เหลยถิงยกถ้วยชาบนโต๊ะแล้วโยนลงพื้น เฉินซู่จะก้าวถอยหลัง แต่เธอต่อต้านปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณและไม่ได้ก้าวถอยหลัง
"คุกเข่าลง" เขาสั่งเน้นทีละคำ
เฉินซู่มองเศษชิ้นส่วนบนพื้นแล้วก็มองเข่าตัวเอง เธอหลับตาลงจากนั้นก็คุกเข่าลง แต่ก่อนตอนฉีดยาเธอก็ไม่กล้ามอง เลยหลับตารอฉีดยาจนเสร็จ
อาการปวดเข่าอย่างต่อเนื่องและเลือดก็ไหลออกตามผิวหนัง
เหล่ยถิงถามอีกครั้ง: "เธอจะยอมไหม?"
"ฉันไม่ยอม" เฉินซู่กัดฟัน คุกเข่าก็คุกเข่าแล้ว ถ้ายอมก็คุกเข่าฟรีน่ะสิ อีกอย่าง เธอไม่ต้องการก้มหัวให้คนโหดร้ายตรงหน้าเธอ! ไม่แม้แต่น้อย!
"งั้นก็คุกเข่าไปจนยอมแล้วกัน" นัยน์ตาของเหลยถิงเต็มไปด้วยความดุร้าย ความดุร้ายแบบนั้นผสมกับความมุ่งร้ายจนทำให้รู้สึกกลัว
เฉินซู่คุกเข่าอยู่อย่างนั้น ไม่ได้มองที่หัวเข่าตัวเองแต่เงยหน้าขึ้น เธอไม่รู้ว่าจะทนได้นานแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงยึดมั่น
เวลาผ่านไป เฉินซู่และเหลยถิงก็นิ่งอยู่อย่างนั้น ขาเฉินซู่ยังมีเลือดออก พวกเศษแก้วนั้นก็ติดอยู่กับเนื้อ เหลยถิงจ้องเธอเพราะกลัวว่าจะปล่อยความอ่อนแอของเธอไป
เฉินซู่เริ่มรู้สึกเจ็บและรู้สึกเวียนหัว เธอคิดว่า: เธอกำลังจะรับไม่ไหว
จู่ๆ เธอก็รู้สึกเสียใจ ตัวเองรู้ดีว่าเหลยถิงเป็นคนยังไง แล้วทำไมต้องพูดไม่คิดไปทำให้เขาไม่พอใจ แล้วให้ตัวเองต้องมาทนทุกข์ด้วย?!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นพฤติกรรมที่โง่เขลาเเค่ไหน
เฉินซู่เม้มริมฝีปาก เกลียดพฤติกรรมตัวเองเมื่อกี้จริง แต่ถ้าเกิดขึ้นอีกครั้ง เธอก็อาจจะยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
เธอกำหมัดแน่นแล้วปล่อยมันไป "ฉันยอมแล้ว"
"ดูยังไงฉันก็ว่าเธอยังไม่อยากจะยอมนะ" เหลยถิงจงใจยั่วโมโห
เฉินซู่ส่ายหัว ความรู้สึกในดวงตาของเธอก็ถูกเธอกดมันเอาไว้ "ฉันเปล่า ฉันยอมแล้ว วันหลังฉันไปไหน ทำอะไร ฉันจะรายงานให้คุณรู้และจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก"
เมื่อท่าทางที่ดูอ่อนลงกับเศษแก้วที่โชกไปด้วยเลือดใต้เข่าของเธอ เหลยถิงที่ไม่คิดจะปล่อยเธอไปแต่กำลังจะพูด เขาก็ต้องเก็บคำพูดกลับไป
"ไปทำข้าวเย็นมาใหม่"
เสี่ยวอวี่ที่เห็นสถานการณ์ก็พยุงเฉินซู่ลุกขึ้น "นายหญิงคะ ให้ฉันช่วยทำแผลนะคะ"
เฉินซู่มองเหลยถิง เหลยถิงหันกลับขึ้นชั้นบน เฉินซู่ถึงได้พยักหน้า
เสี่ยวอวี่ใช้แหนบคีบเศษกระจกออกมา เฉินซู่ก็อดกลั้นหายใจไม่ได้
"คุณก็รู้ว่าคุณผู้ชายอารมณ์ไม่ดี ทำไมถึงหาเรื่องให้ตัวเองล่ะคะ" เสี่ยวอวี่มองเฉินซูอย่างเห็นใจ
เฉินซู่ยิ้มอย่างขมขื่น "คนน่ะเปลี่ยนยาก ความกระด้างจะเปลี่ยนได้ยังต้องใช้เวลาเลย"
"ก็ใช่ค่ะ เวลาผ่านไปคุณก็จะเรียนรู้ได้เอง หวังว่าความทุกข์ทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ"
เสี่ยวอวี่ช่วยเฉินซู่แต่งตัว เฉินซู่ไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหาร เธอคอยกำกับ เสี่ยวอวี่ก็คอยลงมือ เฉินซู่จะทำเองเมื่อเป็นเรื่องสำคัญ แบบนี้ลดการเคลื่อนไหวหัวเข่าได้ ทำให้เธอเจ็บน้อยลง
"จืดแบบนี้ คุณผู้ชายจะทานได้ไหมคะ?"
เฉินซู่ส่ายหัว "ตอนนี้เขายังโกรธอยู่ ถ้าฉันทำให้มันเยิ้มมันจะวุ่ยวายมาก เขาคงจะกินไม่ลง"
เธอยกโจ๊กและกับข้าวขึ้นชั้นบน ก่อนจะไปหาเหลยถิงที่ห้องหนังสือ
"โจ๊กคือโจ๊กถั่วแดง ไม่ได้ใส่น้ำตาล แล้วก็ผัดผักธรรมดาอีกสองอย่าง"
เหลยถิงเหลือบมอง ได้กลิ่นหอมของผักกาด ความอยากอาหารของเขาก็เพิ่มขึ้น ทานมะเขือยาวในหม้อแล้วยื่นมือออกไปด้านข้าง "ข้าว"
"เสี่ยวอวี่ ข้าว" เฉินซู่ส่งเสียงเรียก และเสี่ยวอวี่ก็เข้ามาพร้อมกับข้าว
เฉินซู่ไม่สามารถจัดการกับความชอบของเหลยถิงได้ ตอนแรกคิดว่าโจ๊กน่าจะได้ แต่ก็กลัวว่าเขาจะชอบข้าว เลยให้เสี่ยวอวี่รออยู่ข้างนอกพร้อมกับข้าว
เหลยถิงทานข้าวชามเล็กๆ และทานกับสองจาน แต่เป็นโจ๊กที่ทานไปสองคำเท่านั้น
เฉินซู่และเสี่ยวอวี่มองโจ๊กอย่างเสียดาย ทั้งสองต่างก็นั่งทานโจ๊กที่ห้องครัวกันคนละชาม
"ขอบคุณนะคะนายหญิง ปกติฉันมักจะหิวเวลาทำงานกะกลางคืนน่ะค่ะ" เสี่ยวอวี่มองเฉินซู่อย่างซาบซึ้ง
"เธอเองก็ทำงานหนักเหมือนกันนะ น้องสาวเธอเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้บ้างหรือยังล่ะ?"
ทั้งสองต่างหาเรื่องคุย หลังจากทานอาหารเสร็จเฉินซู่ก็ขึ้นไปชั้นบน เสี่ยวอวี่ก็รับผิดชอบมาส่ง
เข่าได้รับบาดเจ็บ การอาบน้ำเลยเป็นเรื่องยาก เฉินซู่พันเข่าด้วยพลาสติกแรปแล้วอาบน้ำ รีบเช็ดร่างกายและสระผม ผ้าก๊อซในห่อพลาสติกก็ไม่เปียกเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเธออาบน้ำให้เหลยถิง น้ำกระเด็นโดนตัวเธอจนมุมของผ้าก๊อซเปียก
"กระดูกเธอนี่แข็งจริงๆ" เหลยถิงเยาะเย้ย เฉินซู่ก็ไม่คิดว่าเขากำลังชมเชยเธอ
เธอเช็ดร่างกายของเหลยถิงทุกตารางนิ้ว และเมื่อผ้าขนหนูแตะที่เข่าของเขา เธอก็ลืมตาเหลือบมองเขา
ทันใดนั้น ความโกรธก็พุ่งขึ้นในดวงตาของเหลยถิง เขาบีบคางของเธอ "มองอะไร?"
เฉินซู่ขมวดคิ้ว "คุณทำฉันเจ็บนะ"
"ฉันถามว่าเธอมองอะไร?" คำพูดของเขาแข็งกร้าวกว่าแต่ก่อน แววตาเองก็ดุดัน
"ฉันอยากถามว่ายังเจ็บอยู่ไหม เจ็บเหมือนฉันหรือเปล่า?"
เหลยถิงไม่คิดว่าเธอจะหมายความว่าอย่างนั้น เขาหยุดนิ่ง และค่อยๆ ปล่อยมือ
เฉินซู่รู้ดีว่าเขาอ่อนไหวเรื่องขาตัวเองมาก แต่ไม่คิดว่าจะอ่อนไหวขนาดนี้ "ฉันนวดเป็นนะ ถ้าคุณเจ็บ ฉันช่วยนวดได้"
"ไม่จำเป็น" เหลยถิงผลักเธอออกไป "อย่ามาขวางทางฉัน"
เฉินซู่เดินโซเซไปก่อนหลังจะกระแทกผนังจนเจ็บไปสักพัก
เรื่องของเหลยถิงเธอเองก็ไม่อยากจะยุ่ง
คืนนั้นทั้งสองผล็อยหลับไปโดยไม่ได้ทำอะไร ช่วงสะลึมสะลือ เฉินซู่รู้สึกราวกับมีอะไรมากดขาของเธอ เธอขยับก็จะเห็นว่าขาของเหลยถิงกำลังทับขาของเธออยู่
ขาของเขาขยับไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? แล้วมาทับขาเธอได้อย่างไรกัน?
แต่บนเตียงนี้มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น เขาไม่ได้ยกขึ้นเอง แล้วใครจะช่วยยกขึ้นมาล่ะ?
หรือขาของเขาขยับได้?
เฉินซู่ตกใจกับความคิดนี้และความง่วงนอนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เธอเงียบ รอให้ขาของเหลยถิงขยับ แต่เธอลืมตารอจนถึงรุ่งเช้า จนกระทั้งฟ้าสางเธอก็ผล็อยหลับไปอย่างงุนงง
เสียงนาฬิกาปลุกดังรบกวนความฝัน เฉินซู่ที่หลับยังไม่เต็มอิ่มก็รู้สึกเหนื่อย แต่ก็ไม่ง่วง เธอบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัว เหลยถิงเองก็ตื่นแล้ว
บางครั้งเฉินซู่ก็สงสัยว่าเขาทำอะไรคนเดียวได้อย่างไรโดยไม่รบกวนเธอ แต่เมื่อเห็นฉากที่เขาลุกจากเตียงและนั่งบนรถเข็นพร้อมยกแขนขึ้น เธอก็ไม่ได้สงสัยอีก
เวลาทำงาน เหลยหย่าก็ยกแก้วกาแฟเข้ามาในแผนกเฉินซู่
"เธอมีธุระอะไรเหรอ? ฉันช่วยเรียกคนให้ได้นะคะ" เฉินซู่พูกอย่างสุภาพ
เหลยหย่าพ่นลมหายใจราวกับกลัวว่าเฉินซู่จะไม่เห็นนาฬิกาเรือนใหม่ของเธอ เลยตั้งใจวางมือที่สวมนาฬิกาไว้บนผนังข้างเฉินซู
"นาฬิกาสวยดีนะคะ แค่มองก็รู้ว่าราคาคงจะแพงมาก" เฉินซู่ชมเชย ในเมื่อชอบมาไม้นี้ เธอเองก็ไม่รังเกียจที่จะอยู่เล่นกับเธอ
"แน่นอนล่ะ พี่ชายของฉันก็มี ซึ่งทั้งหมดนี้ทำขึ้นเอง ของเขาคือ LT ของฉันคือ LY"
ดวงตาของเฉินซู่เรียบนิ่ง "เขาทำตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?"
MANGA DISCUSSION