เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 142 ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
ตอนที่ 142 ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
ซ่งจื่อเซวียนใช้มือหนึ่งโอบถังหย่าฉี กลัวว่าเธอจะยืนไม่มั่นคงแล้วหกล้ม ขณะเดียวกันเขายกขาถีบใส่ซางเทียนซั่ว
“พูดอะไรเยอะแยะ รีบไป!”
ซางเทียนซั่วหลบอย่างไว โน้มตัวไปข้างหน้า หัวเราะพูดว่า “ได้เลย ผมจะพารุ่ยจื่อไปด้วย ถึงจะไม่หาโรงแรม ในร้านก็ได้อยู่ ฮ่าๆๆๆ…”
ซ่งจื่อเซวียนถลึงตาใส่เขาหนึ่งที แต่ซางเทียนซั่ววิ่งออกไปแล้ว ฟางรุ่ยก็รู้กาลเทศะ เดินตามออกไปเหมือนกัน
ซ่งจื่อเซวียนประคองถังหยาฉีให้นั่งลง ตัวเองหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาซ่งอีหนาน
“เจ้ารอง มีอะไรเหรอ”
“พี่ ผมเลิกงานแล้ว พวกพี่กินข้าวหรือยัง”
“ยังเลย นายก็รู้ ว่าแม่รอนายกลับมาแล้วถึงจะกินข้าว ลำเอียงจริงๆ นายจะกลับบ้านเมื่อไร ฉันหิวมากแล้วนะ!” ซ่งอีหนานเอ่ย
“ไม่กลับแล้ว พี่ ผมบอกให้ซางเทียนซั่วไปรับพวกพี่ พวกพี่เตรียมตัวกันนะ วันนี้พวกเราจะไปกินข้าวข้างนอก” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
ได้ยินดังนั้น ซ่งอีหนานก็ตื่นเต้นทันที “หา? จริงเหรอ ฮ่าๆๆ ดีจังเลย พวกเราจะไปไหนล่ะ”
“เดี๋ยวค่อยบอกแล้วกัน พี่รีบไปบอกแม่เถอะ!”
“ได้เลย ฉันไม่คุยกับนายแล้ว ฉันไปแต่งหน้าก่อน!” พูดจบ ซ่งอีหนานก็วางสาย
ซ่งจื่อเซวียนก็ดีใจมาก แต่พอหันมามองแม่ทูนหัวที่ฟุบนอนอยู่บนโต๊ะ เขากลับทำสีหน้าจนใจ
เขาไม่สามารถทิ้งถังหย่าฉีให้อยู่ในร้านของตัวเองได้ และตัวเองก็ไม่มีช่องทางติดต่อไต้ทง จึงต้องพาเธอไปด้วย
เขารินน้ำชาวางข้างๆ ถังหย่าฉี เรียกเบาๆ สองสามที ถังหย่าฉีลืมตาเล็กน้อย “ซ่งจื่อเซวียน พวกเราถึงห้องเก็บเหล้าแล้วใช่ไหม”
“เหอะๆ ยังเลย เธอดื่มน้ำก่อนเถอะ”
ถังหย่าฉีหรี่ตามองแก้วชาใบนั้น “น้ำชาอร่อยตรงไหนกัน ฉันไม่ดื่ม”
“เด็กดี ดื่มก่อน อีกสักพักเราค่อยดื่มเหล้ากันนะ”
ซ่งจื่อเซวียนประคองถังหย่าฉีขึ้นมา มือหนึ่งประคองหลังของเธอ อีกมือหนึ่งยื่นแก้วน้ำชาไปที่ริมฝีปากของเธอ
ดูเหมือนกำลังป้อนเด็กดื่มน้ำ ต้องพูดว่า คนที่ทำให้ซ่งจื่อเซวียนต้องดูแลขนาดนี้ ถังหย่าฉีคือคนแรกจริงๆ
ซ่งจื่อเซวียนเคยคิดปัญหานี้มาก่อน เขารู้สึกว่ารอแม่แก่แล้ว เขาจะดูแลแม่แบบนี้แน่นอน แต่ใครจะรู้ว่า แม่ยังไม่แก่…เขากลับต้องดูแลแม่ทูนหัวก่อน
ถังหย่าฉีดื่มหนึ่งอึก เงยหน้ามองซ่งจื่อเซวียน ทั้งสองคนสบตากันช่วงเวลาหนึ่ง ระยะห่างไม่ถึงสิบเซนติเมตร
นี่คือครั้งแรกที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ซ่งจื่อเซวียนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของถังหย่าฉีอย่างชัดเจน
ใบหน้าที่งดงามจนใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบนั้นขาวนวลไร้ที่ติ ดวงตาคู่นั้นมองดูตัวเอง ซ่งจื่อเซวียนหัวใจเต้นเร็วทันทีและยิ่งทวีคูณ…รุนแรงถึงขั้นสุด แม้แต่ลมหายใจก็หนักหน่วงขึ้น
“ซ่งจื่อเซวียน…คราวที่แล้วนายถามว่าทำไมฉันถึงดีกับนายขนาดนี้…”
เสียงของถังหย่าฉีนุ่มละมุน บวกกับลมหายใจแบบนั้น ถึงแม้จะมีกลิ่นฉุนของเหล้า แต่ซ่งจื่อเซวียนก็ยังเคลิบเคลิ้ม
“ฉันคิดว่า..นายดีกับฉันมากต่างหาก ขอบใจนะ”
มองดวงตาสดใสคู่นั้น ซ่งจื่อเซวียนสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์และจริงใจที่เปี่ยมล้น แต่ลมหายใจลอบเข้ามาปะทะใบหน้าตัวเอง ความยั่วยวนเช่นนี้เด็กหนุ่มวัยอย่างเขาจะทนไหวได้อย่างไร
ถึงแม้จะรู้ว่าถังหย่าฉีเมาแล้ว นี่ไม่ใช่เจตนาเลย ทว่าซ่งจื่อเซวียนก็ยังรู้สึกถึงเลือดที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย
เขารีบกระแอมสองที เอ่ยว่า “ไม่ต้องเกรงใจ ดื่มน้ำเถอะ”
“ฉันไม่ดื่ม ซ่งจื่อเซวียน นายดีขนาดนี้ ฉันรู้สึกว่านายดีกว่าพ่อของฉันเสียอีก”
ซ่งจื่อเซวียนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่สั่นไหวของตัวเอง อายุขนาดนี้ ยังไม่เคยมีความรัก ตอนนี้ไม่ตื่นเต้นก็บ้าแล้ว
ประเด็นสำคัญคือตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ในร้าน มีแค่ชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคน และร่างกายที่สัมผัสใกล้ชิดกัน หญิงสาวสวยน่ามอง ใครบ้างจะทนไหว
“ฉันไม่เอาเขาแล้ว นายมาเป็นพ่อของฉันดีไหม”
พรืด
“อะไรนะ เธอว่าอะไร”
เนื่องจากฤทธิ์เหล้า ถังหย่าฉีตอนนี้หน้าแดงก่ำ เธอดิ้นหลุดออกจากอ้อมอกของซ่งจื่อเซวียน นั่งลงทำปากจู๋แล้วเอ่ยว่า “ฉันบอกว่านายมาเป็นพ่อของฉันดีไหม”
ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกขำ ถึงแม้จะพยายามทำหน้านิ่ง แต่ก็ยังมีเสียงหัวเราะออกมา
“นายหัวเราะอะไรเนี่ย สรุปจะเป็นหรือไม่เป็น”
ซ่งจื่อเซวียนโบกมือ “ไม่หัวเราะแล้วๆ เอาอย่างนี้ เธอพูดอีกรอบ ฉันจะบันทึกเสียงเธอไว้ เดี๋ยวพอสร่างเมาแล้วเธอจะไม่ยอมรับ”
ขณะพูด ซ่งจื่อเซวียนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดบันทึกเสียงทันที
“มา ถังหย่าฉี เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ”
“เบื่อนายจริงๆ ต้องให้ฉันพูดกี่ครั้งเนี่ย ฉันพูดว่า ซ่งจื่อเซวียน นายมาเป็นพ่อของฉันดีไหม”
ซ่งจื่อเซวียนรีบตอบชัดถ้อยชัดคำทันที “ไม่ดี ฉันปฏิเสธ!”
จากนั้น เขาจึงกดปุ่มหยุด ถังหย่าฉีขมวดคิ้วใส่ “แล้วมันไม่ดีตรงไหน นายพูดให้ดีๆ นะ”
ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกตลกมาก โบกมือพูดว่า “อย่าๆๆๆ ฉันรับไม่ได้หรอก พอแล้วไม่เล่นตลกแล้ว ฉันจะเก็บหลักฐานนี้รอเธอสร่างเมาแล้วค่อยให้ดู ดูสิว่าต่อไปเธอจะกล้าดื่มเยอะแบบนี้ไหม”
ซ่งจื่อเซวียนพูดเช่นนี้ ถังหย่าฉีกลับไม่พอใจ เบ้ปากเล็กน้ำตาซึม มือหนึ่งจับแขนของซ่งจื่อเซวียนไว้ “ไม่ได้ นายต้องมาเป็นพ่อของฉัน เพราะนายดีกับฉันมากเลย!”
“พอแล้ว ฉันไม่ใช่พ่อของเธอ ฉันก็ทำดีกับเธอนะ เอาน่า แม่ทูนหัว ดื่มน้ำเร็ว!”
ถังหย่าฉีพุ่งกอดเอวของซ่งจื่อเซวียนทันที เงยหน้ามองเขา “ไม่เอา ถ้างั้นนายต้องสาบาน ซ่งจื่อเซวียนจะทำดีกับฉันตลอดไป!”
พอสิ้นเสียงของถังหย่าฉี ประตูร้านก็ถูกผลักออก
เห็นซางเทียนซั่วผลักประตูออก หานหรงกับซ่งอีหนานกำลังเดินเข้ามา จากใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พอเห็นฉากในห้อง พวกเขาจึงนิ่งอึ้งไป
“ว้าย…” ซ่งอีหนานอุทานหนึ่งที รีบหมุนตัว “ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ฉันไม่เห็นอะไรเลยนะ”
หานหรงรีบเอามือบังตา “ไอ้หยา ลูกคนนี้ ไม่ทำอะไรแอบๆ หน่อยเหรอ…”
ทว่าถึงแม้จะเอามือปิดตาไว้ แต่กลับเห็นร่องนิ้วที่แยกออกจากกันเล็กน้อย สายตาที่มองผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วมองเห็นลูกชายของตัวเองได้
ซางเทียนซั่วค่อยๆ ส่ายหน้า “ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์ จัดการในร้านจริงๆ เหรอ…แปลกใหม่ ตื่นเต้น…สุดยอดๆ”
ซ่งจื่อเซวียนรีบผลักถังหย่าฉีออก แต่ถังหย่าฉีกอดเขาไว้แน่น “ไม่ได้ นายต้องสาบาน!”
ซ่งจื่อเซวียนก็เมาแล้ว มองแม่กับพี่สาวด้วยใบหน้าที่เขินอาย แล้วจึงมองถังหย่าฉีอีกที
“ได้ๆๆ สาบานก็สาบาน รีบปล่อยได้แล้ว”
ถังหย่าฉีจึงปล่อยมือ ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยว่า “แม่ครับ ไม่ใช่อย่างที่พวกแม่เห็นนะ”
หานหรงมองลอดผ่านนิ้วกลางกับนิ้วนาง “ทำไมจะไม่ใช่ ถึงขั้นกอดกันแล้วนี่ แต่ผู้หญิงคนนี้สวยมากจริงๆ นะ”
“แม่เอามือลงก่อนได้ไหม แม่ก็อายุขนาดนี้แล้วยังจะปิดตาทำไม แล้วยังทำเหมือนมองไม่เห็นอีกนะ”
หานหรงเอามือลงทันที แถมยังหัวเราะออกมา “ถ้างั้นลูกก็พูดมา เกิดอะไรขึ้น”
ซ่งจื่อเซวียนอธิบาย “เธอเมามากก็เลยโวยวาย พวกแม่ไม่เชื่อก็ลองถามเทียนซั่วดู”
“ใครเมา นายบอกว่าจะพาฉันไปห้องเก็บเหล้านี่” ถังหย่าฉีเบ้ปากพูด
เห็นสภาพของถังหย่าฉี แม่ลูกตระกูงซ่งจึงไม่ถามซางเทียนซั่วแล้ว ผู้หญิงคนนี้เมามากจริงๆ…
ซ่งอีหนานรีบพูดว่า “ให้ตาย ไม่ใช่มั้ง เจ้ารอง อย่างนั้นนายก็ฉวยโอกาสสิ”
“โอ๊ยผมจะฉวยโอกาสอะไร เธอโวยวายขนาดนี้ ผมบอกให้เธอดื่มน้ำ แต่ผลกลับเป็นแบบนี้แทน พี่รีบเข้ามารับหน่อย”
ซ่งอีหนานได้ยินแล้วจึงเดินเข้าไป หันข้างรับตัวถังหย่าฉีมาจากตัวซ่งจื่อเซวียน “ว้าว แม่ ผู้หญิงคนนี้สวยมากจริงๆ ไม่รู้ว่าจะได้เป็นลูกสะใภ้ของแม่หรือเปล่านะ”
“ฮ่าๆๆๆ เมื่อกี้แม่ก็มองแล้ว สวยจริงๆ อ้อใช่เจ้ารอง เธอสร่างเมาแล้วจะลืมไหมเนี่ย” หานหรงเอ่ยถาม
ซ่งจื่อเซวียนก็เมาแล้วจริงๆ กลอกตาไปมา “เหอะๆๆ สองคนนี้พูดอะไรกัน ไร้สาระมาก รีบไปกันเถอะ ขึ้นรถ พวกเราไปที่นั่นกัน”
อย่างไรนี่คือประเด็นสำคัญของคืนนี้ ซ่งจื่อเซวียนเตรียมตัวพาหานหรงไปพบซ่งอวิ๋นฮั่น
“อ้าว แล้วแม่หนูคนนี้ทำยังไง” หานหรงถาม
“พาไปด้วยแหละ เดี๋ยวลูกจะนั่งกับเทียนซั่ว พวกแม่สามคนนั่งข้างหลังนะ”
จากนั้นซ่งจื่อเซวียนก็เข้าไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับ ส่วนหานหรงกับซ่งอีหนานประคองถังหย่าฉีขึ้นรถ แล้วยังให้เธอนั่งตรงกลางเป็นพิเศษ เพราะกลัวว่ารถจะโอนเอน แล้วเธอจะเมารถจนทรมาน
“อาจารย์ พวกเราไปไหนกันน่ะ” ซางเทียนซั่วเอ่ยถาม
“อ่าวชิงหลง!”
ได้ยินดังนั้น ซางเทียนซั่วจึงเข้าใจความหมายของซ่งจื่อเซวียนทันที อย่างไรครั้งก่อนเขาก็รู้แล้วว่าพ่อแท้ๆ ของซ่งจื่อเซวียนพักอยู่ที่โรงแรมข่ายอ้อในอ่าวชิงหลง และครั้งนี้อยู่ต่อหน้าคุณป้ากับคุณย่า แล้วก็อาจารย์แม่ขี้เมาอีกคน เขาจึงไม่กล้าพูดจามั่วซั่ว
ทว่าตลอดทางซ่งอีหนานตื่นเต้นมาก เพราะอ่าวชิงหลงเป็นย่านที่หรูหราที่สุดในตู้เหมิน เมื่อรู้ว่าซ่งจื่อเซวียนจะพาพวกเธอไปที่นั่น เธอจึงดีใจเป็นที่สุด
แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับกลัดกลุ้มใจ เขาไม่รู้ว่าแม่กับพี่สาวถ้าได้เจอพ่อแล้วจะตอบสนองอย่างไร
หรือว่าไม่ควรช่วยตัดสินใจแทนพวกเธอ แต่เขารู้ว่า ถ้าหากไม่ตัดสินใจ…อาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
เขาส่งข้อความให้เจิ้งอวี่ระหว่างทาง แท้จริงแล้วเพื่อบอกให้ซ่งอวิ๋นฮั่นเตรียมตัว เขารู้ว่าซ่งอวิ๋นฮั่นใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเองมาก โดยเฉพาะยามที่อยู่ต่อหน้าคนในครอบครัว
เมื่อเห็นรถขับเข้าสู่ประตูใหญ่อ่าวชิงหลง จนมาถึงทางเข้าโรงแรมข่ายอ้อ ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกใจเต้นเร็วมาก
ซ่งจื่อเซวียนบอกซางเทียนซั่วให้รออยู่ข้างนอกและดูแลถังหย่าฉี ส่วนเขาก็พาแม่กับพี่สาวเดินเข้าไปในโรงแรม
“เจ้ารอง ทำไมไม่เรียกให้เทียนซั่วมาด้วย เขาขับรถมาตลอดทางคงเหนื่อยแย่ มากินข้าวด้วยกันน่าจะดีกว่า”
“นั่นสิ อ้อใช่เจ้ารอง พวกเราจะกินอะไรกันล่ะ แล้วทำไมเราต้องมาที่ข่ายอ้อด้วย ที่นี่แพงเกินไปหรือเปล่า…” ซ่งอีหนานเดินไปพลางพูดไปพลาง
“เขาคอยอยู่ดูแลถังหย่าฉีน่ะ พวกเราเข้าไปก่อนดีกว่า” เขาพูดพลางเดินไปที่ลิฟต์ทันที
พอเข้าลิฟต์ ซ่งจื่อเซวียนก็เอ่ยว่า “แม่ พี่ พวกเรายังไม่ต้องรีบกินข้าวหรอกนะ ขึ้นไปข้างบนกันก่อน”
“หา? ขึ้นไปไหนล่ะ” หานหรงถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
ซ่งจื่อเซวียนไม่ตอบ แล้วกดปุ่มไปที่ชั้นยี่สิบสอง
เมื่อเห็นลิฟต์มาถึงชั้นยี่สิบสองแล้ว ซ่งจื่อเซวียนสีหน้านิ่งเรียบ เหมือนจะสัมผัสหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงได้ เขาสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งที
สิบแปดปีแล้ว…ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
………………………………………………….