เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 281 ไม่คิดจะปล่อยให้มีชีวิตออกไป
ตอนที่ 281 ไม่คิดจะปล่อยให้มีชีวิตออกไป
……….
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็มองตาฟางรุ่ย
ชามเมฆครามเหรอ เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน อีกทั้งก่อนหน้านี้ข่งอวี้เซินก็ไม่เคยพูดถึง
“ชามเมฆครามเหรอ อวี่เหวินเซี่ยว มันคืออะไรเหรอ”
“เครื่องรางของแก๊งขอทานครับ นายท่านรองอาจจะไม่ทราบ แต่คุณคงเคยได้ยินไม้เท้าตีสุนัข[1]บ่อยๆ ใช่ไหมครับ”
ซ่งจื่อเซวียนกับฟางรุ่ยพยักหน้า
เรื่องที่เด็กยุคนี้ไม่เคยได้ยินเรื่องไม้เท้าตีสุนัขเป็นเรื่องที่ไร้สาระสุดๆ ต่อให้ไม่เคยอ่านนิยาย แม้แต่โทรทัศน์ก็ไม่เคยดูหรือไง
ละครกำลังภายในจะมีแก๊งขอทาน ไม้เท้าตีสุนัขแทบจะถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง
“ไม้เท้าตีสุนัขเคยเป็นเครื่องรางของแก๊งขอทานเรามาก่อน หากได้ถือมันไว้ก็จะแสดงถึงสถานะของหัวหน้าแก๊งขอทาน เคยมีกรณีที่ขโมยไม้เท้าตีสุนัขไปแล้วได้สถานะหัวหน้ามาด้วยครับ”
อวี่เหวินเซี่ยวหยิบบุหรี่สองมวนจากในลิ้นชักส่งให้ซ่งจื่อเซวียนกับฟางรุ่ย
ปกติเขาไม่สูบบุหรี่ นี่เป็นสิ่งที่เตรียมไว้ให้แขก
“แต่ว่าไม้เท้าตีสุนัขหายไปในวงการตั้งนานแล้ว อธิบายง่ายๆ ก็คือต่อให้มันปรากฏตัวขึ้นในวงการ เหล่าพวกพ้องแก๊งขอทานก็อาจจะไม่รู้จักแล้ว น่าจะไม่ยอมรับด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เครื่องรางของแก๊งขอทานคือชามเมฆคราม เป็นชามใบหนึ่งที่ทำจากมรกต เฉินล่างก็อาศัยเอาชามเมฆครามนี้คอยควบคุมกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดของแก๊งขอทานครับ”
ได้ยินถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็พยักหน้า เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
“ฉันก็ว่าทำไมแก๊งขอทานถึงมีหัวหน้าสองคน ที่แท้เสี่ยวเป่าก็รับตำแหน่งสืบทอดมาจากการอนุมัติของผู้อาวุโสทั้งแปด ส่วนเฉินล่างนั่นอาศัยชามเมฆครามเอา”
อวี่เหวินเซี่ยวพูดว่า “ใช่ครับ แต่ว่า…สองสามวันก่อนเสี่ยวเป่าส่งคนไปขโมยชามเมฆครามมา ตอนนี้ในมือเฉินล่างไม่มีอะไรเลย เดาว่าเป็นสุนัขจนตรอก จึงปรี่มาก่อเรื่องที่ตู้เหมินแล้วครับ”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เอ่อ…บอกว่าขโมยก็ขโมยมาเลยเหรอ ทางเฉินล่างขโมยง่ายขนาดนั้นเชียว”
ถึงอย่างไรก็เป็นแก๊งอันดับหนึ่งนะ ต่อให้ควบคุมแค่กลุ่มเสื้อผ้าสะอาด คิดว่าเฉินล่างน่าจะต้องมีคนคุ้มครองอยู่ไม่น้อย
กู่เสี่ยวเป่าบอกว่าขโมยก็ขโมยมา ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรจริงๆ
ได้ยินดังนั้น อวี่เหวินเซี่ยวก็พยักหน้า “ผมเข้าใจสิ่งที่นายท่านรองจะสื่อครับ ถูกต้อง มือดีข้างกายเฉินล่างมีอยู่ไม่น้อย แต่คุณก็น่าจะคิดถึงประเด็นที่ว่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดหรือกลุ่มเสื้อผ้าสกปรก ต่างฝ่ายต่างก็มีคนของตัวเอง”
“หนอน? สายเหรอ”
“ใช่ครับ พวกเราก็มี คนที่อยู่ข้างกายเฉินล่างก็มีคนของเรา แต่ว่า…ในทางกลับกันทางเราก็คงมีเหมือนกัน”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม “เหอะๆ คิดไม่ถึงจริงๆ การแก่งแย่งกันภายในแก๊งขอทานจะสุดยอดขนาดนี้ ถึงขนาดต่างฝ่ายต่างส่งคนมาเป็นหนอน”
“ไอ้สุนัขนี่ ตอนนี้เราได้ชามเมฆครามมาแล้ว คิดไม่ถึงว่ามันจะยังกล้ามาสร้างเรื่อง ไม่เห็นหัวคำว่าหัวหน้าแล้วด้วยซ้ำ!” อวี่เหวินเซี่ยวกัดฟันพูด
“บางที…พวกเขาก็อาจจะคิดแบบนี้แหละมั้ง ถึงยังไงสำหรับพวกเขาแล้วหัวหน้าแก๊งก็คือเฉินล่าง ต่อให้พวกนายจะขโมยชามเมฆครามมาก็ตามน่ะ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“อย่างนั้นตอนที่พวกเขาจับเพ่าเพ่าหลงไปจะว่ายังไงล่ะครับ”
ซ่งจื่อเซวียนชะงัก “เพ่าเพ่าหลง…น่าจะเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของพวกนายใช่ไหม”
“ผู้อาวุโสทั้งแปด เหตุผลที่เพ่าเพ่าหลงได้ชื่อเล่นนี้เพราะเขาเก่งเรื่องอาวุธลับ แถมอาวุธลับทั้งหมดก็เป็นลูกแก้วโปร่งใสครับ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็พยักหน้า “ตอนนั้นพวกเขาจับเพ่าเพ่าหลงไปก็เพื่อไม่ให้เสี่ยวเป่ารับตำแหน่งสืบทอดได้ราบรื่น อย่างนี้ใช่หรือเปล่า”
“ใช่ครับ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาทำแบบนี้ ก็คงไม่ถึงขนาดกับบีบให้เสี่ยวเป่าอยากขโมยชามเมฆครามมาหรอก คงเข้าไปจัดการเฉินล่างตรงๆ แต่พวกเขามาก็ดี เรื่องบางเรื่อง…ถูกลิขิตมาว่าต้องแก้ไข!”
อวี่เหวินเซี่ยวพูดพลางถลึงตากัดฟันแน่น
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ช่วงนี้พวกเขาน่าจะยังไปก่อเรื่องในร้านของฉันอยู่ อวี่เหวินเซี่ยว ฉันแนะนำให้นายส่งคนไปเฝ้าระวังสักหน่อย มีเรื่องอะไรก็แจ้งฉันได้ แต่ฉันไม่อยากให้ส่งผลกระทบถึงคนในร้าน”
“ผมเข้าใจครับนายท่านรอง ยังไงเรื่องของแก๊งขอทานเราสร้างปัญหาให้คุณผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็ยิ้ม ตบไหล่อวี่เหวินเซี่ยว
ได้ยินประโยคนี้ อวี่เหวินเซี่ยวก็อุ่นใจ
ปกติอวี่เหวินเซี่ยวจะเย็นชาเหมือนกับหลี่เหยียน แต่ตอนนี้กลับยิ้มออกมาจากใจ
“ขอบคุณครับ นายท่านรอง เสี่ยวเป่ามีพี่ใหญ่อย่างคุณ เป็นวาสนาจริงๆ!”
“ฮ่าๆๆ เป็นพี่รองต่างหาก พวกเราไปก่อนนะ เรื่องอื่นติดต่อมาได้ตามสะดวก!” ซ่งจื่อเซวียนพูดจบก็ยิ้มให้พลางหันหลังจากไป
“เดี๋ยวผมไปส่งครับนายท่านรอง”
คืนนั้น กิจการสวนสวินเฟิงก็ดำเนินไปตามปกติ ประมาณหกโมงก็เริ่มมีคน ไม่ถึงสามทุ่ม น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายก็ขายหมดแล้ว
ซางเทียนซั่วกลับว่างกว่าตอนที่อยู่ร้านอาหารร่ำรวยไม่น้อย ช่วยซ่งจื่อเซวียนหั่นวัตถุดิบเสร็จก็ไม่มีงานอะไรอีก
ไม่เดินว่างๆ อยู่ชั้นหนึ่ง ก็โดนถังหย่าฉีใช้ให้ทำงานเบ็ดเตล็ด ไม่เดินขึ้นไปรินชาให้ซ่งจื่อเซวียน ศิษย์อาจารย์สองคนก็สูบบุหรี่พูดคุยกันครู่หนึ่ง
แต่พอคืนนี้ซ่งจื่อเซวียนกลับไม่ได้รู้สึกเซ็งขนาดนั้น
พอค่ำวันนี้ เขาเปิดแอปวิดีโอดูอยู่หลายครั้ง ก็ไม่เห็นเลคริเซียส่งคลิปท้าดวลอะไรมาอีก
เห็นคอมเมนต์ด้านล่างคอยเร่งให้อัพเดตใหม่อยู่ตลอด ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกพูดไม่ออก
คนพวกนี้เป็นอะไรถึงยอมให้เลคริเซียสนี่เหยียบย่ำเชฟอาหารจีน
เห็นเชฟอาหารจีนถูกพวกเขาจัดการจนเจ็บช้ำ ในใจคนพวกนี้มีความสุขมากใช่ไหม ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกว่านี่เป็นกลุ่มแฟนคลับโรคจิตประเภทหนึ่งล่ะมั้ง
เขาไม่เชื่ออยู่แล้วว่าเลคริเซียสจะจบแค่นี้ กลับกันความเงียบสงบของค่ำคืนวันนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกใจไม่สงบ
นั่งอยู่ในห้องทำงาน ซ่งจื่อเซวียนไม่พูดอะไรมาก สองตาจดจ้องไปด้านหน้า บางครั้งก็ไถดูวิดีโออีกครั้ง แต่ยังไม่มีอะไรใหม่เลย
…
ตึกจวี้เฟิง
หวงฟานั่งในห้องทำงานเช่นกัน
เขาเล่นแอปวิดีโอไม่เป็น จึงให้เถียนเหวินคุ่ยรีเฟรชฟีดใหม่อยู่ข้างๆ คอยดูว่าเลคริเซียสมีความเคลื่อนไหวอะไรใหม่หรือไม่
“เหวินคุ่ย นายว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เจ้าเลคริเซียสนี่ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ฉันว้าวุ่นไปหมดแล้ว” หวงฟาพูด
เถียนเหวินคุ่ยยิ้ม “เสี่ยครับ ชายคนนี้ทำกับเราหนักจริงๆ เสี่ยอาจจะอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่าครับ”
หวงฟาขมวดคิ้วมุ่น ส่ายหน้าพูด “ฉันคิดว่าไม่ใช่ ไอ้สุนัขนี่จะต้องอุบอะไรแม่งสักอย่างแน่”
“เสี่ยวางใจเถอะครับ ถึงยังไงทางเราก็เตรียมการไว้หมดแล้ว ถ้าเขากล้ามาอีก เราก็ไม่ต้องกลัวหรอกครับ!”
หวงฟาได้ยินก็มองเถียนเหวินคุ่ยแวบหนึ่ง “ทางเรางั้นเหรอ เหอะๆ ตอนนี้ปกป้องตัวเองก็ไม่แน่ว่าจะปกป้องได้แล้ว วงการอาหารตู้เหมินน่าจะเปลี่ยนไปวุ่นวายเป็นพิเศษทันที ตอนนี้แค่ปกป้องตัวเองจะมีประโยชน์อะไรล่ะ”
“เสี่ยหมายถึง…”
“ถ้าวงการอาหารตู้เหมินจบสิ้นแล้ว ถึงตอนนั้นไม่ต้องพูดถึงพวกเขาหรอก แม้แต่เราก็ไม่มีเนื้อให้กินเหมือนกัน ถึงตอนนั้นเราจะมีวิธีอื่นเหรอ”
“เอ่อ…”
เถียนเหวินคุ่ยไม่รู้จะตอบอะไรไปชั่วขณะ เขารู้ดีว่าตลาดก็เป็นโซ่เส้นหนึ่ง ต่อให้ไม่มีคู่แข่งแล้ว คุณก็มีชีวิตต่อไปไม่ได้เช่นกัน
“เสี่ยครับ เราส่งสักสองสามคนไปปกป้องร้านใต้อาณัติเถอะครับ” เถียนเหวินคุ่ยพูด
ถึงอย่างไรใต้อาณัติหวงฟาก็มีร้านอาหารขนาดใหญ่อยู่หกร้าน ถ้าเลคริเซียสมาท้าดวลจริงๆ พวกลูกน้องก็จะปลอดภัยขึ้นสักหน่อย
หวงฟาพูดว่า “ฉันวางแผนไว้แล้ว ทุกร้านมีลูกน้องสิบกว่าคนซ่อนตัวกันอยู่ ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด พวกเขาจะมาจัดการร้านเราก็ไม่มีทางอื่น แค่น่าเสียดายว่า…ตู้เหมินมีเชฟดีๆ มากขนาดนี้แล้วแท้ๆ”
ขณะที่กำลังพูดคุยกัน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามา
“เสี่ยครับ ชาวต่างชาติมาแล้วครับ”
ได้ยินประโยคนี้ ปฏิกิริยาของหวงฟากับเถียนเหวินคุ่ยแทบจะเหมือนกัน มองตากันแล้วพยักหน้า
“ให้พวกเขาเข้ามา!”
ไม่นานนัก แทแรนติโนที่สวมสูทสีน้ำตาลก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของหวงฟา
“ฮ่าๆๆ คุณหวง ไม่เจอกันหลายวัน สีหน้าของคุณดูไม่เลวเลยนะครับ”
หวงฟาหรี่ตากวาดมองแทแรนติโน แค่นเสียงเย็น “ขอบคุณสำหรับคำชมแล้วกัน ยังอยู่ดี”
แทแรนติโนยังคงยิ้มแย้ม มองแขนที่พันผ้าพันแผลของหวงฟาแวบหนึ่งทันที “คาเรน แกนี่ลงมือหนักเกินไปหรือเปล่าเนี่ย แกดูสิคุณหวงเหมือนเป็นคนพิการเลย”
“แทแรนติโน ฉันรู้ว่าใครให้ความกล้าแก ให้ต่างชาติอย่างแกกล้ามาทำตัวโอหังที่จีนแบบนี้!”
ได้ยินดังนั้น แทแรนติโนก็นั่งลงบนโซฟาอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน หยิบซิการ์ขึ้นมาจุด
“อาหารไร้พรมแดน คุณหวง ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ ที่เรามาครั้งนี้ความจริงก็คือต้องการเปลี่ยนแปลงอาหารจีน หวังว่าพวกคุณจะหาธรรมเนียมที่แท้จริงเจอ”
หวงฟาขมวดคิ้ว ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มทันที “แทแรนติโน ฉันบอกแกได้นะว่าไม่ว่าคนจีนคนไหนได้ฟังคำพูดนี้ของแก คงได้คิดว่าพวกแกมันเป็นบ้า บ้ากันไปหมด!”
ได้ยินดังนั้น แทแรนติโนก็เผยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ “คุณหวง ผมไม่ได้มาเพื่อประชันฝีปากกับคุณนะครับ จัดการเรื่องไปถึงไหนแล้ว”
“เรื่องอะไร”
หวงฟาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
แทแรนติโนค่อยๆ หรี่ตาลง แววตาเย็นชา
“คุณหวง คุณกำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ”
หวงฟายักไหล่ “ล้อเล่นเรอะ ข้าจะล้อเล่นอะไรกับคนสารเลวอย่างแกได้ล่ะ”
“คุณ…” แทแรนติโนชี้หน้าหวงฟา พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “คุณหวง หรือว่าคุณจะลืมไปแล้วว่าแขนข้างนั้นของคุณเดี้ยงยังไงใช่ไหมครับ”
หวงฟาเชิดหน้าเล็กน้อย “แกจะลองอีกเหรอ”
คำถามแบบนี้ทำให้แทแรนติโนชะงักไป เขาไม่รู้ว่าเหตุใดหวงฟาถึงแน่วแน่ขนาดนี้
อย่างน้อยคราวก่อน คาเรนไม่ใช่แค่ปลดอาวุธเขาเท่านั้น ยังหักแขนเขาด้วย
หรือว่านี่คือคนจีนที่ไม่กลัวตายในตำนาน?
คิดถึงตรงนี้ แทแรนติโนก็แค่นหัวเราะเสียงเย็น “คุณหวง ถ้าผมเดาไม่ผิด วันนี้คุณก็น่าจะเตรียมตัวไว้แล้ว ในห้องนี้…น่าจะยังมีคนอื่นอยู่สินะครับ”
พูดจบ คาเรนตื่นตัวทันทีมองไปรอบๆ ขณะเดียวกันก็ยื่นมือไปที่เอว เห็นได้ชัดว่าเขาพกอาวุธติดตัวมาด้วย
ส่วนแทแรนติโนขณะที่พูดก็กวาดตามองในห้องเล็กน้อย สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่ฉากกั้นลมขนาดใหญ่ข้างๆ
หวงฟายิ้ม “ในเมื่อเดาได้แล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง แต่พวกแกอุตส่าห์มาทั้งที…วันนี้คงกลับไม่ได้แล้วล่ะ”
สายตาของหวงฟาก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ
ที่เมืองตู้เหมิน สถานะของหวงฟาก็เป็นขาใหญ่ในวงการใต้ดินคนหนึ่ง โลกใต้ดินที่พอเห็นชื่อก็รู้ความหมาย
ต่อให้เป็นซ่งจื่อเซวียน เขาก็ไม่คิดจะใช้วิธีการอย่างโลกใต้ดินจริงๆ แต่สำหรับแทแรนติโน…เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตออกไปอยู่แล้ว
ด้วยตำแหน่งของหวงฟาที่ตู้เหมิน อย่าบอกว่าหักแขนเขาเลย ต่อให้จะมาแตะต้องตัวเขาก็ไม่มีเลยสักคน
แต่แทแรนติโน…เห็นได้ชัดว่ามาสะกิดโทสะของเขาแล้ว
ไม่ใช่แค่นี้ การกระทำของเชฟต่างชาติพวกนี้ที่จีนแผ่นดินใหญ่ก็ทำให้หวงฟาโกรธอย่างไม่ต้องสงสัย
ความกรุ่นโกรธทั้งสองอย่างผสมผสานกัน เขาก็ไม่คิดจะยั้งมืออยู่แล้ว!
ตอนนี้เอง หวงฟาก็ทิ้งจอกชาลงพื้นฉับพลัน เห็นเพียงฉากกั้นลมขนาดใหญ่ล้มลงมาด้านหน้า
ส่วนด้านหลังฉากกั้นลม ชายฉกรรจ์สี่คนท่าทางเหมือนนักเลงยืนอยู่ ในมือแต่ละคนถือปืนเอาไว้
…………………………………………..
[1] ไม้เท้าตีสุนัข (打狗棒) เป็นชื่ออาวุธในนวนิยายกำลังภายในของกิมย้ง เป็นของที่ระลึกของแก๊งขอทานที่สืบทอดต่อกันมา
……….