เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 14 สวัสดีครับ คุณลูกค้าวีไอพี
ตอนที่ 14 สวัสดีครับ คุณลูกค้าวีไอพี
มือของซ่งจื่อเซวียนยังไม่ออกจากกระเป๋า ก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง
“ฮ่าๆๆ ฉันก็ว่าทำไมคุ้นตาขนาดนี้ โลกแคบจริงๆ”
ขณะที่ซ่งจื่อเซวียนและกู่เสี่ยวเป่าหันไป ก็เห็นชายคนหนึ่งอายุยี่สิบกว่าปียืนอยู่ด้านหลังพวกเขา ชายคนนั้นเชิดหน้ามองซ่งจื่อเซวียนด้วยความเย่อหยิ่งและดูถูก สองมือล้วงกระเป๋า ท่าทางวางโต
และซ่งจื่อเซวียนมองแวบเดียวก็จำชายคนนั้นได้ เป็นหลี่เจียหาวที่พบที่ตลาดโบราณ เพียงแต่วันนี้ข้างๆ หลี่เจียหาวไม่ใช่ถังหย่าฉี แต่มากับชายที่อายุไม่ต่างกันสองคน คนหนึ่งเป็นคนอ้วนหัวโล้น อีกคนผอมสูง
“มีอะไร” ซ่งจื่อเซวียนพูดเรียบๆ
หลี่เจียหาวยักไหล่ด้วยรอยยิ้ม “เจอนายจะมีเรื่องอะไรได้ นายคู่ควรเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินดังนั้นก็มองหลี่เจียหาวอย่างเย็นชา ความจริงแล้วทั้งสองคนก็ไม่นับว่าสนิทสนมคุ้นเคย หากพูดว่ามีเรื่องขัดแย้งกัน ก็เป็นเพราะหลี่เจียหาวจิตใจคับแคบเอง
ตอนที่อยู่ที่ตลาดโบราณ ซ่งจื่อเซวียนพูดว่าเครื่องลายครามอันนั้นเป็นของปลอม ความจริงแล้วก็คือการเตือนเขา หลีกเลี่ยงไม่ให้เขาซื้อเครื่องลายครามของปลอม แต่สำหรับหลี่เจียหาวแล้ว กลับเป็นการเหยียดหยามเสียอย่างนั้น
ถึงอย่างไรเกิดมาร่ำรวย ที่บ้านก็มีของโบราณอยู่ไม่น้อย ตอนซื้อของพวกนั้นถูกคนพูดใส่ว่าตนเองดูผิด แทบจะเทียบเท่ากับถูกตบหน้า บวกกับเขาใจคอคับแคบ จึงเป็นธรรมดาที่จะรับไม่ได้
สำหรับเขาแล้ว ต่อให้ซื้อของปลอมมาก็ควรจะกลับไปคับแค้นใจที่บ้าน อยู่ต่อหน้าผู้คนถูกพูดว่าดูผิด นั่นเรียกว่าอับอายขายขี้หน้า!
และคนที่ทำให้เขาผู้นี้อับอายขายขี้หน้า เขาไม่มีทางลืมแน่นอน หากไม่เจอกันอีกก็แล้วไป แต่วันนี้ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงๆ ที่ได้เจอกันอีก
ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้พูดอะไร แต่กู่เสี่ยวเป่ากลับใจร้อน ตะโกนว่า “หมาจากที่ไหนเนี่ย นายก็คู่ควรที่จะพูดคุยกับพี่รองฉันงั้นเหรอ ไม่มีเรื่องอะไรแล้วที่นายเห่านี่เรียกอะไร ไสหัวไป!”
“ขอทานตัวจ้อย นายอยากตายหรือไง” หลี่เจียหาวตะโกน “แม่มันเถอะ ใครให้ขอทานเข้ามาเนี่ย รกหูรกตาฉันจริงๆ ผู้ดูแลชั้นนี้ล่ะ ไม่สิ ผู้จัดการร้านล่ะ รีบโผล่หัวออกมาหาฉันเลย!”
พนักงานหญิงข้างๆ รีบพูด “คุณชายหลี่ ฉันก็ไม่รู้เช่นกันค่ะว่าเด็กขอทานนี่เข้ามาได้ยังไง ฉันจะเรียกรปภ.เดี๋ยวนี้”
“เร็วเข้าสิ!”
ฟังจากคำพูดของพนักงานหญิงก็รู้ได้ว่าหลี่เจียหาวเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ คงใช้จ่ายกับเสื้อผ้าแบรนด์หรูไปไม่น้อย ไม่อย่างนั้นพนักงานก็คงไม่เรียกเขาว่าคุณชายหลี่
หลี่เจียหาวจ้องกู่เสี่ยวเป่าแวบหนึ่ง แล้วมองไปที่ซ่งจื่อเซวียน พูดว่า “หึ วันนั้นฉันยังนึกว่าเป็นคนแบบไหนกัน ที่ไหนได้ก็เป็นไอ้กระจอก!”
“นั่นสิครับ คุณชายหลี่ ยังไม่เคยเจอจริงๆ ที่พาขอทานมาเดินชอปปิ้งด้วย วันนี้พวกเราก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!”
ชายอ้วนหัวโล้นพูดจบ หลี่เจียหาวและชายผอมสูงก็หัวเราะออกมา จริงๆ แล้ว ในโลกของพวกเขา นี่ก็น่าขันมากพอแล้ว
แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับไม่ได้โกรธเคือง กลับกันยังหัวเราะออกมาเบาๆ พูดว่า “เหอะๆ นายยังเอาหมาสองตัวเข้ามาได้เลย ฉันพาคนมามันจะเป็นอะไรล่ะ”
ได้ยินดังนั้น ชายอ้วนหัวโล้นก็ชี้หน้าต่อว่าซ่งจื่อเซวียน “อ้าว พูดว่าใครเป็นหมาวะ ไอ้เด็กเวร อยากตายใช่ไหม”
“ฮ่าๆ ตลกจริงๆ ฉันแค่พูดลอยๆ ก็มีคนมารับซะงั้น เดี๋ยวนี้แปลกจริงๆ เป็นหมาก็แย่งกันเป็น!” ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะลั่น
พูดไปอย่างนั้น กู่เสี่ยวเป่าก็หัวเราะขึ้นมาด้วยเหมือนกัน เดิมทีเสื้อผ้าที่สกปรกอยู่แล้วก็ไม่กลัวสกปรก ลงไปนอนหัวเราะอยู่กับพื้น ท่าทางแบบนั้นอย่าพูดถึงว่าโอเวอร์มากขนาดไหน
“แก…” หลี่เจียหาวโมโห ถึงแม้คำพูดนี้จะไม่ได้ว่าเขา แต่กลับเป็นการตบหน้าเขา เป็นทายาทเศรษฐีรุ่นสองในเมืองตู้เหมินมาหลายปี ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาขนาดนี้
“คุณชายหลี่ ไม่ต้องไปคุยไร้สาระกับพวกเขา เด็กเวรสองคนนี้ต้องจัดการ!”
พูดพลาง ชายอ้วนหัวโล้นก็ถลกแขนเสื้อเดินขึ้นหน้ามา หลี่เจียหาวดึงเขาไว้ “จัดการอะไร ไม่เห็นเหรอว่าที่นี่ที่ไหนน่ะ!”
ขณะหลี่เจียหาวพูด ก็มองสภาพแวดล้อมรอบๆ แวบหนึ่ง ถึงอย่างไรในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ กล้องวงจรปิดรอบๆ ไม่รู้ว่ามีกี่ตัว ถึงแม้ว่าทุบตีซ่งจื่อเซวียนและกู่เสี่ยวเป่าสักทีแล้วต้องจ่ายเงินชดเชยเขาก็ไม่สนใจ แต่ถ้าก่อเรื่องแล้วตำรวจมา ก็นับว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก
พูดพลาง ผู้ดูแลพารปภ.สองคนเดินมา เมื่อเห็นร่างของหลี่เจียหาวไกลๆ ผู้ดูแลชั้นก็รีบวิ่งเหยาะๆ เข้ามา
“คุณชายหลี่ มีเรื่องอะไรทำให้คุณโกรธเหรอครับ” ผู้ดูแลหอบแฮกๆ พลางถาม
หลี่เจียหาวเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เรื่องอะไรน่ะเหรอ หึ ห้างของพวกนายไม่คิดจะทำงานกันแล้วใช่ไหม ขอทานก็เข้ามาได้ แม่มันเถอะ รกหูรกตาฉันจริงๆ พวกเขาจับเสื้อผ้าฉันจะเลือกได้ยังไง ผู้จัดการของพวกนายล่ะ!”
“คุณชายหลี่ คุณอย่าโกรธไปเลยครับ เรื่องนี้ผมจัดการให้เรียบร้อยได้แน่นอน” เห็นหลี่เจียหาวโกรธแล้วจริงๆ ผู้ดูแลพยักหน้าพูดทันที “นี่เป็นความผิดพลาดของพวกเราเองครับ ไม่ได้สังเกตว่าเด็กขอทานวิ่งเข้ามา ผมจะรีบไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้ครับ”
พูดจบ เขาก็หันหน้าไปพูดกับรปภ.สองคนว่า “ทำงานอะไรของพวกนาย ถ้ายังมีครั้งหน้าอีกก็ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันทั้งหมด รีบไล่สองคนนี้ออกไปเร็วเข้า!”
“พวกคุณถือดียังไงมาไล่ล่ะ ห้างเขียนไว้เหรอว่าห้ามไม่ให้คนประเภทไหนเข้าบ้าง” ซ่งจื่อเซวียนกัดฟันพูด หน้าตาเอาจริงเอาจัง
ผู้คนรอบๆ บางส่วนเริ่มมามุงดูความขัดแย้ง ถ้าเป็นความขัดแย้งธรรมดาก็แล้วไป แต่ได้เห็นเด็กขอทานในห้างสรรพสินค้าใหญ่โตก็ยิ่งดึงดูดคนไม่น้อยให้เดินเข้ามา
ผู้ดูแลแค่นเสียงเย็น “หึ ไม่ได้เขียนไว้หรอก แต่ตอนนี้พวกนายส่งผลกระทบต่อลูกค้าวีไอพีของเรา ใช่ไหมครับคุณชายหลี่”
หลี่เจียหาวเชิดหน้าขึ้นยิ้มเย็น “ถูกต้อง ไอ้หนู ได้ยินแล้วหรือยัง ฉันเป็นลูกค้าวีไอพีของที่นี่ ส่วนนาย…ฉันแนะนำว่านายไปดูตามร้านแผงลอยจะดีกว่า ราคาของที่นี่ไม่เหมาะกับนาย!”
ชายอ้วนหัวโล้นก็หัวเราะ “นั่นสิครับ ดูเสื้อผ้าที่ไอ้หนูคนนี้ใส่สิ กับไอ้เด็กขอทานนั่นก็ไม่ต่างกันเท่าไร จะมาซื้อของที่นี่? รีบไสหัวไปเถอะไป ฮ่าๆ!”
“นาย…” ซ่งจื่อเซวียนกำหมัดขึ้น อยากจะซัดไปที่ปากของหลี่เจียหาวอย่างเหลืออด
“เป็นอะไร ไม่พอใจหรือไง ไอ้หนู ถ้าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้างจ้งอัน ฉันคงทำให้พวกนายขาเป๋กลับบ้านไปแล้ว!” หลี่เจียหาวถลึงตาพูด
“คุณชายหลี่ คุณอย่าโกรธไปเลยครับ ผมจะรีบพาพวกเขาออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่ให้คุณเสียอารมณ์อีก! พวกนายสองคนยังนิ่งกันอยู่ทำไม พาพวกเขาออกไป!”
“เดี๋ยวก่อน!”
สิ้นเสียง กู่เสี่ยวเป่ายกมือขึ้นข้างหนึ่งแล้วพูด สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบนใบหน้าของเด็กไม่กี่ขวบคนนี้ จริงจังอย่างชัดเจน!
อย่ามองว่ากู่เสี่ยวเป่าอายุยังน้อย อีกทั้งยังเป็นเด็กขอทาน แต่เสียงนี้กลับทำให้คนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นเงียบกันไปหลายวินาที
คนทั้งหมดมองไปทางใบหน้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของกู่เสี่ยวเป่า เกินคาดที่ไม่มีใครเปิดปากพูด
เงียบไปสามสี่วินาที ผู้ดูแลก็พูดขึ้นว่า “ไอ้เด็กขอทาน แกจะทำอะไร”
กู่เสี่ยวเป่ายักไหล่ยิ้มเย็น “เปิดห้างก็ดี เปิดร้านอาหารก็ดี ซื้อได้ก็คือพระเจ้า ถูกต้องไหม”
ผู้ดูแลมองกู่เสี่ยวเป่า เหมือนกับกำลังพิจารณาอีกรอบ หัวเราะเยาะทันที “เหอะๆ ที่นายพูดก็ถูก ถ้าสามารถซื้อได้ก็คือพระเจ้า ที่สำคัญนายต้องดูว่าที่นี่คือที่ไหน! ที่นี่ไม่ใช่แผงเซาปิ่ง[1]หรือแผงหมั่นโถว ที่นี่คือห้างจ้งอัน เสื้อผ้าแบรนด์แนวหน้าเนี่ยพวกนายซื้อไหวเหรอ”
ผู้ดูแลพูดจบ พวกหลี่เจียหาวก็ส่ายหน้าหัวเราะเด็กขอทานคนนี้ที่ไม่มีความรู้ นี่ไม่ใช่ว่าขี้โม้ไม่แยกสถานการณ์เหรอ
พูดกันถึงตรงนี้ คนรอบๆ ก็มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้คนรุมซ้อนกันอยู่สามสี่ชั้น ท่าทางส่วนใหญ่ยิ้มเมียงมองมา แน่นอน ว่ายิ้มเยาะซ่งจื่อเซวียนและกู่เสี่ยวเป่า
“เหอะๆ ฉันถึงถามไง ถ้าฉันซื้อได้ จะว่ายังไง”
ไม่รอให้ผู้ดูแลตอบกลับ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ชายคนนั้นอยู่ในชุดสูทสีเทาไม่เหมือนกับผู้ดูแล ชุดสูทไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าดูผ่อนคลายอยู่เล็กน้อย และไม่ได้ผูกเนกไท เสื้อเชิ้ตด้านในปลดกระดุมเม็ดบนสุดออกเม็ดหนึ่ง
“ฮ่าๆ ซื้อไหวก็ย่อมต้องว่าเป็นลูกค้า เช่นนั้น…เชิญคุณซื้อเถอะ”
ชายวัยกลางคนยิ้มน้อยๆ มีมีรัศมีมากกว่าผู้ดูแลอยู่มากอย่างเห็นได้ชัด ท่วงท่าขณะก้าวเดินแสดงให้เห็นถึงความมั่นคง แต่จากคำพูดของเขาก็รู้ได้ว่า เขาจะต้องเกี่ยวข้องกับห้างสรรพสินค้าแน่นอน
“ผู้จัดการจ้าว คุณมาแล้ว” ผู้ดูแลเคารพนบนอบพูดทันที
ผู้จัดการจ้าวพยักหน้า มองไปที่หลี่เจียหาวทันที “คุณชายหลี่ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
“เหอะๆ ผมก็ว่าใคร ที่แท้ก็ผู้จัดการจ้าวนี่เอง คุณดูสิ ผมเพิ่มปัญหาให้คุณแล้วใช่ไหมครับ” หลี่เจียหาวยิ้มอวดดีเล็กน้อยพลางพูด
“ที่ไหนกันครับ คุณเป็นลูกค้าวีไอพีของเรา คำขอของคุณพวกเราเต็มใจอยู่แล้ว” แม้ผู้จัดการจ้าวจะพูดอย่างเกรงอกเกรงใจมาก แต่ไม่ได้ประจบประแจงเท่าผู้ดูแล ถึงอย่างไรก็เป็นผู้จัดการของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ นับว่ามีตำแหน่งอยู่บ้างในเมืองนี้
กู่เสี่ยวเป่ามองผู้จัดการจ้าว พูดว่า “ฉันซื้อไหวก็เป็นพระเจ้าใช่ไหม ดี พี่รอง พวกเราไปเลือกเสื้อผ้ากันสักหน่อยเถอะ”
พูดจบ กู่เสี่ยวเป่าก็เดินเข้าไปในเคาน์เตอร์
“เฮ้ย…เสี่ยวเป่า!” ซ่งจื่อเซวียนมึนงง ไม่รู้ว่ากู่เสี่ยวเป่าจะเอายังไงกันแน่ ถึงอย่างไรความจริงในกระเป๋าของเขาก็มีอยู่แค่สามร้อย กู่เสี่ยวเป่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นขอทานจะซื้อไหวได้ยังไง ก่อเรื่องวุ่นวายจริงๆ…
กู่เสี่ยวเป่ามองไปที่เสื้อผ้าเลือกผ่านๆ พนักงานหญิงสีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ เป็นใครก็ไม่อยากยอมให้ขอทานแตะเสื้อผ้าร้านตัวเอง
“เฮ้ย นายทำเสื้อผ้าสกปรกหมดแล้ว”
ผู้ดูแลพูดพลางจะเดินมาด้านหน้า แต่ผู้จัดการจ้าวรั้งเขาไว้ ส่ายหัวน้อยๆ เขาถึงไม่ขยับอีก
ไม่นานนัก กู่เสี่ยวเป่าก็เลือกเสื้อผ้ามาสองชุด ชุดสูทหนึ่งชุดกับชุดลำลองหนึ่งชุด ยังไม่พูดถึงสไตล์เสื้อผ้านั้นดูดีหรือไม่ แค่ราคาห้าหลักเพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกวิงเวียนได้
ซ่งจื่อเซวียนลอบทอดถอนใจ เสี่ยวเป่าหนอเสี่ยวเป่า นายนี่มันตัวก่อความวุ่นวายจริงๆ…
ผู้จัดการจ้าวยิ้มๆ “ที่นายเลือกนี่มีสไตล์มากเลยนะ เอาล่ะ คุณเก็บเงินหน่อย”
กู่เสี่ยวเป่าหัวเราะน้อยๆ เอาเสื้อผ้าไปวางที่เคาน์เตอร์คิดเงินทันที พนักงานหญิงคนนั้นรีบรับมาด้วยสองมือ กลัวว่าเสื้อผ้าจะตกพื้น ถึงอย่างไรสินค้าราคาเป็นหมื่น ถ้าสกปรกขึ้นมาเธอก็รับผิดชอบไม่ไหว
“คิดเงินตรงไหน พาฉันไปสิ!”
ขณะที่กู่เสี่ยวเป่าพูด ก็เหมือนเถ้าแก่ที่มั่งคั่งร่ำรวย ไม่ลุกลี้ลุกลนเลยแม้แต่น้อย ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า เจ้าเด็กคนนี้บ้าไปแล้ว หรือว่าจะไปคิดเงินจริงๆ
“เหอะๆ เจ้าเด็กขอทานนี่บ้าหรือเปล่า” ชายร่างผอมสูงพูด
หลี่เจียหาวส่ายหัวพลางยิ้ม “มีคนยอมเสียหน้า พวกเราแค่มองก็พอแล้ว ช่างเขาสิ”
ขณะที่พูด เขาก็ไม่ลืมจ้องซ่งจื่อเซวียนแวบหนึ่งด้วยสายตาเกลียดชังสุดกำลัง
ซ่งจื่อเซวียนคร้านจะสนใจ แต่ ณ เวลานี้ เขาสังเกตเห็นที่หน้าอกของผู้จัดการจ้าวมีป้ายกลมอันหนึ่งติดอยู่ ซ่งจื่อเซวียนเหมือนจะรู้สึกคุ้นตาภาพบนป้ายกลมนั้น
เมื่อดูอีกครั้ง เขาก็รีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบการ์ดใบหนึ่งออกมาคิดจะเทียบสักหน่อย แต่ไม่รอให้เขาพูดอะไร ก็เห็นสีหน้าของผู้จัดการจ้าวเปลี่ยนไปอย่างมาก เดินปรี่เข้ามาหาซ่งจื่อเซวียนแล้วโค้งคำนับให้
“คุณลูกค้าวีไอพี สวัสดีครับ คุณมาพักผ่อนที่ห้องลูกค้าวีไอพีสักหน่อยดีไหมครับ ถ้าหากเห็นว่ามีสินค้าชิ้นไหนถูกใจ ผมจะสั่งให้เขาเอาไปให้คุณเลือกที่ห้องลูกค้าวีไอพีเองครับ!”
ประโยคนี้ของผู้จัดการจ้าว พวกหลี่เจียหาวก็อึ้งตะลึงตะลานกันหมดเจ้าหมอนี่…บ้าไปแล้วมั้ง ต่อให้เป็นหลี่เจียหาว เขาก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจขนาดนี้นี่
………………………………………..
[1] เซาปิ่ง (烧饼) หรือแป้งทอด หรือขนมเปี๊ยะสด เป็นขนมโบราณของจีน ทำจากแป้งหรือแป้งผสมมันเทศบด ยัดไส้ด้วยถั่วเหลืองหรือเผือก กดให้แบนแล้วนำไปทอด อาจโรยงาด้วยก็ได้