เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 52 เหล่าหมาป่ากับก้อนเนื้อหนึ่งก้อน
"บัดซบ หลี่เทียนโซ่วมีอะไรดี ทั้งขี้กลัวทั้งไม่มีเงิน เฉินซู่โง่ไปแล้วหรือไง?" วังโห้วโกรธขึ้นมา
คุณซวี๋ก็ยิ่งใส่ไฟ: "ฉันคิดว่าเธอกำลังพยายามหลอกล่อรองผู้จัดการเพื่อเลี่ยงคุณผู้จัดการค่ะ"
"ล้อเล่นเหรอ? เธอไม่รู้จักหลี่เทียนโซ่วหรือไง เดี๋ยวฉันจะให้เธอรู้ว่าที่เธอทำมันโง่เง่าขนาดไหน" วังโห้วรีบออกไปด้วยความโกรธ เขาเดินไปที่ห้องพักพนักงานก่อนจะได้พบว่าเฉินซู่นั้นไม่อยู่แล้ว
เขามองไปรอบ ๆ และเห็นเฉินซู่เข้ามาก็ชี้นิ้วใส่ "เฉินซู่ เธอมานี่ที"
เฉินซู่คิดดีไม่ได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน เลยได้แต่กัดฟันเข้าไปในห้องทำงานวังโห้ว
"งานวันนี้ของเธอทำเสร็จหรือยัง?" วังโห้วถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ไม่รอให้เฉินซู่ตอบกลับ เขาก็ดันของต่าง ๆ ไปตรงหน้าเธอ "ฉันว่าเธอมีความสามารถดีนะ ถ้างั้นพวกบัญชีล่าช้าที่ยังขาดคนจัดการพวกนี้ เธอก็ทำโอทีแล้วจัดการพวกนี้ให้เสร็จก็แล้วกัน"
เฉินซู่ตกใจจนคางแทบร่วง ความสูงของเอกสารนี่มันยาวเท่าปลายแขนเธอเลยนะ ทำโอทีแล้วจะเสร็จเหรอ?
วังโห้วหัวเราะ "ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอทำโอทีคนเดียวหรอกน่า รองผู้จัดการจะช่วยเธอทำเอง"
เฉินซู่กำหมัดอย่างเงียบ ๆ อยากจะต่อยหมอนี่จริง ๆ ช่างน่าขยะแขยง
"ถ้าเธอไม่อยากทำก็ได้นะ เธอ…" ก่อนที่วังโห้วจะพูดจบ เฉินซู่ก็พูดขัดจังหวะอย่างเย็นชา
"ทราบแล้วค่ะ"
วังโห้วยิ่งโกรธมากขึ้น เขายังไม่ทันระบายความโกรธ เฉินซู่ก็หอมพวกบัญชีล่าช้าออกไปแล้ว
เขาโกรธจนเดินไปมาในห้องทำงาน ความดื้อรั้นของเฉินซู่เป็นอะไรที่คาดไม่ถึง เขาต้องคิดหาวิธีที่แรงกว่านี้ ไม่ใช่ว่ามีงานสังสสรค์รออยู่งั้นเหรอ? วังโห้ววางแผนให้เลขาลางานแล้วเขาก็จะพาเฉินซู่ไป
งานสังสรรค์มันวันไหนกันนะ? วังโห้วเหลือบดูตารางงาน พรุ่งนี้นี่เอง หึหึ ดูซิว่าเฉินซู่จะหนีไปไหนได้
ในช่วงสองสามวันแรกที่เฉินหร่านได้ตำแหน่งก็ได้ทำผิดพลาดเล็กน้อยไปสองครั้ง ทันทีที่ใบหน้าของเหลยถิงเคร่งขรึม ขาของเฉินหร่านก็สั่น เธอกล่าวโทษเลขาคนก่อนและรอดพ้นมาได้
ตารางงานของเหลยถิงไม่แน่นมาและสามารถจัดการได้ที่บริษัท เขาแทบจะไม่ออกไปไหนเลย และนี่คือนิสัยของเขา ทุกคนต่างรู้ว่านี่คือนิสัยที่มาจากหลังจากที่ขาเหลยถิงนั้นพิการ
เฉินหร่านในฐานะเลขา ไม่เพียงแต่ต้องจัดตารางงานของเหลยถิงเท่านั้น แต่ยังต้องตามเหลยถิงออกไปข้างนอกด้วย ช่วยเขาจัดเตรียมเอกสาร ช่วยเขาจัดการกับลูกค้า และยังต้องช่วยขัดขวางการดื่มสุราของเขา
โดยเฉพาะบนโต๊ะ เชิญคนในหน่วยงานมา แต่เหลยถิงกลับไม่ขยับแก้วเลย เฉินหร่านเลยต้องเป็นคนขวางเอง
"เลขาคนใหม่ของท่านประธานเหลยนี่ดูอ่อนหวานจริงเชียว แถมยังดื่มเก่งอีก มาสิคุณเฉิน เรามาดื่มกันสักแก้วเถอะ"
"ดื่มแก้วเดียวได้ยังไงกันล่ะ สักสามแก้วเป็นไง หรือแลกแก้วกันดีล่ะ!"
กลุ่มชายวัยสี่สิบต้น ๆ ช่างเป็นช่วงน่าขยะแขยง พวกเขาใช้ประโยชน์จากความโกลาหลดันเฉินหร่านขึ้นโต๊ะ ดื่มแลกแก้วกับคนที่มีอายุใกล้เคียงกับพ่อตัวเอง เฉินหร่านล่ะกลัวตัวเองจะอาเจียนจริง ๆ
"ฉันดื่มแค่แก้วเดียวมันไม่สนุกน่ะสิคะ งั้นดื่มสามแก้วไปเลยนะคะ" เฉินหร่านยิ้ม เธอประเมินกิจวัตรของชายชราเหล่านี้ต่ำไป ผ่านไปสามแก้วตัวเธอก็แทบจะลอยได้
ชายชราปรบมือกันอย่างเมามันและฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวจากเฉินหร่านที่มาทำงานไม่ถึงสองเดือน แล้วจะไปรับมือกับสถานการ์แบบนี้ได้ที่ไหนกัน เธอไม่กล้าพูดอะไรเพราะเหลยถิงเองก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
เฉินหร่านมองเหลยถิงด้วยแววตาวูบไหว มือก็พยายามดันเหล่าหมาป่าแก่ ๆ รอบตัว เธอคิดว่าเหลยถิงสนใจเธอและไม่มีทางปล่อยเธอหรือไม่สนใจเธอแบบนี้ เธอเลยทำตัวเองให้ดูน่าสงสารที่สุด
เธอแอบกระตุกเสื้อผ้าของเหลยถิงก่อนจะกระซิบเบา ๆ ว่า: "ท่านประธานเหลยคะ" น้ำเสียงมีไหวพริบมาพร้อมกับความอ้อยอิ่งที่แพรวพราว
เหลยถิงรังเกียจผู้หญิงที่เอื้อมมือมาแตะเขาทั้งทีเขายังไม่ยินยอม ดวงตาของเขาจ้องไปที่มือหยกสีขาวราวหิมะ และเมื่อปรายตามองเฉินหร่าน ความรังเกียจในดวงตาของเขาก็หายได้ไปครึ่งหนึ่ง
"จัดการพวกเขาซะ ถ้าจัดการโครงการใหญ่ของบริษัทเหลยในปีนี้ได้ เธอก็จะเป็นฮีโร่ของฉัน"
เฉินหร่านได้รับกำลังใจจากที่เขาพูดก็มีความคิดที่ยิ่งกล้ากับเหลยถิงมากขึ้น
เธอกรอกไวน์ลงท้องไปอีก 2 แก้ว ตอนนี้ขาเธอก็สั่นไปหมดแล้ว แม้แต่กระดุมเสื้อนอกก็ไม่รู้ว่าถูกใครปลดไป แถมยังมีคนลูบเอวเธอไปมาอีกและมีแนวโน้มว่าจะเขยิบสูงขึ้นเรื่อยๆ
"ผู้อำนวยการซ่งคะ คุณพูดแล้วต้องทำให้ได้นะคะ ที่ดินต้องมอบให้บริษัทเหลยเราก่อนนะคะ"
"แล้วก็คุณด้วยนะคะ หัวหน้าแผนกหวัง ไม่ให้กลับคำนะคะ ถ้าคุณกลับคำ ฉันจะคิดบัญชีกับคุณแน่ค่ะ" เฉินหร่านทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่กลุ่มชาย พวกผู้ชายที่มือไม้ไม่นิ่ง เธอก็ทำได้แค่ดันออก แต่ก็ไม่กล้าเกินงามเพราะกลัวว่าเหลยถิงจะไม่ได้โครงการนี้
เหลยถิงออกจากห้องไปเงียบ ๆ และสถานการณ์ในห้องก็กลายเป็นหมาป่าที่รุมชิ้นเนื้อ
ภัยใกล้ตัวเฉินหร่านเสียแล้ว
เฉินจินซานกับหลี่หรงที่รอจนถึงเที่ยงคืนก็ยังไม่เห็นว่าเฉินหร่านกลับมา หลี่หรงก็ร้อนรนคอยกระตุ้นเฉินจินซานที่อยู่ข้าง ๆ ตลอด
"คุณรีบโทรไปถามเหลยถิงดูสิ เลยเวลางานมาตั้งนานแล้วทำไมเฉินหร่านของพวกเราถึงยังไม่กลับมาอีกล่ะ"
เฉินจินซานเองก็อยากจะโทรอยู่หรอก แต่ลูกสาวของเขากำลังทำงาน และการทำโอทีก็เป็นเรื่องปกติ เขาก็ไม่กล้าที่จะโทรไป เขาปัดมือหลี่หรงออกอย่างไม่สบอารมณ์ "รออีกหน่อยสิ"
"นี่ก็เที่ยงคืนแล้วนะ นี่คุณห่วงลูกสาวเราไหมเนี่ย!" หลี่หรงกระทืบเท้าอย่างกังวล "เฉินจินซาน ฉันจะบอกคุณให้นะว่าฉันมีลูกสาวที่ล้ำค่าอยู่คนเดียว คุณอย่ามาเสียใจที่ตัวเองลังเลก็แล้วกัน!"
เฉินจินซานเองก็ตื่นตระหนกเช่นกัน เขารู้ดีว่าพวกขยะในที่ทำงานเป็นอย่างไร เขาเองก็กลัวว่าลูกสาวของเขาจะไปติดกับแล้วไปกันใหญ่
เขาที่คิดไปคิดมาก็โทรหาเฉินซู่
เฉินซู่ที่กำลังนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง ไข้หวัดของเธอยังไม่หายดี หน้าผากก็ยังแปะแผ่นลดไข้
"ซู่ซู่ เหลยถิงอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?"
"อยู่ค่ะ ทำไมเหรอคะ?" เฉินซู่เหลือบมองเหลยถิงที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ
"แล้วทำไมหร่านหร่านของเรายังไม่กลับมาล่ะ ฉันคิดว่าเธอไปสังสรรค์กับเหลยถิงซะอีก หร่านหร่านมีงานอื่นเหรอ เด็กคนนี้ยุ่งจนไม่ตอบวีแชทแถมไม่รับโทรศัพท์อีก เราก็ห่วงแทบตาย"
เฉินซู่รู้สึกเศร้า เธอกระตุกยิ้มเยาะเย้ยและตอบด้วยน้ำเสียงที่ดีว่า "โอเคค่ะ หนูจะช่วยถามให้"
เฉินซู่วางสายแล้วถามเหลยถิง "คุณพาเฉินหร่านไปงานสังสรรค์ คุณกลับมาแล้ว เเล้วเธออยู่ที่ไหนล่ะ?"
"เธอคิดว่าไงล่ะ?" เหลยถิงโยนผ้าเช็ดตัวใส่หัวเธอก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเธอ
เฉินซู่หยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้เขา แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความสุข "คุณโยนเธอให้พวกฝูงหมาป่าเหรอ?"
"เธอสมัครใจเองต่างหาก"
เหลยถิงหลับตาพักผ่อน เฉินซู่ก็นวดศีรษะของเขาเบา ๆ เธอเกือบจะจินตนาการได้ว่าเฉินจินซานจะทำอะไรหลังจากที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินหร่าน…
เฉินหร่านมีค่าที่สุดสำหรับพวกเขาสองสามีภรรยาไม่ใช่เหรอ? ความเจ็บปวดรวดร้าวครั้งนี้พวกเขาคงจะลิ้มรสได้อย่างทั่วถึง
โทรศัพท์มือถือของเฉินซู่ดังขึ้นอีกครั้ง เธอไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นใคร เฉินจินซานเอ๋ยเฉินจินซาน นี่คือการแก้แค้นสำหรับคุณ!