เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 48 ชายหญิงแผนสูงประลองจิตวิทยา
เฉินจินซานได้นัดกับเหอมู่หลินอยู่หลายครั้ง และในที่สุดเขาก็ใช้ประโยชน์จากมิตรภาพเก่า ๆ นัดเจอเหอมู่หลินจนได้
เฉินหร่านรู้สึกว่าเธอไม่มีความหวังเรื่องของเหลยถิงเลย เธอยังมองหาเป้าหมายใหม่ต่อไป ทุกวันเฉินจินซานและภรรยาของเขาจะบรรยายถึงความดีงามต่าง ๆ ของเหอมู่หลินให้เธอฟัง เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองฝ่ายแล้ว เธอตกลงที่จะไปหาเหอมู่หลินกับเฉินจินซาน
ในงานเลี้ยง เฉินหร่านยังคงเชื่อฟังและรู้งาน เจอคนก็กล่าวทักทาย ส่งรอยยิ้มก็หวานหยดย้อย เฉินจินซานมองลูกสาวที่รักของตัวเองด้วยความพึงพอใจ
เหอมู่หลินดูเหมือนคุณชายผู้สูงศักดิ์ตั้งแต่เข้าประตูมา แต่มองสายตาของเฉินหร่านแล้วก็รู้สึกเฉยชา เขาอ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน เฉินหร่านที่เป็นแบบนี้ ก็ไม่อาจเข้าตาเขาได้
"คุณชายเหอ นี่เฉินหร่านลูกสาวของฉัน เธอเพิ่งเรียนจบไม่นาน อยากทำงานในบริษัทของคุณ คุณว่า…" เฉินจินซานรินไวน์ให้เหอมู่หลิน
เหอมู่หลินยกยิ้มที่มุมปาก ยกมือขึ้นปิดแก้วไวน์ไว้ "ลุงเฉินเป็นผู้อาวุโส ไม่เหมาะสมที่จะรินไวน์ให้ผมหรอกครับ เมื่อสองปีก่อนความสัมพันธ์ของคุณกับพ่อของผมก็ดีมาก ให้ผมเป็นคนรินไวน์นี้เถอะครับ"
เฉินจินซานดวงตาเป็นประกาย "คุณผู้ชายเหอยังจำได้ด้วยเหรอเนี่ย"
"แน่นอนครับ เป็นเพื่อนเก่ากัน เมื่อคนเราอายุมากขึ้นแล้ว ก็ต้องคิดถึงมิตรภาพเก่า ๆ อยู่แล้ว" เหอมู่หลินรินไวน์ให้กับเฉินจินซาน และรินไวน์ให้ตัวเอง เขามองไปที่เฉินหร่าน เฉินหร่านก็พูดเสียงเบาว่าเธอดื่มน้ำผลไม้
เฉินจินซานรู้สึกว่าไวน์นี้จะหนักเป็นพิเศษ เรื่องที่ไม่มีใครพูดถึงมาสองปี ตอนนี้กลับถูกเหอมู่หลินพูดขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกไม่ชอบขึ้นมาในใจ ราวกับมันเป็นแผลเป็นบนร่างกายตัวเอง ทำให้ไม่กล้าที่จะพบเจอผู้คน และรู้สึกอับอายที่จะพอเจอผู้คนด้วย
เหอมู่หลินชนแก้วแล้ว อาหารมื้อนี้ก็ถือว่าเริ่มลงมือทานได้
"น้องเฉินหร่านเรียนเอกอะไรเหรอครับ?" เหอมู่หลินเอียงนั่งไขว่ห้าง เคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างมีจังหวะเบา ๆ
เฉินหร่านรู้สึกประทับใจ "กฎหมายค่ะ ตอนแรกฉันตั้งใจจะเรียนต่อปริญญาโท แต่ฉันอยากออกมาเจอสังคมเร็ว ๆ เลยอยากขอให้คุณชายเหอช่วยหางานให้ฉันหน่อยค่ะ"
"ระหว่างเราก็ถือว่าไม่ใช่คนนอกอะไร เรียกฉันว่ามู่หลินก็พอแล้ว" เหอมู่หลินยิ้มอย่างเป็นมิตรดูเข้าถึงง่าย ใบหน้าที่หล่อเหลาประกอบกับรอยยิ้มนั้น ทำให้สาว ๆ อดไม่ได้ที่รู้สึกอยากใกล้ชิดเขา
"พี่มู่หลิน" เฉินหร่านพยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าแสดงออกถึงความเขินอายของหญิงสาว
เฉินจินซานยิ้มแป้น "พวกเธอยังเด็กคุยกันได้ ฉันแก่แล้ว คงคุยด้วยไม่รู้เรื่อง แล้วบริษัทฉันยังมีเรื่องให้สะสาง ฉันขอตัวก่อนนะ"
"ลุงเฉินไม่ต้องห่วง ผมจะไปส่งน้องเฉินหร่านเองครับ" เหอมู่หลินลุกขึ้นไปแขก
เฉินหร่านแอบคิดว่า เหอมู่หลินเป็นคนสุภาพมีมารยาทมาก แถมใจดีกับคนอื่น ๆ เหมือนกับสิ่งที่พ่อแม่ของเธอพูดเป๊ะ แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอก็อดคิดถึงเหลยถิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นทำให้เธอต้องอับอายถึงสองครั้งไม่ได้
หลังจากที่เฉินจินซานจากไป เหอมู่หลินก็เป็นฝ่ายถามขึ้นว่า "ยังมีเวลาช่วงบ่ายอีกนานเลย เธอจะไปไหนต่อไหม?"
"ฉันก็ไม่มีที่ที่อยากไปหรอก แต่อยากจะซื้อหนังสือสักเล่มค่ะ ฉันไม่มีเวลาไปห้องสมุดเลย พี่มู่หลิน บ่ายนี้คุณว่างไหมคะ?"
"ว่างครับ ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปด้วยนะ"
เฉินหร่านเตรียมที่ที่อยากไปไว้นานแล้ว ห้องสมุดที่ที่คนไม่ค่อยให้ความสนใจ ขนาดไม่ใหญ่ และหนังสือก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมแล้วด้วย รายชื่อหนังสือเธอค้นจากอินเทอร์เน็ตมาก่อน ตราบใดที่ได้คุยต่อหน้ากับเหอมู่หลิน เขาต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีการศึกษาอย่างแน่นอน
เธอคิดอย่างมีความสุขถึงการพัฒนาความสัมพันธ์กับเหอมู่หลินในอนาคต แต่เธอไม่รู้ว่าเลยว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเธอเป็นแค่คนฆ่าเวลาหลังอาหารเท่านั้น
ข่าวที่เฉินหร่านจะลาออก เฉินจินซานเป็นคนบอกเฉินซู่
เฉินซู่ไม่ได้สนใจเฉินหร่านมาสักพัก คาดไม่ถึงว่าเธอจะลาออกแล้ว? ถ้าเฉินหร่านไม่ได้อยู่ในบริษัทเหลยแล้ว งั้นเธอที่อยากจะแก้แค้นพวกตระกูลนั้น ก็ไม่มีทางที่จะทำได้เลยน่ะสิ
ไม่ได้ เธอปล่อยเฉินหร่านลาออกไปไม่ได้ เธอต้องให้เฉินหร่านทนทุกข์ทรมานอยู่ในบริษัทเหลย
เฉินซู่อยากชวนพวกเฉินจินซานมาทานข้าวที่บ้าน เธอต้องการใช้ประโยชน์จากเหลยถิงให้เขาเป็นเหยื่อ ล่อเฉินหร่านเข้ามาติดเบ็ด ด้วยเหตุนี้เธอจึงขอร้องเหลยถิง หยิบยกถึงเรื่องผลประโยชน์ร่วมกันขึ้นมาอ้าง เหลยถิงถึงจะยอมตอบตกลงเฉินซู่
มีข้อแม้เพิ่มเติมคือ เฉินซู่จะต้องไปทานข้าวที่บ้านพ่อแม่สามีทุกอาทิตย์
เฉินซู่เคยเห็นเหลยถิงที่แสดงท่าทีไม่แยแสกับพ่อแม่ เธอยังคิดว่าเขาไม่สนใจพ่อแม่อยู่เลย คิดไม่ถึงว่าเขายังอยากจะกตัญญู ถึงขอให้เธอไปกินข้าวกับพวกเขาทุกอาทิตย์ แบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นลูกกตัญญูได้เหรอไง?
เฉินจินซานได้รับเชิญให้ไปทานอาหารที่บ้านของเหลยถิง เขามีความสุขมาก แทบรอไม่ไหวที่จะไป นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะพูดคุยกับเหลยถิงเกี่ยวกับการเพิ่มความร่วมมือทางธุรกิจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เฉินหร่านก็มีความสุขมากเช่นกัน เธอรู้สึกว่าหลังจากเธอได้เจอกับเหอมู่หลิน เธอก็เริ่มโชคดีขึ้นมา
เฉินซู่นัดพวกเขาให้มาทานอาหารค่ำ พ่อครัวที่บ้านยอดเยี่ยมมาก เขาทำอาหารเลิศรสมากมาย เรียกว่าถึงขั้นหรูหราได้เลยด้วยซ้ำ
เมื่อเฉินจินซานเห็นความหรูหราอลังการเช่นนี้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองได้รับความสำคัญ เขายิ้มตั้งแต่เข้าประตูมา คิดว่าเฉินซู่มองตัวเองเป็นพ่อแท้ ๆ แล้ว
"ซู่ซู่ ลูกไม่ต้องทำให้ใหญ่โตขนาดนี้หรอก ก็แค่ทานข้าวอยู่ที่บ้านเอง ธรรมดา ๆ ก็พอแล้ว" เฉินจินซานพูดขึ้น
เฉินซู่ยิ้ม "พวกคุณไม่ได้มากันง่าย ๆ สักหน่อย แน่นอนว่าจะต้องกินดื่มจัดเต็มสิคะ นั่งลงเถอะค่ะ"
สิ่งที่เธอคิดในใจคือ เหอะ ๆ คุณคิดว่าจะมีครั้งนี้แล้วจะมีครั้งที่สองอีกเหรอไง?
เฉินซู่เข็นเหลยถิงมาประจำตำแหน่งเจ้าบ้าน เฉินจินซานและหลี่หรงนั่งอยู่ด้านตรงข้าม เฉินหร่านและเฉินซู่นั่งอยู่ด้วยกัน
"อ้อ หร่านหร่านเรื่องที่เธอจะลาออก ฉันยังไม่ได้บอกกับสามีเลย เกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ลาออกกะทันหันแบบนี้?" เฉินซู่จงใจพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
เฉินหร่านเหลือบมองเหลยถิงอย่างคาดหวัง หวังว่าเขาจะตอบสนองสักเล็กน้อย แล้วเหลยถิงก็มีการตอบสนองขึ้นมาบ้าง เขามองเธอแวบหนึ่ง หัวใจของเฉินหร่านเต้นแรงขึ้น ราวกับมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง ในที่สุดเขาก็สนใจเธอแล้ว
"พี่ พี่เขย คือมันเป็นแบบนี้ สภาพแวดล้อมการทำงานของบริษัทเหลยดีมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ฉันเพิ่งเข้าร่วมแผนก พวกเขาก็พูดจาไม่ดีกับฉัน พอทำงานใต้ความกดดันมาก ๆ ทุกวัน ฉันเลยรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาด้านจิตใจ" เฉินหร่านพูดอย่างน่าสงสาร น้ำตาเกือบไหลออกมา
เฉินซู่เหลือบมองเหลยถิง เมื่อเห็นว่าเขาเงียบ เธอจึงพูดปลอบโยนขึ้น "เด็กใหม่เพิ่งเข้าแผนกก็เป็นแบบนี้แหละ สามี คุณก็คิดอย่างนั้นเนอะ"
เฉินซู่หันไปยิ้มกับเหลยถิง แสร้งทำเป็นยิ้มแย้ม หวังว่าเขาจะตอบสนองสักเล็กน้อย ใครจะรู้ว่าเขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วร้องอืมออกมา
"อาจจะเป็นเพราะฉันมันอ่อนแอ ไม่มีความมุ่งมั่นความพยายามเหมือนพี่ ฉันทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ" ดวงตาของเฉินหร่านไปด้วยน้ำตา ดูแล้วช่างน่าสงสารนัก
"ถ้าทนไม่ไหวจริง ๆ ก็เปลี่ยนเป็นแผนกที่สบาย ๆ หน่อยก็ได้ ฉันจำได้ว่าเธออยากมาทำงานที่บริษัทเหลยมากเลยนี่นา พี่เขยของเธอก็อยากให้เธออยู่ต่อเหมือนกัน ขนาดอนุญาตให้เธอย้ายแผนกเลยนะ ถ้าเธอจะไปแบบนี้ มันก็เท่ากับทำลายความคาดหวังของพี่เขยที่มีต่อเธอไม่ใช่เหรอ?" เฉินซู่พูด
ความคาดหวังของพี่เขยงั้นเหรอ?! เหลยถิงคาดหวังในตัวเธอ! เฉินหร่านลิงโลดกับความคิดนี้ ขนาดเหอมู่หลินยังก็ถูกโยนทิ้งออกไปจากสมอง
เฉินจินซานเห็นท่าทีที่เริ่มหวั่นไหวของลูกสาว เขาจึงรีบพูดว่า "หร่านหร่านสุขภาพไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก ๆ เธอเพิ่งจะเรียนจบ เป็นเรื่องปกติที่อยากจะเริ่มต้นทำงาน แต่เด็กคนนี้ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมการทำงานของบริษัทเหลย ฉันเห็นฉันก็อยากช่วยกันหางานที่สบายกว่านี้ให้เธอเลย"
"ถ้าอย่างนั้น สามี คุณต้องผิดหวังแล้วล่ะ" เฉินซู่ยักไหล่ เธอก็มองตามสายตาของเฉินหร่านที่จับจ้องไปที่เหลยถิง