เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 301 ใจเหี้ยม
ตอนที่ 301 ใจเหี้ยม
……….
ประโยคนี้ของกู่เสี่ยวเป่าทำให้พวกซ่งจื่อเซวียนอึ้งไป
คิดไม่ถึงว่าตอนที่แก๊งขอทานเผชิญหน้ากับเรื่องใหญ่ขนาดนี้เข้า เขาจะเอาเรื่องของพวกเลคริเซียสมาเป็นอันดับแรก
“เสี่ยวเป่า ฉันไม่ค่อยเข้าใจ…ประโยคนี้เท่าไร ตอนนี้นายไม่คิดว่าเรื่องของแก๊งขอทานเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้เหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนอดถามไม่ได้
กู่เสี่ยวเป่าพยักหน้า “พี่รองพูดถูก ตอนนี้แก๊งขอทานของพวกเราไม่เพียงแค่เผชิญกับความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะแยกแก๊งนับตั้งแต่ก่อตั้งมาเท่านั้น ขณะเดียวกันทางเฉินล่างก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เป็นไปได้มากที่จะเจอกับศึกตัดสิน”
ทุกคนพยักหน้า แต่จู่ๆ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกว่ากู่เสี่ยวเป่าเหมือนกับโตขึ้นในพริบตา คำพูดคำจาที่พูดออกมาตอนนี้ ยังเป็นเด็กคนที่เล่นทรานฟอร์มเมอร์สเมื่อกี้นี้ไหมนะ
“แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ในเมื่อตอนนี้พวกเราย้ายแก๊งขอทานมาที่เมืองตู้เหมินแล้ว ความปลอดภัยของที่แห่งนี้ก็เกี่ยวกับพวกเรา”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสี่ยวเป่า เรื่องพวกนี้…ก็ให้คนอื่นในพื้นที่จัดการเถอะ แถมครั้งนี้พวกเลคริเซียสเพ่งเล็งวงการเชฟ พวกนายไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัวเลยนะ”
“ฮ่าๆๆๆ พี่รองเข้าใจผิดแล้ว กู่เสี่ยวเป่าอย่างฉันไม่กลัวหรอก เหล่าพี่น้องแก๊งขอทานก็ไม่กลัวเหมือนกัน แก๊งขอทานทำอะไรน่ะเหรอ เป็นแค่ขอทานเหรอ ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว นับตั้งแต่โบราณจนมาถึงตอนนี้ แก๊งขอทานสนับสนุนความยุติธรรมมาตลอด ฉันจะปล่อยให้ประเพณีที่สืบทอดกันมาหายไปในยุคกู่เสี่ยวเป่าคนนี้ไม่ได้สิ!”
ขณะที่กู่เสี่ยวเป่าพูด ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเที่ยงธรรม
ถึงใบหน้าจะยังละอ่อนอย่างเด็กน้อย แต่รัศมีที่แผ่ออกมากลับเอาจริงเอาจัง
“เสี่ยวเป่า นายคิดว่าจะทำยังไง”
กู่เสี่ยวเป่ายิ้ม “พี่รอง ฉันรู้ว่าช่วงนี้ไอ้ฝรั่งขี้นกนั่นท้าทายพี่ พี่วางใจเถอะ ขอแค่เขากล้ามาทำร้ายพี่ ฉันก็กล้าทำให้พวกมันเสียใจเหมือนกัน!”
ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะก่อเรื่องอะไร
“อย่าเลย นายพูดกับฉันมาตรงๆ เถอะ ฉันไม่แน่ใจ กลัวนายจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ”
“ฮ่าๆ จะอะไรเล่า เรื่องจะใหญ่แค่ไหนพวกเราก็เป็นคนของแก๊งขอทาน อย่างแรก กฎหมายไม่ได้ลงโทษทุกคน เกิดเรื่องอะไร พี่น้องขอทานแบกรับไปด้วยกัน ต่อให้ถึงชีวิต พอเห็นว่าขอทานหนึ่งร้อยคนทำ พวกพี่คิดว่ากรณีนี้จะตัดสินยังไงล่ะ”
กู่เสี่ยวเป่าพูดจบ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีไปชั่วขณะ
เหมือนจะตัดสินไม่ได้จริงๆ คนพวกนี้ไปที่ไหนก็มีแต่เรื่อง
ห้องขังชั่วคราวล่ะมั้ง…อาจจะสร้างพื้นที่มากขนาดนั้นชั่วคราวได้ เรือนจำก็เป็นไปได้ แต่ก่อนจะไปอยู่ที่นั่นจะขึ้นศาลยังไงล่ะ
อีกทั้งต่อให้เป็นปัญหาของกลุ่มกลุ่มหนึ่ง คุณก็ตามหากลุ่มกลุ่มนั้นได้ แต่แก๊งขอทานแก๊งนี้…คุณจะไปหาใครล่ะ
เห็นพวกเขานิ่งเงียบไม่พูดจา กู่เสี่ยวเป่าก็เอ่ยยิ้มๆ “แก๊งขอทานตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว หัวหน้าแก๊งก็คือชื่อเรียก ฉันควบคุมทุกคนได้เหรอ เป็นพวกเขายินยอมพร้อมใจเองทั้งนั้น แถมตอนนี้ฉันยังอายุไม่ถึงสิบหก ทำไงได้ล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนพลันรู้สึกถึงการยอมตายกันไปข้างจากคำพูดนี้เล็กน้อย
เด็กคนนี้ดูไม่โดดเด่น แต่เมื่อตั้งใจขึ้นมา เรื่องที่จะทำก็เป็นเรื่องใหญ่ทั้งนั้น
“เสี่ยวเป่า ห้ามก่อเรื่องรุนแรงไปเด็ดขาดล่ะ เรื่องนี้อาจจะจบอย่างดีเลยก็ได้”
ที่ซ่งจื่อเซวียนพูดแบบนี้ ที่จริงก็มีเหตุผลของตนเอง
ตอนนี้เทคนิคควบคุมไฟพูดได้ว่าก้าวไปอีกขั้นแล้ว และอีกสองสามวันข้างหน้าเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นอีก จะศึกษาหนังสือสูตรอาหารด้วยเช่นกัน
ตอนที่ถึงศึกตัดสินกับเลคริเซียส ความสำเร็จของเขาเทียบกับก่อนหน้านี้สามารถนับได้ว่าเติบโตขึ้นเท่าตัว
อีกทั้งต่อให้ตอนนี้เลคริเซียสแข่งกับเขา เขาก็ยอมรับได้อย่างไม่กังวลอะไรเลย สาเหตุง่ายมาก เมื่อคืนที่พลังนั่นส่งมาที่ข้อมือ ทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ
กู่เสี่ยวเป่าได้ยินก็ยิ้ม “ฮ่าๆ ดูพี่รองตกใจสิ ฉันก็แค่พูดเอง แก๊งขอทานใหญ่ขนาดนี้ ฉันมีวิธีบางอย่างทำให้พวกเขานึกเสียใจอยู่ แถมต้องทำเรื่องนี้ด้วย”
ซ่งจื่อเซวียนถอนหายใจ มองออกว่ากู่เสี่ยวเป่าเกลียดคนพวกนั้นมาก
“เอาอย่างนี้ ฉันก็จะเตรียมตัวต่อกรกับเลคริเซียสไว้ล่วงหน้าเหมือนกัน ส่วนนาย…เสี่ยวเป่า จงอดกลั้นกับทุกสิ่ง อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เด็ดขาด”
“วางใจเถอะพี่รอง จริงสิ อวี่เหวินเซี่ยว เหลียงฮั่นคนนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“ขังไว้ตลอดตามที่สั่งแล้วครับ มัดมือมัดเท้าไว้อยู่ ก่อเรื่องไม่ได้หรอกครับ”
กู่เสี่ยวเป่าพยักหน้า “โอเค เราก็ดูไป ได้หาประสบการณ์จากพวกยอดฝีมือของแก๊งเสื้อผ้าสะอาดด้วย”
จากนั้น พวกเขาก็ออกมาจากห้องทำงาน เดินไปที่ห้องทำงานส่วนลึกของชั้นด้วยการนำทางของอวี่เหวินเซี่ยว
เพิ่งจะเดินเข้าไป ซ่งจื่อเซวียนก็ได้กลิ่นรา น่าจะเป็นห้องอเนกประสงค์ อีกทั้ง…ของมากมายตั้งไว้ที่นี่นานมาก ขึ้นราไปหมดแล้ว
อวี่เหวินเซี่ยวเปิดไฟ พวกเขาก็เห็นเหลียงฮั่นที่นั่งอยู่ตรงมุมผนัง ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้
ถึงอย่างไรเหลียงฮั่นก็สูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรกว่าๆ บวกกับน้ำหนักเกือบร้อยห้าสิบกิโลกรัม แม้จะนั่งอยู่ที่มุมผนัง ก็รู้สึกเหมือนบางอย่างที่เป็นก้อนใหญ่ๆ ก้อนหนึ่งนั่งอยู่…
ไฟที่จู่ๆ ก็สว่างทำให้เหลียงฮั่นปิดตาทันที แต่ยังคงโวยวาย
“หึ พวกแกคิดจะขังฉันแบบนี้ใช่ไหม มีฝีมือก็ไปจัดการกับกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดสิวะ แม่งอย่ามาจัดการฉัน”
ได้ยินดังนั้น กู่เสี่ยวเป่าก็ยิ้ม “น่าสนุกจริงๆ ของเล่นชิ้นใหญ่ขนาดนี้ถูกมัดไว้อยู่ ทำอะไรไม่ได้เลย”
เหลียงฮั่นถึงสังเกตได้ว่าคนพวกนี้ยังเป็นเด็ก เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยพิจารณากู่เสี่ยวเป่ารอบหนึ่ง
“แก…กู่เสี่ยวเป่า?”
กู่เสี่ยวเป่ายิ้มพลางเดินขึ้นหน้า “โอ้โห รู้จักฉันด้วยเหรอ”
“เหอะๆ หัวหน้าเฉินตามหาแกมาตลอด”
“หัวหน้าเฉิน? หัวหน้าเฉินคนนั้นอ่ะนะ แก๊งธงขาว? แก๊งมันฝรั่ง? หรือว่าแก๊งหมาโง่ล่ะ”
คำพูดคำจากู่เสี่ยวเป่าเหมือนเด็ก แต่ความหมายที่พูดออกมานั้นตรงมาก นั่นก็คือพวกแกไม่นับว่าเป็นแก๊งขอทาน!
“แก…ตามใจแกเถอะ แค่เด็กคนหนึ่ง ฉันคงคิดหยุมหยิมกับแกไม่ได้”
“เหอะๆ ไร้สาระ แกคิดหยุมหยิมกับฉันนั่นเรียกว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก พูดไปก็น่าอาย ก็เหมือนกับเฉินล่างแห่งแก๊งหมาโง่ของพวกแกนั่นไง!”
ได้ยินดังนั้น เหลียงฮั่นก็ขมวดคิ้ว “ต่อให้เป็นเด็ก ก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายจนสาหัสขนาดนี้ก็ได้มั้ง”
“ฉันเหรอ งั้นแกก็น่าจะลองถามเฉินล่างดูนะว่าตั้งแต่ปีที่แล้วจนตอนนี้หาคนจะมาตัดขาฉันกี่คนแล้ว ฉันด่ามันไปหลายประโยคก็ใจกว้างมากแล้ว”
กู่เสี่ยวเป่าเอามือไพล่หลังเดินในห้องทันที
“ฉันไม่ทะเลากับเด็กคนหนึ่งหรอกนะ!”
เหลียงฮั่นพูดจบ กู่เสี่ยวเป่าก็หยุดฝีเท้า ขมวดคิ้ว ใบหน้าเล็กๆ จริงจังขึ้นอย่างชัดเจน
“ข่งอวี้เซินมาตู้เหมินตั้งแต่เมื่อไร”
“หืม” เหลียงฮั่นที่ถูกถามอย่างกะทันหันงุนงงไป
“เฉินล่างอยู่ไหน แกมาจากที่ไหน ที่ข่งอวี้เซินมาตู้เหมินนอกจากฉันแล้วยังมีจุดประสงค์อื่นอีกไหม”
น้ำเสียงของกู่เสี่ยวเป่าเย็นชามาก ตอนนี้นอกจากเสียงที่ยังมีลักษณะเด่นของเด็กแล้ว อย่างอื่นก็เป็นท่าทางของผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ฉันให้เวลาแกคิดหนึ่งนาที สรุปแล้วค่อยบอกฉัน”
เหลียงฮั่นยิ้ม ส่ายหน้าพูด “แกเพิ่งจะอายุเท่าไร เรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากใครกัน หนังเหรอ หรือว่าวิดีโอตลก แกคิดว่าแกรู้เรื่องพวกนี้ได้หรือไง ตลกจริงๆ”
กู่เสี่ยวเป่ายิ้มเล็กน้อย “พี่รอง หลานชายคนโตของฉันเก่งมากใช่ไหม”
“หา?” ซ่งจื่อเซวียนตอบกลับอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“ก็แค่คนสอบสวนนี่ มีเขาแล้วจะขุดอะไรออกมาก็ได้หรือไง”
ซ่งจื่อเซวียนสบตากับฟางรุ่ย แววตากำลังเปล่งประกาย
ซางเทียนซั่ว นั่นไม่ใช่แค่คนสอบสวนธรรมดา แต่มีฝีมือมากทีเดียว…
ซ่งจื่อเซวียนส่งสายตาให้ฟางรุ่ย ฟางรุ่ยก็รีบหยิบโทรศัพท์โทรหาซางเทียนซั่วทันที
“ฮ่าๆๆ เด็กก็คือเด็ก ไม่ว่าแกจะเชิญใครมาก็เหมือนเดิม อย่างมากพวกแกก็เอาชีวิตฉัน แต่ฉันรับประกันได้ว่าพวกแกไม่กล้าหรอก!”
จู่ๆ เหลียงฮั่นก็พูดพลางหัวเราะลั่น
กู่เสี่ยวเป่าส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “เหอะๆ เหลียงฮั่นหนอเหลียงฮั่น แกตัวใหญ่ขนาดนี้ สมองคงใหญ่พอๆ กับแตงโมแล้ว หรือว่าในนั้นใส่แต่ขี้กับเยี่ยวเอาไว้เหรอ ฉันจะเอาชีวิตแกทำไม แกคู่ควรเรอะ”
“แก…”
“ฉันทำไม ท่าทางฉันจะแก้ไขอาการขี้เถียงของแกได้จริงๆ!”
“ฉันขี้เถียงเรอะ แกเป็นแค่เด็ก…”
“รั้นกับฉันให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันจะบอกแกให้นะเหลียงฮั่น ในกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดของพวกแก แกก็เป็นแค่อันธพาล แค่โดนเรียกว่าผู้อาวุโสเฉยๆ นั่นเป็นวิธีที่เฉินล่างนั่นใช้กับแกอยู่ ด้วยตำแหน่งของแก ในแก๊งขอทานไม่สมควรจะพูดคุยกับฉันด้วยซ้ำ!”
ตอนนี้เหลียงฮั่นไม่ได้พูดอะไร ความจริงก็เป็นอย่างนั้น กู่เสี่ยวเป่าเป็นหัวหน้าแก๊งขอทาน ผู้อาวุโสเหลียงฮั่นคนนี้เขายังไม่ได้อนุมัติ ก็ไม่ได้ถูกยอมรับ
พูดให้ถูก เหลียงฮั่นไม่มีคุณสมบัตินี้เลย
ตอนนี้เอง ฟางรุ่ยก็วางสาย หันหลังมามองซ่งจื่อเซวียน “นายท่านรอง เดี๋ยวเทียนซั่วมาครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า ขณะเดียวกันก็กำลังภาวนาให้ไอ้หัวโตนี่
ดูท่าไม่ใช่แค่ซางเทียนซั่ว กู่เสี่ยวเป่าก็ไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้ เขาไม่เพียงแค่เอาแต่เล่น ทว่ายังสามารถระดมพลคนใกล้ตัวที่โหดเหี้ยมมาเล่นกับเขาได้ ส่วนใครจะเป็นของเล่น…นั่นก็ถือว่าคนคนนั้นโชคร้ายแล้ว
ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเร่งด่วนนานแล้ว รถบนถนนน้อยลงมาก
ประมาณยี่สิบกว่านาที ซางเทียนซั่วก็มาถึงด้านล่างตึกเฉิงไฉ หลังอวี่เหวินเซี่ยวไปรับเขาขึ้นมา ก็ตรงมาที่ห้องอเนกประสงค์ทันที
เห็นซางเทียนซั่ว กู่เสี่ยวเป่าก็ยิ้มพูด “หลานชายคนโต งานของนายมาแล้ว!”
“เหอะๆ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพวกนายจะยังอยู่กันครบนะเนี่ย อาจารย์ รุ่ยจื่อบอกว่ามีเรื่องด่วนผมเลยรีบมา นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
เห็นเหลียงฮั่นที่นั่งอยู่ตรงมุมผนัง ซางเทียนซั่วแสร้งทำเป็นเมินประโยคนั้นของกู่เสี่ยวเป่า เดินตรงไปหาซ่งจื่อเซวียน
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้ายิ้มบางๆ “อืม ทำงานเถอะ เดี๋ยวนายฟังเสี่ยวเป่าก็ได้”
“ได้ ขอทานน้อย ให้ฉันทำอะไรล่ะ”
เหลียงฮั่นมองซางเทียนซั่ว ก็ไม่ได้เห็นว่าโดดเด่นอะไร ไม่ใช่คนที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ในร้านอาหารวันนั้นหรอกเหรอ
เขาแค่นเสียงทันที สีหน้าดูถูก
กู่เสี่ยวเป่าพูด “ไอ้หมอนี่ ฉันถามเขาไปหลายคำแล้ว หลานชายคนโต นายคงทำให้เขาพูดออกมาได้ ไม่เกินความสามารถหรอก”
“หา? ง่ายๆ ขอทานน้อย มาคุยกันให้ชัดๆ หน่อย นายพูดมา ถ้าฉันช่วยนายทำให้เขาพูด นายจะให้อะไรฉันล่ะ” ซางเทียนซั่วถาม
ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้มเช่นกัน ซางเทียนซั่วมา นี่ไม่ใช่การแสดงละครคนเดียวของกู่เสี่ยวเป่าแล้ว เด็กสองคนนี้ใจเหี้ยมพอกัน
กู่เสี่ยวเป่าครุ่นคิด “ไม่งั้นฉันให้นายเป็นผู้อาวุโสของแก๊งขอทานของฉันไหม”
“หา? ผู้อาวุโส…ฟังแล้วได้อยู่นะ เจ๋งไหมล่ะ” ซางเทียนซั่วพูด
“โคตรจะเจ๋ง ออกจากบ้านก็มีขอทานทั้งหมดคอยเอาใจ”
“ไสหัวไปเลย ข้าไม่อยากเป็นขอทาน” ซางเทียนซั่วพูดถ่มน้ำลาย
กู่เสี่ยวเป่าคิดอีกรอบครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ไม่งั้นเอางี้แล้วกัน นายช่วยฉันรอบหนึ่ง ตอนไอ้ฝรั่งนั่นมาหาเรื่องพี่รอง ฉันจะส่งคนไปช่วยพวกนาย เป็นไง”
“ได้ ดีล ไม่มีปัญหา!”
ได้ยินว่าช่วยซ่งจื่อเซวียน ซางเทียนซั่วย่อมเต็มใจ หันหลังเดินไปหาเหลียงฮั่นพร้อมกับรอยยิ้มสุดจะบรรยาย
ตอนนี้เหลียงฮั่นกลับรู้สึกว่าเมื่อครู่ตนเองคิดผิดไปหรือเปล่า รอยยิ้มบนหน้าไอ้หมอนี่…ทำไมถึงน่ากลัวขนาดนั้นล่ะ
…………………………………………
……….