เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 324 อธิบายให้ชัดเจน
ตอนที่ 324 อธิบายให้ชัดเจน
……….
ซ่งจื่อเซวียนฟังความร้อนรนจากโทนเสียงของลู่ลี่จวินออกทันที ไม่ได้ถามอะไรให้มากความก็รับคำ
“ครับท่านอธิบดีลู่ เดี๋ยวผมไป”
วางสายเรียบร้อย ซ่งจื่อเซวียนก็มองฟางรุ่ย “รุ่ยจื่อ ไปหน่วยงานควบคุมตลาด”
“ครับนายท่านรอง”
ไม่นานนัก รถก็ขับมาถึงหน้าอาคารสำนักงาน
เนื่องจากมีไม้กั้น ฟางรุ่ยบีบแตรสองสามครั้ง ถึงจะเห็นรปภ.เดินขี้เกียจออกมาจากในป้อม
“มาหาใคร” รปภ.ถาม
ซ่งจื่อเซวียนลดกระจกลง พูดว่า “มาหาอธิบดีลู่ครับ”
รปภ.คนนั้นเห็นซ่งจื่อเซวียน รถเป็นรถหรู แต่คนด้านใน…
ต้องพูดเลยว่า ซ่งจื่อเซวียนเคยคิดว่าคราวหลังออกมาต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูภูมิฐานสักหน่อย แต่ทุกครั้งที่ออกมาก็ลืมตลอด
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ใส่ใจรูปลักษณ์ภายนอกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“มาหาอธิบดีลู่?”
รปภ.ถามย้ำอีกรอบ พิจารณาซ่งจื่อเซวียนอีกรอบทันที
หลายปีมานี้ คนที่มายื่นคำร้องมีมากขึ้นเรื่อยๆ พวกผู้นำแจ้งมาว่า ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้ามาที่ตึกสำนักงาน
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็ยังมีบางคนใช้วิธีการต่างๆ บุกเข้าไป
ขั้นต่ำคือหนึ่งร้องไห้ สองอาละวาด สามแขวนคอ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ดื่มยาฆ่าแมลง มากสุดคือหลอกว่ามาทำเรื่อง ก็จะโดนเปิดโปงแล้วก็ถูกไล่ออกไป
แต่เด็กคนนี้…เหมือนจะพอมีทุน เช่ารถเมอร์เซเดส-เบนซ์คันหนึ่งขับมาโดยเฉพาะ
ที่สำคัญที่สุดคือประโยคที่ว่ามาหาอธิบดีลู่!
มาหาผู้นำ แถมยังใส่ชุดขาดๆ แบบนั้นอีก…
ใช่ว่ารปภ.จะไม่เคยเจอนักธุรกิจที่มาหาผู้นำ คนพวกนั้นแต่ละคนไม่เพียงขับรถหรูๆ เท่านั้น แต่สวมเสื้อผ้าภูมิฐาน พอดูบุคลิกแวบแรกก็รู้ว่าไม่ธรรมดา
แต่นายท่านตรงหน้า อายุน้อย ยังไม่ถึงยี่สิบปี สวมเสื้อผ้าขาดๆ กระทั่งไม่ค่อยเข้ากับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์คันนี้เลยสักนิด
คิดถึงตรงนี้ รปภ.ก็ยิ้ม “ไอ้หนู คนที่มายื่นคำร้องน่ะฉันเจอมาเยอะ แต่แบบนายนี่ก็ประสบการณ์ใหม่เลยล่ะ ฮ่าๆๆ”
ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้พูดอะไร นึกเสียดายกับชุดที่ตนสวมใส่อีกครั้ง
สวมชุดขาดๆ แบบนี้ กลับไปจะทิ้งให้หมด เพราะมันทำเขาเสียเวลาหลายรอบแล้วจริงๆ
เขาเปิดประตูเดินลงไป “พี่ชาย ผมมมาหาอธิบดีลู่จริงๆ มีเรื่องด่วน ไม่อย่างนั้นผมโทรหาอธิบดีลู่เอาไหม”
“ฮ่าๆๆ เล่นละคร ยังเล่นละครต่อนะ เด็กอย่างนายนี่ใช่ได้จริงๆ การใช้จิตวิทยาก็ไม่เลว!”
เห็นได้ชัดว่ารปภ.ไม่สนใจคำพูดของเขาเลย
แต่ตอนที่ซ่งจื่อเซวียนจะโทรไปหาอธิบดีลู่ เสียงแตรก็ดังต่อเนื่องมาจากด้านหลัง
พอเห็นรถคันหลัง รปภ.ก็ยืนทำความเคารพอย่างรวดเร็ว พูดกับซ่งจื่อเซวียนทันที “รีบขับรถหลบไปทางนั้นเร็วเข้า อธิบดีต่งมาแล้ว!”
อธิบดีต่ง?
ซ่งจื่อเซวียนหันหลังไปมอง ก็เห็นรถโฟล์คสวาเกนคันหนึ่งกำลังต่อคิวอยู่ด้านหลัง คนขับรถทำหน้าไม่พอใจ บีบแตรต่อ
เห็นซ่งจื่อเซวียนหันหน้าไป คนขับรถคนนั้นก็ยื่นหัวออกมาพูดว่า “จะเข้าไม่เข้า ไม่เข้าก็อย่าขวางทางสิ!”
ซ่งจื่อเซวียนไม่สนใจ มองรปภ. “ผมจะโทรหาอธิบดีลู่”
“ยังจะโทรอีกเหรอ โทรหาน้องแกสิ แกได้ทำลายอาชีพข้าเอา!”
เขาพูดพลางปัดโทรศัพท์ซ่งจื่อเซวียนจนตกพื้น
“คุณ…”
ไม่รอให้ซ่งจื่อเซวียนทำอะไร ฟางรุ่ยที่คล่องแคล่วว่องไว ก็ย้ายจากฝั่งที่นั่งคนขับไปยังที่นั่งข้างคนขับ เปิดประตูลงจากรถทันที
ฟางรุ่ยคว้าข้อมือของรปภ.ไว้ “เ*ดแม่ หาที่ตายหรือไง หยิบโทรศัพท์มา จากนั้นก็คุกเข่าให้นายท่านรองของข้าซะ!”
ตอนนี้รปภ.มึนงงไปทันที
อีกทั้งรัศมีของคนขับรถคนนี้ก็แข็งแกร่งมาก สวมเสื้อผ้าก็ภูมิฐาน นี่แม่งเรื่องอะไรกันวะเนี่ย
ตอนนี้เอง ชายอายุประมาณห้าสิบปีตรงที่นั่งด้านหลังในรถคันด้านหลัง ก็พูดขึ้นว่า “เสี่ยวซวี่ เกิดอะไรขึ้น”
คนขับรถพูดว่า “อ้อ อธิบดีต่ง ไม่รู้ครับ รถคันด้านหน้าไม่เข้าไป เหมือนจะทะเลาะกับรปภ.ครับ”
เมื่อครู่คนขับรถยังวางอำนาจใหญ่โตอยู่เลย แต่เห็นว่าฟางรุ่ยกล้าลงไม้ลงมือจริงๆ ตอนนี้ก็ไม่กล้าตะโกนไปด้านนอกแล้ว
ตอนนี้รปภ.ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้กระทั่งจะพูดยังพูดไม่ออก
เห็นดังนั้น ต่งหมิงที่นั่งอยู่เบาะหลังรถโฟล์คสวาเกนก็ลงมาจากรถ
เขาเดินมาหาพวกซ่งจื่อเซวียน พูดว่า “พวกคุณทำอะไรกัน นี่เป็นสถานที่ราชการ เป็นที่ที่พวกคุณก่อเรื่องได้หรือไง”
ซ่งจื่อเซวียนมองต่งหมิง น่าจะเป็นอธิบดีต่งที่รปภ.พูดถึง
เขาเคยได้ยินหวังเฉียนพูดถึงคนคนนี้ เป็นรองอธิบดีมีหน้าที่ตรวจสอบ วางแผนและอนุมัติ
จะว่าไปซ่งจื่อเซวียนน่าจะพยายามนอบน้อมถึงจะถูก แต่ตอนนี้กำลังโมโหอยู่ จึงแทบไม่ได้สนใจ
“ใครก่อเรื่อง คุณดูให้ชัดเจนค่อยพูดสิ ไม่รู้อะไรก็จุ้นจ้านให้มันน้อยๆ หน่อย!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางจ้องต่งหมิงเขม็ง
ต่งหมิงอึ้งไป
เขาที่เป็นรองอธิบดีสำนักงานควบคุมตลาด ไม่ต้องพูดถึงในสำนักงานเลย ต่อให้ในสังคมเถ้าแก่พวกนั้น เห็นตนก็ต้องตรงเข้ามาหาแล้ว
เด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้เป็นบ้าหรือไง ถึงกล้าพูดแบบนี้กับตน!
“นายมาจากหน่วยงานไหน เรียกผู้นำของพวกนายมา กล้าเกินไปแล้ว!”
“ทำไมผมถึงกล้าเกินไปล่ะ คุณแม่งไม่เห็นอะไรเลย มาถึงก็ตะคอกใส่ คุณเป็นรองอธิบดีที่นี่ใช่ไหม รปภ.ของพวกคุณปัดโทรศัพท์ผมตก คุณหยิบขึ้นมาให้ผมสิ!”
ซ่งจื่อเซวียนไม่พอใจอีกฝ่ายจริงๆ
ซ่งจื่อเซวียนตอนนี้ แม้แต่พวกเสี่ยหวงยังยืนอยู่ด้านหลังเขา เขาจะกลัวต่งหมิงเหรอ
“นายว่าอะไรนะ ให้ฉันเก็บให้นายเรอะ”
ตอนนี้ เสี่ยวซวี่คนขับรถคนนั้นก็เดินลงมา
“แกแม่งจะนับเป็นตัวอะไรได้วะ ให้อธิบดีต่งของเราเก็บโทรศัพท์ให้เรอะ หน้าใหญ่จริงๆ”
เสี่ยวซวี่พูดพลางยกเท้าเหยียบโทรศัพท์ของซ่งจื่อเซวียน
“ข้าสั่งให้แกเก็บ เก็บสิ ข้าจะดูแกเก็บ!”
เห็นดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่พูดไม่จา แต่ท่าทางกลับเย็นชาถึงขีดสุด
“รุ่ยจื่อ!”
“ครับ นายท่านรอง”
ขณะที่พูด ฟางรุ่ยก็ถึงตัวเสี่ยวซวี่แล้ว ถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างฉุนเฉียว
เสี่ยวซวี่ฉี่เกือบราด รัศมีเมื่อครู่มาจากตำแหน่งของอธิบดีต่ง เรียกได้ว่าข้ารับใช้อาศัยบารมีนายข่มผู้อื่น
แต่ตอนนี้…นายท่านตรงหน้าท่านนี้ดุดันมาก อีกทั้งพุ่งเข้ามาเร็วเกินไป ขนาดมองยังมองไม่ชัดเลย
พลั่ก!
หนึ่งหมัด!
หมัดเดียว ทั้งตัวเสี่ยวซวี่ก็ลอยไปชนกับกระจกหน้ารถโฟล์คสวาเกน
เพล้ง…กระจกแตก
ต่งหมิงมองอย่างเหม่อลอย
ที่จริง ด้วยตำแหน่งของเขา บอกว่าปกติวางอำนาจบาตรใหญ่ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่…เคยเจอที่ลงมือจริงๆ ที่ไหนกัน
ต่อให้เป็นพวกนักธุรกิจที่มีตำแหน่งในวงการใต้ดิน แต่เผชิญหน้ากับเขาที่เป็นอธิบดีใหญ่ ก็ไม่กล้าโอหัง
แต่วันนี้ได้เจอกับตัวตึงจริงๆ ไม่พูดมาก กำปั้นเท่านั้น!
“พวกแก…”
“เรื่องเขาเหยียบโทรศัพท์ผม ทางที่ดีคุณหาทางว่าแก้ปัญหายังไงดีกว่านะครับ อธิบดีต่ง!”
ต่งหมิงเบิกตากว้าง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ตนเผชิญหน้าจะเป็นเด็กหนุ่มที่ดูอายุประมาณยี่สิบปีคนหนึ่ง
ความสุขุมทรงพลังและรัศมีของคำพูดนี้ ยังเหนือกว่าลู่ลี่จวินลูกพี่เขามาก
ตอนนี้ เหมือนบรรยากาศจะแข็งค้างไปหมด
เสี่ยวซวี่คนนั้นค่อยๆ คลานลงมา ร่างกายถูกกระจกบาดหลายจุด ไม่กล้าร้องอีกแล้วเช่นกัน
ทางต่งหมิงอึ้งค้างไป ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ว่าง่ายๆ ว่าวันนี้ตบหน้ากันเกินไปแล้ว
ส่วนรปภ.ก็ยิ่งเหม่อลอยเข้าไปใหญ่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เรื่องวันนี้ก็เริ่มจากเขา
ตอนนี้เอง หวังเฉียงวิ่งเหยาะๆ ออกมาจากตึกสำนักงาน
เมื่อครู่เขาตรวจงานที่ห้องมอนิเตอร์พอดี เห็นภาพนี้เข้าก็รีบวิ่งมาทันที ถ้าเรื่องนี้ใหญ่โตขึ้นมาก็ไม่สบายใจ อย่างไรต่งหมิงก็เป็นรองอธิบดีคนหนึ่ง
อีกทั้งเขาพยายามไม่ให้เรื่องผ่านลู่ลี่จวินและปิดเอาไว้ก่อน หรือก็คือเป็นความรับผิดชอบของเขาในฐานะหัวหน้าของสำนักงานนี้
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ให้ผู้นำมาจัดการ ยังจะต้องมีหัวหน้าอย่างคุณไปทำไมกัน
“อธิบดีต่ง อธิบดีต่งครับ!”
หวังเฉียงตะโกนพลางวิ่งมาที่ทางเข้า
“เรื่องอะไร” ต่งหมิงพูดอย่างหงุดหงิด
“อธิบดีต่ง ให้พวกเขาเข้ามาก่อนเถอะ แขกของอธิบดีลู่น่ะครับ”
ต่งหมิงได้ยินก็ชะงักไป “อะไรนะ อธิบดีลู่รู้จักพวกเขาเหรอ”
“ใช่ครับอธิบดีต่ง”
ก่อนหน้านี้ซ่งจื่อเซวียนก็แจ้งกับรปภ.แล้วว่ามาหาอธิบดีลู่ ต่งหมิงก็ไม่ได้ยิน ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาจะเป็นแขกของอธิบดีลู่
ถ้ารู้ เขาก็น่าจะให้รปภ.ปล่อยไป
แต่เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ต่งหมิงก็เป็นคนรักหน้าตา ในบรรดารองอธิบดี นับว่าตำแหน่งของเขาสูงที่สุด
ถ้าจบเรื่องแบบนี้ น่าจะตบหน้ากันเกินไปหน่อย
“หึ แขกของอธิบดีลู่จะไม่มีมารยาทขนาดนี้ไม่ได้หรือเปล่า เขาก่อเรื่องใหญ่โตที่หน่วยงานราชการ แถมยังซัดคนขับรถของฉันอีก แขกของอธิบดีลู่แล้วยังไง”
“เอ่อ…”
หวังเฉียงโมโห คิดในใจไอ้เจ้าต่งหมิงคนนี้ ฉันรู้ว่าแกมีคนนับหน้าถือตาในเมือง แต่แกก็ต้องไว้หน้าอธิบดีลู่หน่อยมั้ง
ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นแขกของอธิบดีลู่ ให้บันไดแกแล้วก็ไม่ยอมลงเหรอ แถมยังวางมาดอีก
แกคิดว่าจะยั่วยุซ่งจื่อเซวียนง่ายๆ หรือไง ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์กับอธิบดีลู่เลย เพียงแค่ตำแหน่งในโลกใต้ดินก็เพียงพอที่จะฆ่าแกให้ตายซ้ำๆ ได้แล้ว
มีประโยคหนึ่งที่ว่าสู้อย่างหมาจนตรอก แกทำให้คนเขาโกรธแล้วจริงๆ อย่างมากคนเขาไม่ทำธุรกิจแล้ว กลางคืนทุกวันเอาแต่ไล่ฟันแก แกจะรับไหวเหรอ
“อธิบดีต่งใจเย็นๆ นะครับ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันทั้งนั้น”
เขาพูดพลางมองไปที่รปภ. “เขาพูดไหมว่ามาหาใคร”
“เรื่องนี้…หัวหน้าหวังครับ เขาพูดแล้ว แต่ผมนึกว่า…”
“แกคิดว่าเรอะ แกให้เขาโทรศัพท์ยืนยันก็ได้แล้วไหม แกทิ้งโทรศัพท์เขา เป็นบ้าหรือไง นับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปแกไม่ต้องมาทำงานแล้ว!”
หวังเฉียงไล่ตัวต้นเรื่องออกไป ที่จริงก็เป็นการมอบบันไดให้ต่งหมิงอีกครั้ง
เรื่องนี้ต้องโทษรปภ.ทั้งหมด อธิบดีต่ง คุณเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างเลิกคิดเล็กคิดน้อยได้แล้ว
แต่เหมือนต่งหมิงยังคงไม่รับไมตรี “ไล่รปภ.ออกเรอะ หัวหน้าใหญ่หวัง นี่คุณกำลังเบ่งอำนาจอยู่นะ หึ เรื่องวันนี้ผมต้องการคำอธิบายจากอธิบดีลู่!”
“เหอะๆ ไม่ใช่แค่อธิบดีลู่ ผมยังต้องการคำอธิบายจากพวกคุณด้วย ทำลายทรัพย์สินส่วนตัวของผม จากนั้นคนขับรถของผู้นำยังใช้เท้าเหยียบอีก ผมน่าจะบันทึกภาพไว้แล้วปล่อยลงบนอินเทอร์เน็ตให้ทุกคนได้ดูสักหน่อย!”
ประโยคนี้ทำให้ต่งหมิงร้อนรนแล้ว
ภาครัฐในยุคปัจจุบันไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ความเป็นทางการเป็นสิ่งที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไขว่คว้ามาตลอด โดยเฉพาะการเผยแพร่สื่อใหม่ๆ
ถ้ามีผลกระทบทางลบบนอินเทอร์เน็ต คงไม่ถามถึงมูลเหตุ จะต้องจัดการก่อนแน่นอน
“หึ แกมันคนเจ้าเล่ห์!”
ต่งหมิงกัดฟันพูด
ซ่งจื่อเซวียนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “ทำไมล่ะ ข้าราชการทุจริต!”
“แก…”
เห็นได้ชัดว่าคำว่าข้าราชการทุจริตแทงใจดำมากกว่าคำว่าเจ้าเล่ห์
“ดีๆๆ วันนี้คนอย่างต่งหมิงจะพูดทิ้งไว้ตรงนี้ว่า ถ้าอธิบดีลู่ไม่ให้คำอธิบายที่ชัดเจนกับฉัน อย่างนั้นคนเจ้าเล่ห์อย่างแกก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าไปในสถานที่ราชการเลย!”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ก็มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากในประตู
“ดีเลย อธิบดีต่ง ผมจะอธิบายกับคุณให้ชัดเจนเอง!”
………………………………………….
……….