เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 27 เธอปกป้องเขา
"ขอบคุณคุณสวี๋นะคะ เดี๋ยวฉันโอนเงินให้นะคะ" ตอนนี้เฉินซู่หัวเราะไม่ออกจริงๆ
คุณสวี๋ยังคงขอโทษ "ตอนฉันออกไปทำไมถึงลืมบอกเธอว่าเที่ยงครึ่งมีคนมาตรวจสอบกัน ถ้าฉันบอกเธอ เธอก็คงไม่ได้นอนแล้วก็คงไม่โดนผู้จัดการดุด้วย"
เฉินซู่โบกมือ "คุณสวี๋ ฉันจะถูกไล่ออกไหมคะ?"
"ไม่หรอก แต่จะส่งผลต่อการกลับมาของเธอน่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะ เธอยังตั้งใจทำงานได้ ทำงานเยอะขึ้นหน่อย ให้ผู้จัดการลืมเรื่องนี้ไปก่อน ถึงตอนนั้นก็เป็นปกติแล้วล่ะ"
พูดง่ายแต่ทำยาก เฉินซู่ไร้ซึ่งความง่วงและเอาข้าวไปที่ห้องพักพนักงานเพื่อกินเงียบๆ
เธอทานไปด้วยดูโทรศัพท์ไปด้วย และพบว่ามีการแจ้งเตือนในกลุ่มเมื่อคืนนี้แต่มันถูกปิดด้วยข้อความแชท ทำไมเมื่อคืนในกลุ่มแผนกถึงมีการแชทเยอะขนาดนี้ คุณสวี๋ก็เข้าร่วมด้วย ปกติควนพวกนี้ไม่ได้คุยกันในกลุ่มทำงานนี่นา
แล้วก็พอดีกับที่เฉินซู่คอยดูแลเหลยถิงเลยไม่ได้อ่านข้อความ ผลเลยออกออกมาเป็นอย่างวันนี้
เธอทานไปด้วยแล้วก็นึกถึงสิ่งที่คุณสวี๋พูดตอนจะเอาอาหารมาให้เธอ เขาบอกให้เธอพักผ่อน เธอเลยถือโอกาสพักตอนเที่ยง เขารู้เรื่องการตรวจสอบ แต่ก็ยังให้เธอพัก ใจทำด้วยอะไร?
เฉินซู่เริ่มใช้กันตัวเองจากคุณสวี๋ หลังจากโอนเงินให้เขาแล้ว เธอก็ทำงานอย่างเงียบๆ
เฉินซู่ทนจนเลิกงานในตอนบ่าย เธอง่วงมาก ระหว่างทางกลับก็เกือบหลับในรถแท็กซี่ พอกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้มตัวนอนบนโซฟาและลุกไม่ขึ้น
"นายหญิงคะ อีกสักครู่ถึงได้ทานอาหาร ขึ้นไปนอนชั้นบนเถอะค่ะ"
"คุณผู้ชายล่ะ?" เฉินซู่พลิกตัวกลับ
"พักอยู่ชั้นบนค่ะ"
เฉินซู่หลับตาลง "งั้นฉันนอนตรงนี้แล้วกัน เขาลงมาเธอก็มาบอกฉันแล้วกันนะ"
พูดไป เฉินซู่ที่เหนื่อยจนหลับไป
เมื่อเหลยถิงลงมาชั้นล่าง เสี่ยวอวี่ก็เตรียมเรียกเฉินซู่ แต่เหลยถิงก็ห้ามไว้ "ให้ทางครัวทำช้าหน่อย"
"ได้ค่ะคุณผู้ชาย"
ขณะที่เยวอวี่หันกลับ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า
เฉินซู่หลับไปหนึ่งชั่วโมงกว่าถึงจะตื่น เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกสดชื่น ไม่ได้ฝันและหลับสบายมาก
"คุณลงมาแล้วเหรอ? จะทานข้าวแล้วใช่ไหม?" เธอจ้องไปที่เหลยถิงข้างๆ อย่างเลื่อนลอย
"ไปล้างหน้าเตรียมทานข้าว"
เฉินซู่พยักหน้า เมื่อลุกขึ้นก็ยังคงเวียนหัว หลังจากล้างหน้าล้างมือ เธอกับเหลยถิงก็นั่งที่โต๊ะทานอาหาร
อาหารเช้าและอาหารเย็นเป็นสิ่งที่ปกติที่สุดในครอบครัวนี้ทุกวัน เป็นสัญลักษณ์ของพิธีการ
"คุณดีขึ้นหรือยัง? หมอว่ายังไงบ้างเหรอ?" เฉินซู่ถามอย่างเป็นห่วง
เหลยถิงพ่นลมอย่างเย็นชา "ฉันไม่ชอบความไม่จริงใจ"
เฉินซู่ประหลาดใจ เธอทานอาหารก่อนจะพูดขึ้น "ได้ งั้นฉันไม่ถามแล้วก็ได้"
"เมื่อวานคิดยังไงถึงส่งฉันไปโรงพยาบาลน่ะ?" คราวนี้เป็นตาของเหลยถิงที่จะถาม
"คุณเมาขนาดนั้น เรียกยังไงก็ไม่ตื่น ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องเลยส่งไปโรงพยาบาลน่ะ" เฉินซู่บอกตามความจริง
เหลยถิงจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ "กลัวจะเกิดเรื่อง?"
"อืม ต้นไม้ยังล้มได้ คุณเป็นต้นไม้ใหญ่ ฉันก็เป็นคนที่คอยอาศัยคุณ ฉันก็มีหน้าที่ปกป้องคุณน่ะสิ"
ทันใดนั้นเหลยถิงก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเขาช่างน่ากลัว และรอยยิ้มดูอันตราย เฉินซู่สั่นเทา ไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน
เขาหยุดหัวเราะ "ปกป้องงั้นเหรอ?"
เอาเถอะ เฉินซู่ยอมรับว่าตัวเองใช้คำผิด แต่เมื่อวานเธอก็ปกป้องเขาจริงนี่นา
"คนอย่างฉัน เหลยถิง ต้องการการปกป้องงั้นเหรอ?" เขาถามกลับ
เฉินซู่ส่ายหัวแล้วก็พยักหน้าอีกครั้ง
"พูดให้ชัด" เขาสั่ง
"คุณแข็งแรง มีความสามารถ คุณไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องหรอก แต่คุณก็เป็นคน คนที่อ่อนแอได้ ก็เหมือนเมื่อวาน จริงๆ แล้วฉัน…แค่ปกป้องคุณเอง" เธอพูดไปก็ค่อยๆ ลดเสียงลง
เหลยถิงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงมองที่เฉินซู่ มองตั้งแต่เธอเงยหน้าจนก้มหน้า มองสายตาที่หลบไปอีกทางของเธอ แล้วก็ปลายแขนเสื้อที่เปิดออก
เฉินซู่ที่โดนมองก็รู้สึกหงุดหงิด "ทีหลังฉันจะไม่พูดแล้ว ฉันขอโทษเเล้วกันนะ"
"เธอกลัวฉันขนาดนั้นเลย?"
"กลัว กลัวมาก" เฉินซู่แค่ยยิ้มอย่างขมขื่น
เหลยถิงทานข้าว แล้วไม่พูดอะไรอีก
เมื่ออาบน้ำ เหลยถิงสั่งให้เฉินซู่ทำทุกอย่างตามคำร้องขอของเขา ไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังเขา
"ฉันมีคำถามอยากจะถามคุณน่ะ" เฉินซู่พูดอย่างประหม่า
เหลยถิงพูดเสียงรอดไรฟัน "ว่ามาสิ"
"เชื่อใครในที่ทำงานไม่ได้ใช่ไหม?"
เขาชำเลืองมองเธออย่างน่าขัน ราวกับว่าผู้ใหญ่กำลังมองเด็กที่โง่เขลา สายตาแบบนี้ทำให้เฉินซู่เข้าใจว่าปัญหาตัวเองนั้นช่างงี่เง่าจริงๆ
ในที่ทำงาน ไม่มีใครเชื่อได้และไม่มีข้อยกเว้น
นี่เป็นความจริงข้อแรกที่เฉินซู่ได้เรียนรู้จากทางเหลยถิง ต่อไปเธอจะจำความจริงนี้ไปจนไม่กล้าลืม
แต่งงานกับเหลยถิงมาสองเดือนกว่าแล้ว เฉินซู่กลับไปที่บ้านตระกูลเฉินเพียงครั้งเดียว ทานข้าวกับเฉินจินซานเพียงสองครั้ง หลังจากนั้นที่เฉินจินซานชวนเธอทานข้าว เธอใช้นิ้วเท้าคิดยังรู้เลยว่าเขาทำเพื่อเฉินหร่าน
ทุกครั้งเธอก็เร่งให้ราบรื่น พอกับความกระหายของจิ้งจอกเฒ่านี่
ตั้งแต่วันแรกที่เฉินหร่านเข้าบริษัทเหลย ก็เอาแต่ตั้งตารอที่จะได้เจอเหลยถิงอยู่ทุกวัน แต่ตำแหน่งของเธอต่ำเกินไป ทำงานก็ทำแบบจิปาถะ ไม่มีโอกาสได้เจอเหลยถิงเลย
ในวันนี้เธอแกล้งลงผิดลิฟต์และเข้าไปในห้องทำงานของเหลยถิงที่ชั้น 1 หลังจากเดินไปมาสองรอบก็ไม่เห็นเหลยถิง เธอก็กลับไปอย่างผิดหวัง
เลขาของเหลยถิงที่อยู่ตรงประตู เห็นเฉินหร่านเดินมาสองรอบ เธอก็รายงานเรื่องนี้ให้เหลยหย่าทราบ
"คุณหนูเหลยคะ คือเฉินหร่านจากแผนกของคุณน่ะค่ะ ฉันเห็นบัตรของเธอ เธอเดินไปมาที่หน้าห้องทำงานของท่านประธารเหลยสองรอบน่ะค่ะ"
เหลยหย่าวางสายไป เฉินหร่าน ที่แท้ก็อยากจับพี่ชายฉัน ดูท่างานคงไม่ยุ่งพอสินะ
เหลยหย่าให้งานจิปาถะทั้งหมดกับเฉินหร่าน ยกเว้นการทำความสะอาด ถ่ายเอกสารก็เป็นเรื่องเล็กน้อยแล้ว ไม่ว่าจะไปซื้อกาแฟหรือไปบริษัทอื่นเพื่อส่งของ เฉินหร่านเป็นซุปเปอร์แมนก็ทำเรื่องพวกนี้ไม่หมด
ในที่สุด เธอก็เหนื่อยจนร้องไห้ และไปฟ้องเฉินซู่
"พี่คะ พวกเขากดขี่ข่มเหงฉัน ให้ฉันทำแต่เรื่องที่เหนื่อยแล้วก็ยาก พี่ดูแขนฉันสิว่าเหนื่อยแค่ไหน?" เฉินหร่านร้องห่มร้องไห้ ดวงตาแดงก่ำและยื่นแขนไปฟ้องพร้อมบ่นเสียงเบา เห็นแล้วสงสาร
เฉินหร่านเหลือบมองที่มือของเธอ ยังคงเป็นมือของลูกคุณหนู ที่ไม่เหมือนเฉินซู่ นิ้วมือค่อนข้างหนาและฝ่ามือก็หยาบ ดูก็รู้ว่าใช้มือทำงานหนัก
"เธอเพิ่งมาใหม่น่ะ เรื่องพวกนี้เธอก็ควรทำนะ"
"แต่เหลยหย่าก็มาใหม่นะคะ มาก่อนฉันไม่เท่าไรเอง เขาก็เรียกใช้ฉัน ฉันรู้ฐานะของเธอเลยไม่กล้าพูดอะไร แต่จะให้เธอทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ" เฉินหร่านพูดอย่างไม่พอใจ
เฉินซู่เข้าใจความรู้สึกที่เปลี่ยนจากคุณหนูมาทำเรื่องงานจิปาถะ เธอก็พูดปลอบโยน: "บางทีเพื่อนร่วมงานของเธออาจเข้าใจเธอผิดก็ได้นะ ถ้าเธอไม่ยุ่งมากก็คุยกับพวกเขาหน่อยสิ ให้พวกเขารู้จักเธอมากขึ้น รู้ตัวตนเธอ ไม่ก็ให้ผลประโยชน์กับพวกเขาเพิ่มขึ้นหน่อย แบบนี้งานเธอก็จะเบาขึ้น"
"ที่บริษัทเหลยก็ทำแบบนั้นได้เหรอคะ?" เฉินหร่านถาม