เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 30 ชนแก้ว! ชนแก้ว!
ตอนที่ 30 ชนแก้ว! ชนแก้ว!
จู่ๆ ซ่งจื่อเซวียนก็คิดอย่างนี้ แต่จับมือไปแล้วจะปล่อยมือก็ไม่ดี แม้ว่าจับมือคนเขาแบบนี้จะไม่มีมารยาทอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้จะปล่อยมือแบบหุนหันพลันแล่นก็ดูเหมือนจะเสียมารยาทอีกรอบ
แต่ไม่ปล่อยมือ…ซ่งจื่อเซวียนก็อึดอัดใจจริงๆ ไม่รู้ว่าคนเขาเต็มใจไหม สับสนวุ่นวายจริงๆ
และถังหย่าฉีก็เช่นเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่เธอถูกจับมือ กระทั่งไม่ได้เตรียมใจด้วยซ้ำ ตอนแรกคิดจะดึงมือกลับมา แต่จะดึงกลับมาดื้อๆ จะเป็นการไม่ให้เกียรติซ่งจื่อเซวียนหรือเปล่า
แต่ถ้าไม่ดึงกลับมา…อีกฝ่ายจะคิดว่าตนเองเป็นผู้หญิงง่ายๆ หรือเปล่านะ ในใจเธอสับสนวุ่นวายไม่น้อยไปกว่าซ่งจื่อเซวียนเลย
ทั้งสองลากกันเดินไปข้างหน้าอย่างนี้ แต่ความเร็วไม่ได้เท่าเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งท่าทางจับจูงมือกันเดินก็อึดอัดเกินบรรยาย
“พวกเรา…จะไปยังไง” สุดท้ายถังหย่าฉีก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน
“ฮะ อ๋อ เดินไปกันเถอะ ไม่ไกล” ซ่งจื่อเซวียนใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ปล่อยมือถังหย่าฉี ถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา
“เดิน…เดินเหรอ” ถังหย่าฉีอดชะงักไม่ได้ ถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่อย่างเธอ ออกจากบ้านก็มีคนคอยรับคอยส่งโดยเฉพาะ
“ทำไมล่ะ เธอไม่อยากเดินเหรอ ไม่อย่างนั้นพวกเรานั่งรถเมล์ไปกันไหม” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลาง หยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าๆ ออกมาดูนาฬิกาแวบหนึ่ง “ยังมีรถรอบสุดท้ายอยู่ ไปกันเถอะ”
“ไม่ๆๆ ฉันไม่ได้ไม่อยากเดิน งั้นเดินไปกันเถอะ” ถังหย่าฉีพูดด้วยยิ้มน้อยๆ ขณะเดียวกันก็ทำสัญญาณมือไปด้านข้าง ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้รู้ตัวเลย รถเก๋งสีดำคันหนึ่งขับมาจอดเบื้องหน้าทั้งสองทันที
เห็นสัญญาณมือของถังหย่าฉี คนขับรถเก๋งก็เหยียบเบรก ไม่ได้เข้าไปใกล้อีก
สถานที่ที่ซ่งจื่อเซวียนพูดถึงคือตลาดกลางคืนที่หนึ่ง อยู่ในเขตตะวันตกของเมืองที่ไม่ห่างจากหมู่บ้านหลี่จวงที่เขาอยู่นัก คราวก่อนที่มาก็มากับฟางจิ่งจือ หลายปีก่อนชายชราแข้งขายังคล่องแคล่วอยู่บ้าง มักจะพาเขามาหาอะไรกินนิดๆ หน่อยๆ
สองปีมานี้ไม่ไหวแล้ว เป็นเขาที่กตัญญูซื้อของอร่อยเข้าไปที่บ้านชายชราทั้งนั้น ถึงอย่างไรเมื่อแก่แล้ว ทุกปีก็แย่ลงเรื่อยๆ
เดินมาเกือบครึ่งชั่วโมง ซ่งจื่อเซวียนเคยชินแล้ว แต่ถังหย่าฉีก็ไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อย กลับกันข้างๆ ยังมีรถสีดำขับตามทั้งสองมาช้าๆ เป็นครั้งคราว พยายามให้ถังหย่าฉีขึ้นรถ แต่ถังหย่าฉีทำมือปฏิเสธ
เห็นตลาดกลางคืนกลางแจ้งข้างหน้า ถังหย่าฉีก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที “ว้าว คึกคักจริงๆ ซ่งจื่อเซวียน ที่นี่ที่ไหนเหรอ”
“เหอะๆ คุณหนูใหญ่อย่างเธอไม่เคยมาที่นี่แน่เลย ลองดูหน่อยไหม”
ถังหย่าฉีพยักหน้าอย่างแรง “เอาสิ!”
ทั้งสองเดินเข้าไปในตลาดกลางคืน หาอยู่นานถึงจะหาร้านดีๆ ได้ พนักงานก็เดินมาทันที “ไอ้หยา นี่ไม่ใช่เจ้ารองหรอกเหรอ ไม่ได้มานานเลยนี่ใช่ไหม”
“ใช่ครับ พี่หยาง ยังขายดีอยู่ไหมครับ” ซ่งจื่อเซวียนพูดคุยด้วยรอยยิ้ม
“ดีอยู่ ยุ่งทุกวันไม่จบไม่สิ้น ต้องฟ้าสว่างก่อนถึงจะเก็บแผงได้ จริงสิ สุขภาพตาเฒ่าเป็นยังไงบ้าง พักนี้ไม่เห็นแกมาเลยนะ”
“ตาเฒ่ายังร่างกายแข็งแรงดีอยู่ครับ แต่อายุมากแล้ว บวกกับตอนนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วง ผมก็ไม่ค่อยอยากให้เขาออกมาเท่าไร เดี๋ยวย่างให้ผมกลับบ้านสักสองสามไม้ ผมจะเอาไปฝากเขาน่ะครับ”
“ได้เลย นายกตัญญูนะเนี่ย” พี่หยางพูดด้วยรอยยิ้ม เอาใบเมนูส่งให้ซ่งจื่อเซวียนทันที “สั่งอาหารเถอะ เดี๋ยวพี่ชายจะให้เบียร์นายขวดหนึ่ง”
“ฮ่าๆ ขอบคุณครับพี่หยาง!”
ซ่งจื่อเซวียนถามถังหย่าฉีว่าอยากกินอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าถังหย่าฉีไม่มีประสบการณ์ในที่แบบนี้เลยสักนิด ดังนั้นจึงให้เขาสั่งทั้งหมด
แต่สำหรับสภาพแวดล้อมแบบนี้ ถังหย่าฉีกลับตื่นเต้นมาก เทียบกับร้านอาหารใหญ่หรือภัตตาคารใหญ่ที่เธอมักจะเข้าๆ ออกๆ บ่อยๆ เห็นได้ชัดว่ายิ่งที่นี่ติดดินก็ยิ่งทำให้รู้สึกสบายใจ
“เอ๊ะ ซ่งจื่อเซวียน นั่นคืออะไรเหรอ” ถังหย่าฉีถามพลางชี้เบียร์ทาวเวอร์อีกโต๊ะ
“อ้อ นั่นเบียร์น่ะ ทาวเวอร์นี่พอๆ กับสี่ถึงห้าขวด เมื่อก่อนอาจารย์ฉันกับฉันมาที่นี่ก็จะสั่งมาดื่ม” ซ่งจื่อเซวียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ น่าสนุกจัง เราสองคนก็จัดสักที่[1]ไหม”
ถังหย่าฉีพูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็ชะงักไป ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าซ่งจื่อเซวียนเป็นเด็กซื่อ แต่เด็กซื่อไม่ได้เท่ากับซื่อบื้อ อีกความหมายของประโยคนี้เขาก็ฟังออก…
พี่หยางข้างๆ ขบขัน พูดว่า “เจ้ารอง แฟนนายเปิดเผยดีนะ”
ได้ยินประโยคนี้ ถังหย่าฉีก็หน้าแดงทันควัน เหมือนกับรู้ตัวแล้วว่าเมื่อครู่ตนเองพูดจาไม่เหมาะสม…
“ฉันหมายถึง จัดมาทาวเวอร์หนึ่ง จากนั้นพวกเราก็กินด้วยกันไง” พูดพลาง ถังหย่าฉีก้มหน้าแดงๆ ลง พึมพำเบาๆ ว่าทำไมคำคำนี้มันถึงอนาจารขนาดนี้นะ…
“อ้อ โอเค” ซ่งจื่อเซวียนรีบตอบรับ เพื่อไม่ให้ถังหย่าฉีอึดอัด
สั่งอาหารเสร็จ ซ่งจื่อเซวียนพิงพนักเก้าอี้ หยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง ถามว่า “สูบบุหรี่ได้ไหม”
“นายสูบบุหรี่เหรอ นายเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง เราสองคนดูแล้วไม่น่าจะต่างกันเท่าไรนี่” ถังหย่าฉีค่อนข้างแปลกใจ ถึงอย่างไรในสายตาของเธอ ซ่งจื่อเซวียนยิ่งเหมือนเด็กนักเรียน อีกทั้งดูแล้วไม่เหมือนกับนักเรียนเกเรที่สูบบุหรี่ด้วย
“สิบแปดแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เรียนแล้วล่ะ สูบบุหรี่ก็นับว่าปกติมั้ง” พูดพลาง ซ่งจื่อเซวียนก็จุดไฟ
ถังหย่าฉีเบ้ปาก “งั้นดีที่สุดก็อย่าสูบ ฉันไม่ได้กลัวกลิ่นบุหรี่ พ่อฉันก็สูบบุหรี่เหมือนกัน แต่สูบบุหรี่ไม่ดีกับร่างกายนะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม ไม่พูดอะไรอีก ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้สูบบุหรี่บ่อย เพียงแค่ตอนที่อึดอัดแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรจริงๆ
ถังหย่าฉีกลับเหมือนได้เปิดโลกใหม่ ตากลมโตมองไปรอบๆ ไม่หยุด เหมือนกับเด็กเพิ่งเกิดอย่างไรอย่างนั้น มองอะไรก็คิดว่าแปลกใหม่ไปหมด
ไม่นานนัก พี่หยางก็ยกจานปิ้งย่างเสียบไม้ตามด้วยเบียร์ทาวเวอร์อันใหญ่มาวางบนโต๊ะ
สำหรับซ่งจื่อเซวียนแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาสั่งอาหารขนาดนี้ ถือว่าผลาญเงินเหมือนผลาญดินได้เลย
เมื่อก่อน ปกติฟางจิ่งจือจะสั่งเนื้อสิบไม้นอกนั้นจะเพิ่มถั่วลิสงมาอีกจาน เขาจะกินสุรากับถั่วลิสงเป็นหลัก เนื้อย่างสิบไม้มีแปดไม้ที่ให้ซ่งจื่อเซวียน
แต่วันนี้ไม่เหมือนวันนั้น ในมือซ่งจื่อเซวียนมีเงินแปดหมื่นหยวนร้อนๆ อยู่ ใช้สักร้อยสองร้อยเลี้ยงข้าวถังหย่าฉีสักมื้อยังพอได้อยู่
ซ่งจื่อเซวียนรินสุราเต็มแก้ว พูดว่า “ฉันจะดื่มของฉัน เธอก็ดื่มน้อยหน่อย กินปิ้งย่างเยอะๆ”
ถังหย่าฉีได้ยินก็กลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง กระดกรวดเดียวหมดแก้ว ยกแก้วทันทีแล้วพูดว่า “นายดูถูกใครอยู่ยะ ชนแก้ว!”
ซ่งจื่อเซวียนชะงัก “อย่างเธอเคยกินเหล้าด้วยเหรอ แต่ที่อยู่ของเธอฉันยังไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหน ถ้าเธอดื่มเยอะ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะส่งเธอกลับบ้านยังไงนะ”
“นายนี่ช่างดูถูกคนอื่นจริงๆ ฉันดื่มแล้วนายก็ตามสบายเลย!”
พูดจบ ถังหย่าฉีก็เงยหน้ากระดกสุราแก้วหนึ่งลงไป ซ่งจื่อเซวียนถลึงตาทั้งสองขึ้น ไม่อยากจะเชื่อ สาวน้อยที่กล้าได้กล้าเสียตรงหน้านี้เป็นคนเดียวกับนางฟ้าก่อนหน้านี้จริงๆ เหรอ
ดื่มสุราเสร็จ ถังหย่าฉีก็ไม่ลืมหยิบเนื้อวัวย่างขึ้นมาไม้หนึ่ง จากนั้นรูดเข้าปากไปคำใหญ่
ซ่งจื่อเซวียนมึนแล้วจริงๆ เขายกแก้วสุราขึ้นพยายามดื่มรวดเดียว ยิ้มออกมาทันที พูดว่า “เธอก็ใช้ได้นี่ ฉันดูถูกเธอไปแล้วจริงๆ ยังดื่มได้อีกไหม”
“หึ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
ทั้งสองชนแก้วกันอีกแก้ว สุราสองแก้วลงท้องไป ก็ผ่อนคลายกว่าเมื่อครู่แล้วบ้าง ถังหย่าฉีพูดว่า “ขอบคุณนายที่พาฉันมาที่นี่นะ วันนี้ฉันเลี้ยงนายเอง เราสองคนดื่มให้เมากันไปเลยดีไหม”
“เธอเลี้ยงฉันอะไร วันนี้ฉันเลี้ยงเธอสิ แต่พวกเราตกลงกันแล้วว่าอย่าดื่มเยอะ เธอดื่มอีกแก้วหนึ่งก็ไม่ควรดื่มแล้ว กินปิ้งย่างเสียบไม้ให้มากหน่อยสิ” ซ่งจื่อเซวียนไม่ลืมเอ่ยกำชับ
ถังหย่าฉีโบกมือ “ไม่เอาสิ คุยกันแล้วนี่ว่าฉันเลี้ยงนายเป็นการไถ่โทษเรื่องคราวที่แล้วไง”
พูดจบ เธอก็หยิบขึ้นมากินอีกไม้ “อันนี้อร่อยจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่านายจะรู้จักที่ดีๆ อย่างนี้”
“ฮ่าๆ คนเขารู้จักกันเยอะแยะ เป็นเพราะคุณหนูใหญ่อย่างเธอไม่มีโอกาสมามากกว่า” ซ่งจื่อเซวียนพูดกลั้วหัวเราะ
“ไม่เคารพคนอื่นเอาซะเลย ต้องโดนสุราลงทัณฑ์!”
“ก็ได้ๆๆ สุราลงทัณฑ์!”
ไม่ไกลนัก คนขับรถเก๋งกำลังมองภาพที่ทั้งสองคนกินดื่มกันอยู่ อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ ต้องรู้ว่าเขาไม่เคยเห็นคุณหนูเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย…
เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องยุ่งยาก เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์โทรเบอร์หนึ่ง “บอสครับ ผมไต้ทง
“พูดต่อเลย ฉันยุ่งอยู่” อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ส่งเสียงชายวัยกลางคนคนหนึ่งออกมา เสียงของชายคนนี้สุขุมนุ่มลึก โทนเสียงเพราะมาก เหมือนกับแค่ฟังจากเสียงก็นึกภาพออกว่านั่นจะต้องเป็นชายคนหนึ่งที่มีรัศมีไม่ธรรมดาแน่นอน
“ครับ บอส วันนี้คุณหนูรับประทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งอยู่นานมากถึงจะออกมา อีกทั้งตอนนี้ยังดื่มแอลกอฮอล์อยู่กับคนอื่นด้วยครับ ผมดูแล้วคงไม่ใช่ว่า…”
“หย่าฉีดื่มแอลกอฮอล์เหรอ เหอะๆ ก็ดี เด็กคนนี้ปกติไม่ชอบออกไปข้างนอก นัดกับพี่สาวน้องสาวสักคนก็คงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างเธอก็คอแข็งพอใช้ได้อยู่แล้ว นายแค่รับผิดชอบขับรถก็พอ” ชายคนนั้นพูด
“ครับ บอส ที่สำคัญที่สุดก็คือ…คนที่ดื่มแอลกอฮอล์กับคุณหนูเป็นเด็กผู้ชายครับ”
“อะไรนะ ผู้ชาย? ที่ไหน”
“ริมถนนตลาดกลางคืนที่เฉิงซีครับ”
“ริมถนน? เด็กคนนี้เป็นอะไรไปแล้ว ทำไมถึงไปที่แบบนั้นได้ สุขอนามัยก็ย่ำแย่ อาหารก็แย่ จริงๆ เลย ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” ชายคนนั้นถาม
“พวกเขาดื่มกันไปหลายแก้วแล้ว ผมดูแล้วคุณหนูสนุกพอตัวเลยครับ ให้ผมเข้าไปห้ามสักหน่อยไหมครับ” ไต้ทงพูด
ชายคนนั้นเงียบไปหลายสิบวินาที พูดว่า “เอาอย่างนี้แล้วกันไต้ทง นายก็คอยดูอยู่ไกลๆ ไม่ต้องไปพูดอะไร หย่าฉีเด็กคนนี้…จากความเข้าใจของฉัน ถ้านายเข้าไปห้าม เธอจะเสียหน้า นายแค่ต้องจ้องเอาไว้ รอเสร็จเรื่องค่อยส่งเธอกลับบ้านให้ปลอดภัย เข้าใจไหม”
“ครับ บอส!”
พริบตาเดียว ทั้งสองก็ดื่มไปคนละห้าหกแก้ว เบียร์ก็เหลือแค่ก้นทาวเวอร์แล้ว
ซ่งจื่อเซวียนผ่อนลมหายใจ พูดว่า “สนุกเนาะ ไม่ดื่มขนาดนี้มานานแล้ว ยังจะเอาอีกไหม”
“เอาสิ กลัวที่ไหน!” ถังหย่าฉีพูดอย่างตื่นเต้น
วันปกติ ถังหย่าฉีเคยติดตามพ่อไปร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลอยู่บ้าง ได้ดื่มสุราตะวันตกบ้างเป็นครั้งคราว ตั้งแต่นั้นมาพ่อก็รับรู้ว่าเธอคอแข็งใช้ได้เลยทีเดียว เพียงแต่วันนี้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ อาหารและสุราเกรดล่างเช่นนี้กลับทำให้ถังหย่าฉีรู้สึกว่าการดื่มสุราเป็นเรื่องสนุกจริงๆ
“จริงสิ ซ่งจื่อเซวียน ไม่ใช่ว่านายรู้เรื่องประวัติศาสตร์มากเหรอ ฉันลองทดสอบนายดีกว่า” ถังหย่าฉีพูดพลางกินเนื้อย่างเสียบไม้ไป ไม่เหลือรัศมีคุณหนูใหญ่แล้ว ถ้าโยนตัวตนและเส้นสายที่มีชื่อเสียงทิ้งไป กลับเหมือนสาวน้อยขี้เมาจริงๆ
“เอาสิ มาเลย!”
ถังหย่าฉีครุ่นคิด “ในสมัยโบราณ ลูกสาวของจักรพรรดิจะถูกเรียกว่ากงจู่[2] แล้วทำไมจนกระทั่งถึงราชวงศ์ชิงถึงได้เรียกว่าเก๋อเก๋อล่ะ”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้ม “ก่อนอื่นแก้คำพูดของเธอก่อนสักหน่อย คำถามนี้มีปัญหา”
“หืม คำถามของฉันมีปัญหาอะไร” ถังหย่าฉีมุ่ยปาก พูดฮึดฮัด
“ลูกสาวของจักรพรรดิเรียกว่ากงจู่จริงๆ แต่จนถึงราชวงศ์ชิงที่เป็นชาวแมนจู ก็ไม่ได้เรียกเก๋อเก๋อไปหมดทุกภาคส่วน ตงกั่วเก๋อเก๋อลูกสาวคนโตและเนิ่นเจ๋อเก๋อเก๋อลูกสาวคนที่สองของจักรพรรดิชิงไท่จูหนี่ว์เอ่อร์ฮาชื่อ[3]ก็ถูกเรียกว่าเก๋อเก๋อกันหมด แต่มาจนถึงจักรพรรดิไท่จง[4] ก็เริ่มมีการเลียนแบบ เรียนรู้ระบอบการปกครองและประเพณีของราชวงศ์หมิงแล้ว อย่างเช่นกู้หลุนกงจู่หรือเหอซั่วกงจู่ หลังจากนั้น ถึงแม้ว่าจะยังมีการเรียกขานว่าเก๋อเก๋อ แต่ก็ไม่ได้เป็นทางการ ดังนั้น…”
ซ่งจื่อเซวียนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “คำถามของเธอมีปัญหา!”
รอยยิ้มชั่วร้ายนี้ในสายตาของถังหย่าฉีไม่ได้ทำให้รู้สึกรังเกียจเลย แต่กลับทำให้เธอรู้สึกชื่นชมขึ้นมาทันทีแทน สำหรับเด็กสาวที่อายุเท่านี้ โดยเฉพาะคนอย่างถังหย่าฉี คนที่พอจะทำให้เธอชื่นชมได้ต้องเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษแน่นอนอยู่แล้ว
……………………………………….
[1] สักที่ (来一泡) ตรงนี้ที่ผู้พูดหมายถึงสั่งมาสักทาวเวอร์ แต่ก็สามารถหมายถึงการชวนไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งได้เช่นกัน
[2] กงจู่ (公主) หรือเก๋อเก๋อ (格格) แปลว่าเจ้าหญิง
[3] จักรพรรดิชิงไท่จูหนี่ว์เอ่อร์ฮาชื่อ (太祖努尔哈赤) หรือเกาหวงตี้ (高皇帝) พระนามเดิม อู่หวงตี้ (武皇帝) จักรพรรดิคนแรกของราชวงศ์ชิง ครองราชย์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1616 ถึง ค.ศ.1626
[4] จักรพรรดิไท่จง (太宗皇帝) หรือหวงไท่จี๋ (皇太極) จักรพรรดิคนที่สองของราชวงศ์ชิง ครองราชย์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1626 ถึง ค.ศ.1643 เป็นจักรพรรดิที่เปลี่ยนชื่อเป็นราชวงศ์ชิง