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดจะถูกอีกฝ่ายควบคุมไปแล้ว
เขาดึงแขนเสื้อของเฉินล่าง “หัวหน้า กลิ่นชักจะตุๆ แล้ว รีบหาทางถอยก่อนดีกว่า”
หลิวหยวนเฮิงลดเสียงลง ในความคิดเห็นของเขา ถ้าปล่อยให้หัวหน้าแก๊งหนีไปก่อน อาจจะมีหนทางคลี่คลายสถานการณ์ได้บ้าง
ถ้าเฉินล่างถูกอีกฝ่ายจับตัวไป เกรงว่าคราวนี้กลุ่มเสื้อผ้าสะอาดได้จบเห่จริงๆ
ทว่าเห็นได้ชัดว่าเฉินล่างไม่มีทีท่าจะทำตามที่เขาพูด ยังคงเงยหน้ามองฟางรุ่ยเหมือนเดิม
หลิวหยวนเฮิงอดสั่นศีรษะพลางปลงตกอยู่ในใจไม่ได้ เฉินล่างเอ๊ยเฉินล่าง อุตส่าห์เป็นหัวหน้าแก๊งที่เหออัน โง่ซะเปล่า
แกคิดจริงๆ เหรอว่าไปที่ไหนก็จะเป็นคนพิเศษ?
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยปาก “เฉินล่าง ดูท่านายจะ…ถอยไม่ได้แล้วล่ะ”
เฉินล่างไม่สนใจ เขายิ้มบางๆ และมองไปยังฟางรุ่ย
“สหาย เรามันก็คนในวงการด้วยกันทั้งนั้น ฉันรู้กฎดี ฉันให้สองเท่าเลย”
“หนึ่งแสน!”
เฉินล่างกัดฟันกล่าว
ฟางรุ่ยส่ายหน้ายิ้มๆ
เฉินล่างเบิกตากว้าง ตู้เหมินนี่แม่งทำไมถึงใช้เงินซื้อไม่ได้ ต่างกับเหออันลิบลับ
ที่เหออัน อย่าว่าแต่เงินหนึ่งแสนเลย แค่สองหมื่นหยวนก็ทำให้ลูกน้องขายเจ้านายได้แล้ว
แน่นอนว่านั่นเป็นวงสังคมที่เขาคลุกคลีด้วย ในบรรดาคนที่คบกับเฉินล่างได้ จะมีคนดีคุณธรรมสูงส่งสักกี่คนเชียว
เฉินล่างสูดหายใจลึกๆ เชิดคางขึ้นเล็กน้อย “สหาย สองแสน!”
เห็นเฉินล่างทำท่าทางเสนอราคาแบบเอาจริงเอาจัง ซ่งจื่อเซวียนก็พยายามกลั้นขำสุดฤทธิ์ไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา
“เป็นไง? สองแสนอยู่ได้สบายๆ หลายปี เอาไปทำธุรกิจก็ได้ หรือว่า…นายจะมาทำงานกับฉันก็ได้ ฉันรับรองว่าไม่มีทางให้น้อยกว่าซ่งจื่อเซวียน”
ฟางรุ่ยยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องยุ่งเกี่ยวกับเศษสวะ…ฉันไม่สนหรอก”
“นาย…เหอะ ไม่ชอบเงินงั้นเหรอ”
“ฮ่าๆๆ ใครบ้างไม่ชอบเงิน” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ย “เฉินล่าง นายให้ราคาต่ำไป ลองเสนอสักสิบล้านดูสิ เดี๋ยวเขาก็แจ้นไปหานายเอง”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็มองฟางรุ่ย ซึ่งเขาก็ยิ้มออกมา
แน่นอนว่าอย่าพูดถึงสิบล้านเลย ให้ร้อยล้านฟางรุ่ยก็ไม่แม้แต่จะกระดิกคิ้ว
เพราะนี่เป็นนิสัยของเขา
สำหรับฟางรุ่ย แค่มีเงินพอใช้ก็ดีแล้ว สิ่งสำคัญคือเลือกถูกคนมากกว่า
ต่อให้เสนอเขาหลายร้อยล้าน เขาก็คงไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไรดี สู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดีกว่า
อีกทั้งใช้ชีวิตอยู่กองกำลังพิเศษและอยู่ใต้ดินมาหลายปี ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตอย่างที่เป็นตอนนี้ช่างยากลำบากเหลือเกินกว่าจะได้มา
ให้เขายอมทิ้งไป เขาไม่ยอมหรอก
“สิบล้าน? ฮ่าๆๆ ล้อฉันเล่นหรือไง” เฉินล่างชี้นิ้วไปยังซ่งจื่อเซวียนกับฟางรุ่ย “พวกแกสองคนใครมีค่าสิบล้านกัน”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้ายิ้มๆ “งั้นก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีกแล้วล่ะ มาเถอะรุ่ยจื่อ คงต้องเชิญแขกสองท่านนี้กลับไปที่หอหงเยวี่ยแล้วล่ะ”
ฟางรุ่ยยิ้มแล้วสาวเท้าไปข้างหน้า “ทั้งสองท่าน พวกแกจะเดินไปเอง หรือจะให้ฉันพาพวกแกเข้าไป”
แน่นอนว่าพาไปในที่นี้ไม่ใช่การนำทางไปแบบมีอารยะ แต่เป็นการบังคับพวกเขาเข้าไป
เฉินล่างและหลิวหยวนเฮิงมองหน้ากัน แล้วพ่นลมหายใจออกมา “แค่พวกแกเนี่ยนะ”
พูดจบ เฉินล่างก็ผิวปากอีกครั้ง
ฝั่งหลิวหยวนเฮิงได้แต่ส่ายหัวอย่างหมดหวัง โคตรจะขายขี้หน้า นี่แกมองสถานการณ์ตอนนี้ไม่ออกจริงๆ เหรอ
ทว่าครั้งนี้ มีเสียงผิวปากตอบกลับมาจริงๆ
เห็นเพียงอวี่เหวินเซี่ยวเดินออกมาจากเงามืดพร้อมกับถือเชือกป่านในมือ
ปลายเชือกอีกด้านหนึ่งคือคนห้าคนที่ถูกจูงออกมา
ทั้งห้าคนถูกมัดข้อมือไพล่หลัง เท้าก็ถูกมัดไว้ด้วย
ตอนนี้หลายคนถึงกับต้องกระโดดเหยงๆ
เฉินล่างโกรธเป็นไฟ เขาเบิกตาโพลง ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง…
นี่มันพวกยอดฝีมือตัวเป้งๆ ของเขาทั้งนั้นเลยนี่? กลุ่มเสื้อผ้าสะอาดของเขาเดินวางก้ามไปทั่วเหออันได้ก็เพราะยอดฝีมือพวกนี้เชียวนะ
แต่ดูตอนนี้…สภาพเหมือนลูกเจี๊ยบที่ถูกคนต้อนออกมา
“เฉินล่าง คนของนายอยู่ที่นี่แล้ว มีอะไรจะสั่งเสียไหม”
เฉินล่างหันไปกลับมองซ่งจื่อเซวียนอีกครั้ง “ซ่งจื่อเซวียนแกเป็นใครกันแน่”
“ฉันเหรอ ฉันเป็นเชฟไง”
“เชฟ? ฮ่าๆ ปากดีนักนะแก เรื่องวันนี้ แก๊งขอทานจะคิดบัญชีกับแกแน่!”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “ฉันว่านายไม่มีสิทธิ์มาคิดบัญชีในฐานะแก๊งขอทานแล้วล่ะมั้ง”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็เดินไพล่มือ เข้าไปหาเฉินล่าง
“อย่างมากก็แค่ลมปากของกลุ่มเสื้อผ้าสะอาด แถมนายยังต้องพึ่งชามเมฆครามใบเดียวอีก อันที่จริงนายยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าแก๊งอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ”
เฉินล่างตะลึงกับประโยคนี้ เจ้านี่รู้ความลับของเขาขนาดนี้ได้อย่างไร
“ประการที่สอง กู่เสี่ยวเป่าผ่านพิธีสืบทอดเป็นหัวหน้าแก๊งอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสื้อผ้าสกปรกหรือกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดก็ต้องฟังคำสั่งของเขา
ส่วนนายน่ะเฉินล่าง นายใช้ชามเมฆครามมาหลอกคนในแก๊ง ต่อต้านคำสั่งของหัวหน้าแก๊งอย่างเปิดเผย ตอนนี้ยังมีหน้ามาคิดบัญชีกับฉันอีกเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดจบ เฉินล่างก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง
จำเป็นต้องบอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นจุดอ่อนของเขา และถ้อยคำเหล่านี้อันตรายถึงชีวิต
“แก…พล่ามอะไรไร้สาระ!”
หลิวหยวนเฮิงถอนหายใจ ดูเหมือนว่า…คราวนี้เฉินล่างจะผูกตัวเองจนกลายเป็นหนอนไหมไปแล้ว
อันที่จริงเรื่องที่เฉินล่างไม่ได้แต่งตั้งเป็นหัวหน้าแก๊งอย่างเป็นทางการนั้น มีน้อยคนที่จะรู้
มีแค่ตัวเฉินล่างเอง คนสนิทอย่างข่งอวี้เซิน หลิวหยวนเฮิงและเหลียงฮั่นเท่านั้นที่รู้ เพราะถ้าบรรดาพี่น้องทั้งหลายรู้เข้า คงมีหลายคนลุกขึ้นมาต่อต้าน
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะ หันไปมองพวกโจวเหยียน
สีหน้าของยอดฝีมือหลายคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าพวกเขาจะถูกผ้ายัดปากเอาไว้ แต่ก็เห็นได้ว่า ตอนนี้พวกเขารอที่จะยิงคำถามใส่เฉินล่างไม่ไหวแล้ว
“โอเครุ่ยจื่อ เชิญคุณเฉินเข้าไปเถอะ!”
“รับทราบครับนายท่านรอง!”
พูดจบฟางรุ่ยก็คว้าคอเสื้อด้านหลังของเฉินล่างแล้วเดินไปทางหอหงเยวี่ย
คนอื่นๆ รวมถึงหลิวหยวนเฮิงก็ถูกอวี่เหวินเซี่ยวนำตัวเข้าไปในตรอกที่มืดมิด
ตอนนี้ หลิวหยวนเฮิงพอจะเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เขามองอวี่เหวินเซี่ยว
“อวี่เหวินเซี่ยว กู่เสี่ยวเป่า…ก็อยู่ที่นี่เหมือนกันใช่ไหม”
อวี่เหวินเซี่ยวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อืม ใช่แล้ว”
ได้ยินเช่นนี้ หลิวหยวนเฮิงก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะเนี่ย หลิวหยวนเฮิงคนนี้หลงเดินตามคนโง่ แถมถูกพวกเด็กน้อยถอนหงอกทั้งคืนเลย”
อวี่เหวินเซี่ยวเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ไม่ใช่แค่คืนเดียว ตั้งแต่ที่นายก้าวเท้าเข้ามาในตู้เหมิน หัวหน้าแก๊งก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
หลิวหยวนเฮิงไม่สนใจ ยังคงหัวเราะต่อไป ทว่าเสียงหัวเราะของเขาแปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำตาเมื่อไร…ก็ไม่อาจทราบได้
ในห้องส่วนตัว
เฉินล่างยืนอยู่ตรงหน้ากู่เสี่ยวเป่า สีหน้าเย็นชา แต่ยังคงความเย่อหยิ่งไว้ดั่งวันวาน
ฟางรุ่ยยืนอยู่ข้างหลังเขา แค่มีเขาอยู่ ถึงเฉินล่างคิดจะทำร้ายกู่เสี่ยวเป่าก็ไม่มีหวัง
ส่วนซ่งจื่อเซวียนนั่งสูบบุหรี่กับซางเทียนซั่วอีกด้านหนึ่ง เอาแต่เฝ้าดูโดยไม่พูดอะไร เพราะละครต่อจากนี้ มีกู่เสี่ยวเป่าเป็นตัวเอก
“กู่เสี่ยวเป่า แกนี่มันใจกล้าไม่เบา อยู่ที่หอหงเยวี่ยนี่ตลอดเลยเหรอ”
เฉินล่างเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน
กู่เสี่ยวเป่าไม่ได้สนใจ เขาหยิบเบอร์เกอร์ในมือเข้าปากกัดคำโตๆ
กินไปด้วย ยกมือพัดที่ปากไปด้วย
“อ้า…เผ็ดๆๆ แต่ก็อร่อยแฮะ พี่รองเอาสักชิ้นไหม”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มพลางโบกมือให้เขา
“ไอ้เด็กเวร ฉันพูดกับแกอยู่นะเว้ย!”
คราวนี้กู่เสี่ยวเป่าปรายตามองเฉินล่าง “หลานชายคนโต ตบมันสักทีซิ!”
ฟังจบซางเทียนซั่วก็ลุกขึ้นเดินไปทางเฉินล่าง ยกมือฟาดเข้าที่หน้าเต็มแรงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เพียะ!
ซางเทียนซั่วแรงไม่ใช่น้อยๆ เฉินล่างถูกตบถึงกับยืนไม่อยู่ ล้มลงไปกองกับพื้น รอยมือแดงเถือกใหญ่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“เชี่ย กล้าตบข้าเหรอวะ ไอ้เวรคิดจะแข็งข้อหรือไง!”
“หลานชาย ต่อเลย!”
ซางเทียนซั่วสะบัดข้อมือ “เลิกเปลืองแรงเหอะน่า แกหยุดแหกปากเมื่อไร ฉันก็หยุดเมื่อนั้น!”
เฉินล่างไม่มีฝีมือติดตัว ถูกซางเทียนซั่วตรึงไว้กับพื้น ไม่สามารถลุกได้เลย
ต่อมา ก็ได้ยินเสียง ‘เพียะ!’ ‘เพียะ!’ ดังขึ้นไม่หยุด ระคนกับเสียงตะโกนของเฉินล่าง ไม่รู้ว่านานเท่าไร
แต่ดูเหมือนกู่เสี่ยวเป่าไม่มีทีท่าว่าจะสั่งให้หยุด เขายังกินเบอร์เกอร์ ดื่มโค้กต่อไป
หลังจากตบไปเรื่อยๆ กว่าสามนาที ในที่สุดซางเทียนซั่วก็หยุด
เขาอ้าปากค้างมองกู่เสี่ยวเป่า “ขอทานน้อย ทำไมไม่สั่งให้หยุดล่ะ”
“หา? อ๋อ ลืมไปน่ะ…”
“แม่ง ลืมได้นะแก ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” ซางเทียนซั่วจึงลุกเดินไปอีกทางแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา
ตอนนี้แก้มสองข้างเฉินล่างบวมเป่ง รอยเลือดเปรอะเปื้อน แยกไม่ออกว่าตรงไหนไม่ใช่รอยมือ เพราะมันทับซ้อนกันจนเป็นรูปตาข่ายไปแล้ว
“จะสงบปากได้หรือยัง”
เฉินล่างผงะไป เขากุมใบหน้าตัวเองขณะมองกู่เสี่ยวเป่า หางตามีร่องรอยของคราบน้ำตา
ตบจนร้องไห้…
“หา?”
“ถ้าไม่เงียบจะตบอีก!”
กู่เสี่ยวเป่าพูด วางเบอร์เกอร์ในมือลงแล้วจ้องเฉินล่างด้วยความโกรธแค้น
เฉินล่างเงียบแล้ว พูดให้ชัดๆ คือเขาไม่กล้าพูดอีกต่อไป
นับแต่ตั้งที่เขาขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง เขาก็ไม่เคยเห็นกู่เสี่ยวเป่าสักครั้ง วันนี้ได้เห็น ถึงได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของหัวหน้าแก๊ง
แม้จะยังเด็กมากก็ตาม…
“เฉินล่าง หนึ่งปีที่ผ่านมานี้นายทำอะไรให้กับแก๊งขอทานบ้าง”
“แก๊งขอทานที่อยู่ภายใต้การปกครองของฉัน ทุกคนพอใจกันมาก!” เฉินล่างตอบ
“ถุย พอใจกับส้นตีนยายแกสิ แก๊งขอทานไม่ขอทาน แต่ไปเปิดบริษัทกันแล้วเหรอ แล้วเงินที่ได้มาล่ะ”
“ฉัน…”
“แกทำไม” กู่เสี่ยวเป่าลุกขึ้นตะคอก “บริษัทของแกทำอะไร ก็แค่ไปปล้นนี่ ไม่ก็ส่งยอดฝีมือไปปล้นเขามา!”
“ให้ตายสิวะ เงินที่ไปแย่งเขามาแกก็ไม่เห็นจะแจกจ่ายให้พี่ๆ น้องๆ ช่วงนี้แกใช้เงินอย่างกับเอาไปเผาไฟ บอกมาซิว่าเสียไปเท่าไรแล้ว”
เฉินล่างพูดไม่ออกเพราะมันเป็นความจริง เขาใช้เงินเป็นเบี้ย เงินของแก๊งขอทานถูกเขาผลาญไปอย่างน้อยก็เกินครึ่ง
“กู่เสี่ยวเป่า แกต้องการอะไร หรือแกอยากจะฆ่าฉัน” เฉินล่างเริ่มทำตัวหน้าด้าน แกไม่กล้าฆ่าฉันหรอก แล้วแกจะทำอะไรได้
“เหอะ ฆ่าแกเหรอ ฉันไม่สนใจหรอก ยังไงตั้งแต่นี้ไป แกก็ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งขอทานอีกแล้ว!”
…………………………………………..