เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 37 ผู้ชายเบลอๆ
เฉินซู่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาพักหนึ่ง พอได้เห็นท่าทางคุณซวี๋ก็รู้เลยว่าผู้จัดการวังน่าจะชอบลวนลามเหล่าพนักงานผู้หญิงจนกลายเป็นเรื่องปกติ เธอยังหัวเราะได้แบบนี้ ทำเฉินซู่ล่ะพูดไม่ออกจริงๆ
"ฉันไปทำงานก่อนนะคะ" เฉินซู่ทำท่ากำลังจะออกจากห้องน้ำ
"เขาไม่ทำอะไรมากเกินไปหรอก แค่พอหอมปากหอมคอ อดทนอีกนิดเดี๋ยวก็ผ่านไปเองนะ เธอก็อย่าไปจริงจังอะไรให้มากนักเลย"
เฉินซู่ไม่ได้สนใจอะไรคุณซวี๋จนสุดท้ายก็เลิกงาน เเละเธอแค่อยากจะออกจากสถานที่ตกต่ำนี้ให้เร็ว
เหอฮุ้ยหมิงรออยู่ชั้นล่างก็เพื่อจะชวนเฉินซู่ออกไปหาอะไรกิน แล้วก็จะได้พูดคุยไปด้วย
เฉินซู่คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่งวีแชทหาเหลยถิง โดยบอกว่าคืนนี้จะกลับค่ำหน่อยแต่เหลยถิงก็ไม่ตอบ เธอคิดว่ายังไงก็แจ้งเขาไว้แล้วคงไม่น่าจะเป็นอะไร
"เธอนี่ยิ่งว่างน้อยลงเรื่อย ๆ แล้วนะ ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาบอกว่าการแต่งงานก็เหมือนโดนขังตาย" เหอฮุ้ยหมิงยกมือจับแก้มทำทีเสียใจแทนเฉินซู่
"เธออย่าพูดถึงมันเลย แล้ววันนี้ว่านเสวียหลี่คนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ?"
เหอฮุ้ยหมิงสารภาพออกมาตามตรง "เขาน่ะเหรอ ไม่ใช่ว่าเธอเห็นหมดแล้วเหรอ ยังจะถามอีกนะ เขาทำงานที่บริษัทพ่อฉันน่ะ ส่วนนิสัยก็ขยันมาก แถมเป็นคนตรง ๆ อีก ฉันเห็นว่าน่ารักดีก็เลยตามจีบน่ะสิ"
"เธอเนี่ยนะจีบเขา? แต่ก็นะ ท่าทางเขาแบบนั้นดูแล้วคงจะจีบผู้หญิงไม่เป็น" เฉินซู่ยิ้ม "แต่ผู้ชายซื่อสัตย์นี่ถือเป็นสมบัติเลยนะ เธอก็อย่าใจร้ายกับเขาล่ะ"
"ไม่มีทางแน่นอน ฉันตัดสินใจจะแต่งงานกับเขา" เหอฮุ้ยหมิงพูดอย่างมีความสุข
เฉินซู่ตกใจจนคางแทบร่วง "เพิ่งไม่นานเองนี่?"
"เธอกับเหลยถิงยังไม่รู้จักกันก็แต่งงานกันแล้วนี่ ถึงจะไม่นานแต่ฉันก็รู้เกี่ยวกับเขานะ เหลือแต่ทางพ่อฉันแล้วแหละ" เหอฮุ้ยหมิงถอนหายใจ "เรื่องวันนี้น่ะ ที่จริงฉันอยากให้เสวียหลี่ทำสำเร็จ แต่ฉันก็พลาด"
เฉินซู่ไม่อยากเข้าไปแทรกแซงความรู้สึกของเหอฮุ้ยหมิง ประสบการณ์ของเธอดีกว่า เฉินซู่คงเข้าไปแทรกไม่ได้
"วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ?"
"บริษัทเหลยกับตระกูลฉันอยากร่วมทานอาหารค่ำเพื่อการกุศลน่ะ เปลือกนอกก็เพื่อการกุศล แต่เรื่องจริงเธอก็คงรู้ว่าแค่แกล้งทำ แล้วใช้โอกาสนี้ขยายเครือข่าย พ่อกับฉันแย่งกันทำเรื่องนี้ ฉันถึงได้ทำกับเสวียหลี่ไง แล้วก็จะให้พ่อยอมรับในตัวเสวียหลี่ ใครจะรู้ว่ามันจะพลาดกันล่ะ"
"อะไรที่พลาดล่ะ?"
เหอฮุ้ยหมิงมองเฉินซู่อย่างลึกซึ้ง "ซู่ซู่ บ้านพวกเธอมีแค่เธอที่เป็นผู้หญิง…คนเดียวเหรอ?"
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ฉันจะไปสนเรื่องของเขาทำไมกัน" เฉินซู่ยักไหล่ สัญชาตญาณบอกว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเหลยถิง
"ถ้าฉันพูด เธอก็ห้ามโกรธกันนะ" เหอฮุ้ยหมิงที่เห็นเฉินซูพยักหน้า เธอถึงได้กล้าพูด "งานเลี้ยงมื้อค่ำเพื่อการกุศลนี้เชิญดารามาเยอะ และหนึ่งในนั้นก็เป็นเหลิยถิงที่เชิญมา แต่เธอคนนั้นปรับตารางงานไม่ได้ เหลยถิงก็ยืนกรานที่จะเชิญมา จนไปจัดงานเลี้ยงมื้อค่ำวันมะรืน เมื่อกี้ฉันเพิ่งคุยเสร็จ เสวียหลี่เองก็ไม่รู้ จริงๆแล้วเขาจะไปเกลี้ยกล่อมเหลยถิงว่าไม่ต้องเชิญผู้หญิงคนนั้นน่ะสิ เธอว่าฉันต้องรีบไหมล่ะ ถ้าเกิดเขาไปทำเหลยถิงเคืองขึ้นมาจนทำเรื่องนี้พัง แล้วมันจะไปมีงานแต่งงานไหม"
เฉินซู่เข้าใจเเล้ว
เธอสงสัยว่าดาราสาวคนนั้นเป็นใครกันถึงขนาดที่ทุกคนยอมรอเธอคนเดียว
"ฉันรู้ว่าเธอต้องอยากรู้ว่าเขาเป็นใครใช่ไหมล่ะ เขาไง เซี่ยหรงเอ๋อร์"
ดารามีชื่อเสียงขนาดนี้ ถึงเฉินซูจะไม่สนใจวงการบันเทิง แต่ก็ต้องรู้จักคนนี้ หน้าตาก็สวย ฝีมือการแสดงยังดีอีก ถือเป็นนักแสดงชั้นนำที่เวลาถ่ายละครหรือหนัง คอมเมนต์ก็จะดีมาก ฤดูใบไม้ผลิปีนี้เธอมีหนังเรื่องหนึ่งที่ยอดคนซื้อตั๋วตั้ง 3 พันล้านจนเป็นที่รู้จักในฐานะราชินียอดจองตั๋ว
ไม่แปลกใจเลยที่เหลยถิงจะสนใจเธอ
เหอฮุ้ยหมิงเขยิบเข้าหาเฉินซู่ก่อนจะกล่าวว่า "ซู่ซู่ เธอหึงเหรอ?"
"เธอคิดว่าฉันหึงหรือไงล่ะ?" เฉินซู่นึกถึงชายคนนั้นที่คล้ายกับเหลยถิงตอนยืน ใจเธอก็รู้สึกตงิดๆ
บอกว่าจะลืมเรื่องนั้น แล้วทำไมมันลืมไม่ลงกันล่ะ!
เฉินซู่แทบอยากจะทุบตัวเองสักสองครั้ง ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ
เหอฮุ้ยหมิงคิดว่าเฉินซู่ไม่ได้แคร์จริง ๆ เธอก็เริ่มพูดถึงเรื่องซุบซิบเเละเรื่องอื้อฉาวระหว่างเหลยถิงกับเซี่ยหรงเอ๋อร์ พูดอย่างแปลกประหลาด ประมาณว่าทั้งสองคนน่ะคือคู่สาวงามชายหล่อ แต่ใครจะรู้ว่าขาเหลยถิงใช้การไม่ได้…
จากนั้นก็เป็นความเสียใจ
เซี่ยหรงเอ๋อร์ไม่มีเรื่องอื้อฉาวเลยหลังจากนั้น และเหลยถิงก็แต่งงานเงียบ ๆ
หลังจากฟังเรื่องอื้อฉาวเสร็จ เฉินซู่ก็กลับบ้าน เธอยืนนิ่งตรงประตูรอจนฝนโปรยปรายตามพยากรณ์อากาศ
"นายหญิงคะ เข้าบ้านเถอะค่ะ คุณผู้ชายยังไม่กลับเลยค่ะ"
ยังไม่กลับเหรอ? เฉินซู่รู้สึกเสียดาย รู้งี้ก็ไม่ส่งข้อความบอกก็น่าจะดีกว่า "ตกใจหมดเลย ถ้าฉันรู้ว่าเขายังไม่กลับมา ฉันก็จะได้ไม่ต้องรีบกลับมาทานข้าวแล้ว จริงสิ เขาได้บอกไว้ไหมว่าจะกลับเมื่อไรน่ะ"
"ไม่มีค่ะ"
แต่ก่อนที่รู้ว่าเขาจะไม่กลับมา เฉินซู่ก็จะมีความสุขมากที่ได้ใช้เวลาโดยไม่มีเขา แต่วันนี้ที่เธอได้ยินเรื่องเขากับเซี่ยถิงเอ๋อร์ เธอก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจและไม่ได้ดีใจอะไร
"นายหญิงคะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?" เสี่ยวอวี่ถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันหิวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ"
เฉินซู่ทานข้าวอาบน้ำเสร็จก็นั่งลงบนโซฟาและทำงานโอทีในคอมพิวเตอร์ของตัวเธอ เเเละมื่อเหลยถิงกลับมา เธอก็ทำเพียงเหลือบมองและทำงานต่อไป
เหลยถิงเดินเข้ามาหาจนเงาปกคลุมกายเธอ เธอที่กำลังจะวางคอมพิวเตอร์ลง ทันใดนั้นเขาก็ยกคอมพิวเตอร์ขึ้นแล้วโยนลงพื้นอย่างแรง เฉินซู่มองเขาด้วยความประหลาดใจ อ้าปากค้างจนพูดไม่ทัน
คอมพิวเตอร์ที่บางเฉียบจะไปทนแรงกระแทกได้ยังไง เฉินซู่ก็รู้สึกปวดใจทันทีที่คอมพิวเตอร์ตกลงพื้นจนแยกส่วน
"นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ?" เฉินซู่คุกเข่าลงบนพื้นมองคอมพิวเตอร์ตัวเอง
"ฉันซื้อมา ฉันอยากจะพังก็ทำได้" เหลยถิงพูดประชดประชัน
เฉินซู่กำหมัดแน่น "จะโกรธก็ต้องมีเหตุผลนะ ฉันทำอะไรผิดคุณก็พูดสิ จะให้ฉันขอโทษหรือยอมรับผิดก็ได้ คุณไม่เห็นจำเป็นต้องมาระบายความโกรธกับคอมเลยนะ"
"ฉันจะระบายกับเธอยังได้ แล้วทำไมฉันจะระบายกับคอมไม่ได้"
เฉินซู่โกรธจนเลือดขึ้นหัว จนสติก็ระงับความโกรธไม่ได้ เธอคิดอยากจะระเบิดมันออกมาเดี๋ยวนี้ เธอคว้าจอคอมพิวเตอร์แล้วตีเข้าที่ขาเหลยถิงอย่างแรง หน้าจอที่แตกอยู่แล้วก็กลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย
"กล้าตีฉันเหรอ?" เหลยถิงคว้าเธอแล้วดึงขึ้น "เธอยังมีหน้ามาตีฉันอีกเหรอ?"
"ทำไมฉันถึงไม่กล้าล่ะ คุณอารมณ์เสียก่อนนะ ฉันทำอะไรผิด!" เฉินซู่จ้องเขาด้วยดวงตาที่แดง
เหลยถิงโยนเธอลงบนโซฟา เขารู้จากซีอิ่งว่าวังโห้วลวนลามเฉินซู่และเขาก็โกรธมาก ประเด็นไม่ได้อยู่ที่วังโห้วลวนลามเธอ แต่เป็นเธอที่ไม่ต่อต้านเขาต่างหาก!
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ คืนนี้ที่นัดเหลยว่านจวินกับพวกผู้อาวุโสทานข้าว เขาที่กินเข้าไปครึ่งเดียวก็กลับมาแล้ว
แต่เฉินซู่ก็ยังไม่รู้เรื่องที่เขาส่งคนไปเฝ้าจับตามอง ถ้าเขาพูดออกไปตอนนี้ ที่คอยเฝ้ามองก็ไม่มีผล
"เฉินซู่ เธอระวังเอาไว้ อย่าให้ฉันจับเธอได้ก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นฉันไม่ให้เธอตายดีแน่"
เฉินซู่ยืดตัวขึ้น "ถ้าบอกเหตุผลไม่ได้ก็อย่ามาทำอะไรฉัน ฉันแบกความรับผิดชอบไม่ได้หรอกนะ"
"นี่เธอยังกล้าพูด?" เหลยถิงหรี่ตาลงจนเธอตกใจหลบอยู่ตรงโซฟา