เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 334 ใครหน้าใหญ่กว่าฉัน?
ตอนที่ 334 ใครหน้าใหญ่กว่าฉัน?
……….
หลี่ม่านหงไม่ได้พูดราคาที่แพงเกินไป เพราะพรมผืนนี้ซื้อมาในราคาสี่หมื่นจริงๆ
พรมโบฮีเมียนแท้ในยุคปัจจุบันเป็นพรมที่ทำด้วยมือ ราคาแพงมาก ที่มีราคาหลักพันหยวนส่วนใหญ่จะใช้วางตกแต่งในบ้าน
หากใช้ตามสถานที่หรูหรา ราคาเกินหมื่นหยวนถือเป็นเรื่องปกติ
และพรมประเภทนี้หากเสียหายเพียงเล็กน้อยก็ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งผืน เพราะเป็นงานฝีมือไม่สามารถซ่อมแก้อย่างไร้ร่องรอยได้
แต่เฉินล่างอึ้งไปแล้วจริงๆ สี่หมื่นหยวน…ไร้สาระมาก เหมือนเอาเปรียบกันชัดๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ม่านหงสวยมีเสน่ห์เย้ายวน คาดว่าเขาอาจจะด่ากราดไปแล้วก็เป็นได้
เห็นสีหน้าที่แสดงออกเกินจริงของเฉินล่าง ความรู้สึกดูถูกก็เกิดขึ้นจากใจจริงของหลี่ม่านหง
แต่เธอยังคงเค้นรอยยิ้มออกมา
“เหอะๆ เสี่ยเฉินคะ ฉันแค่ล้อเล่นเองค่ะ คุณไม่ต้องเครียดไปนะคะ” หลี่ม่านหงพูด
ได้ยินประโยคนี้ เฉินล่างจึงรู้สึกโล่งใจ
“ฮ่าๆๆ ผมเครียดงั้นเหรอ ผมเครียดอะไรกันครับ เงินแค่นี้ผมจะเครียดไปทำไม เถ้าแก่เนี้ย คุณออกไปนานไม่กลับมาเลยนะครับ”
หลี่ม่านหงพลันยิ้มให้ “ดูเสี่ยเฉินพูดสิคะ หอหงเยวี่ยของฉันมีลูกค้าตั้งเยอะแยะ ฉันต้องดูแลให้ทั่วถึง อยู่กับคุณตลอดไม่ได้หรอกนะคะ”
เฉินล่างได้ยินแล้วก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา “ฮ่าๆๆ คุณพูดจาน่าสนใจดีนะครับ ออกมาเที่ยวก็เพราะอยากมีหน้ามีตา คุณทำธุรกิจก็ต้องเป็นเพราะอยากได้เงินอยู่แล้ว”
หลี่ม่านหงพยักหน้ายิ้มเล็กน้อย “คุณพูดถูกค่ะ”
“อย่างนั้นก็ง่ายมาก ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยไฟเขียว พวกเราก็ใช้เงินคุยกัน ราคาห้องส่วนตัวนี้คือแปดพันหยวน ผมจ่ายให้หนึ่งหมื่นหยวน โอเคไหม”
เห็นท่าทางภาคภูมิใจของเฉินล่าง หลี่ม่านหงก็รู้สึกเอือมระอาจริงๆ…
หนึ่งหมื่นหยวน ต่อให้เด็กกู่เสี่ยวเป่านั่นออกหน้าก็คงไม่น่าขายหน้าขนาดนี้ใช่ไหม
“แหะๆ เสี่ยเฉินใจกว้างขนาดนี้ ฉันจะนั่งอยู่ในห้องของคุณอีกสักพักแล้วกันค่ะ จริงสิ นายท่านรอง คุณกำลัง…จะกลับแล้วเหรอคะ”
พอได้ยินประโยคนี้ของหลี่ม่านหง พวกเฉินล่างก็อึ้งไป ดูเหมือนหลี่ม่านหงกับซ่งจื่อเซวียนจะรู้จักกัน
“อ้อ เหอะๆ ผมกับเสี่ยคนนี้เจรจาไม่ลงตัว กลับไม่ได้งั้นเหรอ”
“เอ่อ…” หลี่ม่านหงแสร้งทำสีหน้าลำบากใจ
“เหอะๆ ดูท่าพวกคุณจะรู้จักกัน” เฉินล่างพูด
หลี่ม่านหงพยักหน้า “ใช่ค่ะเสี่ยเฉิน นายท่านรองก็เป็นลูกค้าประจำที่นี่ของพวกเรา หากคำนวณแล้ว…ใช้บริการที่ร้านของพวกเรามาสองสามล้านหยวนแล้วค่ะ”
ประโยคนี้ทำเอาเฉินล่างถึงกับอึ้ง
สองสามล้านหยวน? เขาเป็นหัวหน้าแก๊งขอทานก็จริง เงินสองสามล้านสำหรับเขาแล้วก็ไม่ใช่เงินก้อนโตอะไร
แต่จ่ายเงินในสถานที่แบบนี้สองสามล้าน การใช้เงินแบบนี้เขาไม่เคยทำมาก่อนแน่นอน
ความจริงการเงินสองสามปีที่ผ่านมาของกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เขาหัวหน้าแก๊งคนนี้กลับใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอยู่ข้างนอก
ทว่าถึงจะใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่ก็ใช้เงินของเหล่าพี่น้องเท่านั้น และน้อยมากที่จะใช้เงินเกินหนึ่งหมื่นหยวนต่อครั้ง
หากเขาอยู่เมืองตู้เหมิน จ่ายเงินแปดหมื่นหรือแสนหยวนเพราะอยากยกยอปอปั้นความงามของหลี่ม่านหงก็ถือว่าเต็มที่แล้ว
ทว่าคำพูดของหลี่ม่านหงมีน้ำหนักมากนัก ความจริงแล้วซ่งจื่อเซวียนไม่เคยจ่ายเงินที่หอหงเยวี่ยสักหยวนเดียว
แต่กู่เสี่ยวเป่าจ่ายเงินอยู่ไม่น้อย หวงฟาก็จ่ายเยอะเหมือนกัน รวมๆ กันก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
เงินเหล่านี้ใช้กับตัวของซ่งจื่อเซวียนถือว่าพูดแล้วพอมีเหตุผล ทว่าจุดประสงค์ที่ต้องพูดเช่นนี้…หลี่ม่านหงก็ไม่รู้จริงๆ
ทั้งหมดนี้เยวี่ยเอ๋อร์เป็นคนบอกเธอ
ซ่งจื่อเซวียนกลับเข้าใจความหมายของหลี่ม่านหง จึงพูดยิ้มๆ ว่า “เฉินล่าง นายคิดว่าฉัน…จำเป็นต้องได้เงินห้าหมื่นหยวนของนายงั้นเหรอ”
เฉินล่างเดี๋ยวหน้าซีดเดี๋ยวหน้าแดง
ในฐานะหัวหน้าแก๊งขอทาน ตำแหน่งในวงการของเขานั้นไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าชื่อเสียงหัวหน้าแก๊งของเขาจะได้รับการยอมรับจากแก๊งขอทานหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อครู่ต้องแสร้งทำตัวอวดรวยยามอยู่ต่อหน้าคนอื่น ผลปรากฏว่าตอนนี้กลับโดนตบหน้า
“เหอะๆ แล้วยังไง ฉันจะไม่ให้เงินนายสักหยวนเดียว ก็ทำให้นายบอกว่ากู่เสี่ยวเป่าอยู่ที่ไหนได้เหมือนเดิมแหละ”
หลี่ม่านหงฟังออกแล้ว พวกเขาไม่ได้พูดอ้อมเลยด้วยซ้ำ แต่พูดเข้าประเด็นโดยตรง
เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนจึงส่ายหน้ายิ้มๆ “นายจะทำอะไรได้”
เฉินล่างยักไหล่หัวเราะ จากนั้นหันตัวกลับไปนั่งบนโซฟา ทำท่าทางเหมือนเป็นลูกพี่
ในเมื่อเทียบเรื่องเงินกับนายไม่ได้ ก็มาดูว่าใครมือหนักกว่ากัน
“ฉันจะทำยังไงได้น่ะเหรอ เสี่ยวซ่งนะเสี่ยวซ่ง นายแค่ทำธุรกิจ ฉันขอแนะนำว่านายควรอยู่เฉยๆ จะดีกว่า”
เฉินล่างพูดยิ้มๆ
หลี่ม่านหงพูด “อะแฮ่ม เสี่ยเฉิน ดูคุณสิคะ ใครไม่อยากทำธุรกิจอย่างราบรื่นบ้างล่ะคะ ฉันเองก็เหมือนกันค่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนฟังออกว่าหลี่ม่านหงกำลังพูดกู้สถานการณ์อยู่ แต่เขากลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีผู้นำใหญ่นั่งอยู่ห้องข้างๆ พวกเขา
หากวันนี้เกิดเรื่องที่หอหงเยวี่ย เกรงว่าผู้นำหลี่จะไม่ยอมนั่งนิ่งดูดายเด็ดขาด
หลี่ม่านหงทำงานที่หอหงเยวี่ยมานานหลายปีโดยปฏิบัติตนเป็นคนรู้ความ
มีเรื่องตอนที่ผู้นำหลี่ยังอยู่ที่นี่ เช่นนั้นคือไม่รู้ความ
“ฮ่าๆๆ เถ้าแก่เนี้ย ผมจะว่าคุณได้ยังไงครับ ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ ผมเองก็พูดไม่ลงครับ” เฉินล่างพูดพร้อมกับยิ้มให้
ขณะพูด เขาก็ตบที่นั่งข้างๆ “มาครับ มานั่งเป็นเพื่อนเสี่ยเฉินหน่อย”
ปกติหลี่ม่านหงต้องดูแลห้องส่วนตัวทุกห้อง ต้องนั่งใกล้ลูกค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เฉินล่าง…
เธอไม่อยากจริงๆ ไอ้หมอนี่ดูบ้านนอกเกินไป
แต่สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีทางอื่นอีก ไม่อย่างนั้นถ้าไอ้หมอนี่โมโหขึ้นมา ก่อเรื่องวุ่นวายในหอหงเยวี่ยจะต้องเกิดเรื่องยุ่งยากแน่นอน
พอนึกถึงตรงนี้ เธอจึงเดินไปนั่งข้างๆ เฉินล่าง
“เสี่ยคะ ดื่มน้ำชาค่ะ” หลี่ม่านหงยกถ้วยน้ำชาขึ้นมายื่นให้เฉินล่าง
เฉินล่างรับถ้วยน้ำชาไว้แล้วลูบมือของหลี่ม่านหงทันที “โอ้ว มือลื่นจัง เถ้าแก่เนี้ย คุณดูแลผิวดีมากเลยนะครับ”
หลี่ม่านหงยิ้มพรายพร้อมกับเอ่ยว่า “แหมเสี่ยคะ ฉันอายุขนาดนี้ จะดีได้แค่ไหนเชียว ถ้าจะพูดถึงความอ่อนเยาว์ ก็ต้องเป็นพวกสาวๆ ค่ะ”
“ฮ่าๆๆ ก็ไม่แน่นะ เสี่ยเคยเจอผู้หญิงมาเยอะแยกมากมาย สาวน้อยน่ะไม่มีรสชาติ ส่วนคุณก็สวยเกินไปแล้ว”
เฉินล่างในตอนนี้เหมือนกับหมูตัวหนึ่ง ในตามีแต่หลี่ม่านหง ถึงขนาดลืมซ่งจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ ไปแล้วด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นหลี่ม่านหงไม่ได้ปฏิเสธ เฉินล่างจึงเอาใหญ่ เริ่มใช้มือคลำเอวของหลี่ม่านหง
แต่หลี่ม่านหงเป็นใคร นั่นคือเซียนของแท้
อยู่ในหอหงเยวี่ยมานานหลายปี นอกจากผู้นำหลี่ที่สนิทกับเธอมากที่สุดแล้ว ก็มีหวงฟาที่กอดเธอเป็นบางครั้ง
และเธอเป็นคนยินยอมด้วยตัวเอง
คิดว่าใครก็สามารถเข้าใกล้เธอได้งั้นเหรอ
พอเห็นเฉินล่างจะยื่นมือ หลี่ม่านหงจึงลุกขึ้น รีบเดินไปข้างกายซ่งจื่อเซวียนทันที
“นายท่านรอง คุณก็นั่งค่ะ มีเรื่องอะไรนั่งคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอคะ”
หลี่ม่านหงรู้ว่าวันนี้ซ่งจื่อเซวียนจะไม่เสียเปรียบแน่นอน มีกู่เสี่ยวเป่าอยู่ห้องข้างๆ ข้างนอกก็ยังมีอวี่เหวินเซี่ยวกับฟางรุ่ยอยู่
และยังมีซางเทียนซั่วอีกหนึ่งคนอยู่ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด วันนี้ใครจะดวงซวยยังไม่รู้เลย
แต่เธอตอนนี้กำลังถ่วงเวลาไว้อยู่
ถ่วงเวลา!
ขอแค่ผู้นำหลี่กลับไปแล้ว พวกเขาอยากจะทะเลาะก็ทะเลาะกันได้ตามสบาย ถึงแม้จะทุบข้าวของ หลี่ม่านหงก็ไม่สนใจเงินแค่นี้
แต่ตอนนี้…ยังไม่ได้!
ระหว่างที่พูด เธอก็หันไปขยิบตาให้ซ่งจื่อเซวียน
ถึงแม้ซ่งจื่อเซวียนจะไม่เข้าใจความหมาย แต่ก็ยังพยักหน้าและนั่งลง
เฉินล่างเห็นดังนั้นจึงพูดว่า “ไอ้หยา คนสวยยังเข้าใจสถานการณ์ขนาดนี้ บนโลกนี้ยังมีหญิงงามเช่นนี้ หนึ่งหมื่นหยวนในวันนี้ถือว่าใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าแล้ว”
หลี่ม่านหงแอบถอนหายใจไปที ไอ้คนบ้านนอกนี่ หนึ่งหมื่นหยวนงั้นเหรอ นายจ่ายมาแค่แปดพันหยวน บอกจะให้หนึ่งหมื่นหยวนนายก็ให้เงินมาสิ…
เฉินล่างพูดพลางลุกขึ้นเดินไปหาหลี่ม่านหง
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ยังไม่ได้จับเอวจึงไม่ยอมแพ้ แต่ตอนที่กำลังจะยื่นมือไปแตะ เสียงเคาะประตูสองครั้งก็ดังเข้ามา
ต่อจากนั้น พนักงานบริการผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“เจ๊หง ห้องไฉ่อวิ๋นเฟยเรียกคุณไปหาครับ”
หลี่ม่านหงพยักหน้า “โอเค ฉันรู้แล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินล่างก็ไม่พอใจทันที “หมายความว่ายังไง มาแย่งคนจากห้องของฉันงั้นเหรอ”
หลี่ม่านหงก็สุดทน นายเห็นหอหงเยวี่ยเป็นสถานที่อะไร คิดว่าเป็นไนท์คลับไว้แย่งสาวๆ เหรอ
แต่ถึงแม้จะไม่พอใจ เธอก็ต้องอดทน “เสี่ยเฉิน ฉันต้องดูแลลูกค้าให้ทั่วถึงค่ะ คุณค่อยๆ ทานไปก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันมาค่ะ”
เฉินล่างรู้ความหมายของคำว่าเดี๋ยวมาในทันที
เมื่อก่อนตอนเขาเที่ยวตามสถานบันเทิงยามราตรีก็เคยเจอแบบนี้ สาวๆ บอกว่าออกไปชนแก้วก่อนเดี๋ยวกลับมา ปรากฏว่าเดี๋ยวมานั้นคือครึ่งชั่วโมง
“เหอะๆ เถ้าแก่เนี้ย แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า”
หลี่ม่านหงพูดยิ้มๆ “เสี่ยคะ ที่นี่ของพวกเราก็เป็นแบบนี้ ยังไงฉันก็แค่ทักทายต้อนรับแขก การบริการเป็นของพนักงานบริการผู้ชายที่อยู่ข้างนอกค่ะ”
“ความหมายของคุณคือ…ผมจ่ายเงินเพิ่มก็ไม่มีประโยชน์งั้นเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะเสี่ย ฉันต้องขอบคุณด้วยซ้ำค่ะ คุณรอสักครู่นะคะ ฉันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวมาจริงๆ ค่ะ”
หลี่ม่านหงไม่มีวิธีอื่นแล้ว ลูกค้าที่มาหอหงเยวี่ยหลายคนล้วนเข้าใจเบื้องหลังของที่นี่ ถึงแม้พวกเขาเห็นหลี่ม่านหงแล้วจะน้ำลายยืดน้ำลายไหลแต่ก็ไม่กล้าทำอะไร
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการก่อเรื่องอาละวาด
ทว่าไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนบ้านนอกคอกนาจริงๆ…
เธอจึงได้แต่พูดปลอบใจ
พูดจบ หลี่ม่านหงก็หมุนตัวเดินออกไป
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มบางๆ “เฉินล่าง นายคงไม่ได้สนใจเถ้าแก่เนี้ยหรอกใช่ไหม”
เฉินล่างเหลือบตามองซ่งจื่อเซวียนอย่างดูถูก “เหอะๆ ผู้หญิงที่ฉันต้องการ มีครั้งไหนบ้างที่ไม่เคยได้”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้าและหัวเราะ “ฉันกล้าท้าพนันเลยว่านายไม่มีทางได้เธอหรอก”
“หืม ไอ้หนู นายหมายความว่ายังไง นายอยากท้าพนันงั้นเหรอ นายเชื่อไหมว่าวันนี้ฉันจะทุ่มเงินสองสามหมื่นให้เธอนอนกับฉันสักครั้ง”
ซ่งจื่อเซวียนแทบจะหัวเราะจนน้ำลายพุ่งออกมา
สองสามหมื่น? หอหงเยวี่ยของเธอทำเงินต่อหนึ่งวันได้เท่าไร เป็นคนบ้านนอกจริงๆ ด้วย
พอพูดถึงตรงนี้ เฉินล่างก็มองนาฬิกา เวลาผ่านไปห้านาทีแล้ว
“แม่ง ผู้หญิงพวกนี้หลอกลวงฉัน หยวนเฮิง เมื่อกี้พนักงานผู้ชายพูดว่าห้องส่วนตัวห้องไหนนะ”
หลิวหยวนเฮิงพูดว่า “เสี่ยครับ ห้องไฉ่อวิ๋นเฟย”
“หึ ฉันอยากจะดูนักว่าใครกล้าแย่งผู้หญิงกับฉัน!”
เฉินล่างพูดพลางลุกขึ้นคิดจะเดินออกไป
หลิวหยวนเฮิงรีบลุกขึ้นห้าม “เสี่ย ไม่ได้นะครับ ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของพวกเรา ถ้าเจอคนมีอิทธิพลจะทำยังไง ทุกพื้นที่มีกฎของพวกเขาอยู่เสมอนะ”
“กฎเหรอ สถานะของฉันพูดออกไปพวกมันก็กลัวแล้ว มาพูดเรื่องกฎกับฉันงั้นเหรอ อ่อนไปหน่อยนะ!”
ข่งอวี้เซินมองหลิวหยวนเฮิงหนึ่งที “ทำไมนายถึงต้องตกใจ มีฉันอยู่พวกมันจะกล้าทำอะไร เสี่ยครับ ผมจะไปกับคุณ!”
หลิวหยวนเฮิงอยากเข้าไปห้ามอีก ทว่าเฉินล่างเดินออกไปแล้ว เขาจึงได้แต่ถอนหายใจหนึ่งที แล้วเดินตามไปพร้อมกับข่งอวี้เซิน
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้าหัวเราะ หยิบเมล็ดแตงโมบนโต๊ะขึ้นมาแทะ
เดินออกจากห้องส่วนตัวแล้ว เฉินล่างก็มองไปรอบๆ คว้าพนักงานผู้ชายคนหนึ่งมาถาม “ห้องไฉ่อวิ๋นเฟยอยู่ตรงไหน”
พนักงานคนนั้นไม่สนใจ ได้แต่มองไปที่ห้องส่วนตัวข้างๆ จากนั้นจึงเดินไปข้างหน้าต่อแล้วเข้าไปในห้องศาลาโบตั๋น
เมื่อเห็นคำว่าไฉ่อวิ๋นเฟยเขียนไว้อยู่บนประตู เฉินล่างก็หัวเราะเย็นชา เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วผลักประตูทันที
วินาทีที่เดินเข้าไปในห้องส่วนตัว เฉินล่างก็ตะโกนออกมาว่า “จะสิบนาทีแล้วยังไม่กลับมาอีก ฉันอยากจะดูนักว่าใครมันหน้าใหญ่กว่าฉันอีก!”
ชั่วขณะนั้น บรรยากาศในห้องส่วนตัวก็เข้าสู่ความเงียบงันทันที
เหล่าผู้นำแต่ละคนที่สวมแจ็กเก็ตสีดำล้วนมองไปทางเฉินล่าง
หลี่ม่านหงก็งุนงง แอบด่าเฉินล่างว่าไอ้คนบ้านนอกอยู่ในใจเป็นร้อยรอบ เหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุดดันเกิดขึ้นจนได้
……………………………………….
……….