เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 313 ขอข้าวผัดจักรพรรดิหนึ่งจาน
ตอนที่ 313 ขอข้าวผัดจักรพรรดิหนึ่งจาน
……….
“แม่มึ*!”
เลคริเซียสพูดคำสบถมาตรฐานภาษาจีนออกมาในทันใด…
ตั้งแต่ฝึกทำอาหารจนควบคุมไฟในการทำอาหารจีนได้อย่างประณีต กระทั่งสามารถใช้การควบคุมไฟเอาชนะคู่ต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน
แต่ยังไม่เคยเจอการควบคุมไฟและน้ำมันร้อนๆ พร้อมกันเลย…
เมื่อเห็นรอยพุพองแดงเถือกของเลคริเซียส ซ่งจื่อเซวียนก็เกิดความคิดแผลงๆ อยากหัวเราะขึ้นมากะทันหัน
ตาหวังร้ายจริงๆ หากคนอื่นใช้วิธีนี้กับตน เกรงว่าตัวเองคงแย่น่าดู…
ภายในไลฟ์สดผู้คนยิ่งวิจารณ์กันมากขึ้น
‘ฮ่าๆๆ แม่งตลกจริงๆ ไอ้หมอนี่เล่นไฟ ครั้งนี้โดนไฟลวกเลย’
‘เกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนฉันจะเห็นซ่งจื่อเซวียนเอาน้ำมันสาดใส่เลคริเซียส’
‘ให้ตาย แบบนี้เรียกว่าทำผิดกฎไหม ทำร้ายคนเลยนะ!’
‘เล่นไฟก็ทำร้ายคนนี่ สาดน้ำมันแล้วไง สาดเขาให้ตายเลย ไล่เขาออกไปจากประเทศจีน’
‘ฮ่าๆๆๆๆ เลคริเซียสไม่หล่อแล้ว…’
‘การท้าดวลส่วนตัวแบบนี้ที่ไม่มีการตัดสิน เดิมทีก็พูดยากอยู่แล้ว ที่เลคริเซียสทำร้ายเชฟคนจีนไปหลายคนล่ะจะว่ายังไง สมน้ำหน้า!’
เวลานี้ กระทั่งผู้หญิงที่เย็นชาคนนั้นอ่านคำวิจารณ์เหล่านี้ก็ยังอยากหัวเราะ พอมองเลคริเซียสที่มีแผลพุพองบนใบหน้าอีกที เธอก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่
แต่ด้วยนิสัยของเธอ ดูเหมือนจะตั้งใจอดกลั้นเอาไว้ ถึงแม้จะหัวเราะไปทีแต่ก็รีบกลับสู่ท่าทางเย็นชาโดยเร็ว
พวกหูเจิ้นที่อยู่ข้างๆ อย่าให้พูดว่าสะใจแค่ไหน แต่ละคนไม่สนใจที่แทแรนติโยนพวกเขาเลยด้วยซ้ำ ได้แต่โห่ร้องไชโยขึ้นมาทันที
แม้แต่หลี่เหยียนที่ไม่เคยแสดงสีหน้ามาตลอดก็ยังร่วมปรบมือด้วย
เวลานี้ ซ่งจื่อเซวียนมองเลคริเซียสแล้วเอ่ยว่า “แบบนี้…ถือว่านายแพ้แล้วใช่ไหม”
“หืม”
เลคริเซียสมองซ่งจื่อเซวียน ความจริงพูดแบบนี้ก็ไม่ผิด ตอนนี้เขาต้องการยาทาแผลลวก ซ่งจื่อเซวียนสามารถควบคุมไฟใส่หม้อเซรามิคของเขาได้ตลอดเวลา
ถ้าหม้อแตกไปแล้ว ยังจะแข่งอะไรได้อีก
เลคริเซียสกัดฟันพูด “นาย…นายทำผิดกฎ!”
“กฎเกณฑ์ล่ะ” ซ่งจื่อเซวียนพูดเบาๆ
ชั่วขณะนั้น เลคริเซียสไม่รู้จะตอบอย่างไร ใช่แล้ว ก่อนการแข่งขันตานี้ นอกจากกำหนดวัตถุดิบในการแข่งขันตามธรรมเนียมประเพณีแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์อื่นๆ อีก
ดังนั้นจึงพูดได้ว่า…ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้ทำผิดกฎ
เห็นเลคริเซียสไม่พูดอะไร ซ่งจื่อเซวียนก็หัวเราะเบาๆ “ถ้าไปทายาก็คือยอมแพ้แล้วนะ ไม่อย่างนั้นนายก็ต้องแข่งต่อ…”
เลคริเซียสครุ่นคิด ใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว “แข่งต่อสิ แต่พวกเราต้องตกลงกัน ห้ามใช้น้ำมัน ไม่อย่างนั้นจะถือว่าทำผิดกฎ!”
จู่ๆ ซ่งจื่อเซวียนก็อยากหัวเราะ แต่ยังกลั้นไว้
“ได้! แต่เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ไม่ได้เจตนา เพราะงั้น…อีกสักพักก็ไม่แน่!”
“นาย…ไม่ได้สิ นั่นมันผิดกฎ ถือว่านายแพ้แล้ว!”
ซ่งจื่อเซวียนคร้านจะสนใจอีก ก้มหน้าปรุงอาหารต่อไป
อันที่จริงตอนนี้การปรุงอาหารของซ่งจื่อเซวียนสิ้นสุดลงแล้ว เขาทำตามแผนการต่อสู้ของหวังเฉิงยงเกือบจะทั้งหมด
แต่ตอนนั้นหวังเฉิงยงพูดว่า ความมั่นใจในการเล่นไฟของเขาน้อยเกินไป แต่ตอนนี้ หลังจากผ่านการปิดด่านมาสองสามวันน่าจะทดแทนในจุดนี้ได้แล้ว
ดังนั้น ตอนที่เลคริเซียสกำลังจะเริ่ม ซ่งจื่อเซวียนจึงหยิบตะหลิวขึ้นมาแล้วพลันตีกระทะอย่างแรง เห็นเพียงเปลวไฟพุ่งไปหาเลคริเซียสทันที
แม่ง! ไม่จบไม่สิ้น!
เลคริเซียสหงุดหงิดสุดๆ ซ่งจื่อเซวียนไม่ให้เวลาเขาเริ่มด้วยซ้ำ เปลวไฟก็โจมตีเข้ามาแล้ว
และชัดเจนมากว่าเป้าหมายของซ่งจื่อเซวียนก็คือหม้อเซรามิก
เลคริเซียสไม่มีตัวเลือกอีกแล้ว จึงได้แต่ควบคุมไฟเข้าปะทะ อย่างไรหม้อของเขาก็คือเซรามิก ไม่สามารถทนรับการโจมตีของไฟได้แม้แต่ครั้งเดียว
วินาทีที่โจมตีด้วยเปลวไฟ เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของซ่งจื่อเซวียนรุนแรงกว่าเดิม
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะไปที ตาหวังพูดถูก ข้อได้เปรียบของการผัดไฟแดงอยู่ตรงนี้ เนื่องจากใช้ไฟอ่อนตุ๋นช้าๆ การควบคุมไฟของอีกฝ่ายจึงอ่อนแอเกินไป!
ครืน!
เปลวไฟสองดวงปะทะกัน กลายเป็นควันสีดำทันที
แต่พอควันสีดำกระจายหายไป ก็เห็นเปลวไฟซ่งจื่อเซวียนยังไม่ดับ ยังคงโจมตีเลคริเซียสเหมือนเดิม
“แม่ง!”
เลคริเซียสโกรธสุดขีด เค้นเปลวไฟโจมตีอีกครั้ง คราวนี้ถึงจะทำลายเปลวไฟของซ่งจื่อเซวียนได้อย่างแท้จริง
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มบางๆ นายต้องใช้เปลวไฟถึงสองดวงกว่าจะทำลายการโจมตีครั้งเดียวของฉันได้ ข้าจะเอาแกให้ตาย!
เวลานี้ หลี่เหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็มองวิชานี้ออกแล้ว
เขาจึงหัวเราะ “นายท่านรองฉลาดมาก ตอนนี้เลคริเซียสแพ้แน่นอน!”
“งั้นเหรอ นายมองออกได้ยังไง” หยางกังที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถาม
“นายท่านรองแค่ลองควบคุมไฟหนึ่งครั้ง ดูท่าเลคริเซียสต้องใช้พลังทั้งหมดอีกสองครั้งถึงจะต้านทานได้อย่างสมบูรณ์ ยังไม่พูดถึงผลลัพธ์นะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เลคริเซียสจะหมดพลังไวอย่างแน่นอน!”
หยางกังพยักหน้า แต่ขมวดคิ้วอีก “ถ้างั้นเขาก็ต้องฝืนต่อไป ไม่มีจุดสิ้นสุดใช่ไหม”
หลี่เหยียนหัวเราะเบาๆ “เป็นไปไม่ได้ การควบคุมไฟสิ้นเปลืองพลังกายและพลังจิตมาก ต่อให้เขาแข็งแกร่งแค่ไหนก็มีขีดจำกัดเหมือนกันนะ”
ขณะพูด หลี่เหยียนก็มองไปที่เลคริเซียสในตอนนี้ “เหอะๆ บวกกับจิตใจที่ไม่มั่นคงของเขา อีกไม่นานหรอก”
วินาทีที่เขาพูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็ถลึงตาทั้งสองข้างทันที โจมตีด้วยเปลวไฟอีกครั้ง
เปลวไฟเหมือนสัตว์ป่าดุร้ายคำรามด้วยความโกรธ โจมตีอยู่กลางอากาศ ระเบิดใส่เลคริเซียสเสียงดัง!
ตอนที่เลคริเซียสกำลังจะต้านทาน เขาเห็นซ่งจื่อเซวียนควงตะหลิวอีกครั้ง เปลวไฟพุ่งมาจากตะหลิว
เลคริเซียสหลบไปอีกด้านหนึ่งเมื่อรู้ตัว กลัวว่าซ่งจื่อเซวียนจงใจเล่นหนัก สะบัดน้ำมันร้อนออกมาใส่โดยไม่ระวังอีก
แต่วินาทีต่อมาเขาถึงได้สติ เปลวไฟสองดวงเข้ามาห่างกันไม่ถึงหนึ่งวินาที
เขาอยากจะต้านไว้ อยากปล่อยเปลวไฟออกไปสี่ดวงในพริบตา…
พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของคือสามารถใช้เงาเพลิงได้ แต่นั่นคือเปลวไฟสองดวงบวกกับเงาเพลิงสองดวง แท้จริงแล้วมีเพียงพลังของเปลวไฟสองดวงเท่านั้น…
ตามแนวโน้มก่อนหน้านั้น เขาไม่มีทางต้านทานได้เลย!
แต่ด้วยนิสัยของเลคริเซียสย่อมไม่ยอมแพ้แน่นอน เขาขึงตาโตทั้งสองข้าง โกรธสุดขีด สองมือตบไปที่หม้อเซรามิกที่อยู่ตรงหน้า เปลวไฟสองดวงพุ่งออกมาทันที
ภายใต้การตบที่รุนแรงของเขา หม้อเซรามิกเริ่มแตกออก ถึงแม้ซ่งจื่อเซวียนจะไม่โจมตี ตอนนี้น้ำแกงก็เริ่มไหลออกมาแล้ว
ส่วนเลคริเซียสในตอนนี้ไม่สนใจอะไรมากแล้ว เขาอยากจะใช้พลังทั้งหมดยับยั้งเปลวไฟของซ่งจื่อเซวียน
ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าหากซ่งจื่อเซวียนโจมตีเข้ามาอีก เขาก็จะต้านทานกำลังนี้ไม่ได้ แต่เขาก็ยังจะห้ามด้วยพลังทั้งหมดที่มี!
ครืนๆ!!
หลังจากเสียงระเบิดดังถึงสองครั้ง ควันสีดำก็พวยพุ่งออกมา!
เหมือนที่เลคริเซียสคิดไว้ เปลวไฟสองดวงนั่นยังคงโจมตีอยู่ด้านหน้า โจมตีมาที่ตัวเอง
ดูเหมือนจะอ่อนพลังกว่าเดิมไม่น้อย แต่ท่ามกลางพลังนั้น เลคริเซียสเพิ่งสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวต่อมาภายหลัง
‘รีบดูเร็ว เลคริเซียสจะแพ้แล้ว!’
‘แม่ง โคตรเก่ง ซ่งจื่อเซวียนเก่งมาก!’
‘ส่งจรวด x2’
‘ส่งรถสปอร์ต x5’
‘ส่งดอกไม้ไฟ x188’
…
ชั่วขณะนั้น ในไลฟ์สดระเบิดภายในพริบตา
ถึงแม้แฟนคลับของเลคริเซียสจะมีไม่น้อย แต่ดูเหมือนผู้คนมากมายจะสนับสนุนพ่อครัวผมดำคนนี้มากกว่า
อย่างไรพวกเขาก็เข้ามาดูความคึกคักเฉยๆ หากคนจีนได้หน้าได้ตา ทุกคนก็ยิ่งดีใจ
มองดูของขวัญเหล่านี้ ผู้หญิงแสนเย็นชาคนนั้นก็ดีใจมากเช่นกัน ถึงแม้เธอจะไม่สนใจเงินหนึ่งหมื่นแปดพันหยวนนี้ก็ตาม…
ปึ้งๆ!!
เสียงระเบิดดังอีกสองครั้ง!
หม้อเซรามิกตรงหน้าเลคริเซียสแตกละเอียดอย่างสิ้นเชิง วัตถุดิบอาหารกระเด็นออกมาแล้วกระจายเต็มพื้น
ส่วนเลคริเซียสในตอนนี้ ใบหน้าดำปี๋ มีแต่ร่องรอยของเขม่าดำ น้ำแกงกระเด็นติดเสื้อผ้าและใบหน้าไม่น้อย เสื้อผ้าด้านในมีมันฝรั่งติดอยู่สองสามชิ้น
เลคริเซียสออกแรงพ่นจมูกออกมา พ่นออกมาเป็นเนื้อวัวสับชิ้นหนึ่ง…
“นาย…”
เลคริเซียสนั่งบนพื้นด้วยใบหน้าสภาพดูไม่ได้ ตะคอกพลางชี้หน้าซ่งจื่อเซวียน
“นายแพ้แล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนคร้านจะมองเลคริเซียส ได้แต่พูดเรียบๆ
“ไม่ ฉันไม่แพ้ นายทำผิดกฎ!”
“กฎเหรอ”
เลคริเซียสหัวเสีย เขาเคยชินกับการนั่งบนบัลลังก์ราชา จะเคยได้รับความอัปยศอดสูแบบนี้ได้อย่างไร
อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องที่แพ้การแข่งขัน สภาพดูไม่ได้ต่อหน้าผู้คนมากมาย และยังมีคนดูไลฟ์สดหลักหมื่นคน ครั้งนี้เขาอับอายขายหน้าจริงๆ…
“เลคริเซียส ทำตามสัญญาของนายเถอะ”
ขณะพูด ซ่งจื่อเซวียนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดูแคลนด้วยสีหน้าของผู้ชนะ
คำสัญญานี้ หมายถึงเงินหนึ่งหมื่นดอลลาร์กับชีวิตของเลคริเซียส
“ไม่…ไม่…”
เลคริเซียสส่ายหน้าทันที ดวงตาคู่นั้นเผยความหวาดกลัวออกมาอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
“ทำตามสัญญาๆ!!”
“ทำตามสัญญาๆ!!”
…
ชั่วขณะนั้น ทุกคนรอบตัวได้ตะโกนขึ้นมา
จำนวนผู้คนที่เข้ามามุงตอนนี้มีถึงหนึ่งร้อยสองร้อยคนแล้ว ถนนกลางดึกที่กระทั่งไฟริมทางยังไม่มี ไม่เคยคึกคักขนาดนี้มาก่อน
ในไลฟ์สดนั้นวุ่นวายยิ่งกว่า หน้าจอเต็มไปด้วยคำว่าทำตามสัญญาสี่คำนี้ ถึงแม้เลคริเซียสจะมองไม่เห็น เกรงว่าเขาก็พอจะนึกได้
ทุกคนตะโกนแข่งกัน บวกกับคนของร้านอาหารร่ำรวยก็พยายามตะเบ็งเสียงข่มเลคริเซียส ทำให้เลคริเซียสถึงกับทรุด
ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เพราะ…เขาไม่ได้เตรียมตัวสำหรับช่วงแบบนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
ถึงเขาจะรู้ว่าเป็นไปได้ที่จะเอาชนะซ่งจื่อเซวียนได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็คิดไม่ถึงว่ายังต้องให้เงินรางวัลหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์กับชีวิตด้วย
ตายงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
เงินหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์? ถึงจะให้ซ่งจื่อเซวียนไปตอนนี้ เกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมจบเท่านี้
เลคริเซียสสมองโล่งไปหมด สุดท้ายดวงตาของเขาก็จ้องมองไปยังจุดหนึ่งท่ามกลางฝูงชน
วินาทีต่อมา เขาลุกขึ้นแล้วก้าวขาวิ่งหนี ราวกับไม่อยากอยู่ท่ามกลางฝูงชนกลุ่มนี้แม้แต่อีกวินาทีเดียว
จู่ๆ เลคริเซียสก็พุ่งตัวออกไปจากฝูงชน ทำเอาคนพวกนั้นร้องออกมาด้วยความตกใจ รีบหลีกทางให้ทันที
หยางกังพูดว่า “นายท่านรอง อย่าปล่อยให้เขาหนีไปนะ!”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มบางๆ แต่กลับไม่พูดอะไร
จากนั้น คนที่อับอายมากที่สุดก็คือพวกแทแรนติโน
พวกเขา…ต้องหนีเรอะ เกรงว่าคงวิ่งหนีไม่ทันแล้ว…
ถ้าอยู่ต่อล่ะก็…พวกเขาจะจัดการได้ไหม ชำระหนี้แทนเลคริเซียส ทั้งบัญชีเงินและบัญชีชีวิต
ดังที่พูดไว้ว่าเมื่อต้นไม้ล้มฝูงลิงก็กระจายไปคนละทิศละทาง เลคริเซียสหนีไปแล้ว พวกเขาจึงลนลานอย่างเห็นได้ชัด
แทแรนติโนลองหนีเป็นคนแรก เขาไม่ได้เพิ่มความเร็วโต้งๆ แต่ค่อยๆ ถอยหลังไปทางกลุ่มฝูงชนทีละนิด
แต่ถอยหลังได้ไม่ถึงสองสามก้าว ฟางรุ่ยก็กวาดตามองมา
แทแรนติโนจึงหยุดทันที
ซ่งจื่อเซวียนพลันยิ้ม “ละครตลกโปกฮาควรจะจบได้แล้ว!”
เขาพูดจบก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในร้านอาหารร่ำรวย
ส่วนคนที่มุงดูอยู่รอบนอก ดูเหมือนกำลังสนุกกับเรื่องนี้อยู่ ยืนอยู่นานก็ไม่ยอมถอยออกไป
พวกแทแรนติโนอาศัยจังหวะชุลมุนเตรียมจะเข้าไปปะปนอยู่ในกลุ่มคนแล้วรีบหนี แต่ฟางรุ่ยกับอวี่เหวินเซี่ยวนั้นเร็วกว่า จับมือของเขากับคาเรนไว้ทันที
ส่วนคนอื่นๆ นั้นซ่งจื่อเซวียนไม่ได้กำชับไว้ จึงไม่ต้องไล่ตามพวกเขา
อย่างไรก็มีคนของหวงฟาในกลุ่มผู้คนอยู่ไม่น้อย และถึงแม้พวกเขาจะวิ่งหนี รอบนอกก็ยังมีคนของแก๊งขอทาน ครั้งนี้ ซ่งจื่อเซวียนต้องได้พูดให้ชัดเจน
มองดูแทแรนติโนกับคาเรน ซ่งจื่อเซวียนกำลังจะเอ่ยปากพูด ก็พลันเห็นคนคนหนึ่งเดินเข้ามาที่หน้าประตูร้าน
“ยังเปิดร้านอยู่ไหม ขอข้าวผัดจักรพรรดิหนึ่งจานหน่อย!”
คนที่พูดก็คือผู้หญิงที่เพิ่งเปิดไลฟ์สดคนนั้น
……………………………………………