เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 285 ฉันก็กำลังตามหานายอยู่เหมือนกัน
ตอนที่ 285 ฉันก็กำลังตามหานายอยู่เหมือนกัน
……….
ได้ยินดังนั้น เลคริเซียสก็ขมวดคิ้วทันที
“ท่าทางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่สุดของคุณจะไม่ค่อยดีเท่าไร หรือว่าคำพูดคำจาคนจีนหยาบคายแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ”
หยางต้าฉุยแค่นหัวเราะ “อย่างน้อยก็มีการศึกษากว่าแกที่อยู่ประเทศอื่นแล้วยังกล้าเหิมเกริมนั่นแหละ คนอย่างแกนี่แม่สอนมาแล้วใช่ไหม”
“ผมจะพูดอีกรอบ ผมมาที่จีนเพราะต้องการแสวงหาขีดจำกัดอาหารของผม ขณะเดียวกันก็ช่วยคนจีนอย่างพวกคุณปรับปรุงอาหาร!”
“เหรอ ในสายตาฉัน แกไม่นับว่าทำอาหารจีนได้ด้วยซ้ำ!” หยางต้าฉุยพูดเสียงเย็นชา
“โอ้ คุณสงสัยในฝีมือผมเหรอ”
ได้ยินเลคริเซียสพูดแบบนี้ หยางต้าฉุยก็ส่ายหน้า
“เปล่า เดิมฉันก็ไม่คิดว่าแกเข้าใจทักษะการทำอาหารอยู่แล้ว อยู่ที่แผ่นดินจีนเรา อาชีพเชฟคืออาชีพยิ่งใหญ่ในวงการ ทำอาชีพนี้อย่างน้อยก็ต้องเข้าใจลำดับอาวุโสและถ่อมตน แต่แก…”
หยางต้าฉุยพูดพลางยิ้มอย่างหยามเหยียด “การจะทำอะไรต้องเป็นคนให้ได้ก่อน แกกลับไปเรียนรู้การเป็นคนให้ดีก่อนเถอะ”
“ไร้สาระทั้งเพ!”
สิ้นเสียง เลคริเซียสตบไปที่หม้อด้วยมือเดียว ฝ่ามือนั้นราวกับไม่กลัวเปลวไฟ ยื่นเข้าไปกลางเปลวไฟทั้งมือ
เห็นเพียงกลางเปลวไฟของหม้ออีกด้านพลันมีไฟพวยพุ่งขึ้นมาในพริบตา ระหว่างนั้นเปลวไฟที่อยู่ตรงหน้าจู่ๆ ก็ลุกโหมพุ่งไปหาหยางต้าฉุย
เห็นเปลวไฟนี้ คนไม่น้อยก็สูดลมหายใจ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็มีเชฟที่ถูกเปลวไฟนี้เผามือจนบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย
ถึงในบรรดาผู้ชมรอบๆ พวกนี้ส่วนใหญ่จะชินชา แต่อย่างน้อยเห็นว่ามีคนเจ็บ พวกเขาก็ยังค่อนข้างสะเทือนใจ
ซ่งจื่อเซวียนเบิกตากว้างมองเปลวไฟนั้น ใจก็ขึ้นมาจุกถึงลำคอ
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดหยางต้าฉุยที่เวลาปกติกลัวการมีเรื่องที่สุดถึงได้แสดงตัวออกมาในเวลาแบบนี้ แต่มีจุดหนึ่งที่มั่นใจได้ นั่นก็คืออีกฝ่ายกำลังปกป้องเชฟคนอื่นๆ อยู่!
อาศัยแค่จุดนี้จุดเดียว ก็สมควรที่จะให้วงการเชฟเคารพแล้ว ควรค่าให้คนจีนเคารพ
ขณะที่ทุกคนตึงเครียดกันหมด ก็เห็นเพียงท่าทางของหยางต้าฉุยยังคงเฉยชา เขาวางมือบนหม้อด้วยมือเดียว เหมือนกับความร้อนระอุไม่มีทางทำให้เขาบาดเจ็บได้อยู่แล้ว
ส่วนมืออีกข้างของเขาตบเบาๆ ที่ข้างหม้อ ก็เห็นเปลวไฟรอบๆ หม้อสูงขึ้นมายี่สิบกว่าเซนติเมตรในพริบตา รุนแรงและทรงพลัง
ฟู่…
ม่านเพลิงที่มีเปลวไฟโหมสูงขึ้นยี่สิบกว่าเซนติเมตร ชั่วขณะที่เปลวไฟนั้นโจมตี ก็กลืนกินเปลวไฟของเลเคริเซียสเขาไปในม่านเพลิง
เห็นดังนั้น เลคริเซียสก็เบิกตากว้าง “หืม เหอะๆ ที่แท้ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง คนจีน คุณทำให้ผมตื่นเต้นแล้ว!”
“ไอ้ฝรั่งโง่ แกทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง!”
หยางต้าฉุยถ่มน้ำลาย
เลคริเซียสก็เหมือนกับชินแล้ว ไม่ได้โต้ตอบคำพูดของหยางต้าฉุยกลับไป
ต่อมา สองมือเขาก็ตบไปที่หม้อ ครั้งนี้มีเปลวไฟสองทางพุ่งออกมา
เห็นเพียงเปลวไฟสองทางนี้กลางอากาศก็เหมือนกับมีดคมๆ สองเล่ม แทบจะมาพร้อมกับความเฉียบคมพุ่งไปทางหยางต้าฉุย
ซ่งจื่อเซวียนที่ดูอยู่ข้างๆ อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ ควบคุมไฟโคตรเก่ง!
ตอนแรกเขาเคยได้สัมผัสกับการควบคุมไฟของจงเทียนอวี่ อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บมา แต่ตอนนี้เห็นการควบคุมไฟของเลคริเซียส ความสามารถของจงเทียนอวี่ก็ดูเด็กไปเลยจริงๆ
ดูท่าหากอยากจะจัดการคนคนนี้ จะต้องเก่งเรื่องการควบคุมไฟในเวลาสั้นๆ ถึงจะจัดการได้
อย่างน้อยก็ต้องความคุมไฟได้อย่างอิสระ ขณะเดียวกันก็เพิ่มความรุนแรงของเปลวไฟได้ ไม่อย่างนั้นตอนที่ตัดสินกับคนคนนี้ อยากจะชนะด้วยรสชาติอาหารก็เป็นไปไม่ได้เลย
เกรงว่าเลคริเซียสคงไม่รอให้คุณทำอาหารเสร็จแล้วถึงค่อยเริ่มใช้เปลวไฟโจมตี ตอนนั้น…คุณก็จะไม่มีโอกาสได้ตั้งใจทำอาหารเลย ทำได้แค่เป็นเนื้อปลาบนเขียงเท่านั้น
คิดถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็แอบพยักหน้า
แต่วิธีการควบคุมไฟของหยางต้าฉุยทำให้ซ่งจื่อเซวียนแปลกใจ เขาไม่คิดว่า ในร้านอาหารชุนเซียงเล็กๆ แห่งหนึ่ง จะมียอดฝีมือแบบนี้อยู่ด้วย
ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเคยทำงานในร้านอาหารชุนเซียงมานานขนาดนั้น ไม่เคยได้สัมผัสกับฝีมือของหยางต้าฉุยมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทคนิคควบคุมไฟเลย
ท่าทางเถ้าแก่หยางจะเป็นคนเก่งที่แท้จริง คนจริงจะไม่แสดงตัวตน จะว่าไปก็เป็นแบบนี้แหละ
เทียบกันแล้ว เลคริเซียสที่ดีแต่พูด บางทีฝีมือของเขาอาจจะยอดเยี่ยมจริงๆ แต่เขาไม่เข้าใจว่าเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า
“ด้วยคุณธรรมและระดับ เลคริเซียสแพ้แล้ว!”
ซ่งจื่อเซวียนพึมพำกับตัวเอง
ตอนนี้ เห็นเพียงว่าหยางต้าฉุยยื่นสองมือออกไปเช่นกัน ปกป้องหม้อตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง ม่านเพลิงที่เดิมมีอยู่เปลี่ยนเป็นทรงพลังและยิ่งใหญ่ขึ้นในชั่วพริบตา
ก็เหมือนกับโล่ที่แทงไม่เข้า ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น
ตูม…
เปลวไฟถูกม่านเพลิงกลืนกินอีกครั้ง
แต่การกลืนกินครั้งนี้ กลับไม่เหมือนไม่ได้ง่ายเหมือนเมื่อครู่
ครั้งนี้เปลวไฟของเลคริเซียสห้าวหาญมาก ขณะที่พุ่งโจมตีก็เปิดเผยความรุนแรงของพลังออกมา
ตอนที่ถูกม่านเพลิงกลืนกิน ก็มีเสียงปะทุดังขึ้น
ถึงอย่างไรเลคริเซียสก็เป็นคนโจมตี ไม่มีทางโดนผลกระทบของการปะทุของเปลวไฟนี้ได้
แต่ไม่เหมือนกับหยางต้าฉุย พลังแข็งแกร่งบวกกับความร้อนระอุ ทำให้เขาเหงื่อโซมกาย ขณะเดียวกันที่หน้าผาก ปลายจมูก และคางก็มีรอยดำเล็กน้อย
ซ่งจื่อเซวียนก็เหงื่อตกไปกับหยางต้าฉุย หากเป็นอย่างนี้ต่อไป หยางต้าฉุยจะต้องเสียเปรียบแน่
ถึงอย่างไรเขาก็ตั้งรับอยู่ตลอด ส่วนเลคริเซียสก็โจมตีไม่หยุด การปะทะกันแต่ละครั้ง คนที่รับการโจมตีก็มีแต่หยางต้าฉุย
ตอนที่ซ่งจื่อเซวียนกำลังเป็นห่วง การโจมตีของเลคริเซียสก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ ก็ยังเป็นเปลวไฟสองทางโจมตีออกไป
ซ่งจื่อเซวียนตึงเครียดขึ้น แต่ละครั้งที่เปลวไฟสองทางพุ่งไปหาหยางต้าฉุย ต่อให้ป้องกันได้อย่างมั่นคง น่ากลัวว่าสุดท้ายก็จะหมดแรง
ทว่าไม่รอให้ซ่งจื่อเซวียนคิดเสร็จ ก็เห็นเปลวไฟสองทางนั้นปะทุขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง
เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ…
การปะทุของเปลวไฟที่ลุกโหมดังขึ้นต่อเนื่อง เปลวไฟสองทางนั้นแตกตัวเป็นเปลวไฟสี่ทาง อีกทั้งไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเดิมเลยสักนิด
“สวรรค์…”
ซ่งจื่อเซวียนเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าบนโลกนี้จะยังมีเทคนิคการควบคุมไฟแบบนี้ด้วย
เปลวไฟออกห่างจากการควบคุมของตนเองแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังสามารถควบคุมได้อีก สองทางเปลี่ยนเป็นสี่ทาง…สี่ทางเปลี่ยนเป็นแปดทาง ถ้าไม่คิดถึงความปลอดภัยของคนรอบๆ การควบคุมสูงสุดจะไม่ทำให้เปลวไฟลอยเต็มท้องฟ้าไปหมดเลยเหรอ
แต่ซ่งจื่อเซวียนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องพวกนี้ เห็นเปลวไฟสี่ทางพุ่งไปทางหยางต้าฉุย เขาก็รู้สึกว่าตนเองยังกังวลกว่าหยางต้าฉุยอีก หัวใจเต้นเร็วจนจะแทบจะอาเจียนออกมา
ขณะเดียวกันคนรอบๆ ก็สูดลมหายใจกันหมด
ส่วนหยางต้าฉุยสองตาจับจ้องเปลวไฟสี่ทางนั้น สายตาแฝงความแปลกใจอยู่เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าหยางต้าฉุยก็คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะควบคุมไฟเก่งขนาดนี้
ตอนนี้เอง หยางต้าฉุยก็ได้ยินเสียงของคนข้างหลังเสียงหนึ่งดังมา
“ไอ้เวร ท่าทางเปลวไฟนั่นจะเหมือนจริงน่าดูเลยนะ ไฟทำร้ายคนได้ เป็นแค่เงาน่ากลัวตรงไหนเนี่ย”
หยางต้าฉุยได้ยินก็พลันถลึงตา เขาไม่ได้สนใจว่าใครพูด ทำเพียงตั้งสมาธิทั้งหมดจับจ้องไปที่เปลวไฟทั้งสี่ทางนั่น
ตามคาด ความรุนแรงของเปลวไฟไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด แต่เปลวไฟทุกสองทางในนั้นกลับเป็นจังหวะเดียวกันที่ยากจะแยกแยะ
นี่ก็เป็นเงาของเปลวไฟเหรอ ต้องพูดเลยว่า อีกฝ่ายสามารถควบคุมเปลวไฟขนาดนี้ได้ก็เก่งโคตร แต่ในเมื่อเป็นเงา ก็ไม่ต้องไปกลัวแล้ว!
เห็นเพียงแขนสองข้างของหยางต้าฉุยยื่นออกมาข้างหน้า พลังไร้รูปสายหนึ่งก็แผ่ออกมา ภายใต้พลังนี้ ในเปลวไฟทุกสองสายก็มีสายหนึ่งที่เริ่มสั่นไหว
ตอนที่เห็นเปลวไฟนั่นสั่นไหว หยางต้าฉุยก็มองออกทันทีว่าไฟนั่นคือเงา
แต่นาทีถัดมา เขาก็โหมม่านเพลิงขึ้นอีกครั้ง เริ่มตั้งรับเปลวไฟที่แท้จริงสองสายนั้น
“ไอ้โง่ แค่ป้องกันแกก็จะโดนเผาตายเอานะ เพิ่มพลังเข้าไป ดันไฟออกไป!”
หยางต้าฉุยชะงัก ไม่มีเหตุผลที่จะไปทำตามที่เสียงนั้นบอก เปลวไฟที่อยู่ภายใต้การเพิ่มกำลังของเขาดันห่างออกไปเกือบหนึ่งเมตรแล้ว!
ตูม!
เสียงเปลวไฟปะทุขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นรุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก
เห็นพละกำลังและพลังงานความร้อนแผ่ออกมา หยางต้าฉุยก็อดตกใจไม่ได้ ถ้าไม่มีเสียงนั้นคอยแนะนำ เกรงว่าตนคงรู้สึกสั่นคลอนด้วยพลังนี้แน่
หยางต้าฉุยหันไปมองไม่ทันว่ายอดฝีมือคนไหนแนะนำตน แต่ซ่งจื่อเซวียนท่ามกลางฝูงชนกลับสังเกตเห็นจุดนี้
เขาเบนสายตาไปด้านหลังหยางต้าฉุย สุดท้ายสายตาก็ไปตกอยู่ที่ร่างตาแก่คนหนึ่งด้านหลังคนทั้งสอง
ซ่งจื่อเซวียนตาวาวอย่างอดไม่อยู่
เดินปรี่ไปด้านหลังหยางต้าฉุยทันที
“ซ่งจื่อเซวียนนายจะไปทำอะไรน่ะ” ถังหย่าฉีพูด
“ตรงนั้นไม่ปลอดภัย เธออย่าไปเลย!”
“ฉัน…”
ถังหย่าฉีกำลังจะตามไปด้วย แต่ไต้ทงกลับจับไหล่เธอไว้
“หย่าฉี เขาพูดถูก ตรงนั้นคุณรับไม่ไหวหรอก” สายตาของไต้ทงแน่วแน่มาก เห็นได้ชัดว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เธอไป
ถังหย่าฉีออกแรงกลอกตาใส่ไต้ทง ทำได้แค่ยืนอยู่ที่เดิม
“ตาแก่ เจอได้ทุกที่เลยนะ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“โอ้โห เถ้าแก่ซ่งก็มาด้วย ทำไมล่ะ นายจะห้ามไม่ให้ฉันดูความครึกครื้นนี่หรือไง”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ทำได้ที่ไหนล่ะ คุณขึ้นหน้ามาสิ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางดึงตาเฒ่าคนนั้นออกมาจากฝูงชน ให้มายืนด้านหลังในตำแหน่งที่ใกล้หยางต้าฉุยที่สุด
“ไอ้หนุ่มนี่ฝีมือไม่เลว แต่โง่ไปหน่อย”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็พูด “ในสายตาของเสี่ยหวังอย่างคุณ ทักษะของคนอื่นย่อมไม่ได้เรื่องทั้งนั้น เสี่ยหวัง คุณให้เคล็ดลับอีกสักหน่อยสิครับ ให้เขาจัดการเลคริเซียส!”
หวังเฉิงยงส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้หรอก เขาทั้งสองคนละระดับกัน เดี๋ยวเจ้าโง่นี่ก็ไม่ไหวแล้วล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็ชะงัก “หืม”
ขณะที่พูด ก็เห็นเพียงว่าเลคริเซียสโจมตีมาอีกครั้ง เพราะหยางต้าฉุยค่อยๆ หมดแรงลงเรื่อยๆ จึงปัดป้องได้ยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เขาที่เดิมทีหมดแรงเพราะความแข็งแกร่งและพลังความร้อนอยู่แล้ว ตอนนี้เปียกชุ่มไปทั้งร่างกาย
เห็นว่าเปลวไฟนั่นเข้ามาใกล้ หยางต้าฉุยแทบจะออกแรงทั้งหมดโหมม่านเพลิงขึ้นอีกครั้ง
แต่ดูแล้วม่านเพลิงครั้งนี้ไม่ได้มั่นคง กระทั่งเทียบกับแบบเมื่อครู่ไม่ติดเลย
กลับกันการโจมตีของเลคริเซียสแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้…หยางต้าฉุยจะต้องเป็นอย่างที่หวังเฉิงยงพูดแน่นอน
ตั้งรับไม่ไหวแล้ว!
ซ่งจื่อเซวียนเบิกตากว้าง พุ่งไปหาหยางต้าฉุยโดยไม่รู้ตัว ตบหม้อตรงหน้าดังตุบด้วยฝ่ามือเดียว เห็นเพียงม่านเพลิงรุนแรงขึ้นเล็กน้อยในพริบตา ต่อมาพละกำลังทั้งหมดก็ถูกส่งออกไป
หลังจากเสียงปะทุดังขึ้นอีกครั้ง ควันดำก็ฟุ้งออกมา
เลคริเซียสมองซ่งจื่อเซวียน “คนแข็งแกร่งอีกคนเหรอ เหอะๆ ฉันว่า…การแข่งขันครั้งนี้จบลงแล้วล่ะ”
เลคริเซียสพูดพลางปิดเตาไฟตรงหน้า
สิ่งเขาสื่อออกมาชัดเจนอย่างมาก หยางต้าฉุยแพ้แล้ว ถ้าซ่งจื่อเซวียนไม่ลงมือ เขาคงบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว
หยางต้าฉุยพยักหน้า “ใช่ ฉันแพ้แล้ว”
เลคริเซียสไม่ได้สนใจ พูดต่อว่า “นายก็ควบคุมไฟได้เหรอ ดีมาก ฉันชอบเชฟแบบนี้ นายชื่ออะไร”
“ซ่งจื่อเซวียน!”
ได้ยินสามคำนี้ พวกเลคริเซียสและแทแรนติโนก็ชะงักกันหมด
“นายก็คือซ่งจื่อเซวียนงั้นเหรอ ฮ่าๆ ฉันตามหานายมานานแล้ว!”
“ฉันก็กำลังตามหานายอยู่เหมือนกัน” ซ่งจื่อเซวียนพูดด้วยเสียงเย็นชา
………………………………………………..