เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 294 ผมแค่อยากแข่งขันกับคุณเท่านั้น
ตอนที่ 294 ผมแค่อยากแข่งขันกับคุณเท่านั้น
……….
มองดูก้อนน้ำแข็งตัวดื้อที่ค้างอยู่สามวินาที ซ่งจื่อเซวียนจึงทรุดนั่งลงบนพื้น หายใจหอบใหญ่
ตอนนี้ใบหน้าของเขามีแต่ความเหนื่อยล้าและอ่อนแรง แต่ที่มากสุดคือความจนใจ
เขาไม่เคยรู้สึกจนใจสุดๆ แบบนี้มาก่อน
การละลายของน้ำแข็งก้อนนั้นสุดท้ายแล้วคือขั้นตอนทางฟิสิกส์ ถ้าอยากจะให้มันละลายหมดตามวิธีของตนอย่างสมบูรณ์นั้นก็ยากเหมือนขึ้นสวรรค์จริงๆ
เวลาสิบสองวินาที ซ่งจื่อเซวียนทำลายสถิติของตัวเองอีกครั้ง ขณะเดียวกันพลังกายและพลังจิตของตัวเองก็ใช้ถึงขีดจำกัดแล้ว
“นายท่านรองเป็นยังไงบ้าง”
ฟางรุ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
ซ่งจื่อเซวียนพลันยิ้มให้ ส่ายหน้าแล้วยกมือปาดเหงื่อบนใบหน้า
“ไม่เป็นไร ต้องลองดูอีกรอบ แต่วันนี้คงจะไม่ได้แล้ว รุ่ยจื่อ ประคองฉันขึ้นไปพักผ่อนแป๊บหนึ่งที”
“ได้เลย”
กลับมาถึงห้องทำงาน ซ่งจื่อเซวียนก็เข้าสู่การนั่งสมาธิทันที
แต่อาจจะเป็นเพราะครั้งนี้ใช้พลังไปหมดแล้ว ถึงขนาดที่ว่ายากที่จะทำสมาธิได้
ซ่งจื่อเซวียนจึงเอนตัวพิงโซฟาแล้วนอนหลับทันที
มองดูซ่งจื่อเซวียน ฟางรุ่ยก็สงสาร หยิบเสื้อคลุมหนึ่งตัวมาห่มกายให้เขา แล้วจึงหันตัวเดินออกไป กลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของเขา
จนกระทั่งตอนเช้าของวันถัดมา ซ่งจื่อเซวียนก็ยังไม่ตื่นนอน แต่เขากลับไม่ได้สังเกตว่าตอนที่นอนหลับนั้น สมรรถภาพร่างกายของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทีละนิด
ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังหรือจิตใจ เหมือนเกิดใหม่เป็นครั้งที่สอง เกิดการพัฒนาด้วยตัวเอง
…………….
ภายในรถโรลส์รอยซ์คันหนึ่ง เลคริเซียสมองร้านอาหารที่อยู่ฝั่งถนนตรงข้าม อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ร้านอาหารของซ่งจื่อเซวียนเป็นแบบนี้เหรอ เหอะๆ รู้สึกผิดหวังจริงๆ”
“เหอะๆ คุณเลคริเซียส สถานการณ์ปัจจุบันในจีนเป็นแบบนี้จริงๆ ถึงแม้คุณจะเน้นย้ำว่าตลาดจีนมีทองคำไปทั่ว แต่ล้าหลังก็คือล้าหลัง ร้านอาหารแบบนี้ไม่มีทางขายดีในประเทศอเมริกาเลยด้วยซ้ำ”
เลคริเซียสยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ก็ไม่แน่ ร้านอาหารจีนในไชน่าทาวน์ก็เป็นแบบนี้ ดูแล้วคงจะสกปรกไปตลอด ฉันเคยคิดว่าจะไม่ไปลองตลอดชีวิต แต่ตอนหลังก็ทนไม่ไหวไปลองกินหนึ่งครั้ง นับตั้งแต่นั้นมา…ฉันก็เริ่มศึกษาอาหารจีน”
“คุณเลคริเซียส ความหมายของคุณคือ?”
“สำหรับอาหารจีน ยิ่งเป็นอาหารที่อร่อยมากเท่าไร ก็มักจะอยู่ในสถานที่ที่ไม่น่าสนใจ ดูเหมือนเป็นร้านสกปรก”
“คุณอยากจะไปลองใช่ไหม”
เลคริเซียสส่ายหน้าพลางยิ้ม “ไม่ ไม่แน่นอน ระดับอาหารจีนของฉันในตอนนี้อยู่ในจุดสูงสุดแล้ว ฉันไม่สนใจเมนูของเชฟพวกนี้เลยสักนิด เว้นเสียแต่ว่า…ซ่งจื่อเซวียนจะทำด้วยตัวเอง ฉันอยากจะลองชิมรสชาติของข้าวผัดจักรพรรดิดู”
“เหอะๆ แต่เท่าที่ผมรู้ ข้าวผัดจักรพรรดิไม่ได้ขายมานานมากแล้ว แต่ผมไม่แน่ใจว่าทำไมซ่งจื่อเซวียนถึงยอมทิ้งผลประโยชน์ที่เยอะขนาดนี้ ได้ยินว่าข้าวผัดจานนั้นแพงมาก”
“ใช่แล้ว ต้องหนึ่งร้อยดอลลาร์ขึ้นไป อาหารประเภทนี้ในประเทศอเมริกาจะเห็นอยู่บนโต๊ะของร้านอาหารมิชลินสตาร์เท่านั้น แต่ในประเทศจีน…กลับอยู่ตามถนนและตรอกซอย อ้อใช่ฮันเตอร์ ข้อมูลของโจวไม่มีปัญหาใช่ไหม แน่ใจนะว่าร้านนี้คือร้านของซ่งน่ะ” เลคริเซียสถาม
ฮันเตอร์หยิบโทรศัพท์ออกมา “ผมจะโทรหาโจวเอง”
จากนั้น เขาก็โทรศัพท์ไปหาโจวเผิง แต่กลับโดนตัดสายอย่างรวดเร็ว
“มีอะไร”
“เขาตัดสายของผม”
“หืม ไม่มีเหตุผลเลย คนจีนคนนี้ไม่น่าจะหลอกลวงพวกเรานะ” เลคริเซียสกล่าว
ฮันเตอร์ขมวดคิ้ว “หึ หรือว่าได้เงินแล้วก็เลยติดต่อไม่ได้ ถ้างั้นที่เขาพูดก่อนหน้านั้นก็คงจะโกหกทั้งหมด”
เลคริเซียสกลับส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่หรอก คนประเภทนี้หาเงินจากการขายข้อมูล อาจจะไม่ถึงขั้นจริงใจ แต่ก็ไม่ขายข้อมูลปลอม”
“ผมไม่รู้ว่าคุณเอาความมั่นใจมาจากไหน คุณถึงมั่นใจในตัวเขาขนาดนี้ แต่ผมรู้สึกว่าพวกเราโดนหลอกแล้ว”
เป็นดังคาด เวลาไม่ถึงครึ่งนาที โจวเผิงก็เดินออกมาจากในร้าน
“เหอะๆ นายดูสิ เพื่อนของพวกเราออกมาแล้ว”
โจวเผิงมองรถโรลส์รอยซ์คันนั้นจากไกลๆ แวบหนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปอีกทาง
“เขาไปไหนน่ะ ไม่คิดจะมาเจอพวกเราเหรอ” ฮันเตอร์พูด
เลคริเซียสยิ้มบางๆ “ไม่หรอก เพื่อนของพวกเราไม่ค่อยสะดวกจะให้เจอหน้า ฮันเตอร์ ขับรถที ขับตามเขาไป”
โจวเผิงเดินออกจากประตูแล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปถึงหน้าปากซอยเล็กแห่งหนึ่งแล้วจึงหยุดเดิน จากนั้นจุดบุหรี่หนึ่งมวนทันที
เมื่อเห็นดังนั้น เลคริเซียสจึงผลักประตูลงมา เดินไปหาโจวเผิง
“โจว นั่นคือร้านอาหารของซ่งจื่อเซวียนใช่ไหม” เลคริเซียสถาม
โจวเผิงพยักหน้า “ถูกต้องครับ แต่คุณเลคริเซียส พวกคุณไม่ควรมาโดยไม่ติดต่อผมก่อนนะ แบบนี้จะสร้างความยุ่งยากให้กับผม”
“ผมจะทำอะไรก็ต้องติดต่อคุณก่อนงั้นเหรอ คุณโจว ความหมายของคุณคือ…ผมต้องเชื่อฟังคุณงั้นเหรอ” เลคริเซียสพูด
โจวเผิงรีบโบกมือทันที “ไม่ๆๆ คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมขายข้อมูลให้คุณ เข้าใจไหมครับ”
เลคริเซียสยักไหล่ “ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ ผมก็เอาชนะซ่งจื่อเซวียนได้สบาย แล้วยังจะต้องกลัวอะไรอีก”
“ต้องยอมรับว่า ผมทำเงินก้อนได้จากคุณ แต่ผมก็ต้องทำงานอยู่ คุณทำแบบนี้จะทำให้ผมตกงานได้ครับ” โจวเผิงตอบ
โจวเผิงไม่สนใจงานในร้านอาหารร่ำรวยอยู่แล้ว แต่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ เขาต้องการเงินเดือนของร้านอาหารร่ำรวยจริงๆ นี่คือสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลย
“อ๋อโอเค ผมจะไม่ให้คนอื่นรู้ ผมแค่อยากจัดการซ่งจื่อเซวียนเท่านั้น ส่วนงานของคุณ…เหอะๆ คุณทำต่อไปได้เลย”
เลคริเซียสพูดยิ้มๆ
“คุณเลคริเซียส ความจริงผมหวังว่าคุณจะมีอีกเหตุผลหนึ่งถึงได้ติดต่อผมก่อน ตอนนี้ผมหวังว่าจะสืบเจอร้านอาหารอื่นของซ่งจื่อเซวียน เพราะตอนนี้เขาไม่มาที่นี่เลยด้วยซ้ำ”
เลคริเซียสฟังแล้วจึงหันไปมองร้านอาหารร่ำรวย “ถ้างั้นเขาอยู่ที่ไหน”
“ผมคิดว่าผมสืบได้ ถึงตอนนั้นผมจะบอกคุณเอง แต่…ข้อตกลงเดิมนะครับ คิดเงิน”
เลคริเซียสพลันหัวเราะขึ้นมา “ผมชอบทำธุรกิจกับคนอย่างคุณ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการอะไรพวกนี้เลย ผมเชื่อว่าถึงแม้ซ่งจื่อเซวียนจะไม่อยู่ที่นี่ ผมก็เข้าไป…รอเขาได้”
“รองั้นเหรอ เขาไม่มาหลายวันแล้ว คุณจะยอมรอต่ออีกงั้นเหรอ”
“เหอะๆ โจว คุณไม่ค่อยเข้าใจสไตล์การทำงานของผม ผมจะรอด้วยวิธีของผม ซ่งจื่อเซวียน…จะต้องปรากฏตัวแน่นอน”
พูดจบ เลคริเซียสก็ยิ้มอย่างมั่นใจให้โจวเผิง จากนั้นเตรียมเดินกลับไปที่รถ
โจวเผิงอึ้งไปแต่เรียกสติกลับมาได้ทันที “รอผมกลับเข้าไปก่อนแล้วคุณค่อยเข้าไป!”
เขาพูดจบก็ทิ้งก้นบุหรี่แล้ววิ่งกลับไป ถ้าเขากับเลคริเซียสกลับไปพร้อมกัน คนพวกนั้นไม่สงสัยก็คงแปลก
โดยเฉพาะซางเทียนซั่ว ไอ้หมอนี่ฉลาดเหมือนลิง ปกติโจวเผิงจะไม่ยอมยั่วยุเขา ถ้าอีกฝ่ายจับได้ ตนคงจบเห่แน่นอน
ตัวโจวเผิงไม่สนใจเงินเดือนก็ได้ แต่ถ้าออกจากร้านอาหารร่ำรวยแล้ว ต่อไปถ้าอยากจะจัดการซ่งจื่อเซวียนอีก แบบนั้นจะยากกว่าเดิม
ภายในร้านอาหาร ซางเทียนซั่วมองโจวเผิงหายใจหอบวิ่งเข้ามา เอ่ยว่า “เป็นบ้าเหรอ มีลูกค้ามาแล้วหรือไง นายวิ่งทะเล่อทะล่าทำไม”
“เหอะๆ แค่กๆ…นายท่านซาง ผมไปสูบบุหรี่ที่หน้าประตูมา เลยวิ่งออกกำลังกายนิดหน่อย”
ซางเทียนซั่วกลอกตาใส่เข้าหนึ่งที “ว่างจัดนักเหรอ สงสัยงานที่ทำทุกวันนายคงยังเหนื่อยไม่พอ”
ขณะพูดเขาก็มองหยางกัง “กังจื่อ ต่อไปงานของนายปล่อยให้โจวเผิงทำนะ เขามีแรงเยอะใช้ไม่หมด”
“หา?” หยางกังตกตะลึง
โจวเผิงหัวเราะออกมา “เหอะๆ นายท่านซางอย่าล้อเล่นกับผมเลยครับ ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพร่างกายนะ ดูคุณพูดสิ”
ซางเทียนซั่วไม่สนใจ
เวลานี้เอง เลคริเซียสก็เดินเข้ามา มองสภาพแวดล้อมภายในร้านอาหาร แล้วเบ้ปากพูด “ร้านอาหารของคนจีน…เหมือนกันจริงๆ”
ซางเทียนซั่วแค่นหัวเราะ “ร้านอาหารคนจีนไม่เหมาะสมกับนาย นายไปร้านอาหารบนสวรรค์เถอะ”
แต่เพิ่งจะพูดจบ เขาเหมือนจะนึกอะไรออก ไอ้ต่างชาติคนนี้…ทำไมคุ้นหน้าจัง
แม่งเอ๊ย…ไอ้ขยะ…ขยะอะไรนะ ซางเทียนซั่วตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เพราะไอ้หมอนี่เป็นใครเขาย่อมรู้ดี จงใจเหยียบย่ำพ่อครัวคนจีนโดยเฉพาะ ตอนนี้มาที่ร้านอาหารร่ำรวย คิดว่าจะมากินข้าวเรอะ
ขณะเดียวกันเขาก็มองไปที่โจวเผิงอีกครั้ง
บางครั้งซางเทียนซั่วก็ทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง แต่ถ้าพูดถึงความฉลาด เขาไม่ธรรมดา…
ในไม่ช้าเขาก็เชื่อมโยงสองคนนี้เข้าด้วยกัน
โจวเผิงออกไป…วิ่งกลับมา ต่อจากนั้นเลคริเซียสก็มา…
แม่งเอ๊ย ไอ้ชาติหมา เล่นแรงมาก
เลคริเซียสเดินเข้ามาในร้าน จากนั้นหาที่นั่ง “สวัสดีครับ ผมมาหาซ่งจื่อเซวียน”
เมื่อได้ยินเลคริเซียสพูดตรงประเด็น ซางเทียนซั่วจึงเดินอ้อมออกมาจากเคาน์เตอร์ “นายเป็นใคร นายมาหาเขาทำไม นัดแล้วใช่ไหม”
“เหอะๆ เปล่า แต่พวกเรารู้จักกัน”
“รู้จักแล้วมีประโยชน์อะไร คนที่รู้จักเขามีเยอะแยะ อยากเจอหน้ากันทั้งนั้น แล้วเคยได้เจอหน้าไหม” ซางเทียนซั่วพูดพลางแค่นหัวเราะ
เลคริเซียสยิ้ม “ในเมื่อเจอไม่ได้…แล้วเจอพ่อครัวได้ไหม”
ซางเทียนซั่วได้ยินก็ใจกระตุก แม่งเอ๊ย นี่เข้ามาหาเรื่องกันชัดๆ
“ขอโทษด้วย ที่นี่ของเราเป็นร้านอาหาร อยากกินข้าวก็สั่งอาหาร ไม่กินก็ปล่อยที่นั่งให้คนอื่น!”
พูดจบ ซางเทียนซั่วก็หมุนตัวเดินกลับไปด้วยท่าทางส่งแขก
แต่เลคริเซียสไม่กลับไปง่ายๆ แน่นอน เขามองฮันเตอร์ อีกฝ่ายเข้าใจความหมายของเขาทันที จึงเดินไปที่ครัวด้านหลัง
“ใครสั่งให้นายเข้าไป ครัวเป็นพื้นที่สำคัญ แม่งเอ๊ย…”
ซางเทียนซั่วเดินไปข้างหน้าทันที แต่ยังพูดไม่จบ ฮันเตอร์ก็ผลักเขาหนึ่งทีแล้ว
วินาทีที่สัมผัสพละกำลังของฮันเตอร์ ซางเทียนซั่วก็รู้ว่าตัวเองรับมือไม่ไหวทันที
เตะต่อยได้ แต่การต่อสู้ที่เสียเปรียบซางเทียนซั่วไม่อยากทำ เว้นเสียแต่ว่าช่วยต่อยแทนอาจารย์เหมือนที่ผ่านมา
เมื่อเห็นดังนั้น ซางเทียนซั่วจึงรีบถอยไปที่หลังเคาน์เตอร์ทันที ส่งข้อความหาซ่งจื่อเซวียน
และไม่นานนัก ฮันเตอร์ก็หิ้วหูเจิ้นออกมา เหมือนจับลูกไก่ก็ไม่ปาน
หูเจิ้นในเวลานี้มีรอยช้ำที่มุมปาก เห็นได้ชัดว่าเป็นผลพวงมาจากการขัดขืนในห้องครัว
ฮันเตอร์จับหูเจิ้นมาอยู่ตรงหน้าเลคริเซียส ส่วนคนอื่นที่อยู่ในครัวต่างเดินออกมา บางคนถือตะหลิว บางคนถึงขนาดถือมีดทำครัว
ฮันเตอร์หันหน้าไปมองคนพวกนั้น “ถ้าพวกนายกล้าเข้ามา ฉันจะอัดพวกนายให้เละ”
ต้องพูดว่า เมื่อครู่ฮันเตอร์ได้แสดงฤทธิ์เดชที่ครัวด้านหลัวแล้ว บวกกับคำเตือนในเวลานี้ ถือว่ามีมาดที่แข็งแกร่งมาก
เลคริเซียสหัวเราะเล็กน้อย แต่กลับนิ่งมาก เนื่องจากช่วงนี้เขาเจอฉากแบบนี้เยอะเกินไป
ไปถึงร้านอาหารที่ไหน ฮันเตอร์มักจะบังคับพ่อครัวให้ออกมา จากนั้นก็บีบบังคับให้แข่งขันกับเลคริเซียส
“เหอะๆ คุณเป็นพ่อครัวของที่นี่งั้นเหรอ”
“ถุย ไอ้สัต* ฉันก็คิดว่าใคร ที่แท้ก็แค่คนต่างชาติ อยากจะแข่งขันทำอาหารกับฉันใช่ไหม”
เลคริเซียสฟังแล้วจึงหน้านิ่ง “คนจีนแต่ละคนไม่มีมารยาทเลย เหอะๆ แต่ไม่เป็นไร ผมแค่อยากแข่งขันกับคุณเท่านั้น”
…………………………………………….