เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 238 ทำร้ายร่างกาย
ตอนที่ 238 ทำร้ายร่างกาย
ในบ่ายวันนั้น มีเต็นท์ขนาดใหญ่กางอยู่ในสวนตระกูลหลิง
สวนของตระกูลหลิงนั้นมีพื้นที่กว้างขวางเป็นทุนเดิม มีพื้นที่ว่างรอบๆ เต็นท์เหลือเฟือ แต่ตอนนี้กลับมีคนยืนอยู่แน่นขนัด
สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการประกาศการประลองระหว่างซ่งจื่อเซวียนกับจงเทียนอวี่ แต่เป็นเพราะตระกูลหลิงมีพ่อครัวอยู่มากมาย
ทั้งทีมพ่อครัวของตระกูลหลิง พ่อครัวของร้านอาหารในเครือ รวมถึงตู้ปั๋ว หลี่เฉิง และคนที่มาขอฝากตัวเป็นศิษย์ รวมๆ แล้วหลายสิบชีวิต
อีกอย่างการแข่งขันแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดในตระกูลหลิง ทั้งพ่อครัวและพ่อครัวฝึกหัดต่างท้าประลองกันเป็นประจำ
เพียงแต่ว่าการแข่งขันระดับสูงแบบนี้ ไม่เคยมีมาก่อน
ฝ่ายหนึ่งคือเชฟชื่อดังจากเมืองตู้เหมิน อีกฝ่ายคือศิษย์ของพ่อครัวเทพแห่งภาคเหนือหลิงเจิ้น
ถือว่าเป็นการต่อสู้ของยอดฝีมือที่แท้จริง
เต็นท์กว้างประมาณสิบเมตร เพื่อให้พ่อครัวมีพื้นที่เพียงพอ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำอาหารเนื่องจากมีพื้นที่จำกัด
ด้านหน้าของเต็นท์ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ตรงกลาง วางเก้าอี้ไว้ตัวหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นเก้าอี้สำหรับหลิงเจิ้น ผู้ตัดสินเพียงหนึ่งเดียวของการแข่งขันครั้งนี้
เวลาบ่ายสองกว่าๆ จงเทียนอวี่ก็มาประจำที่แล้ว หลี่เฉิงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย เดินตามเขาเข้าไปในเต็นท์
สำหรับพ่อครัวระดับสูง การเตรียมตัวก่อนทำอาหารนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
ตอนนี้จงเทียนอวี่และหลี่เฉิงกำลังยุ่งอยู่กับการล้างกระทะ ตะหลิว และเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ทั้งหมด จากนั้นจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
ขั้นตอนนี้ใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมง
ทว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไป ก็ยังมีเพียงพวกเขาสองคนที่อยู่ในเต็นท์ ส่วนซ่งจื่อเซวียน…ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
การแข่งขันกำหนดเวลาไว้ที่เวลาบ่ายสามโมง การเตรียมตัวล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมงถือว่าเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนการแข่งขัน แต่ซ่งจื่อเซวียนยังไม่มา ทำให้จงเทียนอวี่รู้สึกเหมือนโดนดูถูก
“ศิษย์พี่ ไอ้หมอนั่นยังไม่มาอีกเหรอ นี่มัน…ไม่รู้กฎระเบียบหรือดูถูกเราอยู่กันแน่” หลี่เฉิงพูดพร้อมกับเช็ดถูมีดปลายแหลมให้เงาวับจนสะท้อนแสงได้
จงเทียนอวี่มองไปที่บ้านหลังที่ซ่งจื่อเซวียนพักอยู่ แล้วก็หรี่ตาลง
“ไม่เป็นไร วันนี้…ฉันจะทำให้มันเสียใจที่มาอยู่ตระกูลหลิง!”
ในห้อง ฟางรุ่ยมองออกไปข้างนอกผ่านหน้าต่าง
“นายท่านรอง คนมากันเยอะเลยนะครับ ทำไมตระกูลหลิงถึงคนเยอะขนาดนี้นะ”
ซ่งจื่อเซวียนยกถ้วยชาขึ้นจิบแล้วพูดยิ้มๆ “ก็ถูกแล้ว ทั้งตระกูลมีทั้งคนรับใช้ ลูกศิษย์ คนที่มาขอฝากตัวเป็นศิษย์ รวมๆ กันแล้วก็หลายสิบคนนะ”
ฟางรุ่ยพยักหน้า “จริงด้วย จงเทียนอวี่ก็ไปแล้ว ดูเหมือนว่าฝั่งนั้นเพิ่งจะเตรียมตัวเสร็จ นายท่านรอง ไม่ไปก่อนจะดีหรือครับ จะไม่ต้องเสียเวลาทีหลัง”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องหรอก นี่มันถิ่นของเขา ทางนั้นมีอุปกรณ์เครื่องครัวของตัวเอง พวกเราน่ะไม่ได้เอาอะไรมาด้วยสักอย่าง ให้เตรียมอะไรล่ะ”
ฟางรุ่ยหัวเราะ “ฮ่าๆ ก็จริงครับ”
“โอเค รุ่ยจื่อ ช่วยอยู่เงียบๆ แป๊บนึงนะ อีกสักสิบนาทีก่อนแข่งค่อยปลุกฉัน ฉันจะงีบสักหน่อย”
“ได้เลยครับนายท่านรอง”
ซ่งจื่อเซวียนหลับตาลงและพิงตัวไปด้านหนึ่ง การกระทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพราะเขามั่นใจว่าจะเอาชนะจงเทียนอวี่ได้แบบแน่นอน
แต่เป็นเพราะจงเทียนอวี่อาจจะเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ นานาได้ก็จริง ทว่าสำหรับเขาแล้วการทบทวนขั้นตอนการทำอาหารของท่านผู้เฒ่าหลิงเมื่อวานนี้ให้ขึ้นใจนั้นสำคัญยิ่งกว่า
การทำอาหารนอกเหนือจากสูตรอาหารราชวงศ์ชิงนับเป็นจุดอ่อนของเขา การเรียนรู้ให้ได้ในเวลาที่สั้นที่สุดจึงเป็นภารกิจเร่งด่วน
ตอนนี้หลิงเจิ้นก็มาถึงที่ลานประลองแล้วเช่นกัน เนื่องจะเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคมแล้ว แม้ว่าจะมีลมพัดแรงก็ไม่รู้สึกหนาวเท่าไร
หลิงเจิ้นนั่งบนเก้าอี้ไม้โบราณท่ามกลางผู้คน พลางจิบชารอเงียบๆ
แม้หลิงเจิ้นจะดูสงบนิ่ง แต่ในเมื่อซ่งจื่อเซวียนยังไม่มาสักที ก็ทำให้ผู้ชมเริ่มส่งเสียงพูดคุยพึมพำกัน
“ให้ตาย เชฟจากตู้เหมินนั่นยังไม่มาอีกเหรอ อีกเดี๋ยวก็จะเริ่มแล้วนา”
“ฮ่าๆ ฉันว่ากลัวหัวหดไปแล้วแหง ทักษะการทำครัวของศิษย์พี่จงระดับไหนก็รู้ๆ กันอยู่ เขาเก่งที่สุดในบรรดาศิษย์ของท่านผู้เฒ่าหลิงแล้ว”
“ฉันก็ว่างั้น ได้ยินมาว่าเดิมพันกันโคตรเดือด ศิษย์พี่จงบอกว่าถ้าแพ้จะออกจากสำนักเลย”
“ฉันก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกัน เรื่องเมื่อคืนนี้ดูเหมือนว่าศิษย์พี่จงของเราจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงน่าดู”
“แต่ว่า…ซ่งจื่อเซวียนคนนี้ไม่ใช่พวกไก่กานะ พวกนายไม่รู้เหรอว่าเขาคือเชฟข้าวผัดจักรพรรดิที่เมืองตู้เหมินเชียวนะ”
“รู้สิ แล้วไงล่ะ ฉันไม่เชื่อว่าแค่ข้าวผัดจะอร่อยได้ขนาดนั้น ขายของเว่อร์ๆ มากกว่า”
“ฉันก็เห็นด้วย ท่านผู้เฒ่าหลิงของพวกเราเป็นถึงปรมาจารย์อาหารซานตงแท้ๆ ศิษย์พี่จงได้เรียนทำอาหารซานตงต้นตำหรับมาตั้งเท่าไร กลัวอะไรกับไอ้คนทำข้าวผัด”
หลิงเจิ้นยิ้มน้อยๆ ขณะฟังบทสนทนาในหมู่ผู้ชม
หลังจากนั้น หลิงเจิ้นก็มองไปทางจงเทียนอวี่ เมื่อเห็นว่าเขาเตรียมตัวเสร็จพร้อมจะเริ่มทำอาหารได้ทุกเมื่อ จึงพยักหน้าให้
อย่างไรเขาก็เป็นศิษย์ของตน หลิงเจิ้นเองก็เคยกล่าวเอาไว้ว่า การแข่งขันระหว่างจงเทียนอวี่และซ่งจื่อเซวียนครั้งนี้ จะทำให้เขาเข้าใจจงเทียนอวี่มากขึ้น
เมื่อเทียบกับตู้ปั๋วและหลี่เฉิง จงเทียนอวี่มีพรสวรรค์มากที่สุด หากวันหนึ่งหลิงเจิ้นตั้งใจจะเลือกผู้สืบทอดของตนเอง จงเทียนอวี่ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เวลาของการแข่งขันใกล้จะเริ่มต้นขึ้นเต็มที แต่ซ่งจื่อเซวียนยังไม่ปรากฏตัว จึงสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
ภายในเต็นท์ใหญ่ จงเทียนอวี่ที่รออยู่รู้สึกหงุดหงิด เขาโมโหขึ้นเรื่อยๆ ที่ซ่งจื่อเซวียนยังไม่ยอมโผล่หัวมาสักที แม้จะยังไม่ถึงเวลาแข่งขันก็ตาม
“ดูถูกจงเทียนอวี่คนนี้งั้นเรอะ หึ ฉันจะทำให้แกเสียใจ!”
ในที่สุด เมื่อเหลือเวลาอีกเพียงห้านาทีก่อนการแข่งขัน ซ่งจื่อเซวียนก็ค่อยๆ เดินฝ่าฝูงชนเข้ามา
มองไปยังอุปกรณ์เครื่องครัวที่หลิงเจิ้นเตรียมไว้บนเตาแล้ว ซ่งจื่อเซวียนก็พูดว่า “รุ่ยจื่อ ไปล้างพวกอุปกรณ์ให้หน่อย”
“ได้ครับนายท่านรอง”
จากนั้นซ่งจื่อเซวียนก็เดินเข้าไปหาหลิงเจิ้น “ท่านผู้เฒ่าหลิง ผมมาสายไปหน่อย”
“หึๆ ยังมีเวลาเหลืออีกหลายนาที ไม่สายหรอก จื่อเซวียน ไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวฉันจะประกาศวัตถุดิบในวันนี้แล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ครับ ท่านผู้เฒ่าหลิง”
ซ่งจื่อเซวียนเดินไปที่หน้าเตา ไม่ได้เตรียมการอะไรเพิ่มเติม เพียงรอฟังประกาศวัตถุดิบจากหลิงเจิ้น
การแข่งขันยอดเชฟปกติก็เป็นเช่นนี้ จะไม่ประกาศวัตถุดิบที่ใช้ในการแข่งขันล่วงหน้า แต่จะประกาศหลังจากเริ่มการแข่งขันแล้ว
วิธีนี้เป็นการทดสอบทักษะของพ่อครัว ว่าสามารถรังสรรค์เมนูสุดพิเศษโดยไม่ต้องเตรียมตัวมาก่อนได้หรือไม่ เป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือการทำอาหารได้อย่างแท้จริง
จงเทียนอวี่มองดูซ่งจื่อเซวียนที่มีท่าทีเฉยเมย แล้วถามขึ้น “ซ่งจื่อเซวียน! นายคิดว่าวันนี้นายจะชนะฉันได้งั้นเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนเพียงแต่หันมามองจงเทียนอวี่แวบเดียว ไม่ได้ตอบอะไร
“หึ! ฉันจะไล่แกออกไปจากตระกูลหลิงซะ!”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มบางๆ “หวังว่าจะทำได้นะครับ”
ในตอนนี้เอง หลิงเจิ้นก็ลุกขึ้น เดินไปข้างหน้า “เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว ฉันจะประกาศหัวข้อในการแข่งขันวันนี้”
พูดจบก็หันไปกวักมือเรียกตู้ปั๋ว
ตู้ปั๋วเดินเข้ามาพร้อมกับตะกร้าสองใบ ตะกร้าถูกปิดไว้มิดชิด ภายในบรรจุวัตถุดิบสำหรับการแข่งขันในวันนี้
“วัตถุดิบหลักคือปลิงทะเล หน่อไม้สด และเนื้อวัว พร้อมด้วยส่วนผสมอื่นๆ จะเลือกใช้บางส่วนหรือใช้ทั้งหมดในการปรุงอาหารก็ได้ ให้เวลาสามสิบนาที เริ่มได้!”
เมื่อได้ยินชื่อวัตถุดิบ ทั้งซ่งจื่อเซวียนและจงเทียนอวี่ไม่ได้รีบร้อนลงมือ แต่ต่างใช้เวลาคิดวิเคราะห์ว่าควรเลือกวัตถุดิบใดบ้าง
ตามกติกาของการแข่งขัน อนุญาตให้พวกเขาเลือกวัตถุดิบบางชนิดหรือทั้งหมดมาทำอาหารก็ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะใช้อะไรก็ต้องคิดให้รอบคอบ
หลิงเจิ้นกลับมานั่งที่พลางจิบชาต่อ เวลาที่เหลือยกให้ทั้งคู่ หน้าที่ของเขามีเพียงสังเกตการณ์เท่านั้น
ซ่งจื่อเซวียนมองไปที่วัตถุดิบในตะกร้า พลางคิดในใจว่าวัตถุดิบเหล่านี้ล้วนเป็นวัตถุดิบที่นิยมใช้ในตระกูลอาหารซานตง
ตัวอย่างเช่น ปลิงทะเล มักถูกนำมาทำเป็นปลิงทะเลผัดต้นหอม เมนูต้นตำหรับอาหารซานตง เช่นเดียวกับเนื้อวัว อาหารซานตงมีเมนูเนื้อสัตว์มากกว่าอาหารตระกูลอื่นๆ
จากลักษณะของอาหารซานตง จงเทียนอวี่เอนเอียงไปทางวิธีผัดไฟแรง ซึ่งเป็นเทคนิคการทำอาหารที่พบได้บ่อยในอาหารซานตง และเป็นที่ถูกปากของผู้คนทั่วไป
ทว่าขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้มออกมา วัตถุดิบพวกนี้…ถูกใช้ในอาหารพื้นบ้านตู้เหมินเช่นกัน
แต่วิธีการทำอาหารจะต่างออกไป แทนที่จะใช้การผัดไฟแรงกลับเปลี่ยนเป็นการตุ๋นแทน
เมื่อเทียบกันแล้ว อาหารประเภทตุ๋นรสชาติจะไม่เข้มข้นเท่ากับอาหารประเภทผัดไฟแรง แต่จะมีกลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม และหากกระตุ้นด้วยกำลังภายใน จะช่วยเพิ่มความนุ่มและเนื้อสัมผัสได้…
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ งั้นก็ใช้วิธีนี้แล้วกัน!
สำหรับซ่งจื่อเซวียนแล้ว วัตถุดิบเหล่านี้ เขานึกถึงเมนูน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายที่คุ้นเคย นำปลิงทะเล เนื้อวัว และหน่อไม้สด มาหั่นเป็นฝอย ปรับสูตรให้เรียบง่ายลงหน่อยก็ได้
แต่เขาเคยทำให้หลิงเจิ้นทานไปแล้วครั้งหนึ่ง จึงไม่อยากทำซ้ำ อีกอย่างเขาไม่อยากเปิดเผยสูตรลับจากสูตรอาหารราชวงศ์ชิงในการแข่งขันกับจงเทียนอวี่
จากนั้นเขาก็เริ่มหั่นวัตถุดิบเป็นฝอย “รุ่ยจื่อ ฉันจะหั่นปลิงทะเล หน่อไม้สด กับเนื้อวัวเอง พอหั่นเสร็จแล้ว นายเอาไปแช่น้ำเย็นไว้ เพื่อรักษาความสดและความชุ่มฉ่ำนะ”
“ได้ครับ!”
รุ่ยจื่อรับวัตถุดิบที่หั่นเสร็จแล้วไปแช่น้ำเย็น และมองไปทางจงเทียนอวี่ และสังเกตเห็นว่าจงเทียนอวี่กำลังทำเหมือนกับพวกเขา หั่นวัตถุดิบเป็นฝอย ส่วนหลี่เฉิงก็กำลังแช่ปลิงทะเลฝอยในน้ำเย็น
“นายท่านรอง พวกนั้นทำเหมือนกับเราเลยครับ”
ซ่งจื่อเซวียนเหลือบมองยิ้มๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
หลิงเจิ้นสังเกตเห็นดังนั้น จึงขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางคิดในใจว่า หรือทั้งคู่จะคิดเหมือนกัน
แต่เมื่อเห็นขั้นตอนถัดไปของซ่งจื่อเซวียน เขาก็ส่ายหน้าและยิ้ม ไม่ ซ่งจื่อเซวียน…ไม่ได้เลือกทำอาหารแบบซานตง
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช้สูตรอาหารที่ฉันสอนเมื่อวาน
จงเทียนอวี่ตั้งกระทะ ตั้งน้ำมันให้ร้อน เจียวขิงและต้นหอม แต่เขาไม่ได้รีบร้อนเทวัตถุดิบทั้งหมดลงไปในกระทะ แต่เริ่มจากการผัดเนื้อวัวก่อน
หลิงเจิ้นพยักหน้าช้าๆ พลางยิ้มน้อยๆ เจ้าเด็กนี่กำลังจะผัดวัตถุดิบทั้งสามอย่าง รู้จักเรียงลำดับก่อนหลัง เพื่อคงความสดของวัตถุดิบแต่ละชนิด ยอดเยี่ยม!
ผู้ชมต่างจับจ้องการแข่งขันอย่างตั้งใจ มีใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “หึๆ ดูเหมือนว่าศิษย์พี่จงจะเร็วกว่านะ เริ่มผัดแล้ว”
“นั่นสิ ฮ่าๆ ดูโน่นสิ หมอนั่นไม่ตั้งน้ำมัน แต่ตั้งน้ำแทนซะงั้น”
“ฮ่าๆ ใครจะไปรู้ วิธีทำแปลกซะไม่มี รสชาติคงไม่ได้เรื่องแหง”
ทว่าในตอนนั้นเอง จงเทียนอวี่ขมวดคิ้ว กระตุกข้อมือสะบัดกระทะอย่างแรง เปลวไฟข้างใต้ลุกโชนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ลามไปหาซ่งจื่อเซวียน
ซ่งจื่อเซวียนตั้งตัวไม่ทัน เขาร้องโอดโอยแล้วชักมือกลับอย่างรวดเร็ว กระทะในมือร่วงไปกองกับพื้น
ทุกคนต่างตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นระหว่างการแข่งขัน
มีเพียงหลิงเจิ้นเท่านั้นที่ขมวดคิ้วแน่น เผยให้เห็นถึงความโกรธขึ้ง
เทียนอวี่…ทำร้ายคนอื่นงั้นรึ
…………………………………………….