เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 49 ยึดครองตำแหน่งคนอื่น
ในเมื่อเฉินหร่านเอาความคิดมาไว้กับเหลยถิงทั้งหมด เฉินซู่ก็คิดในใจว่าหากตัวเองเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ ยื้อเฉินหร่านยังอยู่ในบริษัทเหลยให้เธอจะได้สนุกกับชีวิตการทำงานสักหน่อย
"ฉันก็ไม่อยากทำให้พี่เขยผิดหวัง" เฉินหร่านหวังในใจว่าเหลยถิงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเธอมากกว่านี้ แค่เพียงเล็กน้อยก็ตาม เธอก็จะอยู่ต่อเพื่อเขาได้…
"งั้นก็ทำต่อไปสิ ช่วงนี้เลขาของฉันทำงานได้น่าผิดหวังมาก ถ้าเธออยากจะลองเป็นเลขา ก็มาเป็นเลขาฉันสิ" เมื่อเหลยถิงพูดออกมาแบบนี้ คนในที่โต๊ะถึงกับตกตะลึง รวมถึงตัวเฉินซู่ด้วย
เดิมทีเฉินซู่ก็ต้องการส่งเฉินหร่านไปอยู่ข้าง ๆ เหลยถิง โดยให้เหลยถิงและเหลยหย่าสองพี่น้องคอยทารุณ ทั้งยังช่วยออมแรงลงมือของเธอเองได้ด้วย แต่เธอไม่เคยมีโอกาสพูดถึงเรื่องนี้เลย เธอกลัวว่าเหลยถิงจะมองความตั้งใจของเธอออก แล้วเขาจะโกรธเอาได้
แต่เธอไม่เคยคิดว่าเหลยถิงจะเป็นฝ่ายเสนอความคิดแบบนี้ขึ้นเอง
ดวงตาของเฉินหร่านเป็นประกาย หัวใจของเธอเต้นแรง "พี่เขย พูดจริงเหรอ?"
เหลยถิงเงียบไม่พูดอะไรออกมา
จู่ ๆ เฉินหร่านก็ลุกยืนขึ้น ท่าทางมีความสุขมาก เธอแสดงถึงความมุ่งมั่นไม่สนใจการห้ามปรามของเฉินจินซานเลยสักนิด "ขอบคุณพี่เขย ฉันจะตั้งใจทำงานเป็นเลขาของคุณ!"
เฉินซู่พูดไม่ออก เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาครู่ใหญ่
หลังจากทานอาหารเสร็จ เฉินหร่านก็พ่นคำพูดฮึกเหิมออกมามากมายระหว่างทางกลับ
"พ่อคะ หนูว่า เขาต้องชอบหนูแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะพูดขึ้นมาทันทีได้ยังไงว่าเขาอยากให้หนูเป็นเลขาของเขา ตอนที่ได้ยินหนูพูดว่าจะลาออกน่ะ ถ้ารู้อย่างนี้ หนูก็ไม่ต้องเฉานานขนาดนี้หรอก"
"งั้นทางด้านคุณชายเหอมู่หลิน ลูกจะทำยังไงล่ะ?" สีหน้าของเฉินจินซานไม่สู้ดีนัก
"ทางด้านนั้นก็ให้พ่อไปคุยก็แล้วกันค่ะ พรุ่งนี้หนูต้องแต่งตัวสวย ๆ ให้ผู้หญิงพวกนั้นดู เอาให้มันรู้ว่าใครที่จะเป็นหัวหน้าแผนกธุรการกันแน่" เฉินหร่านเชิดหน้า "หนูทนอัดอั้นมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ได้พักหายใจหายคอได้บ้างสักที"
หลี่หรงลูบหัวลูกสาวอย่างมีความสุข "ลูกสาวของฉันอนาคตสดใสขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ"
เฉินจินซานรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างนั้น เขารอดูการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะดีกว่า
เฉินซู่เข็นเหลยถิงกลับไปที่ห้อง พอเข้าไปในห้อง เหลยถิงก็ยอมนั่งรถเข็นต่ออีก
"ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงให้เฉินหร่านมาเป็นเลขาของคุณล่ะ? คุณก็รู้ว่าเธอคิดยังไงกับคุณนี่" เฉินซู่ถามขึ้น
เหลยถิงเหลือบมองเธอ "เธอหึงเหรอ?"
เฉินซู่อึ้ง "ฉันหึงอะไรกัน ฉันมันก็เป็นตัวแทนอยู่แล้วนี่"
"เธอไม่อยากยืมมือฉันเพื่อกำจัดเธอเหรอ? ฉันช่วยให้เธอสมหวังได้นะ" คำพูดของเหลยถิงกระแทกตรงกับปณิธานของเฉินซู่พอดี
"คุณเป็นพยาธิเหรอไง? ทำไมคุณรู้ทุกอย่างเลยเนี่ย" เฉินซู่พูดเสียงเบา
สายตาของเหลยถิงแสดงถึงความรังเกียจ "น่าขยะแขยง"
เฉินซู่และเหลยถิงอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนใจดี จะช่วยเหลือคนอื่นสักนิด ถ้าเปรียบเป็นการเล่นหมากรุกกับเขาแล้วละก็ เท่ากับเขาทำลายศัตรูได้หนึ่งพันคนแต่ฝ่ายตนตายไปแปดร้อยคน หรือไม่ก็ทำลายศัตรูได้พันคนและฝ่ายตนก็ตายไปพันคนเท่ากัน วันนี้รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรแล้วจะมาช่วยเธอได้ยังไงกัน?
"คุณมีเงื่อนไขอะไรก็พูดมาเถอะ ฉันรู้ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ " เฉินซู่ไม่มีความสุข แถมยังกังวลอยู่ลึก ๆ อีกต่างหาก
เหลยถิงหันหลังให้กับเธอ มุมปากขยับยกขึ้น "เธอรู้จักว่าง่ายแล้วนี่"
"ถ้าอยู่ข้าง ๆ คุณแล้วไม่รู้จักว่าง่าย คุณเขี่ยฉันทิ้งไปนานแล้วไม่ใช่เหรอไง?" เฉินซู่พูดพึมพำ
เหลยถิงไม่ได้ยิน "เฉินจินซานไปหาเหอมู่หลินมา เขาอยากให้เฉินหร่านไปทำงานภายใต้การดูแลของเหอมู่หลิน ถ้าเฉินหร่านไปจริง ๆ เธอจะสอดมือเข้าไปทำอะไรอีกก็คงยากมาก"
เหอมู่หลิน ช่างเป็นชื่อที่คุ้นเคย ทันใดนั้นในหัวของเฉินซู่ก็ปรากฏภาพชายหนุ่มที่น่าหลงใหลซึ่งมีรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นขึ้นมา
"เหอมู่หลินคนที่คุณกำลังพูดถึง…คือใครกัน?" เฉินซู่ไม่แน่ใจว่าคนที่เธอพบโดยบังเอิญเป็นคนเดียวกันกับที่เหลยถิงพูดขึ้น
"ไปหาเอาเอง"
เฉินซู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วพิมพ์เหอมู่หลินสามคำนี้ลงไป มีข่าวเด้งขึ้นมาทันที ข่าวซุบซิบเรื่องดาราหญิงต่าง ๆ แล้วยังมีสาว ๆ ที่หลงใหลในความหล่อเหลาของเขาอีก แต่ในสารานุกรม กลับกล่าวถึงตัวตนของเขาว่า เป็นลูกชายคนโตของบริษัทเหอ
บริษัทเหอ เป็นบริษัทใหญ่ที่ไม่เป็นสองรองใครในเมืองเซี่ยงไฮ้ อีกทั้งระดับยังสูงกว่าบริษัทเหลยด้วยซ้ำ
เฉินซู่เลื่อนลงมาเรื่อย ๆ เห็นข่าวหนึ่งที่เก่ามากแล้ว มันเกี่ยวกับเรื่องที่บริษัทเหอกดขี่บริษัทเหลยในตอนนั้น เธอชะงัก ไม่แปลกใจที่เหลยถิงบอกว่าถ้าเฉินหร่านไปที่บริษัทนั้น ถ้าเธอจะลงมือทำอะไรอีกก็คงยากแล้ว
"ฉันเห็นเคยเขา ครั้งล่าสุดที่คุณพาฉันไปงานเลี้ยงการกุศล หลังจากที่คุณไป เขาก็ส่งมาฉัน" เฉินซู่เอาเรื่องครั้งก่อนเล่าให้เหลยถิงอย่างละเอียด
เหลยถิงพอใจกับคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเธอมาก "เหอมู่หลินเป็นพวกรักสนุกมาก ผู้หญิงที่อยู่รอบเขามีไม่ขาด แถมเขายังเป็นคนหลายใจ ที่เธอไม่ได้เข้าใกล้เขาก็เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้เธอดูมีสมองขึ้นมา"
เขาพูดราวกับว่าเธอไม่มีสมองอย่างนั้น เฉินซู่ก็แอบแบะปาก "คุณยังไม่ได้บอกเงื่อนไขของคุณมาเลย แล้วมันเกี่ยวกับเหอมู่หลินงั้นเหรอ?"
"อืม ฉันอยากให้เธอ ไปตีสนิทเขา"
ให้ไปตีสนิทผู้ชายแบบนั้นน่ะเหรอ? เฉินซู่กลุ้มใจมาก แต่เหลยถิงก็ได้เตรียมสิ่งที่เธอต้องทำไว้เรียบร้อยแล้ว
เหอมู่หลินเป็นคนรักสนุก เห็นเขาได้บ่อย ๆ ในวงสังคมชั้นสูง ตราบใดที่เธอมีออร่า และมีผู้หญิงในที่นั้นมากพอ แค่เชิญชวนเขา เขาจะต้องไปอย่างแน่นอน
วันรุ่งขึ้นเฉินซู่ก็ได้รับบัตรเชิญ ไม่ต้องบอกก็รู้ เป็นเหลยถิงที่มอบหมายให้ซีอิ่งเอามันมามอบให้กับเธอ
"ชุดอะไรกันเนี่ย ฉันต้องซื้อใหม่เองเหรอ?" เฉินซู่มองชายหนุ่มผู้ไร้รอยยิ้มข้าง ๆ เขาไม่ได้มีความเย็นชาแบบที่ไม่ยุ่งกับคนอื่นอย่างเหลยถิง แต่หากเขายืนอยู่ เธอก็ไม่สังเกตเห็นเขาเลย กระทั่งรู้สึกว่าเขาอาจจะเป็นใบ้ด้วยซ้ำ เขาเป็นคนไม่ช่างพูดอย่างแท้จริง
ซีอิ่งไม่ได้มองเฉินซู่ด้วยซ้ำ เหมือนกับเขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ของเธอ และน้ำลายของเขาก็มีค่ามากกว่าที่จะตอบด้วย
เฉินซู่เลื่อนสายตาขึ้นมองเขา เขากำลังปีนกำแพง ปีนขึ้นไปบนชั้นสองตามแนวกำแพงของอาคารทั้งสองหลัง คำถามของเฉินซู่ยังติดอยู่ในลำคอ ตกตะลึงตาค้างไปแล้ว
ชายคนนี้… ดูเหมือนนักฆ่าในอัสแซสซินส์ครีดอย่างไงอย่างงั้น
เฉินหร่านเมื่อเข้ามาในแผนกออกแบบก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง เมื่อวานเธอยังแต่งตัวเหมือนพนักงานสาวต๊อกต๋อยอยู่เลย แต่วันนี้เธอกลับเต็มไปด้วยออร่าแผ่กระจาย เธอสวมชุดทำงานของแบรนด์อาร์มานี่ครบชุด รองเท้าส้นสูงก็เปลี่ยนเป็นสีดำ ผมของเธอม้วนเป็นลอนเล็กน้อยอยู่ด้านหลังศีรษะ เวลาเดินนั้น ลอนที่โค้งงอก็จะเด้งไปเด้งมา ดูแล้วเหมือนจะอวดออร่าความเป็นเจ้านาย
เฉินหร่านถือของเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือมาแล้วเคาะประตูห้องทำงานของยัยปีศาจสวี่หยู่เจี๋ย
"ขอโทษนะ ห้องทำงานนี้เป็นของฉันจ้ะ" เฉินหร่านกระตุกมุมปาก เชิดคางขึ้นเล็กน้อย
สวี่หยู่เจี๋ยยังคงมีใบหน้าเย็นชา เธอรีบย้ายของไปห้องสำนักงานที่เป็นห้องโถงใหญ่ จากนั้นไม่นาน แผนกธุรการก็ฮือฮา เพียงแค่ชั่วข้ามคืน เฉินหร่านเป็นพนักงานที่มีตำแหน่งต่ำที่สุดกลับมานั่งในห้องสำนักงานที่ใหญ่ที่สุดของแผนก และยัยปีศาจที่แสนเลือดเย็น ทำงานดีมากกลับถูกเด็กใหม่ไล่ออกจากสำนักงาน เมื่อข่าวใหญ่ทั้งสองมาชนกัน ไม่ถึงครึ่งวัน ทั้งบริษัทรับรู้ถึงข่าวใหญ่ทั้งสองนี้
"อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไงกัน?" ลิปสติกของเหลยหย่าบิดเบี้ยว สีแดงของลิปสติกเบี้ยวเลยขึ้นไปที่มุมปาก