เฉินซู่เองก็ไม่คิดว่าเหลยถิงจะไม่ไว้หน้าเฉินหร่าน นี่เขากำลังระบายความโกรธแทนเธองั้นเหรอ?
เฉินจินซานเห็นว่าลูกรักตัวเองกำลังโดนคนอื่นเขาปั่นหัวก็ไฟสุมอก เขาทำเหลยถิงเคืองไม่ได้ แต่ก็ให้มากลั้นแกล้งแบบนี้ก็ไม่ได้เช่นกัน
"ต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน จะรังเกียจได้ไงกันล่ะ หร่านหร่านเด็กดี พ่อชอบทานกุ้งมาก ให้พ่อแล้วกันนะ"
เฉินหร่านเห็นทางรอดก็เอากุ้งวางลงในชามของเฉินจินซาน เธอเห็นสายตาเหลยถิงที่มองมาอย่างดูถูก ก็รีบชักมือตัวเองกลับอย่างกับถูกของร้อน
"อร่อยมากเลย อาหารร้านนี้ไม่เลวเลยนะเนี่ย ทุกคนทานเยอะๆ นะ" เฉินจินซานรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าหลี่หรงและเฉินหร่านไม่มีความอยากอาหารแล้ว
แต่เฉินซู่กลับมีความอยากอาหารมากจนขยับตะเกียบไม่หยุด ไม่คีบอาหารให้เหลยถิงก็หาของอร่อยให้ตัวเอง
"ปอกเปลือกกุ้งให้ฉันชิมหน่อยสิ" จู่ๆ เหลยถิงก็พูดขึ้น จนบรรยากาศก็ลดลงสู่จุดเยือกแข็งอีกครั้ง
เฉินซู่ถอนหายใจกอนจะใช้มือปอกเปลือกกุ้ง จิ้มน้ำส้มสายชูแล้วจ่อปากเขา ภายใต้สายตาที่จับจ้องเขาอีกสามคนในตระกูลเฉิน เหลยถิงก็เอากุ้งที่เฉินซู่ปอกเปลือกเข้าปากแล้วเคี้ยวช้าๆ
ในตอนท้ายก็ไม่ลืมพูดเสริม "ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงผอมขนาดนี้ อาหารประเภทนี้วันหลังไม่ต้องมาทานแล้วนะ เรากลับบ้านกันเถอะ"
เฉินซู่อยากจะหัวเราะ ทักษะของเขาพูดได้เลยว่ามันอันตรายมาก เธอก็ยิ้ม "คุณสามี คุณดีกับฉันมากเลย"
เหลยถิงจับด้านหลังศีรษะก่อนจะเชยคางเธอ ดวงตาของเขากำลังล้อเล่นที่คนอื่นมองไม่เห็น "ต่อจากนี้ฉันจะยิ่งดีกับเธออีก"
เฉินซู่เปิดใจเปิดตารับรู้ถึงความรู้สึกเย็นชา แต่ไม่กล้าแสดงให้คนอื่นเห็น นับประสาอะไรให้คนที่คอยจ้องหัวเราะเธอ!
เธอลุกขึ้นก่อนจะเข็นเหลยถิงจากไป
"พวกพ่อก็ค่อยๆ ทานเถอะนะคะ" เฉินซู่มองไปที่เฉินจินซาน ดวงตาฉายแววภูมิใจกับการแก้แค้น
เธอต้องการให้เฉินจินซานรู้ว่าเขาเป็นคนมอบเธอให้กับเหลยถิงเองกับมือ และไม่ได้เป็นเครื่องมือของเขา แล้วยังกล้าเปิดศึกกับเขาด้วย นี่คือผลที่เขาเข้ามาคุมชีวิตเธอตามอำเภอใจ!
หลังจากที่พวกเขาจากไป เฉินจินซานก็ล้มจานชามอย่างโกรธจัด "คิดว่าตัวเองสูงส่งนักงั้นเหรอ? แม่งเอ๊ย!"
"ฉันบอกคุณแล้วว่าอย่าพาเธอกลับมา ตอนนี้เธอไปพึ่งเหลยถิงแล้ว" หลี่หรงพึมพำอย่างช่วยไม่ได้
เพียะ เฉินจินซานตบหน้าหลี่หรง "หยุดพูดไร้สาระ ไม่พากลับมาเเล้วเธออยากจะมองลูกสาวของเราแต่งงานกับผู้ชายพิการอย่างนั้นเหรอ?"
เฉินหร่านพยุงแม่ตัวเองแล้วยืนขวางหน้าหลี่หรงเอาไว้ เสียงของเธอคร่ำครวญพยายามพูดประจบประแจง "พ่อคะ พ่ออย่าใช้ความรุนแรงแบบนี้เลยนะคะ แม่ก็ไม่ได้ผิดอะไร เหลยถิงคนนั้นไม่ชอบตระกูลเรา หนูคิดว่าเพราะเดิมทีอยากแต่งงานกับหนู แต่ไม่คิดว่าจะเป็นพี่ พี่เขาไม่ได้ดีเท่าหนู เขาเลยคงโกรธน่ะค่ะ"
"ลูกพูดถูกเเล้วล่ะ" เฉินจินซานใจเย็นลง "ถ้าอย่างที่หร่านหร่านพูด ตอนนี้เราควรทำยังไงกันดี?"
เฉินหร่านเห็นว่าคำพูดตัวเองได้ผล เฉินหร่านก็แอบบีบแม่ตัวเองและพูดต่อว่า "ยังไงก็ตาม พี่ก็คือลูกสาวของพ่อ ถ้าพ่อชนะ พี่ก็จะพุ่งเข้าหาเราอย่างแน่นอน ส่วนหนู เหลยถิงต้องการระบายความโกรธ หนูก็จะปล่อยเขาไป รอเขาหายหัวเสียก็ไม่ใช่ว่าช่วยพ่อได้เหรอคะ?"
"แต่นี่มันจะไม่ทำผิดต่อลูกเหรอ?" เฉินจินซานรู้สึกประทับใจที่เฉินหร่านที่หัวดี คิดว่าตัวเองเลี้ยงลูกสาวคนนี้มาก็ไม่ได้เสียเปล่า
เฉินหร่านยิ้มหวาน "พ่อทำงานหนักที่บริษัทคนเดียวก็เหนื่อยแล้วนะคะ การเป็นลูกสาวช่วยอะไรไม่ได้มาก จะแบ่งเบาความกังวลก็ไม่ใช่ง่ายๆ หนูเองก็ดีใจค่ะ"
เฉินจินซานถูกลูกสาวเกลี้ยกล่อม แต่หลี่หรงกลับตาแดง ใจกลับมีแต่ความคับข้องใจเป็นร้อยๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเธอจะทำอะไรได้? ทำได้แค่ทนเท่านั้น
เฉินซูเข็ยเหลยถิงจากไป พยุงเขาขึ้นรถแล้วก็เก็บรถเข็น แต่เธอก็ยังรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งที่เหลยถิงทำในวันนี้ ทำให้เธอปลดปล่อยความขุ่นเคืองที่กักเก็บมานานได้
"ขอบคุณนะ"
เหลยถิงเหลือบมองเธอราวกับตลก "ฉันรับรองว่าอนาคตเธอจะไม่พูดแบบนี้ออกมาแน่"
"ไม่ว่าแต่ก่อนหรือหลังจากนี้คุณจะปฏิบัติกับฉันยังไง แต่วันนี้คุณช่วยฉันไว้ ฉันก็ขอบคุณจากใจจริงๆ" เฉินซู่พูดอย่างตรงไปตรงมา และเธอก็หวังว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเหลยถิงจะคลายลง
แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าตัวเธออยู่ตำแหน่งไหนในใจเหลยถิง จนกระทั่งประจำเดือนมาเยือนในวันรุ่งขึ้น
เฉินซู่ปวดท้องและปวดเอวมาก เหมือนว่าประจำเดือนวันแรกจะเอาครึ่งชีวิตไป
"เหลยหย่าสอนกฎต่างๆ กับเธอคงจะพอใช้ได้แล้ว ถึงเวลาเจอพ่อแม่ฉันแล้ว" เวลาอาหาร เหลยถิงก็เอ่ยคำสั่ง
"วันนี้งั้นเหรอ? แต่ฉันไม่ค่อยสบายน่ะ วันอื่นได้ไหม?" น้ำเสียงของเฉินซู่พยายามให้ดีสุดแล้ว แต่ใบหน้าเธอก็ยังคงซีด
เหลยถิงโยนตะเกียบลงกับโต๊ะทันที "เดี๋ยวนี้กล้าต่อรองกับฉันเหรอ? เฉินซู่ เธอคิดว่าตัวเองเป็นคุณนายบ้านหลังนี้งั้นสิ?"
เฉินซู่ถูกดูหมิ่นต่อหน้าคนใช้จนไม่มีหน้าจะเผชิญ ประจำเดือนเธอมา อารมณ์ก็หงุดหงิดเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะตอบ "นี่ไม่ใช่การต่อรอง ฉันเองก็เป็นคนนะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูสิ ที่นี่มีใครปฏิบัติกับเธอเหมือนคนกัน" เหลยถิงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา
เฉินซู่กำตะเกียบแน่น อดทนต่อความอัปยศและไม่ได้กล้าตอบอีกเพื่อจะได้ไม่อับอาย
"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จภายในสิบนาที ถ้าพ่อแม่ของฉันไม่พอใจ เธอคงรู้ผลที่จะตามมานะ" เหลยถิงเข็นรถออกไป ทิ้งเฉินซู่ไว้ที่โต๊ะอาหารคนเดียว
เธอลากร่างหนักอึ้งของเธอขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทุกย่างก้าวที่เธอเดิน ท้องส่วนล่างก็เจ็บปวดทรมาน โกรธมากจนอยากจะควักมดลูกออกจากท้องแล้วโยนทิ้งไป
เฉินซู่หยิบเสื้อผ้าที่ซื้อมาเองแล้วมัดผม ไม่มีท่าทีชีวิตชีวาในช่วงวัยยี่สิบต้นๆ มีเเต่ความสง่าผ่าเผยและใจกว้าง แบบนี้คงไม่ทำให้ผู้อาวุทั้งสองของตระกูลเหลยไม่พอใจหรอกมั้ง
หลังจากลงมาชั้นล่าง คนใช้ก็บอกเฉินซู่ว่าเหลยถิงกำลังรอเธออยู่ในรถ
"คุณเหลยบอกว่าสายเพียงหนึ่งวิก็ให้คุณหาวิธีไปวิลล่าตระกูลเหลยเองค่ะ" คนใช้กลอกตา
เฉินซู่ไม่มีเรี่ยวแรงจะมาสนใจท่าทีของคนใช้และรีบเดินไปที่ประตู ทันทีที่เธอกำลังจะเปิดประตู รถก็เคลื่อนที่ เธอขมวดคิ้วและตบหน้าต่าง แต่รถก็ยังไม่มีวี่แววจะหยุด
คนขับเหลือบมองเหลยถิงจากกระจกมองหลัง คุณเหลยไม่พูดอะไร เขาก็ไม่กล้าผ่อนคันเร่ง
เฉินซู่ไล่ตามไปหลายก้าวจนรถเลี้ยวโค้ง เธอหลบไม่ทันจนล้มลงข้างถนน ความเจ็บปวดจากฝ่ามือและเข่าของเธอ เธอมองตามฝุ่นรถไป เกลียดจริงๆ เลย!
เหลยถิงนี่ไม่ใช่ปีศาจจริงเหรอ?! ในความคิดของเธอ เขามันเป็นปีศาจร้าย!
เธอปวดจนน้ำตาไหล และหลังจากนั้นไม่นานเธอก็พยายามจะลุกขึ้นจากพื้น เดินกะเผลกและเดินกลับไปอย่างรวดเร็ว
ยังไงก็ทำให้เขาขุ่นเคืองแล้ว และยังไงเธอก็ไปสายอยู่ดี เธอไม่ไปดีกว่า อยากทำอะไรก็ทำไปเลยแล้วกัน มากสุดก็คงเอาชีวิตเธอ!
เฉินซู่กำลังโกรธจัด และในที่สุดก็กลับมาถึงวิลล่า คนรับใช้ก็เยาะเย้ยเธออีกครั้ง: "โธ่ นายหญิงถูกทิ้งเหรอคะเนี่ย?"
เธอไม่ได้พูดอะไรและเดินต่อไป
"ล้มเหรอคะเนี่ย เจ็บหรือเปล่าคะ น่าสงสารจังเลย คิดว่าแต่งงาน ขึ้นเตียงกับคุณเหลยแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ พูดตามตรงนี่ไม่ใช่เครื่องมือระบายอารมณ์หรอกเหรอเนี่ย?"
MANGA DISCUSSION