เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 213 พูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ตอนที่ 213 พูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกซ่งจื่อเซวียนจะโจมตีก่อน จู่ๆ ฟางรุ่ยก็ต่อยกะทันหัน อันธพาลทั้งหมดจึงตั้งรับไม่ทัน
เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะพูดหาเรื่องสักสองสามประโยคก่อน แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ปล่อยให้พวกเขาพูดจบ…
กว่าพวกเขาจะรู้ตัว อันธพาลสองคนก็ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้ว
“แม่ง ซัดพวกมัน!”
ทันใดนั้น อันธพาลเกือบสิบคนก็รีบกระโจนเข้าไปหาพวกซ่งจื่อเซวียน ฟางรุ่ยก็ยกขาเตะคนหนึ่ง
ต่อมา ซางเทียนซั่วก็เริ่มต่อยตีกับอันธพาลคนหนึ่งเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะกำลังมากกว่า แต่ซางเทียนซั่วก็ไม่ใช่คนสายต่อสู้ คิดจะล้มคนหนึ่งด้วยหมัดเดียวก็ดูเกินจริงไป
ส่วนซ่งจื่อเซวียนมีความเสียเปรียบอย่างแน่นอน เดิมทีก็ต่อสู้ไม่เป็นอยู่แล้ว ไม่สามารถพึ่งแค่การทุ่มเทกายทุ่มเทใจได้ เพิ่งเริ่มเขาก็โดนไปสองหมัดแล้ว
ในร้านค้าที่อยู่ไม่ไกล เฮ่อเหยียนข่ายกำลังยืนพิงประตูและสูบบุหรี่ไปพร้อมกับดูฉากนี้ รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“ซ่งจื่อเซวียน ฉันจะให้แกชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้น!”
เขาแอบพึมพำ ทันใดนั้นเขาก็เห็นพวกอันธพาลสองสามคนเดินไปทางนั้น เฮ่อเหยียนข่ายเข้าใจทันทีว่านี่คือคนกลุ่มที่สองของเสี่ยเจียง
วันนี้เสี่ยเจียงพาพวกอันธพาลมามากกว่ายี่สิบคน ตอนนี้มีคนต่อสู้อยู่สิบกว่าคน ตอนนี้คนเหล่านี้รีบเข้าไปสมทบ เกรงว่าครั้งนี้ซ่งจื่อเซวียนจะพ่ายแพ้แล้วจริงๆ
นึกถึงตรงนี้ เฮ่อเหยียนข่ายก็รีบก้าวไปหยุดอันธพาลคนหนึ่งไว้
“บ้าเอ๊ย ทำอะไรวะ!”
อันธพาลคนนั้นก็หันมาพูดอย่างดุดัน
เฮ่อเหยียนข่ายตกอกตกใจ แต่เขาก็ยังเผยรอยยิ้มและหยิบเงินก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
“พี่ชาย เรื่องครั้งนี้ฉันให้เสี่ยเจียงมาช่วยจัดการน่ะ!”
“โอ๊ะ…ที่แท้ก็ท่านชายเฮ่อนี่เอง คุณอยู่ห่างๆ ไว้ จะได้ไม่บาดเจ็บครับ!” อันธพาลกล่าว
เฮ่อเหยียนข่ายคลี่ยิ้ม “เหอะๆ พี่ชาย เอาเงินหนึ่งหมื่นหยวนนี้ไปสิ!”
“หืม นี่มัน…”
“อย่าคิดมาก ไอ้เด็กนั่นมันจัดการยาก ฉันอยากให้พี่ชายช่วยฉันหน่อย!”
“เรื่องอะไร ว่ามาเลยครับ!” อันธพาลเอ่ย
เฮ่อเหยียนข่ายกัดฟันและสีหน้าก็เคร่งขรึมทันที
“จัดการมันหนักๆ ให้ฉันหน่อย ส่วนนี่คือคำขอบคุณของฉัน!” ขณะที่พูดเขาก็ยัดเงินใส่มือของอันธพาล
อันธพาลมองไปรอบๆ ซ้ายขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครเห็นก็หยิบเงินหมื่นหยวนใส่กระเป๋าเสื้อด้านในแล้วกระซิบเสียงเบา “คุณรอดูได้เลยครับ!”
เมื่อพูดจบอันธพาลก็วิ่งเข้าไปหากลุ่มที่อยู่ข้างหน้า
หลายคนกำลังต่อสู้กันอยู่ โดยรอบจึงเต็มไปด้วยผู้คน
แม้ว่าสถานที่อย่างตลาดจะมีเรื่องขัดแย้งและลงมือต่อสู้กันเป็นปกติ แต่การต่อสู้เช่นนี้กลับเห็นได้ยาก
สิบกว่าคนรุมคนสามคน แทบจะปิดกั้นทางเดินหนึ่งในตลาด
พลั่ก!
เห็นซ่งจื่อเซวียนโดนเล่นงาน ฟางรุ่ยจึงต่อยพวกอันธพาลด้วยกำลังทั้งหมดโดยไม่ลังเลและวิ่งไปหาซ่งจื่อเซวียนทันที
เขายกมือบีบคออันธพาลคนนั้นแล้วดึงไปด้านหลังอย่างแรง อีกฝ่ายถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วล้มลงกับพื้น
“นายท่านรอง เป็นยังไงบ้าง”
ซ่งจื่อเซวียนถูมุมปากที่แดงก่ำ “ไม่เป็นไร แม่งเอ๊ย ถ้าวันนี้ไม่ได้จัดการเฮ่อเหว่ย ฉันจะไม่ทำงานที่บริษัทนี้แล้ว!”
“นายท่านรอง บ้าเอ๊ย คนเยอะขึ้นอีกแล้ว!”
“ให้ตาย ดูการต่อสู้กันสนุกเลยสินะ คนพวกนี้เห็นว่าคนโดนรุมก็ไม่รู้จักช่วยกันเลย!” ซางเทียนซั่วตะโกนพร้อมกับยกเท้าเตะที่หน้าท้องของอันธพาล
เมื่อได้ยิน ซ่งจื่อเซวียนและซางเทียนซั่วก็มองไปที่ฝูงชนกลุ่มหนึ่ง
จากนั้นเห็นพวกอันธพาลหลายคนผลักฝูงชนเดินเข้ามาและรีบพุ่งมาหาพวกเขาทันที
“หลีกทาง ไปให้พ้นทางข้าโว้ย!”
“แม่งเอ๊ย หลบไป รนหาที่ตายเหรอวะ”
พวกอันธพาลหลายคนตะโกน ผู้คนที่มุงดูจึงรีบหลีกทาง เห็นท่าทางโหดเหี้ยมของคนเหล่านี้ ใครจะกล้าไม่หลีกให้ล่ะ
“นายท่านรอง จัดการไม่ง่ายเลย คนเยอะเกินไป…”
มีคนมากกว่ายี่สิบคน ฟังดูไม่มากนัก แต่เมื่อพวกเขามาอยู่ในตลาดก็กินพื้นที่ไปทั้งหมด
พวกซ่งจื่อเซวียนสามคนถูกล้อมไปอยู่ตรงกลาง ไม่มีที่ว่างให้หลบหนีได้เลย
“ฟางรุ่ย แกเก่งไม่ใช่หรือไง แถมยังเป็นกองกำลังพิเศษด้วยนี่ จัดการพวกมันสิ!” ซางเทียนซั่วพูด
“แกไปให้พ้นเลย หนึ่งต่อยี่สิบ แกคิดว่าเป็นในหนังหรือไง” ฟางรุ่ยตะโกนใส่
พวกเขาทั้งสามยืนหันหลังชนกันจนกลายเป็นสามเหลี่ยมรูปคนและเผชิญหน้ากับกลุ่มอันธพาลที่อยู่วงด้านนอก
ในเวลานี้ภายในห้องกล้องวงจรปิด เฮ่อเหว่ยชี้ไปที่หน้าจอแล้วเอ่ย “ฮ่าๆๆ เสี่ยเจียง วันนี้คุณทำให้ผมได้ดูละครดีๆ แล้ว”
เสี่ยเจียงก็ยิ้มเช่นกัน “เรื่องนี้ไม่ได้ยากอะไรเลย ยังต้องขอบคุณความใจป้ำของผู้จัดการเฮ่อด้วย”
ขณะที่เขาพูดก็มองไปที่ฉากบนหน้าจอ บางทีอาจเป็นเพราะมุมเมื่อสักครู่นี้ เขาจึงไม่สามารถมองเห็นคนที่ถูกทุบตีได้ชัดเจน
แต่เมื่อซ่งจื่อเซวียนยืนหันหน้าเข้าหากล้อง เขาก็ตกใจ
“เอ่อ…ผู้จัดการเฮ่อ คนที่นายให้ฉันจัดการคือคนไหนนะ”
“คนนี้ไงครับ” เฮ่อเหว่ยชี้ไปที่ซ่งจื่อเซวียนบนหน้าจอ “คนที่สวมเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวไงครับ ไอ้เด็กนี่มันบ้า”
เมื่อเสี่ยเจียงเห็น ขาของเขาก็สั่นเทาเล็กน้อย
ไม่ใช่เพราะเขากลัวซ่งจื่อเซวียน แต่เขาอยากจะสานสัมพันธ์กับอีกฝ่ายมาตั้งนานแล้ว ถึงกับเลิกติดต่อกับเสี่ยหวงเพราะอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
คนที่ไปแสดงความยินดีที่ร้านอาหารร่ำรวยโดยไม่สนใจว่าหวงฟาจะมีท่าทีอย่างไรก็คือเสี่ยเจียง
นอกจากนี้ ซ่งจื่อเซวียนยังเป็นคนที่แม้อีกฝ่ายจะเป็นเคอซานก็ยังกล้าต่อสู้จนถึงที่สุด บวกกับความสัมพันธ์ของเขากับจวิ้นเซิงกรุ๊ปของตระกูลถังและจ้งอันกรุ๊ปของหลินเทียนหนาน การหาเรื่องเขา…เป็นเรื่องที่โง่เขลาแน่นอน
นึกถึงตรงนี้ เสี่ยเจียงก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วรีบกดเบอร์โทร ในขณะเดียวกันก็วิ่งพรวดออกไปจากห้องกล้องวงจรปิด
“ฮุยจื่อฟังนะ รีบหยุดเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องสู้แล้ว ถ้าพวกเขาบาดเจ็บตรงไหน ฉันจะให้แกรับผิดชอบผลที่ตามมา!”
หลังจากวางสาย เสี่ยเจียงก็ยังไม่หยุดวิ่ง แม้ว่าอายุปูนนี้จะวิ่งแค่สองสามก้าวก็หอบแล้ว แต่ก็ยังต้องวิ่ง คราวนี้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ…
ในตลาด คนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบพวกซ่งจื่อเซวียนทั้งสามคนเอาไว้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของฟางรุ่ยจะไม่มีปัญหา และซางเทียนซั่วก็สามารถจัดการหนึ่งคนถึงสองคนได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น การจัดการกับพวกอันธพาลมากกว่ายี่สิบคนก็ดูจะไร้สาระอยู่บ้างจริงๆ
พวกอันธพาลเริ่มเข้าใกล้พวกเขาทั้งสามอย่างช้าๆ ในขณะที่แผ่นหลังของพวกซ่งจื่อเซวียนเริ่มใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ
“นายท่านรอง ฟังผมนะ ตอนนี้อย่าเพิ่งขยับ อีกเดี๋ยวมาอยู่ใกล้ๆ ผมไว้ ถ้ามีใครเข้ามาใกล้คุณก็จัดการมันเลย แต่ห้ามห่างจากผมเด็ดขาด!” ฟางรุ่ยจ้องมองคู่ต่อสู้ราวกับเสือชีตาห์พลางพูดกับซ่งจื่อเซวียน
“เข้าใจแล้ว”
“บ้าเอ๊ย ฉันจะทำยังไงดี ฉันเกาะแกแล้วกัน…” ซางเทียนซั่วพูด
“ไม่ได้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน!”
“ให้ตายเถอะ! ไม่มีน้ำใจเลย รู้งี้วันนี้ไม่มาดีกว่า!” ซางเทียนซั่วกัดฟันพูด
ทันใดนั้น อันธพาลในกลุ่มก็รับโทรศัพท์และพูดสองสามคำ “พวกเรา เดี๋ยวก่อน เสี่ยบอกว่าไม่ต้องสู้แล้ว!”
“หา ไม่สู้แล้วเหรอ”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ถ้าไม่สู้แล้วก็ดี คนที่ใส่ชุดสีดำโคตรน่ากลัว”
“ใช่เลย เมื่อกี้โดนเท้ามันฟาดเอา ตอนนี้ฉันยังมึนอยู่เลย…”
พวกอันธพาลเกิดความวุ่นวายกะทันหัน แต่ละคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
พวกซ่งจื่อเซวียนก็ได้ยินเช่นกัน และดูเหมือนจะประหลาดใจมากกว่าอีกฝ่าย
“อาจารย์ นี่มัน…อะไรน่ะ ทำไมพวกอันธพาลถึงหงอไปแล้วแล้วล่ะ” ซางเทียนซั่วเอ่ยถาม
“นั่นสิ ฟังจากที่พูด…ดูเหมือนจะไม่สู้แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น…” ฟางรุ่ยพูดด้วยสีหน้าสับสน
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันไม่แน่ใจ เฮ่อเหว่ย…คงไม่อ่อนข้อให้ในเวลานี้หรอกใช่ไหม”
“นายท่านรอง เขารู้สึกเสียใจภายหลังหรือเปล่า เมื่อกี้ในหัวมีแต่อยากจะกระทืบเรา ตอนนี้ก็รู้สึกว่าไม่ดีแล้วหรือเปล่า”
ซ่งจื่อเซวียนพลันยิ้มออกมา “วางใจเถอะรุ่ยจื่อ ถ้าซ่งอวิ๋นหล่างเป็นคนทำแบบนี้ฉันเชื่อ แต่เฮ่อเหว่ย…เหอะๆ ต่อให้ตีจนตายฉันก็ไม่เชื่อ ต้องมีเรื่องผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน”
ซางเทียนซั่วพยักหน้า “ใช่แล้ว แม่งเอ๊ย เขาไม่มีทางเลี้ยงพวกนักเลงไว้ในตลาดของเขาได้ คนพวกนี้น่าจะไปหามา ตอนนี้เพราะเงินไม่พอ ทุกคนก็เลยยอมแพ้!”
ได้ยินเช่นนี้ ฟางรุ่ยก็หัวเราะ “คงทนไม่ไหว ไอ้หมอนี่ไม่มีเงินแล้วเหรอเนี่ย ฮ่าๆๆ…”
เมื่อสักครู่พวกเขายังโดนล้อมจนกังวล แต่ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางเหล่าอันธพาล…
ในเวลานี้ก็มีคนหนึ่งวิ่งฝ่าเข้ามาในฝูงชนอีกครั้ง เขาดูมีอายุอย่างน้อยหกสิบปีและถือไม้เท้าไว้ในมือ
ดูเหมือนทุกคนจะไม่เข้าใจ ชายชราคนนี้ก็สามารถวิ่งได้ แล้วทำไมเขาถึงยังถือไม้เท้าอยู่…
เมื่อเห็นชายชราคนนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็อึ้งไป เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้ม “ฉันว่า…ฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เสี่ย!”
“เสี่ย ทำไมถึงมาที่นี่ครับ!”
พวกอันธพาลหลายคนรีบกล่าวทักทาย แต่เสี่ยเจียงไม่สนใจและเดินตรงไปหาซ่งจื่อเซวียน เขายังไม่ทันได้ปรับลมหายใจก็ประสานหมัดคารวะ
“นายท่านรอง วันนี้ฉันล่วงเกินไปแล้ว นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “เสี่ยเจียงมาแก้ไขความเข้าใจผิดได้ก็โอเคแล้วครับ ผมไม่คิดบัญชีนี้กับคุณหรอก”
“งั้นก็ดีแล้ว นายท่านรองใจกว้างจริงๆ”
“เสี่ยเจียง เรื่องในวันนี้เฮ่อเหว่ยเป็นคนทำใช่ไหมครับ”
เสี่ยเจียงพยักหน้ารัว หยิบเงินออกมาและพูดกระซิบ “เฮ่อเหว่ยให้เงินฉันมาสี่แสนหยวนวานให้มาสั่งสอนนาย แถมยังกำชับอีกว่าต้องเอาให้เลือดตกยางออก แต่นายท่านรอง…ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นนาย ไม่งั้นคงไม่ตอบตกลง”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็พยักหน้า “ผมเชื่อเสี่ยเจียงแน่นอนครับ แต่…นึกไม่ถึงว่าผมจะมีมูลค่ามากถึงสี่แสนหยวน เหอะๆ น่าสนใจจริงๆ”
“เอ่อ…” เสี่ยเจียงมีสีหน้ากระอักกระอ่วนและหายใจหอบ
“เอาล่ะ งั้นก็รบกวนเสี่ยเจียงไปหาเฮ่อเหว่ยกับผมหน่อยครับ”
“ไม่มีปัญหาเลย”
จากนั้นกลุ่มคนทั้งสองก็รวมกันและเดินไปที่สำนักงานบริหารจัดการ
ขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ก็มีชายคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาจากร้านค้าใกล้ๆ และตะโกนไปที่เสี่ยเจียง “เสี่ยเจียง นี่มันหมายความว่ายังไง คุณรับเงินจากพ่อผมแล้วนะ! คุณกำลังเล่นตลกกับพวกเราเหรอ”
แน่นอนว่าคนที่พูดคือเฮ่อเหยียนข่าย
เขาหวังว่าวันนี้ซ่งจื่อเซวียนจะถูกเล่นงานที่ตลาด เช่นนี้ถึงจะเพียงพอให้บรรเทาความโกรธของเขา
แต่ไม่คาดคิดเลย อย่าว่าแต่เล่นงาน ทุกคนสู้กันแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นก็เดินมาด้วยกันเหมือนเป็นเพื่อน
เห็นฉากนี้เขาก็ทนไม่ไหวจริงๆ นับประสาอะไรกับพ่อของเขาที่จ่ายเงินไปสี่แสน
แต่เฮ่อเหยียนข่ายไม่รู้ว่าในเขตเฉิงหนานนั้น ไม่ว่าเฮ่อเหว่ยพ่อของเขาจะยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเสี่ยเจียง ในเขตเฉิงหนานอีกฝ่ายเป็นถึงคนระดับเจ้าพ่อ
ได้ยินเช่นนี้ เสี่ยเจียงก็มองเฮ่อเหยียนข่ายอย่างเย็นชา “ไอ้นี่มาจากไหนเนี่ย ลากเขาออกไป!”
เมื่อพูดจบ พวกอันธพาลหลายคนก็ผลักเฮ่อเหยียนข่ายไปด้านข้าง
“ไอ้แก่ แกโกงเงินตระกูลเฮ่อของเรา ซ่งจื่อเซวียน ไม่ช้าก็เร็วฉันจะฆ่าแกให้ได้!”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็หยุดฝีเท้าและหันหน้าไปยิ้ม “พอนายด่าฉันขนาดนั้น…ฉันคิดว่าอีกเดี๋ยวควรจะต้องมีนายอยู่ เสี่ยเจียง รบกวนพาคนนี้ไปด้วยครับ”
“ได้สิ ทำตามที่นายท่านรองบอก พาไอ้เด็กเวรนี่ไปด้วย!”
แม้ว่าเฮ่อเหยียนข่ายจะก่นด่า แต่ก็หนีไม่พ้น จำต้องตามพวกเขาไปที่สำนักงานบริหารจัดการ
ซ่งจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเบาๆ “เฮ่อเหว่ย นายนี่สุดยอดจริงๆ ในเมื่อนายชอบความรุนแรง ฉันก็จะไม่คุยแบบมีอารยธรรมแล้วเหมือนกัน”
………………………………………..