เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 187 จะทำให้แกไร้คนสืบสกุล
ตอนที่ 187 จะทำให้แกไร้คนสืบสกุล
มองซ่งจื่อเซวียนออกไปกะทันหัน พวกเจิ้งอวี่ต่างตกตะลึง
จะว่าไปแล้วเขาคือตัวเอกของวันนี้
ถึงแม้บริษัทชิงอวี่จะไม่ใช่บริษัทติดหนึ่งในห้าร้อยบริษัทแรก แต่ถ้าเป็นท้องถิ่นตู้เหมินไล่ไปจนถึงปักกิ่งแล้ว ถือว่ามีมูลค่าทางการตลาดที่สูงมาก
รับช่วงต่อบริษัทแบบนี้ ยังทำเป็นอวดดี แทบจะเป็นความคิดของทุกคน
เจิ้งอวี่พูดเสียงทุ้มต่ำ “คุณซ่ง เอ่อ…”
ซ่งอวิ๋นฮั่นกลับหัวเราะ เอ่ยว่า “ปล่อยเขาไปเถอะ เขามีธุระของตัวเอง”
เจิ้งอวี่พยักหน้า
“โอเค อย่างนั้นก็ประชุมต่อ เจิ้งอวี่ นายจดบันทึก อีกสักพักค่อยส่งเนื้อหาการประชุมให้จื่อเซวียน”
“ครับ คุณซ่ง”
“สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้คือการปรับปรุงการทำงาน ตลาดทั้งสามแห่งคือเขตเฉิงหนาน เขตเฉิงเป่ย เขตหงเหอ แบ่งผู้รับผิดชอบเป็นเฮ่อเหว่ย ซ่งอวิ๋นหล่างและนายท่านฉินลิ่ว จั่วอู่ นายยินดีรับหน้าที่ประสานงานภายในและภายนอกตลาดทั้งสามแห่งใช่ไหม”
“ครับ คุณซ่ง”
ซ่งอวิ๋นฮั่นพยักหน้า “นายรับผิดชอบงานเดิม แต่งานทุกอย่างต้องรายงานคุณเสี่ยวซ่งโดยตรง เข้าใจไหม”
จั่วอู่ได้ยินแล้วอึ้ง แต่เขาก็รีบรับปากทันที
เจตนาในการเดินหมากครั้งนี้ของซ่งอวิ๋นฮั่นชัดเจนมาก นั่นก็คือกดนายท่านฉินลิ่ว จั่วอู่ต้องรายงานซ่งจื่อเซวียนโดยตรง นั่นเท่ากับว่าบังคับให้เขาเป็นคนของซ่งจื่อเซวียน
ต่อไปหากเขาทำตัวสนิทสนมกับนายท่านฉินลิ่วอีก ซ่งจื่อเซวียนก็มีโอกาสจัดการเขา การเดินหมากตัวนี้ทำเพื่อซ่งจื่อเซวียนอย่างชัดเจน
“งานของบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ยังคงเหมือนเดิม จั่วอู่นายรับผิดชอบ นายท่านฉินลิ่วจะต้องวิ่งเพื่อทรัพยากรบางส่วนของบริษัทอยู่แล้ว แต่นายอย่าลืม ต้องทำตามความคิดเห็นของคุณเสี่ยวซ่ง ยังไงคนหนุ่มสาวอย่างพวกเขาก็มีไอเดียมากกว่า”
“ผมเข้าใจครับ คุณซ่ง”
“โอเค สุดท้ายก็คือคลับเฮาส์”
ขณะพูด ซ่งอวิ๋นฮั่นมองไปที่เจ้าเจี้ยน เจ้าเฮยจื่อคนนั้นใจสั่น
เนื่องจากปีนี้คลับเฮาส์ยังไม่ได้ทำกำไรก้อนโตเลย และช่วงนี้ก็ยังเข้าสู่สภาวะขาดทุน
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ความรับผิดชอบเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน
ดังนั้นพอได้ยินคำพูดของซ่งอวิ๋นฮั่น เขาจึงทำใจเตรียมตัวโดนจัดการลงโทษ
“คลับเฮาส์หลงตูต่อไปคุณเสี่ยวซ่งจะเป็นผู้บริหารด้วยตัวเอง เจ้าเฮยจื่อ นายช่วยทำงานให้เขา มีปัญหาอะไรไหม”
“เอ่อ…” เจ้าเฮยจื่อรู้สึกอึดอัดใจ แต่คำพูดของซ่งอวิ๋นฮั่นเขาหรือจะกล้าไม่เชื่อฟัง จึงได้แต่พยักหน้า “ไม่ ไม่มีครับ”
ซ่งอวิ๋นฮั่นพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นจึงมองหลี่ชิง
เขายังไม่ทันเอ่ยปาก หลี่ชิงก็ประหม่าแล้ว มือที่จับปากกาอยู่สั่นขึ้นมา
ซ่งอวิ๋นฮั่นส่ายหน้าอย่างจนใจ ไม่ถามอะไร แต่พูดว่า “การประชุมในวันนี้จบเพียงเท่านี้ หัวหน้าของพวกนายที่ไม่ได้เข้าประชุม กลับไปรายงานแทนฉันให้ชัดเจนนะ”
ทุกคนพยักหน้า
“ถ้าการทำงานในอนาคตคุณเสี่ยวซ่งเจอปัญหายุ่งยากอะไร นั่นเป็นเพราะพวกนายไม่ได้รายงาน ความรับผิดชอบนี้…พวกนายรู้ดีใช่ไหม!”
“รู้ดีครับ/ค่ะ!”
“เลิกประชุม!”
พูดจบ ซ่งอวิ๋นฮั่นจึงเดินออกจากห้องประชุม
หลังจากเขาออกไปแล้ว หลี่ชิง จั่วอู่ทยอยเดินออกไป เจ้าเฮยจื่อหายใจหอบสองสามทีแล้วจึงลุกขึ้นเดินออกไป
แต่เฮ่อเหว่ยกลับนั่งอยู่ที่เดิม ทำท่าครุ่นคิด
เรื่องทั้งหมดในวันนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป เขาต้องการคิดอย่างใจเย็น และเรียบเรียงความคิด
จู่ๆ คุณซ่งก็ปรากฏตัว มีใบหน้าซีดขาว แสดงอาการเจ็บป่วยอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน เขาก็ได้ตัดสินใจสละตำแหน่ง และมีลูกชายที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ไหนมารับช่วงต่อ
ในสายตาของเขา ทุกอย่างเหมือนเป็นการอำพราง และคนที่โดนปิดบัง ก็คือทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมแน่นอน
ภายในห้องทำงาน ซ่งอวิ๋นฮั่นนำยาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตาม
เมื่อครู่รีบเลิกประชุมเป็นเพราะสาเหตุอื่น เพราะเขาฝืนต่อไม่ไหวแล้ว
ร่างกายของเขาอ่อนแอถึงขั้นสุด สามารถฝืนประชุมได้นานขนาดนี้ ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว
“คุณซ่ง คุณเป็นยังไงบ้าง” เมื่อเห็นซ่งอวิ่นฮั่นอ่อนแรงเช่นนี้ เจิ้งอวี่จึงถาม
ซ่งอวิ๋นฮั่นโบกมือ “ไม่เป็นไร…เมื่อกี้หายใจจนหมดแรงน่ะ เจิ้งอวี่ นายออกไปก่อน เรียกคนไปทำความสะอาดห้องประชุมหน่อย ฉันพักสักแป๊บ”
“ครับคุณซ่ง มีอะไรคุณก็เรียกผมนะครับ”
…
“อาจารย์ มีเรื่องอะไรรีบร้อนขนาดนี้ ผมยังไม่ได้แปรงฟันเลย” ซางเทียนซั่วขับรถไปพลางพูดไปพลาง
หลังจากร้านอาหารร่ำรวยปิดกิจการ ซางเทียนซั่วก็แทบจะนอนถึงเที่ยง ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งจื่อเซวียนโทรหาเขาติดต่อกันสี่ห้ารอบ ตอนนี้เขาคงยังนอนฝันอยู่
“นายท่านรองเรียกพวกเราต้องมีธุระแน่นอน แกรีบขับรถเถอะ” ฟางรุ่ยกล่าว
ซ่งจื่อเซวียนนั่งเบาะหลังไม่พูดอะไรสักคำ ดวงตาทั้งสองข้างมองไปข้างหน้า เห็นได้ชัดถึงความตึงเครียดบนสีหน้าของเขา
ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักเฮ่อเหยียนข่ายมากพอ แต่อาศัยจุดนั้นก็สามารถตัดสินได้ว่า ไอ้หมอนี่ไม่ใช่สุภาพบุรุษอะไร
ถังหย่าฉีดึงดันจะไปหาเขาเพียงคนเดียว ต้องอันตรายมากแน่นอน!
ในเขตเฉิงหนาน ห่างจากศูนย์รวมอาหารทะเลสดไม่ไกลมาก มีอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งชื่อจินหมิง
อาคารสำนักงานแห่งนี้สร้างขึ้นในยุค 90 ตอนนั้นบริษัทที่ทำงานข้างในมีอยู่ไม่น้อย
แต่เนื่องจากมีการย้ายศูนย์กลางการพัฒนาของเมืองตู้เหมินมาที่เขตเฉิงซีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทในอาคารสำนักงานจินหมิงจึงลดลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง
ภายในโซนห้องทำงานของชั้นสี่ โต๊ะเก้าอี้เก่าเหล่านี้ถูกวางอย่างเป็นระเบียบ แต่กลับไม่มีพนักงานทำงาน ทว่ากลับมาแม่บ้านนิติบุคคลเดินผ่านไปมาเป็นครั้งคราว คอยกวาดขยะบนพื้น
ภายในห้องทำงานห้องหนึ่ง เฮ่อเหยียนข่ายกับถังหย่าฉีแยกกันนั่งบนโซฟาเป็นสองฝั่ง พร้อมกับของกินเล่นจำนวนหนึ่งและเหล้าวางอยู่บนโต๊ะ
เฮ่อเหยียนข่ายเอ่ยว่า “หย่าฉี คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองสักวันหนึ่ง”
ได้ยินดังนั้น ถังหย่าฉีจึงพูดว่า “ไม่ถือว่าอยู่ด้วยกันสองต่อสองหรอกค่ะ ในบริษัทน่าจะนับว่าอยู่ในที่สาธารณะมากกว่า จริงสิ คุยเรื่องของพวกเรากันเถอะ”
“เรื่องของพวกเรา? เธอพูดถึงเรื่องยืมเงินเหรอ ไม่มีปัญหา ฉันรับปาก”
“ตอบตกลงเร็วขนาดนี้เชียว” ถังหย่าฉีรู้สึกดีใจมาก คิดไม่ถึงว่าเฮ่อเหยียนข่ายจะตกปากรับคำง่ายเช่นนี้
แต่เธอไม่ได้คิดเลยว่า ถ้าง่ายขนาดนี้ ทำไมต้องนัดมาคุยที่บริษัท?
“เหอะๆ ถ้าเป็นคนอื่น ฉันจะไม่ให้ยืมแน่นอน แต่หย่าฉีเอ่ยปากแล้ว ฉันกล้าที่จะตกลงทันที”
ขณะพูด เฮ่อเหยียนข่ายก็เทเหล้าสองแก้ว เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เหอะๆ ฉลองกันหน่อย ถือว่าฉลองให้กับความโชคดีในกิจการของเธอล่วงหน้า”
“ขอโทษนะคะ ฉันขับรถมา ไม่ดื่มเหล้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะเรียกคนมาพาเธอกลับไปส่งเอง ฉันให้เธอยืมเงินหนึ่งก้อน แค่นี้จะไม่ไว้หน้าฉันหน่อยเหรอ”
ได้ยินดังนั้น ถังหย่าฉีจึงลังเลเล็กน้อย
เมื่อพิจารณาว่าเฮ่อเหยียนข่ายยอมให้เธอยืมเงินหนึ่งล้านกว่าหยวน เธอจึงยกแก้วเหล้าขึ้นมา
ทั้งสองคนชนแก้วกันเล็กน้อย เฮ่อเหยียนข่ายเห็นถังหย่าฉีดื่มเหล้าในแก้วแล้ว จึงเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
“โอเค เหล้าก็ดื่มแล้ว เงินของคุณจะให้ฉันยืมยังไง” ถังหย่าฉีเอ่ยถาม
“เงิน….แบบไหนก็ได้ เธอว่ามาเลย” เฮ่อเหยียนข่ายมองถังหย่าฉีพลางยิ้มเล็กน้อย
“อย่างนั้นก็โอนเข้าบัญชีของฉันแล้วกัน ฉันจะส่งเลขบัญชีของฉันไปให้”
“โอเค หย่าฉี ขอแค่เธออยู่กับฉัน เงินเท่าไรฉันก็ยอมให้ยืม”
ขณะพูด เฮ่อเหยียนข่ายก็ยื่นมือมาจับมือของถังหย่าฉีไว้
ถังหย่าฉีสะบัดมือกลับมาอย่างแรง “เฮ่อเหยียนข่าย คุณจะทำอะไร ช่วยให้เกียรติกันบ้างค่ะ!”
“ให้เกียรติเหรอ เหอะๆ มาขอยืมเงินฉันหนึ่งล้านกว่าหยวน เธอคิดว่าให้ยืมฟรีๆ เหรอ” เฮ่อเหยียนข่ายยิ้มพูด
“อย่างนั้นคุณจะเอายังไง ต้องการดอกเบี้ยใช่ไหม ได้ คุณต้องการเท่าไร”
“ฮ่าๆๆ ฉันให้เธอยืมหนึ่งกว่าล้านแล้ว ยังจะสนใจดอกเบี้ยอีกเหรอ หย่าฉี ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจเจตนาของฉัน”
เฮ่อเหยียนข่ายวางแก้วเหล้ากลับไปบนโต๊ะ โอบเอวของถังหย่าฉีไว้ ขยับนิ้วมือทั้งห้าเล็กน้อย สัมผัสความนุ่มละมุนรอบเอวเธอ
“คุณ…ออกไปนะ!”
ถังหย่าฉีผลักเฮ่อเหยียนข่ายออกไปทันที แต่จู่ๆ เธอก็พบว่าเหมือนตัวเองจะออกแรงไม่ได้
ทันใดนั้นเธอก็รีบลุกขึ้นมา แต่วินาทีที่ลุกขึ้น กลับรู้สึกปวดศีรษะตาลายในทันใด ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้น
ไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่น ถังหย่าฉีมองไปที่แก้วเหล้าทันที เป็นดังคาด เฮ่อเหยียนข่ายไม่ดื่มเหล้าแม้แต่นิดเดียว
“เฮ่อเหยียนข่ายนายมันเลวมาก นายใส่ยาลงไปในเหล้า!”
เฮ่อเหยียนข่ายหัวเราะเสียงดังพูดว่า “ฮ่าๆๆ ด่าฉันเหรอ ฉันชอบท่าทางเวลาเธอปฏิเสธนะ เธอรู้ไหม ผู้หญิงคนอื่นในมหา‘ลัยของเราแทบจะคลานขึ้นเตียงของฉัน ได้นอนกับพวกนั้นฉันไม่รู้สึกประสบความสำเร็จเลยสักนิด”
ถังหย่าฉีได้ยินดังนี้ก็รู้สึกสะอิดสะเอียน พูดว่า “คนเลว นายมันเลวมาก หยุดพูดเรื่องนี้กับฉันเลย”
เฮ่อเหยียนข่ายกลับไม่สนใจ พูดต่อ “ฉันก็แค่อยากได้เธอ เพราะเธอจะทำให้ฉันรู้สึกเป็นผู้ชนะ”
ระหว่างที่พูด เฮ่อเหยียนข่ายก็เอามือวางไปบนใบหน้าของถังหย่าฉี
ถังหย่าฉีรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา เธอพูดด้วยลมหายใจถี่ขึ้น “เฮ่อเหยียนข่าย เอามือของนายออกไป รีบเอาออกไปเลย!”
เวลานี้ จู่ๆ ถังหย่าฉีก็ยกแขนของตัวเองไม่ขึ้นแล้ว
เดิมทีก็ไม่มีแรง แถมยังโดนเฮ่อเหยียนข่ายรัดตัวไว้จึงทำอะไรไม่ได้เลย
เฮ่อเหยียนข่ายหัวเราะ เริ่มเลื่อนฝ่ามือลงไป ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ จนถึงลำคอที่ขาวนวล สุดท้าย…
จึงปลดกระดุมเสื้อตรงหน้าอก…
เขาค่อยๆ ปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ด
เมื่อเห็นผิวที่ขาวนวลตรงหน้าอก บวกกับกลิ่นกายหอมลอยมาปะทะใบหน้า เฮ่อเหยียนข่ายรู้สึกว่าตัวเองแทบจะเคลิ้มแล้ว
“เฮ่อเหยียนข่ายไอ้คนเลว แกมันคนต่ำทราม ถอยออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ฉันไปแน่ หลังจากที่ฉัยได้นอนกับเธอแล้วฉันไปแน่นอน หย่าฉี ให้ฉันเถอะนะ”
ขณะพูด เฮ่อเหยียนข่ายก็หันไปจูบที่หน้าอกของถังหย่าฉี สัมผัสกลิ่นหอมสดชื่น ทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมาทันที จากนั้นมือจึงปลดกระดุมเม็ดที่สองของถังหย่าฉีต่ออีก
ถังหย่าฉีเสียใจจริงๆ เธอน่าจะฟังซ่งจื่อเซวียน
แต่ตอนนี้ เสียใจจะมีประโยชน์อะไร เธอรู้สึกว่ามือสกปรกของเฮ่อเหยียนข่ายกำลังขยับไปมาบนเรือนร่างของตัวเอง
ถังหย่าฉีรู้สึกถึงน้ำตาอุ่นๆ ของตน น้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง
เธอเป็นคุณหนูมาตลอดชีวิต มีไต้ทงคอยปกป้องอยู่ข้างกาย ไม่เคยหมดหนทางแบบนี้มาก่อน
“เฮ่อเหยียนข่าย ฉันขอร้อง ฉันไม่ยืมเงินแล้วก็ได้ คุณปล่อยฉันไปได้ไหม ฉันขอร้องคุณ…”
ถังหย่าฉีพูดอ้อนวอนพลางร้องไห้
“ที่รัก ฉันจะยอมปล่อยเธอไปได้ยังไง ฉันต้องการเธอ ฉันอยากได้ร่างกายของเธอ หย่าฉี เธอเป็นของฉัน!”
ขณะพูด เฮ่อเหยียนข่ายปลดกระดุมเสื้อหนึ่งเม็ด เผยให้เห็นผิวที่ขาวผ่องของถังหย่าฉี ความนูนเล็กน้อยตรงขอบเสื้อชั้นในที่สวยงาม ปลุกสัญชาตญาณดิบที่อยู่ส่วนลึกสุดของเฮ่อเหยียนข่ายขึ้นมาทันที
ถังหย่าฉีแผดร้องเสียงแหบแห้ง ทั้งหมดแรงและวิงวอน…
แต่เฮ่อเหยียนข่ายเหมือนไม่ได้ยิน และกำลังเพลิดเพลินไปกับสาวงามเอวบางร่างดีที่อยู่ตรงหน้า
ปัง!
ประตูห้องทำงานที่ถูกล็อกโดนถีบออกด้วยเท้าข้างหนึ่ง ต่อจากนั้น ซ่งจื่อเซวียนจึงพาฟางรุ่ยและซางเทียนซั่วบุกเข้ามา
เห็นเสื้อผ้าของถังหย่าฉีไม่เรียบร้อยซบอยู่บนตัวของเฮ่อเหยียนข่าย ซ่งจื่อเซวียนขึงตาด้วยความโกรธ
“เป็นนายเองเหรอ” เฮ่อเหยียนข่ายพูดด้วยความตกใจ
“เฮ่อเหยียนข่าย…ไอ้สัตX วันนี้ข้าจะทำให้แกไร้คนสืบสกุล!”
…………………………………..