เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 282 เรื่องใหญ่
ตอนที่ 282 เรื่องใหญ่
……….
ขณะนี้ บรรยากาศในห้องทำงานแข็งค้างไปในพริบตา
ปากกระบอกปืนพวกนักเลงจ่อไปที่แทแรนติโนกับคาเรน
ส่วนหวงฟานั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เหมือนกำลังรอดูละครสนุกๆ ฉาย สายตาเย็นเยียบ
วินาทีที่คาเรนเตรียมจะชักปืน ต้าลี่ก็เปิดประตูห้องทำงานเสียงดัง ‘ปัง’
มีนักเลงอีกสามคนพุ่งเข้ามา ยกมือขึ้นจ่อปากกระบอกปืนเล็งไปทางพวกแทแรนติโนทั้งสองคน
จู่ๆ แทแรนติโนก็จับมือคาเรนเอาไว้ มองไปทางหวงฟาทันทีแล้วพูดว่า “เหอะๆ คุณหวง นี่คุณหมายความว่ายังไงครับเนี่ย”
หวงฟายิ้มน้อยๆ ไม่พูดจา ตอนนี้เขามองแทแรนติโน เหมือนมองลิงตัวหนึ่ง ให้เขาโอ้อวดออกมาให้เต็มที่
“หรือว่านี่คือสิ่งที่คนจีนอย่างพวกคุณเรียกว่าการมีมารยาทต่อกัน การต้อนรับแขกเหรอครับ เหอะๆ ใช้อาวุธเหรอ”
หวงฟาขยับคอ “ถูกแล้วเพื่อน แต่สำหรับคนอย่างแกที่ไม่น่ายินดีต้อนรับเนี่ย…เรามีแค่การใช้กำลังเท่านั้นแหละ”
“โอ้ คุณหวง คุณแน่ใจจริงๆ ใช่ไหมครับว่าจะทำแบบนี้น่ะ ผลลัพธ์หลังจากนี้…บางทีคุณอาจจะรับไม่ไหวก็ได้นะครับ” แทแรนติโนพูด
“งั้นเหรอ แต่ที่นี่คือตู้เหมิน สิ่งที่ฉันพูดถือเป็นคำขาด แทแรนติโน วันนี้ฉันจะเคลียร์กับแกก่อน จากนั้นค่อยไปหาเลคริเซียส ไอ้เจ้านายสุนัขของพวกแกนั่น!”
หวงฟาถลึงตาโตพูดใส่
แทแรนติโนพยักหน้าน้อยๆ แต่ตอนนี้เอง เขากลับแย้มยิ้มออกมา
“ใกล้จะตายอยู่ยังยิ้มได้อยู่อีกนะ ฉันคิดว่าคนอเมริกันอย่างพวกแกจะกลัวตายเสียอีก” หวงฟาพูด
แทแรนติโนส่ายหน้า “ไม่หรอกครับ ที่คุณว่าน่ะมันคนทั่วไป แต่พวกเราเป็นชายชาติทหาร ความตาย…คงไม่มีใครกลัว”
ขณะที่พูด แทแรนติโนก็ถลึงตาโตทันที ร้องตะโกน “คาเรน จัดการพวกมัน!”
เพิ่งสิ้นเสียง แทแรนติโนและคาเรนต่างพุ่งไปคนละทาง
แทแรนติโนพุ่งไปหาหวงฟา มุดเข้าใต้โต๊ะทันที เสียงปืนหลายครั้งที่ดังขึ้นแทบจะยิงโดนบนโต๊ะและข้างโต๊ะแทน
ส่วนคาเรนใช้โซฟาเป็นที่หลบ ชักปืนออกมาก็เล็งไปที่นักเลง
เสียงปืนดังไม่จบไม่สิ้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง…
หวงฟาก็ว้าวุ่น ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเก่งแบบนี้ เผชิญหน้ากับลูกปืนยังกล้าลงมือ!
ส่วนเถียนเหวินคุ่ยอีกด้านยิ่งหลบอยู่ด้านหลังนักเลงพวกนั้น กลัวว่าจะโดนลูกหลง
เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก แต่อย่าพูดถึงเรื่องทักษะด้านร่างกายเลย
ตอนนี้เอง คาเรนก็โยนระเบิดมือสีเทาออกมา เห็นดังนั้น นักเลงทุกคนก็มึนงง คนที่อยู่ที่ประตูตอนแรกเริ่มวิ่งออกไปด้านนอก ส่วนนักเลงด้านในรีบหมอบลง
แต่ว่าวินาทีต่อมาพวกเขาก็เข้าใจ นั่นไม่ใช่ระเบิดมือ แต่เป็นระเบิดควัน
ระเบิดควันฟุ้งไปทั้งห้องทำงานทันที ทัศนวิสัยเลือนรางคลุมเครือไปหมด
จากนั้น ก็มีเสียงไออย่างรุนแรงดังมาทันที
หวงฟาร้องตะโกน “เร็วเข้า สลายควันซะ อย่าให้พวกมันหนีไปได้!”
นักเลงคนหนึ่งหาระเบิดควันได้ก็รีบนำมันไปจัดการที่ห้องน้ำด้านนอกทันที ส่วนคนอื่นๆ ก็เปิดหน้าต่างออก
สองสามนาที หมอกควันถึงค่อยๆ สลายไป แต่เป็นอย่างที่พวกหวงฟาเดาไว้ แทแรนติโนและคาเรนหายตัวไปแล้ว
ตรงบันไดหนีไฟของตึกจวี้เฟิง แทแรนติโนและคาเรนประคองกันวิ่งลงบันไดมา
นี่ก็เป็นความเป็นมืออาชีพของพวกเขา ตอนนี้ลงลิฟต์ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะถูกอีกฝ่ายสกัดได้ นั่นก็จะเหลือแค่เส้นทางสู่ความตายเท่านั้น
หลังพุ่งออกมาจากตึกอย่างรวดเร็ว จนขึ้นรถได้ ทั้งสองถึงกับหอบหนัก
“คาเรน ขับรถเร็วเข้า!”
คาเรนพยักหน้า รีบสตาร์ทรถทันที
แทแรนติโนกุมแขนที่โดนยิง กัดฟันพูด “ไอ้เวรเอ๊ย ไอ้พวกเจ๊กน่าตาย รนหาที่ตายจริงๆ!”
“คุณแทแรนติโนครับ แผลของคุณเป็นยังไงบ้าง”
ถึงท่าทางของแทแรนติโนจะเจ็บปวดมาก แต่ยังฝืนยิ้มบางๆ ออกมา “แผลแค่นี้จะนับเป็นอะไรได้ คาเรน นายไม่ได้แผลมาเหรอ”
“ไม่มีครับ ผมหลบอยู่หลังโซฟาตลอด วิถีปืนพวกเขาไม่แม่นเท่าไร”
………………….
บ้านเดี่ยวหลังหนึ่งในชานเมืองฝั่งตะวันตกของตู้เหมิน
ในโถงใหญ่ เลคริเซียสคลอนสุรานำเข้าในมือ พูดว่า “กลืนเหล้าขาวของจีนไม่ลงจริงๆ มีแค่วิสกี้ถึงจะเป็นรสชาติเหล้า”
ฮันเตอร์ฝั่งตรงข้ามยิ้ม “นั่นสิครับ จริงสิคุณเลคริเซียส เมื่อไรเราจะไปหาซ่งจื่อเซวียนล่ะ”
“เร็วๆ นี้แหละ ซ่งจื่อเซวียนเป็นเชฟในตู้เหมินที่ดังที่สุดตอนนี้ ก่อนที่ฉันจะเปิดภัตตาคาร จะต้องดึงเขามาให้ได้!”
“ดึงเขามาเหรอครับ” ฮันเตอร์อดอึ้งไม่ได้
“ถูกต้อง ฉันทำได้แค่เหยียบเชฟหน้าโง่พวกนั้น ถ้าเป็นเชฟที่โดดเด่นจริงๆ…ฉันก็จะให้เขาเข้าร่วมทีมของฉัน”
เลคริเซียสพูดพลางจุดซิการ์ สูบอย่าพึงพอใจ
ฮันเตอร์พูดอย่างไม่เข้าใจ “คุณเลคริเซียสครับ คุณคิดจะให้ซ่งจื่อเซวียนเป็นคนของตัวเองเหรอครับ”
“เหอะๆ ตลาดประเทศจีนเป็นก้อนเนื้อชิ้นโตของทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่แสวงหาอาหารหรือกำลังซื้อล้วนมีหมด
มองไปที่ยุโรปและอเมริกาเหนือ มีหลากหลายประเทศที่ต้องการกำลังซื้อของคนจีน แต่ฉันกลับคิดว่า ไม่สู้ครองตลาดจีนดีกว่า และถ้าอยากได้เงินก้อนโตจากแผ่นดินนี้ ก็ต้องใช้คนที่แข็งแกร่งในพื้นที่”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ออดประตูก็ดังขึ้น พร้อมกันนั้นยังมีเสียงทุบประตูดังมาเป็นพักๆ
ฮันเตอร์มองเลคริเซียสอย่างตื่นตัว “มีคนมาตอนนี้เนี่ยนะ คนจีนมาหาหรือเปล่าครับ”
เลคริเซียสเงียบไปชั่วอึดใจ “น่าจะเป็นพวกแทแรนติโน ดูท่าจะเกิดเรื่องแล้ว ไปเปิดประตูเร็วเข้า!”
ฮันเตอร์รีบไปที่ประตูทันที เป็นอย่างที่เลคริเซียสคาดไว้ เป็นแทแรนติโนและคาเรนที่ยืนอยู่หน้าประตู
เห็นเพียงแต่คาเรนประคองแทแรนติโนอยู่ แถมยังมีแผลที่แขนอีก ฮันเตอร์อดตกใจไม่ได้
“พวกนาย…นี่โดนยิงเหรอ” ฮันเตอร์พูด
“หลีกไปไอ้โง่ ให้ฉันเข้าไปสิ!”
แทแรนติโนพูดพลางผลักฮันเตอร์แล้วเดินเข้าไปด้านในโถงใหญ่ของบ้านเดี่ยว
เห็นแผลของแทแรนติโน เลคริเซียสก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “โอ้มายก๊อด เกิดอะไรขึ้น”
“ไอ้คนจีนน่าตาย คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะใช้ปืนมาฆ่าฉัน ฉันจะระเบิดหัวเขาแน่!”
แทแรนติโนพูดพลางเผยท่าทางเจ็บปวดเดินไปที่โต๊ะ หยิบวิสกี้ขวดนั้นมากระดกไปอึกใหญ่
ดื่มสุราไปอึกหนึ่ง แทแรนติโนก็ยกมือขึ้นเช็ดปาด “เลคริเซียส ฉันจะฆ่าพวกเขา”
เลคริเซียสมองแทแรนติโน “เพื่อน ฉันคิดว่านายน่าจะทำแผลก่อนนะ”
แทแรนติโนมองแขนตัวเอง ถอนหายใจออกมาทันที
เข้าก้มดึงกริชที่ต้นขาออกมา ลนกับเปลวไฟที่เชิงเทียนครู่หนึ่งทันที
มองแผลที่แขนของตัวเอง แทแรนติโนก็ยิ้มน้อยๆ ดื่มสุราอีกอึก
“เป็นคนที่บ้าระห่ำจริงๆ!”
พูดจบ เลคริเซียสก็หยิบแก้วสุราลุกขึ้นเดินไปอีกห้อง นั่งลงบนโซฟา
ส่วนฮันเตอร์และคาเรนเบิกตากว้างมองแทแรนติโน
เห็นเพียงแทแรนติโนนำมีดที่ลนไฟแล้วค่อยๆ เข้าใกล้บริเวณปากแผล ส่วนหน้าก็กระตุกเล็กน้อย หลับตาลงทันที ส่งเสียงฮึมฮำ
และคมมีดก็เจาะเข้าไปที่ปากแผลอย่างแม่นยำ คว้านลูกกระสุนออกมาอย่างรวดเร็ว
แกร๊ง…
หัวกระสุนร่วงลงไปในจานบนโต๊ะ ส่งเสียงกังวาน
“แทแรนติโน นายนี่ถึกทนจริงๆ!” ฮันเตอร์พูดจบ หันหลังไปไม่มองอีก
ส่วนแทแรนติโนก็ยิ้ม ยกขวดสุราขึ้นกระดกอีกอึก “ฮ่าๆ แผลเล็กๆ แค่นี้เอง คาเรน ขอผ้าก๊อชสะอาดหน่อย”
“ครับ”
คาเรนรีบไปเอากล่องปฐมพยาบาลที่มุมผนังมาทันที หยิบผ้าก๊อชออกมาม้วนหนึ่ง
แทแรนติโนรับผ้าก๊อชมา พันแผลอย่างชำนิชำนาญ จากนั้นก็ลองขยับแขน
“ไม่ส่งผลอะไรเลยสักนิด”
จากนั้น แทแรนติโนก็หิ้วขวดสุราไปหาเลคริเซียส
“บอส คิดจะทำอะไรต่อ”
เลคริเซียสชำเลืองมองแขนของแทแรนติโน “หวงฟาไม่ค่อยสนใจใยดีความหวังดีเท่าไร จะต้องให้เขาได้ลิ้มรสกับความขมขื่นสักหน่อย ขณะเดียวกัน…ฉันก็ต้องเริ่มท้าดวลร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ตู้เหมินด้วย ให้เชฟพวกนั้นศิโรราบใต้เท้าฉันทีละคน”
แทแรนติโนยักไหล่ “ฟังแล้วดูน่าเร้าใจดีนะ แล้วซ่งจื่อเซวียนคนนั้นจะทำยังไงล่ะ แล้วก็ยอดเชฟทางใต้ด้วย”
“ยอดเชฟทางใต้เหรอ…เหอะๆ ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาไปสนใจเขา รอตั้งร้านมิชลินก่อนค่อยว่ากัน แต่ว่าซ่งจื่อเซวียน…
หวงฟาคงไม่ช่วยเราแน่ ดูท่ามีแค่เราไปหาด้วยตัวเอง” แทแรนติโนพูด
เลคริเซียสแค่นหัวเราะ “ฉันไม่มีเวลาว่างน่ะสิ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปฉันจะอัปโหลดวิดีโอลงอินเทอร์เน็ต ถ้าซ่งจื่อเซวียนไม่โผล่หัวออกมา ฉันก็จะจัดการเชฟพวกนั้นให้พิการให้หมด”
“เหอะๆ ฟังดูไม่เลวเลยนะ ฉันคิดว่าทำแบบนี้ได้ แต่ว่าทางที่ดีจัดการหวงฟาก่อนดีกว่า เบื้องบนไม่อยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป”
เลคริเซียสมองแทแรนติโนแวบหนึ่ง “ตามใจนายเลย ฮันเตอร์”
“ครับ คุณเลคริเซียส”
“ไปหาหวงฟา คืนนี้ไปดูลาดเลาหน่อย”
“รับทราบ”
พูดจบ ฮันเตอร์ก็หยิบปืนกระบอกหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก เดินออกไปจากบ้านทันที
“เขาคนเดียวเหรอ พาไปหลายๆ คนไม่ดีกว่าเหรอ”
เลคริเซียสส่ายหน้า “ไม่จำเป็นหรอก ฉันรู้ว่าจะใช้คนของฉันยังไง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาใช้พวกเขา”
ขณะเดียวกันนั้นพวกเขาก็มองไปที่ชั้นสองของบ้าน
………………….
วันถัดมา ซ่งจื่อเซวียนไปถึงสวนสวินเฟิงแต่เช้าตรู่
อาจจะเพราะเมื่อคืนเงียบสงบเกินไป จึงทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน ต่อให้ทำสมาธิก็จดจ่อได้ยากมาก
ดังนั้นตีห้ากว่าๆ เขาจึงออกไปเดินทอดน่องรอบหนึ่ง จากนั้นก็ไปกินอาหารเช้ากับฟางรุ่ยแล้วค่อยมาที่สวนสวินเฟิง
นั่งอยู่ในห้องทำงาน ซ่งจื่อเซวียนดื่มชา เอ่ยขึ้นว่า “รุ่ยจื่อ นายว่าทำไมพวกเขาไม่เคลื่อนไหวสักนิดเลยล่ะ”
“เป็นไปได้ไหมครับนายท่านรองว่าจะมีคนเคลื่อนไหวอยู่ในที่ลับ ถึงยังไงพวกมีฝีมือที่สันโดษในจีนก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย” ฟางรุ่ยพูด
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด ส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่น่าใช่หรอกมั้ง ถึงยังไงนี่ก็เป็นเรื่องในวงการอาหาร ยังไม่ถึงขนาดกับสั่นคลอนไปทั้งประเทศหรอก”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางจุดบุหรี่ ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง แต่เห็นรถธุรกิจสีดำคันหนึ่งจอดอยู่หน้าสวนสวินเฟิง เขาก็อดขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่ได้
“เช้าขนาดนี้มีคนมาที่ร้านแล้วเหรอ”
“เกิดอะไรขึ้นครับนายท่านรอง”
“ไม่รู้สิ เราลงไปเปิดประตูก่อนเถอะ”
เนื่องจากยังไม่เปิดร้าน ดังนั้นตอนที่พวกเขาเข้ามาก็ล็อกประตูใหญ่เอาไว้แล้ว
ถึงอย่างไรถ้าเป็นพนักงานมาทำงาน พวกเขาก็มีกุญแจอยู่ในมืออยู่แล้ว
ฟางรุ่ยเปิดประตู ก็เห็นชายสองคนเดินเข้ามา ทั้งสองสวมเสื้อผ้าสีดำ สวมหมวกแก็ป อีกทั้งยังใส่แมสก์
ฟางรุ่ยชำเลืองมองทันที แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับจำสองคนนั้นได้
“เสี่ยหวง?”
“ซ่งจื่อเซวียน เมื่อคืนเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
………………………………………….
……….