เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 111 รับนายตอนเลิกงาน
ตอนที่ 111 รับนายตอนเลิกงาน
ทุกคนมองไปตามเสียง เห็นผู้ชายอายุหกสิบปีโดยประมาณคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้
ผู้ชายผมขาวทั้งหัว แต่ใส่ชุดสูทสูงสง่า หน้าตาสดใส เดินเร็วมาก จึงมองออกว่าคนผู้นี้ปกติมีจังหวะการใช้ชีวิตที่รวดเร็ว
“โอ้ คุณเจิ้ง คุณมาได้ยังไงครับ”
เฮ่อเหยียนข่ายรีบเดินไปหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที
จากนั้น เถ้าแก่เฉินจึงตกตะลึง รีบเช็ดน้ำตา เดินเข้าไปข้างหน้า “คุณเจิ้ง จะพูดยังไงดี ไม่รู้ว่าคุณจะมา ปล่อยไก่แท้ๆ เลย มาครับ มานั่งข้างใน พวกเรามาคุยกันก่อน”
ซ่งจื่อเซวียนเห็นดังนั้นจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เจิ้งอวี่งั้นเหรอ เขามาที่นี่ได้อย่างไร
แต่ซ่งจื่อเซวียนมองออก ไม่ว่าจะเป็นเถ้าแก่เฉินหรือเฮ่อเหยียนข่ายต่างก็ให้ความเคารพเขาเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเจิ้งอวี่มีน้ำหนักมากเมื่ออยู่ที่นี่
เจิ้งอวี่มองซ่งจื่อเซวียน เขายังยืนอยู่ตรงนั้น ตัวเองมีหรือจะกล้านั่งลง
“ไม่ต้องรีบร้อน เถ้าแก่เฉิน ที่นี่เกิดอะไรขึ้น” เจิ้งอวี่ยืนตัวตรง แทบจะใช้หางตาชายตามองเถ้าแก่เฉิน
เถ้าแก่เฉินพูดว่า “เอ่อ…คนคนนี้มีความแค้นส่วนตัวกับเหล่าหู่ แล้วมาต่อยกันที่ร้านของผม ทำบ่อปลาเสียหาย ตู้ปลาก็แตก คุณดูสิตู้ใส่สัตว์ทะเลของผมตรงนั้น ลำพังแค่ตู้ปลาไม่รวมค่าอุปกรณ์ก็เจ็ดแปดพันหยวนแล้ว”
เจิ้งอวี่เหลือบตามองสภาพที่เละตุ้มเป๊ะ สีหน้าแทบจะไม่มีคลื่นอารมณ์ ทันใดนั้นก็กวาดตามองไปที่เหล่าหู่
เมื่อครู่เหล่าหู่ตื่นตกใจเพราะฟางรุ่ยจนอยากวิ่งหนี แต่เจอเจิ้งอวี่ที่หน้าประตูพอดี จึงเกรงใจไม่กล้าออกไป…
“คะ คุณเจิ้ง ผม..ไอ้หนุ่มคนนั้น เขาต่อยผมก่อน” เหล่าหู่ชี้ไปที่ซ่งจื่อเซวียนพลางพูด
เจิ้งอวี่เหลือบมองเขาหนึ่งที ทันใดนั้นจึงพูดกับเฮ่อเหยียนข่าย “ท่านชายเฮ่อ พวกเขาต่อยกัน…คุณจะให้คนคนนี้ชดใช้เหรอ”
“ใช่ครับ คุณเจิ้ง คนคนนี้มาก่อความวุ่นวายที่ตลาดอาหารทะเล ทำของพังก็ต้องชดใช้อยู่แล้วครับ” เฮ่อเหยียนข่ายพูดอย่างมั่นใจในเหตุผล
เจิ้งอวี่พยักหน้า “แล้วเหล่าหู่ล่ะ”
“เอ่อ…เมื่อกี้เขาก็พูดแล้ว อีกฝ่ายลงมือก่อน” เฮ่อเหยียนข่ายขึงตามองไปที่ซ่งจื่อเซวียน เอ่ยว่า “คุณเจิ้ง คนคนนั้นผมรู้จัก เป็นเชฟของภัตตาคารต้าสือไต้ เขาถือว่าเป็นคนของภัตตาคารใหญ่ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา เลยกล้าทำร้ายคนครับ”
เจิ้งอวี่ได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าช้าๆ มองผู้ชายร่างกำยำสองสามคนนอนอยู่ในตู้ปลาและบนพื้น เอ่ยว่า “เหล่าหู่ พวกนายมีกันกี่คน”
ประโยคนี้ทำให้เหล่าหู่ตกตะลึง วันนี้พวกเขารังแกคนอย่างชัดเจน มองเห็นกันอยู่แท้ๆ
“ผม…หกคนครับ”
“ร้านของนายอยู่ข้างนอก พาลูกน้องหกคนมาต่อยกันที่นี่ แต่ต่อยแพ้ ทำร้านเละทั้งร้าน นายจะว่ายังไง” เจิ้งอวี่พูดจนถึงท้ายที่สุดพร้อมกับถลึงตาใส่ เหล่าหู่ถอยหลังไปครึ่งก้าว
ซ่งจื่อเซวียนหรี่ดวงตาทั้งสองข้างลง เขาไม่เคยเห็นด้านนี้ของเจิ้งอวี่มาก่อน ต่อหน้าเขา ทุกครั้งที่เจิ้งอวี่ปรากฏตัวมีแต่ความสุภาพอ่อนโยนเสมอ
ทว่าเขาพลันนึกอะไรออก เจิ้งอวี่เคยบอกว่า ซ่งอวิ๋นฮั่นเคยลงทุนแผงตลาดอาหารทะเลในปักกิ่ง และคำพูดของเขามีน้ำหนักที่นี่มากขนาดนี้ หรือว่าตลาดอาหารทะเลแห่งนี้จะเกี่ยวข้องกับซ่งอวิ๋นฮั่นกัน
น่าจะเป็นแบบนั้น ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ
“คุณเจิ้ง เอ่อ…” เฮ่อเหยียนข่ายกำลังจะเดินเข้าไปพูด เจิ้งอวี่กลับยกมือบอกให้เขาหยุด
“ท่านชายเฮ่อ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดของคุณ อีกสักพักเดี๋ยวผมจะถามคุณเอง!”
เฮ่อเหยียนข่ายได้ยินแล้วนิ่งอึ้ง เขาถูกคนที่นี่ตามใจจนเคยชิน ไม่มีใครกล้าพูดจากับเขาแบบนี้
“เจิ้งอวี่! ผมเคารพคุณเพราะคุณทำงานให้คุณซ่ง แต่คุณไม่ใช่คุณซ่ง คุณไม่ได้ถือหุ้นสักตัวในนี้ พ่อของผมอย่างน้อยก็เป็นผู้ถือหุ้นของตลาดนี้”
เฮ่อเหยียนข่ายเชิดหน้าพูด ถึงแม้ปกติเขาจะให้เกียรติเจิ้งอวี่ แต่อยู่ต่อหน้าคนมากมายเจิ้งอวี่กลับไม่มีทางลงให้เขา เขาจึงทนไม่ไหวจริงๆ
เจิ้งอวี่เหลือบตามองเขาหนึ่งที เอ่ยว่า “ท่านชายเฮ่อ ความหมายของคุณคือ…เพราะว่าเฮ่อเหว่ยเขาเป็นผู้ถือหุ้นในตลาดแห่งนี้ คุณเลยจะพูดอะไรก็ได้ใช่ไหม”
“หึ ทำไมจะไม่ได้ วันนี้พ่อของผมมอบอำนาจให้ผมมาสำรวจตลาดแทน หรือว่าการมอบสิทธิ์นี้ไม่มีอำนาจอะไร”เฮ่อเหยียนข่ายเชิดหน้าพูด
“งั้นเหรอครับ ถ้างั้นผมก็ได้รับมอบอำนาจมาจากคุณซ่งเหมือนกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้…ผมคิดว่าให้เฮ่อเหว่ยโทรไปคุยกับคุณซ่งโดยตรงดีกว่า!”
ความหมายของเจิ้งอวี่ง่ายมาก เฮ่อเหยียนข่ายเอาพ่อของเขามากดคนอื่น ทางที่ดีที่สุดก็ให้ไปพูดกับซ่งอวิ๋นฮั่นเอง ถ้าหากไม่มีความสามารถนั้น ก็หุบปากซะ!
เพราะเจิ้งอวี่รู้ดี ตลาดอาหารทะเลของเขตเฉิงหนาน ซ่งอวิ๋นฮั่นถือหุ้นเกือบสี่สิบเปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุด ผู้ถือหุ้นคนอื่นไม่สามารถกดเขาลงได้
“คุณ…คุณถือสิทธิ์อะไรเอาคุณซ่งมาข่มผม หึ คุณก็เป็นแค่ลูกน้องของเขา!”
“ถูกแล้ว แต่ผมมาที่นี่ในฐานะตัวแทนของคุณซ่ง คุณล่ะ ถ้าหากคุณเป็นตัวแทนของเฮ่อเหว่ย อย่างนั้นตอนนี้ผมจะแจ้งเฮ่อเหว่ย บอกว่าลูกชายบ้านเขามาก่อความวุ่นวายที่ตลาด!”
เสียงของเจิ้งอวี่ดังมาก ชั่วเวลาเดียว ก็ข่มคนอื่นล้มระเนระนาด
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ สมกับที่อยู่กับซ่งอวิ๋นฮั่นมานานหลายปี อาศัยแค่มาดนี้ ก็เหมาะที่จะเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดแล้ว
เมื่อเห็นเฮ่อเหยียนข่ายไม่พูดอะไรอีก เจิ้งอวี่จึงมองไปที่เถ้าแก่เฉิน เอ่ยว่า “เถ้าแก่เฉิน ความเสียหายที่ร้านของคุณให้เหล่าหู่เป็นคนชดใช้ ถ้าหากเขาไม่ชดใช้ คุณมาแจ้งผม ผมจะให้คุณซ่งมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
เถ้าแก่เฉินก็ทำสีหน้ากระอักกระอ่วน อย่างไรเหล่าหู่ก็เป็นพ่อค้าในตลาดนี้เหมือนกัน เจอหน้ากันบ่อย
แต่คำพูดของเจิ้งอวี่เป็นคำสั่ง เฮ่อเหยียนข่ายกล้าโวยวายใส่เขาเพราะความสัมพันธ์ของครอบครัว กับคนอื่นดันไม่กล้า
“เอ่อ…ผมก็ดูแลไม่ดีเอง เอาอย่างนี้แล้วกันคุณเจิ้ง ผมกับเหล่าหู่จะรับผิดชอบคนละครึ่งคุณคิดว่าได้ไหมครับ”
เถ้าแก่เฉินพูด พลางขยิบตาให้เหล่าหู่
เหล่าหู่ถึงแม้จะรู้สึกไม่ยุติธรรมอยู่ภายในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ วันนี้ถูกกำหนดแล้วว่าต้องโดนต่อยแล้วยังต้องเสียเงิน
“ได้ ผมจะทำตามที่คุณเจิ้งว่าครับ”
“เรื่องเงินพวกคุณก็ปรึกษากันเอง” เจิ้งอวี่กล่าว
“งั้น…งั้นจะจัดการเขายังไงล่ะครับ ไม่ถือสาปล่อยไปแบบนี้งั้นเหรอ หึ เห็นตลาดของพวกเรากลายเป็นอะไรไป ใครจะมารังแกก็ได้งั้นเหรอ!”
เฮ่อเหยียนข่ายพูดอยู่ข้างๆ ด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
เจิ้งอวี่หมุนตัวมองไปที่เฮ่อเหยียนข่าย “ท่านชายเฮ่อ เรื่องในวันนี้เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าทางตลาดเป็นฝ่ายรังแกคนต่อยคนในถิ่นของตัวเอง สู้เขาไม่ได้ก็ต้องยอมแพ้ นี่คือหลักการ!”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ อยากรังแกคนก็ต้องมีความสามารถ เจอของจริงเข้าไปกลับมาทำตัวปลิ้นปล้อนนั่นเรียกว่าไม่มีความสามารถ เรื่องในวันนี้น่าจะมีสาเหตุ ท่านชายเฮ่อ ผมไม่ต้องถามให้ชัดเจนใช่ไหม”
เมื่อได้ยินเจิ้งอวี่พูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ เฮ่อเหยียนข่ายก็ไม่พูดอะไรอีก เขาหมุนตัวมาขึงตาใส่ซ่งจื่อเซวียน
ไอ้หมอนี่ วันนี้แกโชคดีมาก แต่เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่ แม่ง ฉันจะเอาแกให้ตาย!
จากนั้น เจิ้งอวี่จึงส่งสายตาเป็นสัญญาณ ซ่งจื่อเซวียนก็รับทราบ เดินออกจากหน้าร้านอย่างเฉิดฉาย
เจิ้งอวี่เดินตามออกไป รีบเดินไล่ตามสองสามก้าว แล้วเอ่ยว่า “จื่อเซวียน ผมจัดการแบบนี้พอได้ไหม”
“ดีมากเลยครับ สะใจมากจริงๆ อาเจิ้ง ตลาดอาหารทะเลนี้เขาก็มีหุ้นส่วนเหรอครับ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
เจิ้งอวี่พยักหน้า “ใช่ นี่ถือว่าเป็นอาชีพเดิมของคุณซ่งก็ว่าได้ แต่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ รอให้คุณรับช่วงต่อจากเขาคุณก็จะรู้เอง”
“เหอะๆ ผมไม่คิดจะรับช่วงต่อจากเขา”
“คุณไม่คิดจะรับช่วงต่องั้นเหรอ อย่างนั้นกิจการใหญ่โตของคุณซ่งจะทำยังไงล่ะครับ” เจิ้งอวี่ถามอย่างเป็นห่วง
“นั่นเป็นของเขา ไม่เกี่ยวกับผม เขาสร้างธุรกิจของเขาขึ้นมา ผมดูแลแม่ของผม ไม่เกี่ยวกันครับ” พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนจึงรีบเดินออกไป
เจิ้งอวี่รีบเดินตาม เอ่ยว่า “อย่างนั้น…จื่อเซวียน คุณซ่งสุขภาพไม่ดีเหมือนก่อนแล้ว ถ้ามีเวลา…คุณก็ไปหาเขาหน่อยนะ”
“ครับ”
พูดจบ ก็เห็นชายหนุ่มใส่สูทคนหนึ่งวิ่งซอยเท้ามาตลอดทาง ในมือถือถุงพลาสติกใบใหญ่อยู่
เจิ้งอวี่รับถุงพลาสติกมา ยื่นให้ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยว่า “เอาไปครับ นี่หูฉลาม ของพวกนี้ถ้าคุณต้องการ วันหลังโทรหาผมก็ได้”
ซ่งจื่อเซวียนเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ก็รับมา “ขอบคุณครับ”
พูดจบ เขากับฟางรุ่ยก็หายไปท่ามกลางฝูงชน
เจิ้งอวี่ถอนหายใจหนึ่งที “นิสัยเหมือนกันเปี๊ยบ แต่ตอนนี้…คุณซ่งไม่ดื้อเหมือนเขาแล้ว”
ออกจากตลาดอาหารทะเลแล้ว ซ่งจื่อเซวียนกับฟางรุ่ยก็นั่งรถแท็กซี่กลับไปที่ร้านอาหารร่ำรวยทันที
ตอนที่เดินเข้าไปในร้าน ซางเทียนซั่วกำลังฟุบหมอบนอนหลับอยู่บนโต๊ะ ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ได้สั่งให้ฟางรุ่ยปลุกเขา ปล่อยให้เขานอนหลับต่อไป เพราะยังไม่มีงานสำคัญให้เขาทำ
ส่วนตัวซ่งจื่อเซวียนก็เดินเข้าไปในห้องครัว เตรียมตัวลองทำอีกครั้ง
ครั้งนี้ สันในที่เขาใช้เป็นสันในเนื้อ วุ้นเส้นเปลี่ยนเป็นหูฉลามจริงๆ หูฉลามถึงแม้จะแช่น้ำนานมาก แต่ซ่งจื่อเซวียนใช้น้ำเย็นไฟอ่อน เร่งจากข้างใน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็แช่เสร็จ
ตอนที่อยากจะลองทำอีกครั้ง จู่ๆ โทรศัพท์ของซ่งจื่อเซวียนก็ดังขึ้นมา เห็นเป็นถังหย่าฉีโทรมา เขาจึงรีบปิดเตาปิดฝาหม้อแล้วกดรับสาย
“หย่าฉี มีอะไรเหรอ”
“ซ่งจื่อเซวียน! นายใช้โทรศัพท์ไม่เป็นหรือไง ทุกครั้งฉันต้องเป็นฝ่ายโทรไปหานายก่อนใช่ไหม”
ซ่งจื่อเซวียนตกตะลึง พอรับสายก็เจอลมพายุเข้า แอบรู้สึกเหมือนโดนดุจนงง…
“หา?”
“หา? นายจะหาอะไร นายยุ่งทุกวันจนไม่มีเวลาคุยกับเพื่อนเลยใช่ไหม” ถังหย่าฉีถาม
“เอ่อ…หย่าฉี ฉันคิดว่าเธอเรียนยุ่งมากต่างหาก…”
อันที่จริงซ่งจื่อเซวียนกระอักกระอ่วนที่จะพูด ตัวเองก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ดูเหมือนเขาจะยุ่งมากจริงๆ ยุ่งจน…ถึงบ้านแล้วหัวถึงหมอนก็นอนหลับ
“อย่ามาไขสือ คราวก่อนๆ ก็เป็นฉันที่ไปหานายตลอด นายต้องมีมารยาทตอบแทนบ้างนะ”
“ได้ อย่างนั้นเธอว่าตอนไหนดี ให้ฉันเลี้ยงเหล้ากับปิ้งย่างนะ” ซ่งจื่อเซวียนยืนพิงเตาขณะพูด
“ถ้างั้น…” ถังหย่าฉีแสร้งทำเป็นหยุดคิดครู่หนึ่งให้ดูลึกลับ “ถ้างั้นก็เป็นวันนี้แล้วกัน ฮ่าๆๆ พวกเราไปดื่มเหล้ากันตอนนี้เลย”
“ตอนนี้เหรอ”
“ทำไม นายไม่สะดวกเหรอ ยังทำงานอยู่ใช่ไหม ถ้างั้นฉันไปหานายที่ต้าสือไต้แล้วกัน ฮิๆ ไปรับนายตอนเลิกงาน นายก็เลี้ยงเหล้าฉัน ดีไหม”
“หา? อย่าๆๆ” ซ่งจื่อเซวียนรีบพูด “หย่าฉี ฉันไม่ได้อยู่ที่ต้าสือไต้แล้ว ฉันลาออกแล้ว”
“อะไรนะ ลาออกแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้นายก็ไม่บอกฉัน ไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้วใช่ไหม ทำไมนายเป็นคนแบบนี้เนี่ย…” เสียงของถังหย่าฉีแฝงไปด้วยความแง่งอน เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ
ซ่งจื่อเซวียนทำสีหน้าลำบากใจ “เอ่อ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันหย่าฉี ตอนนี้ฉันทำงานที่เขตเฉิงซี รอฉันเลิกงานแล้วจะไปหาเธอโอเคไหม”
“เขตเฉิงซีเหรอ ทำไมไปไกลจัง นายต้องไปทำงานทุกวันไม่สะดวกมากๆ เลยใช่ไหมเนี่ย” ถังหย่าฉีถาม
“พอได้อยู่ รถไฟใต้ดินมาถึง และก็นั่งแท็กซี่ได้ อ้อใช่ แหะๆ ตอนนี้ฉันสแกนจ่ายเงินเป็นแล้วนะ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยยิ้มๆ
“หือ ใช้ได้นี่นาย เก่งมากๆ แล้วไอดีวีแชตของนายคืออะไร ให้ฉันแอดไหม โอ๊ยช่างมันเถอะ นายไม่รู้แน่นอน อยากให้นายส่งโลเคชั่นให้ฉันจัง เอาอย่างนี้แล้วกัน นายบอกที่อยู่มา ฉันจะไปหานายตอนนี้เลย รอนายเลิกงานแล้วพวกเราไปดื่มเหล้ากัน!”
ซ่งจื่อเซวียนปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว จึงบอกที่อยู่ถังหย่าฉีไปตามตรง แล้วจึงวางสาย
……………………………………….