เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 39 ชายในใจ
เหล่าดาราที่มาปรากฎตัวต่างก็แพรวพราวมาก เฉินซู่ก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเซี่ยหรงเอ๋อร์ คนมาประมาณหนึ่งแล้ว เซี่ยหรงเอ๋อร์ถึงได้มา ราวกับเป็นตอนจบของการแสดง
ทันทีที่เซี่ยหรงเอ๋อร์ปรากฏตัว ทุกคนก็โกลาหล เฉินซู่ที่สังเกตเหลยถิงที่อยู่ข้างๆ ไม่มีท่าทีอะไร ถึงเวลาดื่มก็ดื่ม ถึงเวลาคุยก็คุย
เมื่อเซี่ยหรงเอ๋อร์เข้ามาทักทาย เฉินซู่ก็กลั้นหายใจอย่างประหม่า เธอเป็นภรรยาของเหลยถิงชัดๆ แต่กลับเหมือนเป็นเมียน้อย
"เหลยถิง ไม่เจอกันนานนะคะ" ผมยาวของเซี่ยหรงเอ๋อร์ทิ้งตัวเบาๆ ขนตาหนาเลิกขึ้นลงและความหลากหลายก็เผยออกมาจากนัยน์ตาของเธอ
"แต่ฉันว่าเจอเธอบ่อยนะ" เหลยถิงยิ้มมุมปาก
น้อยครั้งที่เฉินซู่จะเห็นเหลยถิงยิ้ม เธอก็นึกว่าชายคนนี้ยิ้มไม่เป็นซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะยิ้มให้ผู้หญิงคนนี้ แถมยังเป็นธรรมชาติอีกต่างหาก ธรรมชาติที่ขจัดความเกลียดชังทั้งหมดของท่าทีเขา
ที่แท้คนรักเกินเอื้อมก็เป็นแบบนี้นี่เอง เฉินซู่คิด
เซี่ยนหรงเอ๋อร์มองไปที่เฉินซู่ "คนนี้คือ…"
"ฉัน…ฉันคือ…" เฉินซู่อยากจะบอกว่าเป็นภรรยาของเหลยถิง แต่เขาไม่เปิดปากพูด เธอเอวก็ไม่กล้ารบกวนเวลาคุยของพวกเขา "เฉินซู่ค่ะ"
"ภรรยาฉันเองน่ะ" เหลยถิงพูดเสริมและดวงตาที่มืดมนของเฉินซู่ก็สว่างไสวขึ้นทันที
เซี่ยหรงเอ๋อร์ออกตัวยื่นมือมาจับมือของเฉินซู่ "ฉันไม่รู้เลยว่าเหลยถิงแต่งงานแล้วน่ะค่ะ เลยไม่ได้ไปงานแต่งเลย อย่าถือโทษเลยนะคะ เดี๋ยวฉันจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่เลย ยินดีกับการแต่งงานของพวกคุณนะคะ"
เฉินซู่ตอบอย่างสุภาพ: "ขอบคุณค่ะ"
เธอไม่เห็นว่าท่าทีของเซี่ยหรงเอ๋อร์คือเสียใจหรือปวดใจอะไรไหม เฉินซู่ไม่เข้าใจเธอเลย รู้แค่ว่าเธอยิ้มอย่างเหมาะสม
"พวกคุณเจอกันทั้งทีก็คุยกันก่อนเถอะนะคะ ฉันจะไปห้องน้ำสักครู่ค่ะ" เฉินซู่ฉวยโอกาสและรีบปลีกตัวออกไปทันที
เธอเดินเข้าไปในฝูงชน แอบหันกลับไปมอง ชายคนนั้นยืนอยู่กับดาราดังอย่างเซี่ยหรงเอ๋อร์ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมจริงๆ
"ซู่ซู่ เธอมองอะไรอยู่เหรอ?" จู่ๆเหอฮุ้ยหมิงก็ปรากฏตัวจนทำให้เฉินซู่ตกใจ
เฉินซู่ละสายตา "ไม่มีอะไรหรอก"
เหอฮุ้ยหมิงเหลือบมองไปทางที่เธอกำลังมอง "อ๋อ ที่แท้ก็มองพวกเขา ทำไมล่ะ? หึงสินะ"
"ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเหลยถิงเลย ถึงเขาจะหย่ากับฉันแล้วไปแต่งกับเซี่ยหรงเอ๋อร์ ฉันก็ไม่มีทางหึงหรอก" เฉินซู่สุ่มหยิบไวน์มาหนึ่งแก้ว "แต่ถ้าพูดตามจริง พวกเขาก็เหมาะกันจริง ๆ นะ ชายเก่งหญิงก็สวย"
"ตราบใดที่ผู้หญิงสวยอยู่กับผู้ชายหล่อก็มีเสน่ห์ทั้งนั้นแหละน่า เธอก็ไม่ได้แย่กว่าเซี่ยหรงเอ๋อร์ขนาดนั้น แค่ตัวเธอยังไม่มีออร่าขนาดนั้นเอง"
เฉินซู่ก้มหน้ามองตัวเอง "ถอดชุดออกแล้วเอาฝุ่นมาปาดหน้าฉัน ฉันก็เหมือนซินเดอเรลล่าที่คอยนั่งคนหม้อดินเลย"
เหอฮุ้ยหมิงที่ถูกหยอกก็หัวเราะใหญ่
เฉินซู่ไม่อยากกลับไปอยู่ข้างเหลยถิงแล้ว เธอไม่อยากทำให้ตัวเองน่าเบื่อ
"ซู่ซู่ เธอยังตามหาชายคนนั้นอยู่ไหม? ทางนั้นก็ไม่มีวี่แววเลย ชายคนนั้นที่อยู่ในคลับก็เชื่อไม่ได้ ดีแต่หน้าตาจะเอาแต่เงิน นิสัยนี่แย่เกินทน"
"ไม่หาแล้วล่ะ" เฉินซู่ยักไหล่ "ยังไงก็ผ่านมาแล้ว ฉันเกือบลืมแล้วล่ะ"
เหอฮุ้ยหมิงขดริมฝีปาก "ฉันไม่เชื่อหรอก ตอนปีหนึ่งที่ฉันชวนเธอไปกินข้าว ฉันเดาว่าตอนนี้เธอก็ยังจำได้ แล้วชายคนนั้นเธอจะไปลืมได้ง่ายๆที่ไหนกัน?"
"อายุมากขึ้น ความจำก็แย่ลงเรื่อยๆ" เฉินซู่หาเหตุผลเถียงไปแบบไม่ใส่ใจ "อีกอย่าง ถึงจำได้แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ ยังไงก็หาไม่เจออยู่ดี"
เฉินซู่อดไม่ได้ที่จะปลายตามองเซี่ยหรงเอ๋อร์ ตอนนี้เซี่ยหรงเอ๋อร์กับเหลงถิงก็ได้หายไปแล้ว
ไปไหนกันล่ะ?
"เธอยังจะบอกว่าไม่สนใจเหลยถิงอีกเหรอ? เมื่อกี้พวกเขาเพิ่งออกไปน่ะ" เหอฮุ้ยหมิงกระตุกยิ้มเยาะ "เงื่อนไขเหลยถิงนี่ดีจริงๆ เธออยู่กับเขาทั้งวันทั้งคืน ถ้าเธอจะรู้สึกกับเขา ฉันก็เข้าใจนะ"
ถูกคนอื่นเผยความรู้สึกออกมานั้นไม่ค่อยดี เฉินซูไม่พูดอะไร เธอเห็นไวน์ในมือกำลังจะหมด และท้องล่างของเธอก็เริ่มปวด เธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่าเธออยู่ในช่วงมีประจำเดือน ไม่ใช่แค่ดื่มของเย็นเท่านั้น แถมยังเป็นไวน์อีกต่างหาก
"ซู่ซู่ เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" เหอฮุ้ยหมิงเลิกคิ้ว
"ประจำเดือนมาน่ะ" เฉินซู่พูดพลางกุมท้องไว้
ทันใดนั้นเสียงของเหอฮุ้ยหมิงก็ดังขึ้น "แล้วเธอยังกล้าดื่มไวน์เนี่ยนะ? กล้าขนาดไหนเนี่ย! เสวียหลี่ เสวียหลี่…"
ว่านเสวียหลี่ที่ได้ยินก็เข้ามา"คุณหนูเหอเรียกผมเหรอครับ"
"เหออะไรกันล่ะ ตรงนี้ไม่มีคนนอกซะหน่อย คุณส่งซู่ซู่กลับบ้านหน่อยสิ ตอนนี้เลย" เหอฮุ้ยหมิงสั่ง
"โอ้ ได้ครับ" ว่านเสวียหลี่จะช่วยพยุงเฉินซู่ แต่มือก็แข็งค้างอยู่กลางอากาศอย่างไม่สบายใจ ไม่รู้จะเอามือไปวางตรงไหน
เฉินซู่หัวเราะออกมาดัง ๆ เหอฮุ้ยหมิงเองก็พูดไม่ออก ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะหนักขึ้น
"ไม่ต้องให้เขาไปส่งหรอก พวกเธอทำธุระต่อเถอะ ฉันกลับเองได้" เฉินซู่โบกมือ
เธอออกจากห้องจัดเลี้ยงเพียงลำพัง กลางคืนอากาศหนาวมาก เธอสวมชุดราตรีที่ไม่กันลมเลยสักนิด ทันทีที่ออกมา ลมหนาวก็พัดผ่านเสื้อผ้าเธอเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ไม่ถึงครู่หนึ่ง เธอก็ถึงกับตัวสั่น
เฉินซู่ไม่เจอคนขับรถที่มาส่งพวกเขา ไม่เห็นแม้แต่รถ เฉินซู่ก็คิดว่าเหลยถิงคงพาเซี่ยหรงออกไป
ช่างมันเถอะ เธอเรียกแท็กซี่กลับก็ได้
เฉินซูทนปวดท้อง ยืนข้างถนนเพื่อเรียกรถและทันใดนั้นก็มีเสื้อผ้ามาคลุมบนไหล่เธอ เธอหันหน้าไปมองก็เห็นชายคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มอบอุ่นยืนอยู่ข้างหลัง อาจเพราะอีกฝ่ายหน้าตาดี เธอก็ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะเป็นพวกค้ามนุษย์กับนักต้มตุ๋นไป
"ให้คนสวยอย่างคุณเรียกแท็กซี่อยู่ข้างถนนแบบนี้ ผู้ชายของคุณนี่ใช้ไม่ได้เลยนะครับเนี่ย" ชายคนนั้นยิ้ม ฟันขาวเรียงเป็นแถวและดวงตาเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ทำให้สายลมดูอบอุ่นทันที
เฉินซู่หัวเราะ ผู้ชายคนนี้ดูท่าจะเจ้าชู้มาก แต่เธอก็ไม่ถนัดตอบโต้สิ่งเหล่านี้เท่าไร
"ตรงนี้เรียกรถยากนะครับ ฉันมีรถอยู่พอดี แวะไปส่งคุณได้นะ" ชายคนนั้นกระชับเสื้อผ้าให้เฉินซู่แน่นขึ้น
"ไม่ต้องหรอกค่ะ อาจจะไม่ใช่ทางผ่านน่ะค่ะ" เฉินซู่รีบโบกมือ เธอไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณผู้อื่น
"ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหนก็เป็นทางผ่านได้ทั้งนั้นครับ" ชายคนนั้นหยิบกุญแจรถออกมาแล้วกดเพื่อปลดล็อก รถข้างๆเขาก็ดังขึ้น และไฟก็กะพริบก่อนจะดับไป
เฉินซู่เห็นรถที่ผ่านไปมาพอดี เหมือนจะไม่เห็นแท็กซี่เลยสักคัน ท้องก็ปวดจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว เอาล่ะ ขึ้นรถแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน
อากาศอบอุ่นในรถทำให้เฉินซู่รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอก็ดูดีขึ้น "คุณชื่ออะไรเหรอคะ?"
"เหอมู่หลินครับ" เหอมู่หลินดึงบัตรประชาชนออกมาแล้วยื่นให้เฉินซู่ เฉินซู่ผงะไปแล้วยิ้มอย่างรู้ทัน เขาพูดอย่างไม่เห็นแก่ตัว "ฉันไม่รังเกียจหรอกนะถ้าเธอจะถ่ายรูปแล้วส่งไปให้เพื่อนสนิทน่ะ"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ" เฉินซู่รู้สึกขัดเขินเล็กน้อย
"งั้น…" จู่ๆเหอมู่หลินก็เอนตัวมา เฉินซูอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นก็กำหมัดเอาไว้แน่น ร่างของเขาหยุดอยู่ห่างจากเธอเพียงห้าเซนติเมตร และแขนยาวจับของข้างกายเธอ "อ่า คาดเข็มขัดนิรภัยน่ะครับ"