เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 146 ลูกค้าลึกลับ
ตอนที่ 146 ลูกค้าลึกลับ
พอได้ยินเสียงของถังหย่าฉี พวกเขาก็หัวเราะออกมา ร่วมถึงซ่งอีหนานก็ยังหัวเราะอย่างหาได้ยากเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ซางเทียนซั่วไม่กล้าพูดอะไรออกมาโดยตลอด อย่างไรคนในครอบครัวได้เจอกันก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ถ้าพูดอะไรไม่ดีไปอาจารย์จะต้องด่าแน่
ดังนั้นตอนนี้จึงอดกลั้นไว้แทบแย่ พอได้ยินถังหย่าฉีเปิดปาก เขาจึงพูดกลั้วหัวเราะ “ฮ่าๆ อาจารย์แม่ยังเป็นห่วงอยู่อีกนะ”
หานหรงก็หัวเราะ “เด็กสาวคนนี้น่ารักจริงๆ เจ้ารอง แกคิดอะไรกับเขาหรือเปล่าเนี่ย”
“แม่จะพูดอะไรเนี่ย พวกเราก็เป็นเพื่อนกันไง เขาดื่มไปมากแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่เป็นแบบนี้หรอก” ขณะที่ซ่งจื่อเซวียนพูดอยู่ก็หน้าแดงเล็กน้อย
แต่เขารู้อยู่แก่ใจดีว่าถ้าเป็นเพื่อน…ทำไมเขาถึงคิดถึงเธอช่วงกลางคืนอยู่บ่อยๆ กันล่ะ กระทั่งคิดถึงจนนอนไม่หลับ
ส่วนหานหรงชอบถังหย่าฉีมาก เธอให้ถังหย่าฉีพิงให้สบายสักหน่อย พูดว่า “สาวน้อย เลิกดื่มเหล้าได้แล้วนะ เดี๋ยวพวกเราดื่มชาสักหน่อยให้สร่างเมา”
ถังหย่าฉีไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เห็นได้ชัดว่าหลับไปแล้ว
จนมาถึงหน้าปากซอย ซางเทียนซั่วก็จอดรถ ซ่งจื่อเซวียนถึงได้ไปปลุกถังหย่าฉี
แต่ยังไม่ทันเรียก หานหรงก็ถามว่า “แกจะทำอะไรน่ะ”
“หา? ไม่ได้ทำอะไร ก็ปลุกให้เธอตื่นไง จะปล่อยให้เธอนอนอยู่ในรถไม่ได้มั้งครับ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“อย่างนั้นไม่ดีแน่ เอางี้แล้วกัน กลับบ้านกันเถอะ วันนี้ให้เธอนอนกับพวกเรานี่แหละ”
“อะไรนะ นอนที่บ้านเราเหรอ นั่นมันเหมาะสมเหรอ ลูกกับเธอ…นี่มันอะไรกันเนี่ย ต่อให้ไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน พูดออกไปก็ไม่น่าฟังนะครับ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ย
ซ่งอีหนานพูด “เพราะงั้นน่ะ ความหมายของแม่ก็คือให้เธอนอนบ้านเรา ส่วนแกไม่ต้องนอนที่บ้านไง เข้าใจหรือยัง”
ซ่งจื่อเซวียนชะงัก มองไปที่หานหรงทันที หานหรงก็แค่ยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเห็นพ้องต้องกันกับคำพูดของลูกสาว
“ไม่สิๆ นี่พวกแม่หมายถึงแบบนี้งั้นเหรอ ให้เธอนอนที่บ้านเราแล้วไล่ลูกออกไปเหรอ แม่ไม่ได้ป่วยใช่ไหม ลูกเป็นลูกชายแม่แท้ๆ นะ” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางอังมือไปที่หน้าผากของหานหรง
หานหรงยกมือขึ้นปัดป้องมือของเขาออกไป พูดว่า “เจ้าลูกคนนี้นี่ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ก็ตกลงตามนี้แล้วกัน แกไปนอนกับรุ่ยจื่อที่โรงแรม ฉันจะพาสาวน้อยกลับไปอยู่บ้านเรานู่น ดึกขนาดนี้แล้ว เธอตัวคนเดียวมันอันตรายมากนะ อีหนาน ช่วยพยุงหน่อย”
“ได้ค่ะแม่!”
พูดจบ หานหรงกับซ่งอีหนานก็ประคองถังหย่าฉีเดินเข้าไปในซอย
“แม่ ลูกยังมีเรื่องต้องพูดกับแม่นะ” ซ่งจื่อเซวียนกล่าวเสริมอีกประโยค
หานหรงไม่ได้หันหน้าไปเลยแม้แต่น้อย “โธ่ ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
เห็นเงาด้านหลังของผู้หญิงสามคน ซ่งจื่อเซวียนก็อึ้งไป “เทียนซั่ว นายดูสิ นี่มันใช่ลางบอกเหตุหรือเปล่าว่า…หลังจากนี้ฉันจะแต่งงานไม่ได้แล้วน่ะ โดนไล่ออกจากบ้านง่ายๆ เลย”
ซางเทียนซั่วพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ ผมก็ว่าใช่ ถ้าอาจารย์ขออาจารย์แม่แต่งงานจริงๆ หลังจากนี้บ้านหลังนี้ก็จะไม่มีที่ของอาจารย์แล้ว”
“แค่กๆ…เอาล่ะ เลิกพูดไปเรื่อยได้แล้ว นายก็แยกย้ายเถอะ ฉันจะไปนอนโรงแรม!”
“อะไรนะ ผมก็ง่วงแล้วเหมือนกันนะอาจารย์ ตอนนี้ผมเหนื่อยจะขับรถกลับไปแล้ว ผมก็จะนอนกับพวกอาจารย์ด้วย!”
“สามคนนอนด้วยกันจะนับว่าเป็นเรื่องอะไรล่ะเนี่ย นายรีบกลับไปเลย”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็เดินไปที่โรงแรม แต่ซางเทียนซั่วก็ไม่คิดยอมแพ้ จอดรถเรียบร้อยแล้ว เปิดห้องพักห้องหนึ่งเข้าพักเช่นกัน
ถึงแม้ถังหย่าฉีจะตัวเบา แต่อย่างไรก็ดื่มเหล้าเมาจนทิ้งตัว กว่าจะพาเธอกลับบ้านได้ หานหรงกับลูกสาวสองคนก็เหนื่อยเอาการ
ซ่งอีหนานดื่มน้ำ พูดว่า “แม่ สาวน้อยคนนี้หนักอยู่นะ ดูไม่ออกเลยจริงๆ”
หานหรงยิ้มพูด “แกจะเข้าใจอะไร คนเมาก็อย่างนี้ ถ้าตามปกติ สาวน้อยคนนี้ต้องตัวเบาแน่ๆ แกดูสิตัวบางเชียว ดูดีมาก หน้าตาก็ดูดีเหมือนกัน!”
“เอ๊ะๆๆ แม่ ลูกสาวแท้ๆ ของแม่อยู่นี่นะ แม่จะให้เธอเป็นลูกสะใภ้แม่ในอนาคตจริงๆ เหรอ เจ้ารองก็พูดแล้วนี่ว่าเขาเป็นเพื่อนกัน แม่ก็อย่าไปยกยอเธอเลย” ซ่งอีหนานพูด
“เหอะๆ นั่นก็ไม่แน่หรอก ลูกชายฉันมีความสามารถอยู่นะ”
ขณะที่กำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์ของถังหย่าฉีก็สั่นขึ้นมา ถึงจะสั่น แต่บวกกับฟังก์ชันไฟกะพริบ จึงสะดุดตาเป็นพิเศษ
“โอ๊ะ โทรศัพท์ของสาวน้อยนี่”
“เมื่อกี้เหมือนว่าจะดังมาตลอดทางเลย แต่เธอทิ้งตัวอยู่กับแม่ เลยรับสายไม่ได้” ซ่งอีหนานพูดพลางหยิบโทรศัพท์ของถังหย่าฉีขึ้นมาดู
“งั้นเหรอ ทำไมฉันไม่ได้ยินเลยล่ะ” หานหรงพูด
“เขาเปิดสั่นไว้ ตัวรถเองก็โคลงเคลงอยู่บ้าง แม่คงไม่รู้สึกล่ะมั้ง” ซ่งอีหนานมองโทรศัพท์ อดชะงักไม่ได้ “แม่ คนคนนี้ชื่อไต้ทง โทรมายี่สิบกว่าสายแล้ว ชื่อแบบนี้…เหมือนจะเป็นผู้ชายนะ”
“หา? ผู้ชายเหรอ อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนของสาวน้อยคนนี้น่ะ” ท่าทางของหานหรงปรากฏความหดหู่เล็กน้อยทันที
“ไม่แน่ ไม่อย่างนั้นใครจะโทรมาเยอะขนาดนี้ แม่ เรารับดีไหม”
หานหรงครุ่นคิด “รับเถอะ แล้วถามด้วยเลยว่าเป็นแฟนของเธอหรือเปล่า”
เห็นท่าทีของแม่ ซ่งอีหนานอยากจะหัวเราะ เหมือนว่ากำลังจะทำเรื่องไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น
“ฮัลโหล”
“คุณเป็นใคร โทรศัพท์ของหย่าฉีอยู่ที่คุณได้ยังไง” เสียงของไต้ทงดังมา
ซ่งอีหนานป้องโทรศัพท์ทันที พูดด้วยเสียงเบา “เขาเรียกเธอว่าหย่าฉี ดูสนิทมากอยู่นะ”
“โธ่ ใช่แปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ แกลองถามอีกสิ”
ซ่งอีหนานทำมือโอเค พูดว่า “อืม เธอดื่มมากเลยหลับไปแล้ว คุณเป็นใครน่ะ”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องรู้หรอก คุณบอกที่อยู่มา เดี๋ยวผมจะไปรับ”
“มารับเธอเหรอ ไม่ต้องหรอก ตอนนี้เธอหลับไปแล้ว แถมฉันก็ไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร จะปล่อยให้คุณมารับเธอไปได้ยังไง ใครจะรู้ว่าคุณจะพาเธอไปไหนล่ะ” พอซ่งอีหนานได้ยินโทนเสียงของไต้ทงก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง จะทำอวดดีอะไรนัก
ได้ยินดังนั้น หานหรงก็ยกนิ้วโป้งให้ซ่งอีหนานทันที ราวกับหมายถึงว่า ‘พูดได้ดี!’
“อะไรไปไหน ผมจะพาเธอกลับบ้าน!”
“หา? กลับบ้าน?”
ซ่งอีหนานชะงักไปอีกครั้ง ป้องโทรศัพท์พูดเสียงเบาว่า “เขาบอกว่าจะพาเธอกลับบ้าน พวกเขาแต่งงานกันแล้วเหรอ”
หานหรงถอนหายใจทันที ส่ายหน้า “งั้นก็จบแล้ว สาวน้อยดีขนาดนี้ มีเจ้าของเสียแล้ว”
“งั้นทำยังไงดีล่ะ” ซ่งอีหนานพูด
“ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ ให้เขามารับไปเถอะ เมียเขาอยู่นี่จะไม่ร้อนใจได้ยังไง” หานหรงพูด
ซ่งอีหนานพยักหน้า “งั้น…ก็ได้ คุณมาเถอะ”
หลังจากนั้น ซ่งอีหนานก็ส่งที่อยู่ให้ไต้ทง
ยี่สิบนาที ไต้ทงก็มาถึงหน้าปากซอย เข้ามารับถังหย่าฉีไป แต่ที่แห่งนี้เขารู้จัก เมื่อก่อนมาส่งซ่งจื่อเซวียนไม่รู้กี่หนต่อกี่หน
เห็นถังหย่าฉีปลอดภัยดี ไต้ทงก็แอบยกนิ้วโป้งให้ซ่งจื่อเซวียนในใจ
ถึงอย่างไรก็สามารถทำให้แม่กับพี่สาวตนเองดูแลถังหย่าฉีได้ อธิบายได้ว่าเจ้าเด็กคนนี้ก็มีใจจริงๆ อีกทั้งยังเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง ไม่เอาเปรียบคนเขาที่สลบไสลอยู่ มีคนที่ปฏิบัติกับหย่าฉีแบบนี้ไม่เยอะนัก
……
กลางดึก ที่หอหงเยวี่ย
หวงฟานำซิการ์ที่สูบเสร็จแล้วทิ้งในที่เขี่ยบุหรี่พลางยิ้ม “เขาพูดแบบนี้จริงๆ เหรอ”
“ใช่ครับเสี่ยหวง เขาบอกว่าอยากเจอเสี่ย แถมยังตื่นเต้นมากเป็นพิเศษด้วย” เคอหงเทาพูด
หวงฟาพูดยิ้มๆ “ไอ้หนุ่มนี่…น่าสนใจ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ค่อยมีสมอง ฉันชอบรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถ แต่ฉันไม่ชอบคนโง่ อย่างเช่นซ่งจื่อเซวียนคนนี้”
เถียนเหวิยคุ่ยข้างๆ ก็ยิ้มเช่นกัน สำหรับเขาแล้ว บางที…ก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะประเมินซ่งจื่อเซวียนสูงเกินไป
ได้ยินดังนั้น เคอหงเทาก็ครุ่นคิด แต่ไม่ได้โต้แย้ง ที่จริงเขารู้อยู่แก่ใจดี ถ้าไม่ได้แตะต้องฟางเส้นสุดท้ายของซ่งจื่อเซวียน เขาคงไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องมันสมองอย่างเดียว เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
“เสี่ยครับ งั้นทำยังไงดีล่ะครับ เสี่ยจะเจอเขาไหม” เคอหงเทาถาม
“เจอสิ ทำไมจะไม่เจอล่ะ เด็กไม่มีสมองคนหนึ่ง ฉันก็จะเอาบันทึกหย่งซั่นมาจากทางเขาได้ง่าย ทำไมถึงต้องไม่ทำในเมื่อทำแล้วมีความสุขล่ะ” หวงฟาตอบ
เคอหงเทาพยักหน้า “ครับ แต่ว่า…เสี่ย เรื่องนี้ผมเคยถามเขาแล้ว เขาบอกว่าในมือเขาไม่มีบันทึกหย่งซั่นนะครับ”
หวงฟาขมวดคิ้ว “ไม่มีเหรอ เหอะๆ ฉันว่านายไม่มีสมองมากกว่าเขาอีกนะ ถ้าเป็นนาย…นายจะยอมรับว่าสมบัติอย่างบันทึกหย่งซั่นนั่นอยู่ในมือตัวเองเหรอ”
“เรื่องนี้…” เคอหงเทาพูดไม่ออก
“เอาล่ะ งั้นก็จัดการเถอะ เหวินคุ่ย ช่วงนี้มีวันไหนที่ฉันว่างไปเจอเขาบ้าง”
ได้ยินดังนั้น เถียนเหวินคุ่ยก็หยิบสมุดเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า เปิดดู “พรุ่งนี้เราต้องไปที่เมืองฉินซีครับเสี่ย ซื้อสูตรลับสี่อย่างของหย่งซุ่นไจ กลับมาประมาณช่วงเที่ยงของวันมะรืนครับ แต่ว่าคืนวันนั้นเราก็ต้องตรวจสอบบัญชี เกรงว่าวันมะรืนก็คงจะยุ่งกับเรื่องนี้ตลอดทั้งวัน”
หวงฟาถอนหายใจ พยักหน้า “เอาล่ะ งั้นก็วันมะรืนช่วงบ่าย เสี่ยซาน นายบอกให้เขามาที่หอหงเยวี่ย ถึงเวลาก็มาที่ห้องส่วนตัวห้องนี้ เหวินคุ่ย นายไปบอกม่านหงว่าวันมะรืนช่วงบ่ายฉันขอห้องส่วนตัวห้องนี้”
“ครับเสี่ย!”
พูดจบ เถียนเหวินคุ่ยก็ลุกขึ้นเดินออกไป
“เสี่ย งั้นเรื่องนี้…ก็ไม่ต้องใช้ผมใช่ไหมครับ” เคอหงเทาถาม อย่างไรเขาก็ไม่อยากลุยน้ำโคลนนี้แล้ว
หวงฟาครุ่นคิด “เหอะๆ นี่เสี่ยซานรีบร้อนจะตีตัวออกห่างฉันเหรอ”
“เสี่ยพูดไปถึงไหนล่ะครับนั่น ผมก็ทำไปเพื่อลดความวุ่นวายให้เสี่ยไงครับ หลักๆ คือช่วงนี้ผมก็ห่วงอยู่กับพวกเรื่องเปิดกิจการ ในมือ…แหะๆ ไม่ค่อยมีเงินน่ะครับ” เคอหงเทาพูด
“เสี่ยซานคิดเยอะไปแล้ว หวงฟาคนนี้ไม่ใช่คนที่ใช้ให้ทำฟรีๆ หรอก เอาอย่างนี้ ฉันจะเอาสูตรลับกลับมาจากฉินซี มีทั้งหมดสี่อย่าง เป็นขนมที่มีชื่อเสียงในกวนจงทั้งนั้น ฉันจะแบ่งให้นายชุดหนึ่ง ทำตามแฟรนไชส์ปกติแต่ฟรีค่าใช้จ่ายทั้งหมด เป็นยังไงล่ะ”
พอเคอหงเทาได้ยินก็โมโห ประโยคนี้เบื้องหน้าฟังแล้วน่าสนใจจริงๆ แต่ตามหลักความเป็นจริงก็คือแย่งชิงกัน
ว่ากันตามปกติ แฟรนไชส์ในมุมมองของคนหลายคน ค่าใช้จ่ายแฟรนไชส์นั้นแพงที่สุด แต่แฟรนไชส์ขนมแบบนี้ไม่ใช่อย่างนั้น ที่แพงคือคุณต้องใช้วัตถุดิบของเขา ต่อให้หลีกเลี่ยงค่าแฟรนไชส์ได้ ภายหลังคุณก็ต้องสร้างกำไรให้อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
หวงฟาหนอหวงฟา แกนี่พอใช้ฉันทำงานให้เสร็จ ยังจะเอาเงินฉันอีก
แต่โชคดีเคอหงเทายังไม่ได้ตอบรับ ประตูก็ถูกเปิดออก เถียนเหวินคุ่ยเดินเข้ามา และยังมีหลี่ม่านหงเดินตามหลังเขามา
“เสี่ยครับ คือ…เจ๊หงบอกว่า วันมะรืนห้องส่วนตัวห้องนี้มีคนจองไว้แล้วครับ”
ได้ยินดังนั้น หวงฟาก็มองหลี่ม่านหง “ใคร เลื่อนไป วันมะรืนฉันจะใช้”
ที่หอหงเยวี่ย ปกติหวงฟาจะใช้แค่ห้องไฉ่อวิ๋นเฟย นอกเสียจากมีผู้นำจากภาครัฐมาใช้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ถอยให้
“เสี่ยคะ วันมะรืนไม่ได้จริงๆ เป็นลูกค้าคนสำคัญท่านหนึ่งค่ะ” หลี่ม่านหงพูด
“ระดับผู้อำนวยการขึ้นไปเหรอ” หวงฟากล่าวเพิ่มอีกประโยค
หลี่ม่านหงส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ แต่…ปฏิเสธไม่ได้ค่ะ”
“ไม่ใช่เหรอ เหอะๆ ในเมืองตู้เหมิน นอกจากผู้นำพวกนั้น ยังมีใครแย่งไฉ่อวิ๋นเฟยกับฉันได้อีกเหรอ น่าสนใจอยู่นะ พูดมาให้ฟังหน่อยซิ” หวงฟาพูดพลางนั่งไขว่ห้าง
ได้ยินดังนั้น หลี่ม่านหงก็ยิ้มอ่อนโยน “เสี่ยก็อย่าถามเลยค่ะ เดี๋ยวฉันเก็บศาลาโบตั๋นให้โอเคไหม แถมจะลดให้ด้วย เพราะว่า…ลูกค้าคนนี้สำคัญมากจริงๆ ค่ะ อีกทั้งฉันก็ต้องเก็บเป็นความลับด้วย”
หวงฟาอดตกตะลึงไม่ได้ ในความทรงจำของเขา นอกจากพวกผู้นำภาครัฐเหล่านั้นแล้ว ยังมีใครที่จะสามารถกดดันหวงฟาอย่างเขาได้กัน เขาอยากจะลองเปิดหูเปิดตาจริงๆ
……………………………………….