เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 19 ผลที่ตามมาจากการยั่วโมโหคนโหดเหี้ยมนั้นร้ายแรง
เฉินซู่รู้สึกกังวลมาก เธอรับมือเหลยหย่าก็ถือว่าสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งได้แล้ว ขอเพียงแค่เธอและเหลยถิงต่างคนต่างไม่ยุ่งกันเท่านั้น ทั้งเรื่องนี้ก็ยังพัวพันกับเหลยถิง ปล่อยให้เธอกอบโกยผลประโยชน์จากเรื่องนี้ เธอคงจะเต็มใจอย่างแน่นอน
อย่างมากก็เอาหน้าจากคำพูดไม่กี่ประโยค ถ้าเธออยากได้ก็ปล่อยให้เธอเอาไป เฉินซู่ไม่สนใจเรื่องนั้นอยู่แล้ว
เมื่อเหลยหย่าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทางด้านเฉินจินซานก็รีบโอนเงินมาทันทีเช่นกัน เฉินซู่มีความสุขจนโห่ร้องออกมาเบา ๆ แต่ยังถูกคุณสวี๋ที่หูดีได้ยินเข้า
"จะได้เงินมาแล้วเหรอ?"
เฉินซู่พยักหน้าอย่างตื่นเต้น "อืม จะได้แล้วค่ะ"
"เธอเยี่ยมมากจริง ๆ !" คุณสวี๋ยกนิ้วโป้งชูขึ้นมา แต่เมื่อเธอหันหลังกลับมา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและความขุ่นเคือง
เฉินซู่ไม่ใช่กล้องวงจรปิด ที่จะมองเห็นได้ทุกที่ ตอนนี้เธอแค่อยากจะรีบรายงานผลกับเหลยถิง ใช่แล้ว เธอต้องเรียกเหลยหย่าไปด้วยกัน
เฉินซู่ชวนเหลยหย่าไปทานอาหารเย็นด้วยกัน เหลยหย่าดีใจมาก แต่ปากกลับพูดว่า "ถือว่าเห็นแก่เธอก็แล้วกัน"
"แน่นอนอยู่แล้ว อย่าลืมว่าตอนเย็นมาเร็วหน่อยนะ"
เหลยหย่าพูดอย่างรำคาญ "รู้แล้ว รู้แล้ว พูดมากอยู่ได้"
เฉินซู่รู้ว่าจริง ๆ แล้วในใจเธอมีความสุขมากราวกับมีดอกไม้เบ่งบานอยู่
ในตอนเย็น ทั้งสามคนอยู่ในห้องทานอาหารของบ้านเหลยถิง เฉินซู่มีความสุขมาก เธอยังเข้าครัวทำกับข้าวสองจานด้วยตัวเอง จากนั้นจัดวางอาหารให้ห่างจากเหลยถิงและของตัวเองเพียงเล็กน้อย เหลยหย่ารังเกียจฝีมือการทำงานอาหารของเธอ เธอก็รู้อยู่แล้ว
"เฉินจินซานได้จ่ายเงินที่ค้างให้กับบริษัทแล้ว ครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอคนนี้เลย ถ้าไม่ใช่เธอที่ช่วยคิดวิธีทำให้ฝ่ายนู้นตกใจ ก็คงไม่ได้เงินมาอย่างราบรื่นแบบนี้หรอก" เฉินซู่ส่งสายตาไปทางเหลยหย่า
เหลยหย่ายกแก้วไวน์ขึ้น "พี่คะ ฉันเก่งมากล่ะสิ เพิ่งเข้าบริษัทมาก็ช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของพี่ พี่ก็ควรให้รางวัลฉันสักหน่อยไหม"
"พูดมาเถอะ อยากได้รางวัลอะไรล่ะ"
"พี่ ช่วงนี้ฉันเห็นนาฬิกาข้อมือ คล้ายกับนาฬิกาบนมือพี่มาก ฉันอยากทำนาฬิกาด้วยชื่อของฉัน" น้ำเสียงของเหลยหย่าเต็มไปด้วยความออดอ้อน
เหลยถิงตอบอืม "บอกเงื่อนไขกับซีอิ่ง แล้วเขาจะช่วยจัดการให้เธอ"
เหลยหย่าปุ้ยปาก พูดอย่างไม่เต็มใจว่า "ฉันไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของซีอิ่ง้ลย จะติดต่อกับเขาตัวเขาเหมือนไม่ได้อยู่ในสารบบ ส่งข้อความไปรอไม่ต่างจากก้อนหินจมลงทะเล"
"ฉันจะบอกกับเขาให้"
แบบนี้เหลยหย่าถึงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เฉินซู่ทานอาหารอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดว่าเหลยถิงจะสนใจเธอ
"แล้วเธอล่ะ อยากได้อะไร?"
เฉินซู่ส่ายหัว "ฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น พูดอีกรอบนะ ฉันแค่โทรคุยพูดสองสามคำเท่านั้น ไม่มีความดีความชอบอะไรทั้งนั้น"
"ก็เป็นอย่างนั้นแหละ" เหลยหย่าพูดอยู่ด้านข้าง
เหลยถิงไม่ได้พูดอะไร เสี่ยวอวี่หยิบแล็ปท็อปขึ้นมา วางไว้ที่ด้านหน้าของเฉินซู่ "นายหญิงคะ นี่คุณเหลยสั่งทำให้สำหรับคุณค่ะ"
เฉินซู่ตกใจมาก จะบอกว่าไม่แปลกใจก็คงเป็นเรื่องโกหก
คนอื่นมีแล็ปท็อปตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่เธอไม่เคยมีเลย เงินออมทั้งหมดที่บ้านเอาไปใช้รักษาแม่ของเธอหมด เธอเป็นคนรู้เรื่องมีเหตุผล ยอมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ โทรศัพท์ใช้จนค้างก็ไม่เปลี่ยนเครื่อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล็ปท็อปเลย
"ขอบคุณนะ" เฉินซู่รับแล็ปท็อปมา ตอนนี้แทบจะอยากจะลองเปิดใช้ทันที
"ทานข้าวก่อน" เหลยถิงมองเธอแวบเดียวก็รู้ความคิดของเธอ
เฉินซู่พยักหน้า วางคอมพิวเตอร์ไว้ข้าง ๆ อย่างเสียดาย
เหลยหย่าหมดความอยากอาหารในทันที เดิมทีเธอมีความสุขมากที่จะได้สวมนาฬิกาข้อมือแบบเดียวกับเหลยถิง แต่เมื่อเธอเห็นที่เฉินซู่ที่ไม่อยากได้อะไร พี่ของเธอกลับเตรียมของขวัญให้ นี่ทำให้ในใจของเธอรู้สึกไม่ยุติธรรมมาก
แม้ว่าแล็ปท็อปกาก ๆ นี้จะไม่ได้มีราคาอะไรมากนักก็ตาม
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ เหลยหย่าและเหลยถิงก็นั่งคุยกันที่ชั้นล่าง เฉินซู่ที่รอไม่ไหวขึ้นไปใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองที่ชั้นบน หลังจากทำงานมากว่าครึ่งชั่วโมง เธอก็ยังเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
"คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวก็ทำให้เธอมีความสุขได้ขนาดนี้เลยเหรอ?" ตอนที่เหลยถิงขึ้นมาเฉินซู่ไม่ได้สังเกตสักนิด
เธอตกใจ ลูบหน้าอกของตัวเอง "หลังจากนี้ก็จะทำงานได้สะดวกขึ้นแล้ว ไม่ต้องใช้มือถือทำทุกอย่าง"
"ฉันจะนอนแล้ว เอามันออกไป"
เฉินซู่วางคอมพิวเตอร์ลงอย่างไม่เต็มใจ ช่วยพยุงเหลยถิงขึ้นเตียง เขาคว้าแขนเธอไม่ปล่อย เฉินซู่ก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อกี้เขาให้ของกับเธอก็ต้องมีสิ่งตอบแทน เฉินซู่กังวล หลุดปากโพล่งสิ่งที่เธอไม่ควรพูดออกมาว่า "ฉันไม่ได้ขายตัวนะ"
สีหน้าของเหลยถิงมืดครึ้ม หัวใจของเฉินซู่ก็พลันเย็นยะเยือก
"ฉัน…" เฉินซู่ยังไม่ทันจะเปิดปากพูด เหลยถิงก็ดึงเธอเข้ามา พลิกตัวแล้วกดร่างเธอลงอยู่ใต้ร่าง
"เธอไม่ได้ขายตัวงั้นเหรอ? ต่อให้เธอขายมันก็เทียบไม่ได้หรอก เงินสักแดงเดียวฉันไม่จ่าย ก็เอาเธอได้นับครั้งไม่ถ้วน คนที่ขายทำครั้งหนึ่งก็ได้เงินครั้งหนึ่ง คิดว่าเธอคุ้มเงินเหรอไง?" เส้นเลือดสีเขียวบนขมับปูดขึ้น เหลยถิงพูดอย่างดุดัน
เฉินซู่อ้าปากกัดลงบนแขนของเขา ในใจยิ่งเกลียดเขามากเท่าไรก็กัดเขาแรงมากเท่านั้น
เหลยถิงกระชากชุดนอนของเธอออก ถกกระโปรงของเธอขึ้น ไม่สนใจเลือดจากแขนที่กำลังไหลสักนิด เขาจะสอดตัวเข้าไปอย่างป่าเถื่อน เฉินซู่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ปล่อยแขนของเขาออกจากปาก
เธอพยายามผลักหน้าอกเขา "ไม่เอา มันเจ็บ…ได้โปรดอย่าทำ"
"มาพูดตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว" ดวงตาของเหลยถิงแดงก่ำ เฉินซู่หวาดกลัวมาก เธอนึกเสียใจทีหลัง ทำไมเธอถึงยั่วโมโหผู้ชายคนนี้ได้กัน!
เธอเกร็งไปทั้งตัว ร่างกายของเธอก็เจ็บราวกับถูกจับแยกออกเป็นสองส่วนในชั่วพริบตา
เหลยถิงโกรธราวกับอยากขย้ำเฉินซู่ให้ตาย เธอที่ถูกพลิกไปพลิกมาอยู่ครึ่งค่อนคืน ก็คิดขึ้น
ตอนที่เธออยู่ในขั้นตอนการทวงหนี้ ได้ดูบัญชีของบริษัทไปไม่น้อย ว่ากันว่านักบัญชีมีบัญชีในใจอยู่สองเล่ม ทำก็ต้องทำทั้งสองเล่ม ตอนนี้ที่เธอเห็นก็คือรายการบันทึกในบัญชีที่เป็นด้านที่สวยงามแล้ว ต่อไปเธอก็อยากเห็นรายการที่บันทึกในบัญชีของบริษัทเหลยที่แท้จริง
หากเธอกำข้อมูลสำคัญของบริษัทเหลยได้ มันก็เทียบเท่ากับการได้รับยันต์ปกป้องชีวิต หลังจากนั้นเธอก็จะไม่มีวันได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายจากเหลยถิงอีก
เฉินจินซานยังเห็นถึงความได้เปรียบของเฉินซู่ จึงเป็นฝ่ายโทรเรียกเฉินซู่ให้กลับไปทานข้าวที่บ้าน ตระกูลนั้น เฉินซู่แค่นึกถึงก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว
"ถ้าชวนหนูไปทานข้าวก็ต้องแสดงความจริงใจออกมา ของกินที่บ้านจะมีอะไรอร่อย ๆ กันล่ะ"
"แล้วลูกชอบกินอะไรล่ะ บอกพ่อมาเถอะ พ่อจะลูกพาไปกินนะ" น้ำเสียงของเฉินจินซานแสดงถึงความใจกว้างแบบสุด ๆ
เมื่อเฉินซู่ยังเป็นเด็ก เธอมักจะได้ยินลุงของเพื่อนบ้าน พูดแบบนี้กับลูกสาวของตัวเองเสมอ ทุกครั้งที่เธอได้ยินก็จะรู้สึกอิจฉามาก ตั้งแต่เธอยังเด็กเธอจินตนาการว่าพ่อของเธอจะพูดกับตัวเองแบบนี้
ต่อมาหลังจากผ่านไปนาน ความคิดนี้ก็หายไป อีกทั้งเธอยังเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเฉินจินซานหลังจากที่แม่ของเธอป่วยอีก
ไม่คิดว่าประโยคนี้ที่ทำให้เธอตั้งตารอตลอดวัยเด็กของเธอจะมาได้ยินในโอกาสและเวลาแบบนี้
"หนูจะไปทานอาหารเย็นที่โรงแรมโซฟี หนูยังไม่เคยไปทานเลย"
นั่นเป็นโรงแรมหรูระดับหกดาว เฉินจินซานรู้สึกกังวลจนเหงื่อตก เธอเป็นแค่สาวน้อยคนหนึ่งจะกินได้เท่าไรกันเชียว จะไปก็ไป "ได้เลย แล้วเจอกันคืนนี้นะ"
แน่นอนว่าเฉินซู่รู้ว่าเฉินจินซานกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเรียกเหอฮุ้ยหมิงมาด้วย พร้อมที่จะขูดรีดเฉินจินซานในมื้อนี้
หลังจากพบกัน เฉินจินซานก็คิดขึ้นอีกครั้งว่า ไม่ใช่แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กผอม ๆ สองคนเหรอไง เขาเลี้ยงไหวอยู่แล้ว
"สวัสดีค่ะคุณลุง" เหอฮุ้ยหมิงแสร้งทำเป็นเด็กดีมีมารยาท
"สวัสดีครับ มา ๆ พวกเราไปทานกันเถอะ"
เฉินซู่แอบยิ้ม ดูเหมือนว่าเฉินจินซานจะประเมินกำลังรบของเฉินซู่และเหอฮุ้ยหมิงต่ำเกินไป โดยเฉพาะเหอฮุ้ยหมิง เธอมักจะคร่ำครวญกับตัวเองว่า โชคดีที่เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย หากครอบครัวเธอจนลงอีกสักนิด ก็คงไม่สามารถเลี้ยงดูเธอได้
นั้นก็เพราะเรื่องการกิน เธอกินจุมากจริง ๆ!
ยิ่งกว่านั้น เธอกินแต่ของดี ๆ
"พวกเธอสั่งอาหารเลย" เฉินจินซานยื่นเมนูให้เฉินซู่
เฉินซู่และเหอฮุ้ยหมิงสบสายตากัน เธอยื่นเมนูให้กับเหอฮุ้ยหมิงแทน "เหอฮุ้ยหมิงรู้ว่าหนูชอบกินอะไร เธอสั่งอาหารเชี่ยวชาญกว่าค่ะ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินจินซานก็เหงื่อตกทันที จากนั้นกระบวนการสั่งของเหอฮุ้ยหมิง ทำให้เฉินจินซานตกตะลึง
สาวน้อยวัยยี่สิบต้น ๆ กินเก่งมากจริง ๆ!