เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 214 เพื่อตั้งหลัก
ตอนที่ 214 เพื่อตั้งหลัก
ณ ห้องทำงานสำนักงานควบคุมตลาดเขตเฉิงหนาน
เฮ่อเหว่ยนั่งก้มหน้าสูบบุหรี่อยู่ที่โต๊ะ ดวงตาเหม่อลอยไปข้างหน้า
เขาสูบบุหรี่ต่อไปเรื่อยๆ โดยในหัวมีแต่ความว่างเปล่า
อันที่จริงตั้งแต่เสี่ยเจียงรีบวิ่งออกจากห้องกล้องวงจรปิดขณะที่รับโทรศัพท์สายนั้น จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง
เขาไม่มีทางเป็นคนโง่เขลาเหมือนเจ้าเจี้ยนที่คิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญ
ไม่สิ เขาเชื่อว่าซ่งจื่อเซวียนแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก
ข้างกายมีบอดี้การ์ดฝีมือดีคอยคุ้มกันอยู่คนหนึ่ง และแม้แต่คนอย่างเสี่ยเจียงก็ยังเป็นเพื่อนของเขา เมื่อพิจารณาเพียงสองประเด็นนี้ เฮ่อเหว่ยก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
ในตอนนี้ เขากำลังนั่งอยู่ที่นี่เพื่อรอให้พวกซ่งจื่อเซวียนเข้ามา ราวกับนักโทษที่รอการพิจารณาคดี
เหตุผลที่เขาไม่หนีก็เพราะถึงแม้เขาจะแพ้ แต่ก็ยังอยากแพ้อย่างมีเกียรติ
แต่ดูเหมือนว่าซ่งจื่อเซวียนไม่คิดที่จะให้เกียรตินี้แก่เขา!
ปัง!
ประตูถูกเตะออก ซางเทียนซั่วและฟางรุ่ยก็เดินเข้ามาก่อน ตามมาด้วยซ่งจื่อเซวียนและเสี่ยเจียง
เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา เฮ่อเหว่ยก็กระตุกยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่าเป็นสิ่งที่คาดไว้ตั้งนานแล้ว
แต่เหตุการณ์ถัดไปทำให้เขาใจหายวูบ เมื่อเขาเห็นอันธพาลสองคนเดินเข้ามาและจับเฮ่อเหยียนข่ายไว้อย่างแรง
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเฮ่อเหยียนข่ายถึงมาปรากฏตัวที่นี่ เจ้าโง่นี่เพิ่งมาเมื่อกี้เหรอ
“เฮ่อเหว่ย วิธีที่เราพบกันวันนี้…พิเศษมากเลยนะครับ” ซ่งจื่อเซวียนกล่าวขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้แขก
แต่เฮ่อเหว่ยไม่สนใจและมองไปยังเฮ่อเหยียนข่ายที่กำลังพยายามดิ้นรนและตะโกนว่า “พ่อ เสี่ยเจียงแว้งกัดพวกเรา พวกเขาไม่ได้สู้กันเลยสักนิด!”
ได้ยินเช่นนี้ เฮ่อเหว่ยยังไม่พูดอะไร เสี่ยเจียงก็ง้างมือตบหน้าเฮ่อเหยียนข่ายอย่างแรง
“ไอ้เด็กนี่ ข้าอยู่ตรงนี้ ถึงตานายเห่าหอนหรือไง”
การตบครั้งนี้ไม่เบาเลย มุมปากของเฮ่อเหยียนข่ายจึงมีเลือดซึมออกมาทันที
“ไอ้แก่ แกเป็นคนโกหกปลิ้นปล้อน แกโกงเงินตระกูลเฮ่อของเราไปโดยไม่ทำอะไรเลย!” เฮ่อเหยียนข่ายยังคำรามเช่นเดิม
ความจริงตั้งแต่วันที่เขาถูกเล่นงาน เขาก็เสียสติเหมือนกับคนบ้าไปแล้วยังจะต้องกลัวอะไรอีก
เฮ่อเหว่ยรีบลุกขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะสั่นเทา “เสี่ยเจียง…อย่าทำให้ลูกชายผมทรมานได้หรือเปล่า…”
น้ำเสียงของเฮ่อเหว่ยต่างจากปกติ เขาผู้ซึ่งใจเย็นและมั่นใจอยู่เสมอ คราวนี้ดูเหมือนจะแก่ลงไปเป็นสิบปี
เสี่ยเจียงมองอย่างขมขื่นอยู่บ้าง แต่ไม่มีทางอื่น เพราะจุดยืนของเขาอยู่ฝั่งซ่งจื่อเซวียน
“นายบอกฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถามนายท่านรองว่าจะจัดการยังไงเถอะ”
“นะ นายท่านรองเหรอ” เฮ่อเหว่ยค่อยๆ หันหน้าไปทางซ่งจื่อเซวียน
ซ่งอวิ๋นหล่างถูกเรียกว่านายท่านรองมานานกว่าสิบปี แต่เวลานี้เฮ่อเหว่ยก็พลันเข้าใจหลักการหนึ่ง นายท่านรองคนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเก่งกาจกว่าซ่งอวิ๋นหล่างหลายเท่า…
ซ่งจื่อเซวียนมองเฮ่อเหว่ย “เฮ่อเหว่ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องในอดีตแล้วกัน วันนี้…คุณทำให้ผมตาสว่างแล้ว”
เฮ่อเหว่ยได้ยินก็ก้มหน้าลง เขารู้ว่าในที่สุดช่วงเวลานี้ก็มาถึงแล้ว
ซ่งจื่อเซวียนแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้หลายเท่า แม้แต่ฉินจ้งก็โดนเขาโค่นลงง่ายๆ แล้วเฮ่อเหว่ยล่ะจะเป็นอย่างไร
หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงคิดว่าถึงฉินจ้งจะเป็นคนที่แข็งแกร่งแต่ก็ไร้สมอง ทว่าตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเป็นตัวเขาเองที่ไร้สมอง
หากไม่มีเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้น หากเขาสนับสนุนซ่งจื่อเซวียนอย่างเต็มที่และสั่งสอนลูกชายของตนเองอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้ก่อเรื่อง วันนี้จะเป็นแบบไหนกัน
เขาอิจฉาจั่วอู่และเจ้าเจี้ยนขึ้นมากะทันหัน อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็เป็นคนของซ่งจื่อเซวียน
“คุณคิดจะทำอะไร” เฮ่อเหว่ยถาม
ซ่งจื่อเซวียนกระตุกยิ้ม หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดหนึ่งมวนแล้วกล่าว “ง่ายๆ แบบเดียวกับนายท่านลิ่ว ขายหุ้นของคุณให้กับบริษัทแล้วออกไป”
“เป็นไปไม่ได้งั้นเหรอ เหอะๆ คุณไม่มีทางเลือกอื่น คุณต้องให้ผมจัดการโหดๆ สินะ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
เมื่อเฮ่อเหว่ยได้ยินก็ถอนหายใจ เขารู้ว่าทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของเขา แต่อยากให้เขาปล่อยวางผลจากการทำงานหนักมากว่าสิบปีนั้น…เขาไม่ยอม
“พ่อจะตกลงกับมันไม่ได้นะ แม่งเอ๊ย มันมายุ่งอะไรด้วย เป็นแค่เชฟในวงการแค่นั้น ไอ้สารเลว แกล้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ!”
เฮ่อเหยียนข่ายยังคงแผดเสียง คราวนี้เสี่ยเจียงไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่มองไปที่ซ่งจื่อเซวียน
ซ่งจื่อเซวียนแค่นหัวเราะเบาๆ “รุ่ยจื่อ!”
ฟางรุ่ยได้ยินก็เดินไปหาเฮ่อเหยียนข่าย
เฮ่อเหว่ยรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของฟางรุ่ย เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นก็ตะโกนเสียงดัง “อย่า…”
ผัวะ!
หมัดอันหนักหน่วงกระแทกเข้าหน้าเฮ่อเหยียนข่าย จากนั้นอีกฝ่ายก็ตาเหลือกและล้มลงไปทั้งร่าง
นึกไม่ถึงเลยว่าจะมึนไปหลายวินาที…
เฮ่อเหยียนข่ายหอบหายใจแรง ส่ายหัวแล้วยิ้ม “เหอะๆ ฮ่าๆๆๆ…ต่อยดีว่ะ แน่จริงพวกแกก็ต่อยให้ฉันตายไปเลย ไม่งั้นไม่ช้าก็เร็วฉันจะฆ่าพวกแกแน่…”
เห็นภาพนี้เข้า เฮ่อเหว่ยก็รู้สึกหัวใจแตกสลาย เขามองซ่งจื่อเซวียนด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ซ่งจื่อเซวียน…คุณต้องโหดร้ายขนาดนี้เลยเหรอครับ”
ซ่งจื่อเซวียนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “ผมโหดร้ายเหรอ แล้วเมื่อกี้นี้ล่ะ ถ้าเสี่ยเจียงกับผมไม่รู้จักกัน วันนี้ผมคงถูกพวกคุณสองคนจัดการในตลาดเขตเฉิงหนานนี้ไปแล้ว!”
ขณะที่พูด ซ่งจื่อเซวียนก็เริ่มตื่นตัวจึงลุกขึ้นยืน “ตอนนี้มาบอกว่าผมโหดร้ายเหรอ เฮ่อเหว่ย ตอนนี้คุณยังเป็นคนในบริษัทของผม แต่คุณทำอะไรกับผมบ้างล่ะ
ผมเคยคิดว่าถ้าคุณยอมรับผิด ผมอาจปล่อยให้คุณดูแลตลาดเขตเฉิงหนาน เพราะยังไงฝีมือการจัดการของคุณก็ดีกว่าคนอื่นๆ มาก แต่ตอนนี้…ผมไม่คิดแบบนั้นแล้ว”
ขณะที่พูด ซ่งจื่อเซวียนก็เปิดมือถือ “เฮ่อเหว่ยคนอย่างคุณทำเรื่องอะไรน้ำก็ไม่รั่วแม้แต่หยดเดียว แต่ในนี้ยังมีหลักฐานบางอย่างที่ชี้ว่าคุณโกงเงิน คุณจะดูหรือไม่ดูก็ได้ แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน คุณต้องออกไปจากบริษัทของผม!”
ประโยคนี้แทงทะลุหัวใจของเฮ่อเหว่ย
เฮ่อเหว่ยทำงานหนักมากว่าสิบปียังจะมีประโยชน์อะไรอีก เขาลืมสิ่งหนึ่งไป นั่นคือบริษัทนี้เป็นของตระกูลซ่ง
ประโยคที่ซ่งจื่อเซวียนพูดว่า ‘คุณต้องออกไปจากบริษัทของผม’ ทำให้เฮ่อเหว่ยได้สติ
เฮ่อเหว่ยเงยหน้ามองซ่งจื่อเซวียนอย่างช้าๆ พยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเคครับ คุณจะแบ่งหุ้นของผมไปด้วยใช่ไหม”
“แน่นอนอยู่แล้ว พ่อของผมเป็นคนหาเงินในบริษัท ผมไม่มีทางปล่อยให้มันสูญเสียไป คุณโกงไปเท่าไรก็แบ่งมาเท่านั้น ถือว่าผมเมตตาคุณเต็มที่แล้ว”
เฮ่อเหว่ยพยักหน้า ที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะเรื่องในวันนี้ ถึงแม้ซ่งจื่อเซวียนจะไม่ให้เงินเขาสักแดงเดียวก็หมดปัญญาแล้ว
แต่เฮ่อเหยียนข่ายกลับเอ่ยขึ้น “พ่อ ไม่ได้นะ…ไม่ได้เด็ดขาด”
เฮ่อเหยียนข่ายเคยชินกับการเป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองในตู้เหมิน หากพ่อไม่ทำงานที่บริษัทนี้แล้ว ตลาดก็จะหายไปด้วย เขาก็จะหลุดจากรายชื่อทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองอย่างเต็มตัว
เขาก็ถูกกำหนดว่าจะเชิดหน้าชูตาในมหาวิทยาลัยหนานกวนไม่ได้อีกแล้ว
เขาส่ายหัวอย่างแรงด้วยสีหน้าไม่ยอม
“ผมรับปากคุณได้ แต่…” เฮ่อเหว่ยสูดหายใจลึกๆ แล้วเอ่ย “ผมมีข้อแม้”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาเจรจาต่อรองกับผม!” ซ่งจื่อเซวียนส่ายหัวช้าๆ
เฮ่อเหว่ยหัวเราะเยาะ “ซ่งจื่อเซวียน เรื่องทุกอย่างยังมีเวลาอีกยาวไกล ทำไมคุณถึงดื้อรั้นขนาดนี้ล่ะครับ”
เมื่อซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็เดินไปหาเฮ่อเหยียนข่ายและมองใบหน้าที่ผิดรูปเล็กน้อยจากการต่อยของฟางรุ่ย ซ่งจื่อเซวียนก็มีสีหน้าเยือกเย็นเป็นอย่างมาก
“เฮ่อเหว่ย เรื่องในวันนี้ผมสามารถแจ้งตำรวจได้ ผมเชื่อว่าเสี่ยเจียงจะช่วยผม”
เสี่ยเจียงเอ่ย “ไม่มีปัญหา กรณีร้ายแรงก็หาลูกน้องมารับผิดแล้วค่อยประกันตัวด้วยเงินไม่กี่หมื่นหยวน”
“เฮ่อเหว่ยคุณได้ยินแล้วใช่ไหม คุณไม่มีอะไรจะเจรจากับผมได้หรอก ส่วนลูกชายคุณ…คุณเคยถามเขาไหมว่าทำไมผมถึงทำเรื่องแบบนั้นกับเขา”
เฮ่อเหยียนข่ายหัวเราะครืนใหญ่แล้วเอ่ย “อย่าแกล้งทำตัวเป็นคนทวงความยุติธรรมที่นี่ ข้าทำเอง แล้วไงล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนไม่สนใจและพูดต่อ “ลูกชายคุณอยู่ในอาคารสำนักงานร้างและคิดจะบังคับขืนใจนักศึกษาหญิงคนหนึ่งจากมหา‘ลัยหนานกวน ตอนที่ผมมาถึง นักศึกษาหญิงคนนั้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย แถมยังถูกวางยาแล้วด้วย”
เฮ่อเหว่ยเบิกตากว้าง เรื่องทั้งหมดนี้…เขาไม่รู้จริงๆ
หลายปีที่ผ่านมานี้เขาปรนเปรอลูกชายดั่งขึ้นสวรรค์ แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำผิดพลาดก็จะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่ช่วยลูกชายให้ทำเรื่องต่างๆ ได้อย่างราบรื่น
ได้ยินเช่นนี้เขาจึงขนลุกขนพอง นี่เป็นคดีร้ายแรง เฮ่อเหยียนข่ายจะต้องถูกจำคุกไม่ต่ำกว่าสิบปี
เขาไม่รู้ว่าลูกชายมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าก่อคดีร้ายแรงเช่นนี้
“และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…นักศึกษาหญิงคนนั้นคือเพื่อนของผม เฮ่อเหว่ย สิ่งที่ผมทำกับเขาถือว่าเป็นการป้องกันตัว และไม่ต้องรับผิดชอบ” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
เฮ่อเหว่ยทำงานในตลาดมาหลายปีและรู้กฎหมายดี แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าการป้องกันตัวที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้สื่อถึงการป้องกันเมื่อตัวเองถูกล่วงละเมิดเท่านั้น การลงมือเมื่อผู้อื่นถูกล่วงละเมิดก็ถือเป็นการป้องกันตัวที่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน ซ่งจื่อเซวียนพูดถูก…
เขาหายใจเข้าลึกๆ “จะแลกหุ้นผมเป็นเงินเมื่อไร”
“ภายในสามวัน แต่วันนี้คุณต้องย้ายออกจากตลาดเฉิงหนาน หลังจากนี้ถ้าคุณมาที่นี่…ก็ให้มาเพื่อซื้อของเท่านั้น!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดจบก็กลับมานั่ง เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้นี้ได้จบลงแล้ว
ในที่สุดเฮ่อเหว่ยก็พยักหน้า “ปล่อยลูกชายผมไปได้ไหม”
“เสี่ยเจียง พาพวกเขาออกไปครับ ไม่ต้องทรมานแล้ว”
“ทำตามที่นายท่านรองสั่ง!”
“ครับเสี่ย!”
จากนั้นพวกอันธพาลก็พาเฮ่อเหว่ยและเฮ่อเหยียนข่ายออกไปจากตลาด
ซ่งจื่อเซวียนนั่งอยู่ในห้องทำงานและถอนหายใจยาว เขาไม่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด บริษัทในตอนนี้แตกต่างไปจากตอนที่พ่อยังอยู่อย่างสิ้นเชิง
เขาไล่ฉินจ้งและเฮ่อเหว่ยออกไปจากบริษัท และแย่งชิงอำนาจไปจากซ่งอวิ๋นหล่างแล้ว ตอนนี้อีกฝ่ายมีหน้าที่ดูแลรายการภาพยนตร์และโทรทัศน์ พูดง่ายๆ คือไม่มีอำนาจอะไรแล้ว
ส่วนจั่วอู่กับเจ้าเจี้ยนก็เป็นหุ่นเชิดอย่างสมบูรณ์ โดยพื้นฐานแล้วบริษัทในตอนนี้คำพูดของซ่งจื่อเซวียนถือเป็นคำขาด
บางทีซ่งอวิ๋นฮั่นอาจจะไม่หวังให้บริษัทเป็นเช่นนี้ แต่ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถตั้งหลักได้เลย
อันที่จริงเมื่อผ่านเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมา ซ่งจื่อเซวียนเติบโตขึ้นมากและเปลี่ยนไปไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับเรื่องต่างๆ มากมาย เขาลังเลน้อยลงและ…โหดเหี้ยมกว่าเมื่อก่อนอยู่บ้าง
ระหว่างที่กำลังคิดถึงเรื่องพวกนี้ เจิ้งอวี่ก็รับสายโทรศัพท์ พูดเพียงไม่กี่คำก็วางสายแล้วพูดกับซ่งจื่อเซวียน “คุณซ่ง เกิดเรื่องขึ้นที่สถานีโทรทัศน์นิดหน่อยครับ เชฟคนหนึ่งมือลวกขณะถ่ายทำรายการ วันนี้ซ่งอวิ๋นหล่างไม่ได้ไปครับ”
“อะไรนะ อารองไม่อยู่เหรอ”
“ผมให้เขารีบไปจัดการตอนนี้เลยดีไหมครับ” เจิ้งอวี่ถาม
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “รีบไปบอกเลยครับ พวกเราก็อย่าอยู่เฉยๆ ไปดูกันหน่อยดีกว่า ถ้ามีเรื่องเร่งด่วนก็แก้ไขไปก่อน”
……………………………………………….