เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 172 คุณอยากเล่น ผมเล่นเป็นเพื่อนคุณ
ตอนที่ 172 คุณอยากเล่น ผมเล่นเป็นเพื่อนคุณ
ประโยคนี้ทำให้ซ่งจื่อเซวียนไม่พอใจอยู่บ้าง จึงเอ่ยว่า “แล้วจะทำยังไง ผมควรต้องเป็นใครพวกคุณถึงจะติดประกาศให้ผมเหรอ ขอฟังหน่อย ปกติพวกคุณจะติดประกาศให้คนที่มีสถานะอะไรกัน มา ไหนลองพูดสิ!”
ความจริงแล้วซ่งจื่อเซวียนอยากจะพูดด้วยความเป็นมิตร คำพูดของหลิ่วต้าไห่โดยพื้นฐานแล้วเป็นท่าทีที่ควรมีในการทำงาน แต่เฝิงต๋าคนนี้ทำให้เขาไม่พอใจมากจริงๆ
“คุณ…คุณหมายความว่ายังไง”
“ผมควรต้องทำตัวยังไง” ซ่งจื่อเซวียนย้อนถาม
“หึ หัวหน้าหลิ่ว ผมคิดว่าพวกเราไม่ต้องตรวจสอบแล้ว แค่ท่าทีที่ไม่ให้ความร่วมมือของพวกเขา ก็สั่งให้ปิดร้านได้แล้ว!”
“เอ่อ…” หลิ่วต้าไห่ลำบากใจอยู่บ้าง เพราะทำเช่นนั้นจะไม่สอดคล้องกับกระบวนการ
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะเยาะหนึ่งที “ได้เลย ผมจะรอ เทียนซั่ว ถ่ายวิดีโอไว้ ให้คุณเฝิงแห่งสมาคมอาหารท่านนี้พูดแบบเมื่อกี้นี้อีกรอบ!”
“ได้เลยครับ!”
“พวกคุณจะทำอะไร ผมขอบอกคุณก่อนนะ อย่าเล่นไม้นี้กับผม ที่มาในวันนี้ก็เพื่อมาดำเนินการตรวจสอบพวกคุณ พวกคุณไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้หมายความว่ายังไง” เฝิงต๋าเปลี่ยนสไตล์การพูดทันที พูดพลางชี้ไปที่ซ่งจื่อเซวียน
เมื่อเฝิงต๋าพูดเช่นนี้ ซ่งจื่อเซวียนจึงไม่เปิดปากพูดอีก
ถึงแม้เขาจะแอบไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่อีกฝ่ายใช้อำนาจเข้ามาตรวจสอบ จึงทำอะไรไม่ได้จริงๆ
อีกอย่าง หากเขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายตรวจสอบจริงๆ ไม่เพียงแต่จะมีความน่าสงสัยต่อการปฏิบัติงานเท่านั้น เรื่องนี้ก็จะไม่มีทางจบลงได้ด้วย
“เชิญตามสบาย ตรวจสอบได้เลยครับ!” พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนจึงนั่งลงไป
หลิ่วต้าไห่พยักหน้า “ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ!”
พูดจบ เขาจึงเดินไปยังครัวด้านหลัง และตอนนี้ฟางรุ่ยก็ไม่ขัดขวางอีก หยางกังก็เลื่อนเก้าอี้หลีกทางให้
“นายท่านรอง พวกเราก็ยอมให้พวกเขาตรวจสอบอย่างนี้เหรอ” หยางกังถามอย่างไม่พอใจ
“แล้วจะทำยังไงได้ นายดูพวกเขาสิ ใส่ชุดแบบนั้นพร้อมกับถือบัตรพนักงาน คนเขามีอำนาจตรวจสอบ ช่างเถอะ พวกนายไปทำงานของตัวเองเถอะ ทิ้งครัวด้านหลังเอาไว้ก่อน”
ถึงแม้พวกหยางกังจะไม่พอใจ แต่ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยปากแล้ว พวกเขาจึงไม่พูดอะไรอีก
เวลาประมาณสิบนาทีกว่าๆ เสียงของหูเจิ้นก็ดังมาจากภายในห้องครัว
“บัดซบ แม่งไม่ใช่ของในห้องครัวเราสักหน่อย!”
เมื่อได้ยินเสียง พวกซ่งจื่อเซวียนก็วิ่งเข้าไปในห้องครัวทันที
เห็นเพียงหูเจิ้นถือมีดทำครัวอยู่ในมือข้างหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเฝิงต๋าที่กำลังตรวจสอบอยู่
“คุณพูดว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่เหรอ นี่เจอจากในห้องครัวของพวกคุณชัดๆ!”
เฝิงต๋าถือถุงพลาสติกสีขาวใบหนึ่งอยู่ในมือขณะพูด
ซ่งจื่อเซวียนหรี่ตาทั้งสองข้าง สามารถมองเห็นผงสีน้ำตาลที่อยู่ในถุงใบนั้นได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าในนั้นคืออะไร แต่มั่นใจได้ว่า เขาไม่มีเครื่องปรุงนี้อยู่บนชั้นวางของในห้องครัว
“หัวหน้าหลิ่ว เก็บอันนี้กลับไปตรวจสอบเถอะครับ”
หลิ่วต้าไห่ตอนนี้ใส่ถุงมือสีขาว รับเครื่องปรุงถุงนั้นมาดู แล้วพยักหน้า “ได้ เครื่องปรุงอย่างอื่นมีปัญหาไหม มีปัญหาเรื่องสุขอนามัยไหม”
เจ้าหน้าที่ในทีมอีกสองสามคนส่ายหน้า
แต่เฝิงต๋าพูดว่า “หัวหน้าหลิ่ว ผมคิดว่ามีปัญหาเรื่องสุขอนามัยเหมือนกัน คราบน้ำมันบนเตาเยอะเกินไป ไม่รู้ว่าสะสมมานานแค่ไหน พื้นก็ไม่สะอาด ก็วัตถุดิบก็เอามาวางทิ้งไว้ข้างนอก”
“บัดซบ พวกเราตอนนี้กำลังทำงานอยู่ วัตถุดิบอาหารก็ต้องอยู่ข้างนอกอยู่แล้ว พวกเราจะเช็ดพื้น ทำความสะอาดเตาทุกวันหลังเลิกงาน แล้วก็เก็บวัตถุดิบให้มิดชิด” หูเจิ้นตะโกนใส่
เวลานี้ ซ่งจื่อเซวียนเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยว่า “คุณเฝิง คุณไม่ค่อยเข้าใจการบริหารในร้านอาหารใช่ไหมครับ ตอนนี้เพิ่งจะผ่านช่วงกลางวันไป มีคราบน้ำมันบนเตาเป็นเรื่องปกติมาก ตรงพื้นก็เป็นเพราะกำลังใช้งานในห้องครัวอยู่”
“เหอะๆ ผมไม่เข้าใจการบริหารงั้นเหรอ ผมทำงานสายนี้ คุณคิดว่าสมาคมอาหารมีไว้กินข้าวเหรอ ผมจะบอกพวกคุณให้นะ แค่กิริยาท่าทางและคำพูดของพวกคุณ ผมก็พูดได้ว่าพวกคุณขัดขวางการทำงานอยู่!”
อันที่จริงเฝิงต๋าไม่ได้พูดผิด พวกเขาเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอาหาร จึงมีสิทธิ์เหล่านี้
แต่เหตุผลไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร ไม่มีร้านอาหารที่ไหนดูแลสุขอนามัยในขณะที่กำลังทำอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารจีน ถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ได้ คุณจะพูดยังไงก็คืออำนาจของคุณ ตอนนี้ตรวจเสร็จหรือยังครับ”
หลิ่วต้าไห่เอ่ยว่า “ตรวจเสร็จแล้วครับ มีปัญหาบางอย่างที่พวกเราต้องพูดคุยและตัดสิน แต่เครื่องปรุงอันนั้นพวกเราต้องเอากลับไปตรวจสอบ หากไม่มีปัญหา พวกเราจะแจ้งพวกคุณนะครับ”
อันที่จริงเมื่อเทียบกันแล้ว หลิ่วต้าไห่ปฏิบัติงานตามหน้าที่มากกว่า แต่เฝิงต๋ากลับกลั่นแกล้งทุกอย่าง ซ่งจื่อเซวียนจึงพอเดาออก ว่าคนคนนี้อาจจะเป็นคนของหวงฟา
เส้นสายของหวงฟาแผ่ขยายมาถึงหน่วยงานรัฐ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้ หวังเฉียงก็เคยพูด ดังนั้นเฝิงต๋าคนนี้…จึงไม่น่าแปลกใจอะไร
จากนั้น หลิ่วต้าไห่จึงพาทีมเจ้าหน้าที่ออกไป ก่อนจะออกไป เฝิงต๋าไม่ลืมที่จะหันมามองซ่งจื่อเซวียน “เหอะๆ รอปิดร้านได้เลย!”
“แก…ไอ้ชาติหมา คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน แกเป็นใครวะ!” หยางกังไม่ลืมที่จะด่าหนึ่งประโยค
แต่หลังจากคนเหล่านั้นออกไปแล้ว ซ่งจื่อเซวียนกลับแค่นหัวเราะออกมา
“อาจารย์ยังหัวเราะออกอีกเหรอ” ซางเทียนซั่วอดไม่ได้ที่จะถาม
“แน่นอน ถ้าไม่ทำแบบนี้…แล้วจะเล่นละครต่อได้ยังไง” ซ่งจื่อเซวียนพูดพึมพำเบาๆ หนึ่งประโยค
ในสายตาของเขา ตอนนี้หากไม่ยอมให้อีกฝ่ายตรวจสอบ ความผิดจะตกอยู่ที่เขา
มีเพียงอีกฝ่ายตรวจเจอปัญหาเท่านั้น ถึงจะปิดร้านอาหารร่ำรวยได้ตามความคิดของหวงฟา ตอนนั้นถึงจะเป็นเวลาที่เขาลงมือ
“โอเค วันนี้เปิดร้านปกติ วันพรุ่งนี้พวกเขาน่าจะแจ้งผล”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนจึงเดินไปหน้าเคาน์เตอร์ เริ่มตรวจสอบบัญชี
คนอื่นเห็นดังนั้นจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่ก็มองออกว่าทุกคนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
ตอนบ่ายสำหรับร้านอาหารแล้วคือเวลาพักผ่อน พนักงานบางคนจะฟุบหมอบนอนบนโต๊ะ พวกหูเจิ้นจะไปเปิดห้องส่วนตัวที่ว่าง แล้วเข้าไปนอนหลับสักพักหนึ่ง
ตอนที่ร้านอาหารร่ำรวยเริ่มเปิดร้าน ก็ติดตั้งกล้องวงจรปิดสองสามตัวไว้ที่หน้าห้องโถง กล้องเหล่านี้หลักๆ แล้วมีไว้เพื่อป้องกันเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด มีวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐานอะไรก็พูดง่าย
และมีอีกหนึ่งจุดประสงค์คือป้องกันคนหลอกกินฟรีดื่มฟรี ตามท้องตลาดมีคนหน้าด้านอยู่ไม่น้อย มักจะพกฝอยขัดหม้อหรือเส้นผมเข้าไปกินข้าวในร้านอาหาร
ตอนที่ใกล้จะกินอิ่มก็จะใส่ของพวกนี้เข้าไปในอาหาร เพื่อให้ทางร้านคืนเงิน บางคนถึงขั้นต้องชดใช้ค่าเสียหาย
เพื่อป้องกันคนหน้าด้านเหล่านี้ กล้องวงจรปิดจึงมีประโยชน์เป็นอย่างมาก หากพวกเขาทำพลาดก็ต้องติดคุก ย่อมไม่เลือกมากินข้าวฟรีตามร้านอาหารที่มีกล้องวงจรปิดกัน
และไม่มีใครรู้ว่า ซ่งจื่อเซวียนได้ติดกล้องวงจรปิดชุดหนึ่งที่ครัวด้านหลังเมื่อสองสามวันก่อน ตำแหน่งอยู่ตรงหัวหน้าเชฟ ชั้นวางของในครัวและห้องเก็บของพอดี
อย่างไรครัวด้านหลังก็เป็นบริเวณที่สำคัญมาก ซ่งจื่อเซวียนทำเพื่อความปลอดภัย และใครก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ผลชะงัด
ซ่งจื่อเซวียนมั่นใจมากว่าเครื่องปรุงถุงนั้นไม่ใช่ของที่ร้าน และมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือโดนใส่ร้าย เมื่อดูกล้องวงจรปิด ทุกอย่างจึงกระจ่าง
เขามองภาพในวิดีโอ เฝิงต๋ามองซ้ายแลขวา อาศัยจังหวะตอนที่ไม่มีคนหยิบเครื่องปรุงถุงนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะไม่หยุด
ตอนเย็นวันนั้น ซ่งจื่อเซวียนได้รับโทรศัพท์ของลู่ลี่จวิน บอกว่ากินน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายแล้ว ร่างกายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังบอกเขาว่าถ้ามีเวลาให้ทำมาอีกสักหนึ่งชาม
ซ่งจื่อเซวียนแอบโล่งอก ตัวเองคิดถูกแล้ว น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายเป็นเมนูชั้นเลิศบำรุงร่างกายได้จริงๆ
จากนั้น เขาจึงทำน้ำแกงห้าสายอีกชาม แล้วนำไปส่งที่บ้านลู่ลี่จวินทันที
เวลาประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆ ลู่ลี่จวินกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องหนังสือ พอได้ยินว่าซ่งจื่อเซวียนมาแล้ว เขาก็มีกำลังทันที เดินมาต้อนรับที่ห้องนั่งเล่น
“เสี่ยวซ่ง นายมาแล้ว ฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย รอน้ำแกงของนายพอดี”
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะ “คุณดูสิครับ ผมเอามาให้คุณแล้วไงครับ”
ซ่งจื่อเซวียนหยิบกระติกร้อนขึ้นมา ภรรยาของลู่ลี่จวินรีบนำไปเทใส่ชามในห้องครัวทันที
ตอนที่ลู่ลี่จวินกินน้ำแกงห้าสาย สีหน้าของเขามีความสุขเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวซ่ง เรื่องนี้ไม่สมควรพูด หลายปีที่ผ่านมาอยู่ในตำแหน่งของผู้นำ ได้กินอาหารอร่อยก็ไม่น้อย จนป่านนี้สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือการเลี้ยงรับรอง แค่ไปโรงแรมใหญ่ฉันก็ผะอืดผะอมแล้ว”
“เหอะๆ ปกติครับ ของกินต่อให้อร่อยแค่ไหนก็กินทุกวันไม่ไหวครับ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยยิ้มๆ
ลู่ลี่จวินพยักหน้า “ใช่แล้ว แต่น้ำแกงห้าสายของนายไม่เหมือนกัน ฉันไม่เคยอยากกินของเดิมซ้ำอีก นายไม่รู้อะไร เมื่อวานตอนที่ฉันกินคำสุดท้าย ยังรู้สึกเสียดายเล็กน้อยอยู่เลย”
ซ่งจื่อเซวียนแอบหัวเราะในใจ ท่านอธิบดีคนนี้น่าสนใจไม่น้อย อายุเท่านี้แถมยังเป็นผู้นำคน ไม่น่าเชื่อว่าจะซาบซึ้งกับรสอาหารเป็นอย่างมาก
ดังคำกล่าวที่ว่าข้างในจิตใจของทุกคนล้วนเป็นเด็ก เมื่อได้เจอสิ่งที่อยากได้ที่สุด มักจะสูญเสียความเป็นผู้ใหญ่ไปเสมอ
“คุณวางใจได้ครับ ขอแค่คุณอยากกิน ผมจะทำมาให้ทันที แต่ท่านอธิบดีลู่ครับ น้ำแกงห้าสายต้องกินตอนเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ จะดีที่สุด ดังนั้นทุกครั้งผมจะทำให้คุณหนึ่งที่ จะได้สดใหม่เสมอครับ”
“ได้ๆๆ เสี่ยวซ่ง ฉันไม่รู้จะขอบใจนายยังไง อ้อใช่ หัวใจของฉันไม่เป็นอะไรแล้ว นายเหมือนหมอเทวดาจริงๆ” ลู่ลี่จวินยิ้มให้
“คุณเกรงใจไปแล้วครับ ไม่ถึงขั้นหมอเทวดาหรอก ผมแค่คนที่ทำอาหารเป็นเท่านั้น”
ลู่ลี่จวินพยักหน้าหัวเราะ ในสังคมที่คนเห็นแก่ตัวมาก ซ่งจื่อเซวียนในสายตาของเขาเป็นดั่งสายน้ำที่ใสสะอาด
“ดี ดีจริงๆ อ้อใช่ นายเป็นสมาชิกของสมาคมอาหารเมืองตู้เหมินของพวกเราหรือเปล่า ถ้ามีโอกาสก็ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ทุกคนหน่อยนะ อาหารรสเลิศในตู้เหมินของพวกเราจะได้ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซ่งจื่อเซวียนแอบหัวเราะ สมาชิกเหรอ ตอนนี้สมาคมอาหารไม่ฆ่าฉันให้ตายก็บุญแล้ว…
“อ้อ เหอะๆ ยังไม่ได้เข้าร่วมครับ เพราะได้ยินว่าขั้นตอนยุ่งยากมาก เลยยังไม่ได้คิดถึงตรงนี้” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
“ฝีมือการทำอาหารดีขนาดนี้ เข้าร่วมจะดีกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน กลับไปฉันจะไปบอกที่สมาคมให้
เสี่ยวซ่ง สมาคมอาหารในเมืองหนึ่ง จริงๆ แล้วก็สื่อถึงมาตรฐานอาหารในท้องถิ่น ยิ่งมีพ่อครัวเข้าร่วมเยอะเท่าไร งานของสมาคมถึงจะมีผลงานที่ดีออกมา ถึงขั้นจุดประกายไปทั่วประเทศ”
ซ่งจื่อเซวียนฟังแล้วพยักหน้า “ครับท่านอธิบดี ผมเข้าใจ คุณวางใจได้ ผมจะทำให้ดีแน่นอนครับ”
จนกระทั่งออกจากบ้านลู่ลี่จวิน ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้พูดเรื่องที่ร้านโดนตรวจสอบ ในมุมมองของเขา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
ตอนนี้สมาคมอาหารแสดงตัวชัดเจนอยากหาเรื่องร้านอาหารร่ำรวย ดังนั้นยิ่งทำให้เรื่องใหญ่โต ซ่งจื่อเซวียนจึงจะยิ่งได้เปรียบ เมื่อเรื่องนี้เข้าหูของลู่ลี่จวิน ก็จะทำให้เขายิ่งโกรธจัด
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนจึงหัวเราะอย่างดีใจ หวงฟา คุณอยากเล่น…ผมซ่งจื่อเซวียนก็จะเล่นเป็นเพื่อนคุณ!
………………………………….