เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 331 คอยดู
ตอนที่ 331 คอยดู
……….
หากบอกว่าครั้งที่แล้วโดนซ่งจื่อเซวียนตัดสาย เฉินล่างก็ยังพอทนได้ เพราะคนที่โดนตัดสายคือหลิวหยวนเฮิง
ทว่าครั้งนี้…ทนไม่ไหวจริงๆ
เฉินล่างโทรไปหาซ่งจื่อเซวียนด้วยตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกล้าตัดสายเหมือนกัน
ปกติในแก๊ง เฉินล่างอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุด หากโทรหาลูกน้องคนไหน เช่นนั้นก็คือเกียรติของพวกเขา
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกล้าปฏิเสธและตัดสายเขา
“คนคนนี้…โอหังเกินไปแล้วหรือเปล่า!”
หลิวหยวนเฮิงที่อยู่ข้างพลางครุ่นคิด “หัวหน้า ซ่งจื่อเซวียนคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามียอดฝีมืออยู่ข้างกาย ตั้งหลักในเมืองตู้เหมินได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แค่จุดนี้ก็ไม่ควรมองข้ามแล้วครับ”
เฉินล่างทำเสียงฮึดฮัดเย็นชาหนึ่งที “หึ ไม่ควรมองข้ามยังไง ฉันอยากจะเห็นเหลือเกิน”
ขณะพูด เฉินล่างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาซ่งจื่อเซวียนอีกครั้ง
“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา…”
เย็Xแม่ง ตัดสายเหรอ
โทรอีก ตัดสายอีกแล้ว!
โทรไปอีก ปิดเครื่องไปเลย…
“ซ่งจื่อเซวียน ครั้งนี้ถ้าฉันไม่เอาแกถึงตาย แม่งคงไม่หายแค้น!”
ปัง!
เฉินล่างตบโต๊ะด้วยหนึ่งฝ่ามือ พลางพูดด้วยความฉุนเฉียว
ชั่วขณะนั้น หลิวหยวนเฮิง โจวเหยียน ข่งอวี้เซินและคนอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบไม่ได้พูดอะไรอีก
…
ภายในห้องทำงาน
เห็นซ่งจื่อเซวียนตัดสาย เธอจึงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ถามว่า “เป็นอะไร ใครเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า “ไม่มีอะไร พวกขยะน่ะ นัดฉันไปดื่มเหล้า ฉันไม่ไปหรอก”
ถังหย่าฉีมองซ่งจื่อเซวียนด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
“อีกสักพักจะถึงช่วงพีคของมื้อเย็นแล้ว ให้ฉันทิ้งเงินไปหาพวกเขาเรอะ บ้าหรือเปล่า!”
ถังหย่าฉีถอนหายใจหนึ่งที “จื่อเซวียน นายก็รู้ว่าฉันเป็นห่วงนาย ถ้ามีปัญหาอะไรนายต้องบอกฉันนะ”
ซ่งจื่อฟังแล้วก็พลันยิ้ม จับมือของถังหย่าฉีไว้ “วางใจได้ ไม่มีอะไรหรอก”
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนถือว่าเป็นแฟนกันแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่วินาทีที่จับมือกันแน่นตอนเต้นรำ ก็ดูเหมือนจะยืนยันได้แล้ว
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่ซ่งจื่อเซวียนจะบอกถังหย่าฉีทุกเรื่อง
อย่างไรเธอก็ไร้เดียงสาเกินไป และยังเป็นนักศึกษา สังคมนี้มีด้านที่สกปรกมากมายที่เธอยังไม่เคยเห็น
เนื่องจากทั้งสองคนคบกันเป็นแฟนแล้ว ซ่งจื่อเซวียนถึงปกป้องเธอ ไม่อยากให้เธอต้องแปดเปื้อนมลทินใดๆ
ตอนเย็นอาหารเสิร์ฟไวมาก เพิ่งถึงเวลาทานข้าว ห้องส่วนตัวสองสามห้องเต็มอย่างรวดเร็ว
บวกกับลูกค้าที่สั่งอาหารชั้นหนึ่ง เพิ่งจะหนึ่งทุ่ม ซ่งจื่อเซวียนก็ทำน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายไปสิบที่แล้ว
“อาจารย์ หกที่ที่เหลือผมเตรียมเรียบร้อยแล้ว” ซางเทียนซั่วกล่าว
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า พลางคำนวณในใจ “โอเค ทำออกมาตอนนี้เลย”
“หา? คนยังไม่สั่งเลยนะ”
ซางเทียนซั่วพูดอย่างไม่เข้าใจ
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะไปที “อีกสักพักก็สั่งแหละ ทำเสร็จไว้ก่อนแล้วพวกเราจะออกไปข้างนอกพักหนึ่ง”
ในไม่ช้า ซ่งจื่อเซวียนก็ทำน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายหกที่เสร็จเรียบร้อย ระหว่างที่กำลังทำอยู่ก็ถูกเอาไปเสิร์ฟแล้วสองที่
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็พาฟางรุ่ยกับซางเทียนซั่วออกไปข้างนอก
ถังหย่าฉีเดินตามไปสองสามก้าว “จื่อเซวียน ฉันรู้ว่านายมีหลายเรื่องที่ไม่สะดวกพูดกับฉัน แต่นายรับปากฉันแล้วนะว่าจะดูแลตัวเองดีๆ”
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะ ลูบศีรษะของถังหย่าฉี “วางใจได้เลยสาวน้อย ฉันไม่เป็นไร วันพรุ่งนี้เธอต้องไปเรียน ฉันจะเข้ามาทำงานให้ตรงเวลานะ”
“ได้เลย ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องนี้หรอก ฉันกลัวว่านายจะเป็นอะไรไป”
อันที่จริงความเป็นห่วงของถังหย่าฉีใช่ว่าจะไร้เหตุผล เธอไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร รู้เพียงว่าซ่งจื่อเซวียนมีความสัมพันธ์กับเจ้าพ่อของวงการต่างๆ ในเมืองตู้เหมิน
ความเป็นห่วงแต่ละครั้ง ทำให้เธอเข้าใจว่าซ่งจื่อเซวียนชอบทำเรื่องให้คนไม่สบายใจอยู่เสมอ…
พอออกจากร้านสวนสวินเฟิง ซ่งจื่อเซวียนก็สั่งให้ฟางรุ่ยขับรถไปที่หอหงเยวี่ย ขณะเดียวกันก็เปิดโทรศัพท์
ดังคาด เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มีสายโทรเข้ามา เป็นเฉินล่างอีกแล้ว
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะ ไอ้หมอนี่ดื้อรั้นจริงๆ
“คุณซ่ง ฉันคิดว่านายควรขอโทษที่ไร้มารยาทกับฉัน”
ซ่งจื่อเซวียนพลันยิ้ม “ขอโทษ? ขอโทษนายเหรอ กะอีแค่ขอทานคนหนึ่ง”
“นาย…ซ่งจื่อเซวียน เย็นนี้ที่หอหงเยวี่ย นายกล้าไหมล่ะ ฉันได้ยินว่านายใช้ชีวิตในเมืองตู้เหมินได้ไม่เลว หรือว่าแค่นี้ก็ปอดแหกแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าเฉินล่างเริ่มใช้วิธีพูดยั่วยุ
“เหอะๆ อีกสักพักฉันก็ถึงแล้ว นายอย่าให้ฉันรอนานก็แล้วกัน”
“หืม นายบอกว่า…ใกล้ถึงแล้ว หอหงเยวี่ยใช่ไหม”
ซ่งจื่อเซวียนไม่สนใจ แล้วกดวางสายอีกครั้ง
เฉินล่างรู้สึกเดือดดาล วันนี้ซ่งจื่อเซวียนตัดสายใส่เขาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ไอ้หมอนี่…
แต่เฉินล่างไม่มีทางเลือกอื่น เขามาตู้เหมินเพื่อตามหาชามเมฆคราม ตามหากู่เสี่ยวเป่า จากนั้นรวบอำนาจที่แท้จริงของแก๊งขอทาน
แต่หากไม่ควบคุมซ่งจื่อเซวียนในตอนนี้ ก็ยากที่จะตามหากู่เสี่ยวเป่าเจอ
“ตัดสายอีกแล้วเหรอครับ”
โจวเหยียนที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
ปกติหัวหน้าแก๊งของทานคนนี้ของพวกเขาเรียกได้ว่ามีความน่าเกรงขาม ไปที่ไหนก็เหมือนอยู่กับท่านผู้นำ แค่โบกมือคนอื่นก็พยักหน้ายิ้มให้แล้ว
แต่วันนี้…ถูกคนอื่นปฏิบัติอย่างไม่ใยดีหลายครั้งติดๆ กัน…
“ไป พวกเราไปหอหงเยวี่ยกัน!”
…
ภายในห้องส่วนตัว หอหงเยวี่ย
กู่เสี่ยวเป่ากินช็อกโกแลตพลางครุ่นคิดเรื่องนี้
“อืม…ถ้าเป็นแบบนี้ นี่คือเรื่องดีนะ สงสัยพี่จะเจอเฉินล่างหัวหน้าแก๊งขอทานแล้ว” กู่เสี่ยวเป่าพูดยิ้มๆ
ซ่งจื่อเซวียนเหลือบตามองเขาหนึ่งที “เสี่ยวเป่า หยุดกินก่อน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดล้อเล่น นายคิดจะทำยังไง”
“เหอะๆ พี่รอง พี่คิดว่าฉันกำลังล้อเล่นกับพี่เหรอ เฉินล่างมาที่นี่ได้แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หืม หมายความว่ายังไงเนี่ย”
“อย่างแรก เขานัดพี่มาเจอที่นี่ คงต้องได้ยินมาว่าหอหงเยวี่ยเป็นคลับเฮาส์ที่ดีที่สุดในเมืองตู้เหมินแน่นอน เลยต้องรักษาหน้าตาหน่อย
แต่เขาไม่รู้เบื้องหลังของหอหงเยวี่ย ว่าที่นี่ไม่ยอมให้พวกเขาก่อเรื่องวุ่นวาย พวกเราจึงปลอดภัยมาก”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ ฟังกู่เสี่ยวเป่าพูดต่อ
“ประเด็นที่สำคัญที่สุด พี่รอง ครั้งนี้เขามาหอหงเยวี่ย ฉันก็จะไล่เขาออกจากเมืองตู้เหมินได้แล้ว”
“หืม ฉันไม่ค่อยเข้าใจ”
กู่เสี่ยวเป่ายิ้มพูด “พี่รอง พี่คอยดูละครฉากสนุกก็แล้วกัน แต่เกรงว่าฉันต้องยืมคนของพี่อีกครั้ง”
“ยืมคนเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“ใช่ ฉันต้องการฟางรุ่ยกับหลานชายคนโต อยากใช้งานพวกเขาสองคน เพราะงั้นอีกสักพักพี่แค่เจอหน้ากับเฉินล่างก็พอ”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนยังไม่ทันเอ่ยปากอะไร ฟางรุ่ยกับซางเทียนซั่วก็พูดพร้อมกันว่า “ไม่ได้!”
“เสี่ยวเป่า นายท่านรองเจอพวกเขาเพียงลำพังอันตรายเกินไป คนพวกนั้นมีเล่ห์เหลี่ยมพอสมควร” ฟางรุ่ยเอ่ย
“เอาล่ะพวกนายสองคน หุบปากเถอะ” ซ่งจื่อเซวียนพลันพูดขึ้นมา “รอเสี่ยวเป่าพูดจบก่อน”
กู่เสี่ยวเป่าหัวเราะ “พี่รองสุดยอดจริงๆ คนที่อยู่ข้างกายต่างคิดเป็นห่วงแทนพี่ แต่พวกนายวางใจได้ ฉันจะไม่ยอมให้พี่รองเป็นอะไรหรอก
ฉันสั่งหลี่ม่านหงไว้แล้ว อีกสักพักตอนที่พี่รองไป เธอจะคอยอยู่ต้อนรับทักทายตลอด ผู้หญิงคนนี้สามารถรับประกันความปลอดภัยของพี่รองได้แน่นอน”
กู่เสี่ยวเป่าพูดถูก ในเมืองตู้เหมิน ในหอหงเยวี่ย หากมีคนที่หลี่ม่านหงปกป้องไม่ได้ เช่นนั้นเกรงว่าคงไม่มีใครปกป้องได้แล้ว
“พี่รองอย่าลืมล่ะ ถ้าอีกฝ่ายมาไม้แข็ง พี่อย่าเล่นไม้แข็งตาม ฟังพวกเขาก็พอ หลี่ม่านหงสามารถจัดการทุกอย่างได้ดี”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “โอเค ฉันเชื่อเสี่ยวเป่านะ”
ในใจของซ่งจื่อเซวียนรู้ดีว่ากู่เสี่ยวเป่าเด็กคนนี้เป็นคนฉลาดหลักแหลม และถึงแม้จะอายุน้อย แต่คิดเรื่องอะไรสุขุมรอบคอบเป็นอย่างมาก
“เฉินล่างคนนี้คิดจะจัดการพี่รองให้อยู่หมัดแน่นอน จากนั้นก็จะบังคับพี่ให้บอกว่าฉันอยู่ไหน ไอ้หมาโง่ตีให้ตายยังไงก็คงไม่รู้ว่าหัวหน้าแก๊งอยู่ห้องถัดไปจากเขา
เพราะงั้นสิ่งที่เขาต้องการคือแอบคนดักซุ่มโจมตีจับตัวพี่รอง แต่เพราะพี่รองมาถึงก่อน พวกเขาถึงดักซุ่มโจมตีในหอหงเยวี่ยไม่ได้ และพาคนไปมากเกินไปจะเป็นจุดสังเกต”
ซางเทียนซั่วพูด “ไอ้เด็กขอทาน นายหมายความว่าพวกเขาจะแอบซุ่มโจมตีที่หน้าประตูหอหงเยวี่ยใช่ไหม”
“ถูกต้อง ตอนนี้พวกเขายังมาไม่ถึง แต่คนของฉันยังอยู่ที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด ดูว่าพวกเขาแอบซุ่มอยู่ตรงไหนได้ตลอดเวลา!”
“หลี่ม่านหงปล่อยให้นายเข้าไปในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดงั้นเหรอ” ซางเทียนซั่วถามอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันก็แปลกใจมากเหมือนกัน แต่ยังไงพวกเขาก็ตกลงแล้ว”
กู่เสี่ยวเป่าพูดพลางกัดขนมพายในมือหนึ่งคำ
“เพราะงั้นตอนที่พี่รองกับพวกเขากำลังเจรจากัน อวี่เหวินเซี่ยว ฟางรุ่ย พวกนายสองคนจัดการคนที่อยู่ข้างนอกทีละคนนะ
ตอนเฉินล่างมาจะพายอดฝีมือมาหลายคน แต่ตอนกลับไปจะเหลือแค่เขากับหลิวหยวนเฮิงกุนซือของเขาเท่านั้น”
พอฟังถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกว่าสุดยอดมาก แผนนี้ของกู่เสี่ยวเป่าเหมือนรู้เขารู้เราจริงๆ
เขาเข้าใจเฉินล่างอย่างเปี่ยมล้น ถึงขั้นสามารถวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำและคิดหาวิธีรับมือได้
ต่อจากนั้นก็ต้องคอยดูแล้ว หากทุกอย่างสำเร็จ ความปรารถนาของกู่เสี่ยวเป่าถือว่าสัมฤทธิ์ผล
แต่ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดในขั้นตอนไหน เกรงว่า…
“ขอทานน้อย แล้วฉันต้องทำอะไร”
กู่เสี่ยวเป่าหัวเราะ “ตอนนี้เหรอ ไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด หลานชายคนโตนายเป็นคนสมองดีมีไหวพริบ ดูตำแหน่งของเขาให้ดีแล้วคิดว่าจะทำยังไง
จากนั้นก็มานั่งกินขนมเป็นเพื่อนฉันตรงนี้ พอถึงเวลานายค่อยรับบทเป็นพนักงานเสิร์ฟเข้ามาทำความเข้าใจสถานการณ์ในห้องส่วนตัวของพวกเขา ง่ายไหม”
ซางเทียนซั่วพยักหน้า “แม่งเอ๊ย โหดจริงๆ ขอทานน้อย วันนี้ถ้านายพูดแม่นจริง และยังรับประกันความปลอดภัยของอาจารย์ฉันได้ ฉันจะยอมให้นายเรียกว่าหลานชายคนโตได้ตามสบายเลย!”
“โอเคหลานชายคนโต!”
“แม่งเอ๊ย ตอนนี้ยังไม่อนุญาตสักหน่อย!”
“อ้อ หลานชายคนโต!”
…
จากนั้น พวกเขาก็แยกย้ายไปตามตำแหน่งของตัวเอง อวี่เหวินเซี่ยวกับฟางรุ่ยเดินไปข้างนอกคลับเฮาส์ทันที แอบจ้องดูสถานการณ์อยู่ไกลๆ
ส่วนซางเทียนซั่วกลับไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด
เขาไม่เพียงแต่มองเห็นสถานการณ์ที่หน้าประตูได้เท่านั้น ขณะเดียวกันยังสามารถเห็นเฉินล่างและคนอื่นๆ เดินเข้าห้องส่วนตัวได้เป็นคนแรก
พวกเขาจัดห้องส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเย็นนี้ห้องไฉ่อวิ๋นเฟยถูกจองไว้แล้ว กู่เสี่ยวเป่าจึงสั่งหลี่ม่านหงจัดห้องศาลาโบตั๋นให้พวกเขา
ส่วนเหตุผลที่หลี่ม่านหงให้ความร่วมมือขนาดนี้ กู่เสี่ยวเป่าก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดหาเหตุผล
จัดการเฉินล่างก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ผ่านไปประมาณสิบนาที โทรศัพท์ของซ่งจื่อเซวียนก็ดังขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นสายของเฉินล่าง เขาจึงรับกดสายทันที
“คุณซ่ง พวกเราถึงหน้าหอหงเยวี่ยแล้ว นายอยู่ที่ไหน”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “จู่ๆ ฉันก็หิวน่ะ กำลังกินบะหมี่เนื้อที่ถนนริมทาง พวกนายเข้าไปรอก่อนแป๊บหนึ่ง อีกสักพักถึง”
“โอเคคุณซ่ง หวังว่าพวกเราเจอหน้ากันครั้งแรก นายจะไม่เบี้ยวนัดนะ”
เฉินล่างพูดจบก็วางสายไป และเขาได้ตัดสายซ่งจื่อเซวียนเป็นครั้งแรก…
จากนั้น พวกเขาก็ลงจากรถ
เหมือนที่กู่เสี่ยวเป่าคาดการณ์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นอวี่เหวินเซี่ยว ฟางรุ่ยหรือว่าซางเทียนซั่ว ก็เห็นคนแปดคนเดินลงมาจากรถเก๋งเจ็ดที่นั่ง นั่งมาเต็มคันรถทีเดียว…
ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าก็คือเฉินล่าง เขาหันไปกำชับสองสามประโยค แล้วเดินไปเคาะประตูกับผู้ชายอีกสองคน
ส่วนที่เหลืออีกห้าคนกลับหายไปจากหน้าประตูหอหงเยวี่ยอย่างรวดเร็ว
……………………………………………..
……….