เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 14 สอดส่องทุกย่างก้าว
ในช่วงเวลาที่แม่ของเฉินซู่ป่วย เธอเห็นน้ำใจของผู้คนที่มีต่อกันมามากมาย และไม่เชื่อว่าจะมีความเมตตาอย่างแท้จริงระหว่างผู้คน แม้แต่การสื่อสารทั่วไปก็ยังมีวัตถุประสงค์อยู่ด้วย
เธอไม่แปลกใจกับคำขอของเสี่ยวอวี่ "คุณบอกมาเถอะค่ะ"
"ฉันมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง เธอเพิ่งจบมหาลัยปีนี้ แต่เธอยังไม่มีงานดี ๆ ทำเลย ฉันอยากให้เธอเข้ามาทำงานที่นี่ ฉันไม่มีสิทธิ์พูด แต่นายหญิงพูดได้นะคะ"
เฉินซู่เห็นว่าเสี่ยวอวี่ค่อนข้างตรงไปตรงมา แล้วการจ้างสาวใช้เข้ามาก็น่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เธอจึงพยักหน้ารับ "ได้สิ แต่คุณต้องรอหน่อยนะคะ"
"ขอบคุณนะคะนายหญิง" เสี่ยวอวี่รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
เฉินซู่อยู่ที่บ้านรอเหลยถิงกลับมาทานอาหารเย็น เธออยากหยั่งเชิงเหลยถิงสักหน่อย ดูว่าเขาจะอนุญาตให้เธอรับสมัครคนได้หรือไม่ ทว่าเย็นนี้เหลยถิงก็ไม่ได้กลับมาทานอาหาร เธอจึงได้แต่นั่งรอในห้องนั่งเล่น
วันนี้คือกลางเดือน หลังจากจัดการกับงานบริษัทเรียบร้อยแล้ว เหลยถิงก็ส่งคนขับรถออกไป เรียกซีอิ่งมาให้มาขับรถให้
ซีอิ่งเป็นผู้ช่วยที่ลึกลับที่สุดในบรรดาผู้ช่วยของเหลยถิง เขาจะปรากฏตัวเฉพาะตอนที่เหลยถิงเรียกเท่านั้น เวลาที่เหลือก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขามีเพื่อนแค่ไม่กี่คน และชีวิตส่วนตัวก็เรียบง่ายมาก
"เปลี่ยนมาให้ฉันขับ" เหลยถิงพูดอย่างน้ำเสียงเคร่งขรึม
ซีอิ่งสละที่นั่งข้างคนขับ เปิดประตูด้านหลัง เมื่อเท้าของเหลยถิงเหยียบลงบนพื้น ร่างที่สูงชะลูดออกมาจากรถ เมื่อยืนเทียบกับซีอิ่งที่สูง 181 เซนติเมตรแล้วก็ยังสูงกว่าอีก เขามีส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 185 เซนติเมตร
เหลยถิงเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ กดปุ่มตามใจ รูปร่างรถยนต์ก็เปลี่ยนไปตามที่กดเช่นกัน แม้แต่เบาะนั่งก็ยังกลายเป็นเบาะใช้สำหรับรถแข่งโดยเฉพาะ
ซีอิ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลัง เมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย รถยนต์ก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าทันที ร่างกายของเขากระแทกเบาะไปทางด้านหลังด้วยแรงเฉื่อย
ในดวงตาของเหลยถิงมีคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำ คลื่นม้วนตัวก่อนที่พายุมรสุมในทะเลจะเคลื่อนมา รถยนต์โลดแล่นอยู่บนถนนโล่งอย่างอิสระ ตัวเลขบนแผงหน้าปัดคงที่ที่ค่าสูงสุด
หลังจากพายุสงบลง รถยนต์ของเหลยถิงก็หยุดลง
"น้ำ" ซีอิ่งหยิบน้ำออกมาแล้วยื่นให้ เหลยถิงกระดกดื่มหมดครึ่งขวดภายในอึกเดียว
"ที่ฉันขอให้นายตรวจสอบว่านาฬิกาข้อมือของฉันมันหายไปตั้งแต่เมื่อไร นายหาเจอหรือยัง?"
ซีอิ่งหยิบนาฬิกาข้อมือเรือนนั้นออกมา มันถูกบรรจุใส่อยู่ในถุง "นี่คือนาฬิกาข้อมือของคุณประธานเหลย แต่คุณไม่ได้ใส่มันมานานแล้ว ลายนิ้วมือบนนาฬิกานอกจากลายมือของคุณก็มีลายนิ้วมือของเฉินซู่ ดูจากลายนิ้วมือที่สะเปะสะปะก็จะรู้ว่าเธอไม่รู้วิธีดูแลรักษานาฬิกา ตัวนาฬิกาไม่เสียหายอะไร น่าจะไม่ใช่เธอเก็บมันได้ แล้วก็ไม่ใช่คุณทำมันหาย เว้นแต่ว่าคุณจะให้นาฬิกากับเธอ หรือเธอขโมยมันไป นอกนั้นก็ไม่มีคำอธิบายอื่นแล้วครับ"
ดวงตาที่เย็นชาของเหลยถิงหรี่ลงเล็กน้อย เขานึกถึงท่าทางร้อนรนของเฉินซู่ในวันนั้น นาฬิกาข้อมือเรือนนี้น่าจะมีความสำคัญต่อเธอมาก แต่นี่มันเป็นนาฬิกาข้อมือของเขาเอง เธอจะขโมยนาฬิกาของเขาเพื่ออะไรกัน?
"ใส่ให้ฉัน"
ซีอิ่งหยิบถุงมือออก สวมนาฬิกาข้อมือให้กับเหลยถิง "ประธานเหลย ขึ้นรถเถอะครับ ผมจะไปส่งคุณกลับ"
เมื่อเขากลับถึงบ้าน เหลยถิงเห็นเฉินซู่นอนหลับอยู่บนโซฟา ร่างของเธอคลุมด้วยผ้าห่มบางๆ ในมือถือรีโมททีวีคาไว้
เมื่อได้ยินเสียงของรถเข็น เฉินซู่ก็ตกใจสะดุ้งตื่นทันที ในไม่กี่วินาทีที่เธอลืมตาขึ้น สายตาก็ฉายถึงความหวาดผวา แต่เมื่อเห็นเหลยถิงที่นั่งอยู่ไม่ไกล เธอจึงเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
"คุณกลับมาแล้ว กินข้าวหรือยัง?"
เหลยถิงไม่ตอบเธอ "ใครใช้เธอรอฉัน"
"รอคุณทานอาหารเย็น ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ควรทำ กับข้าวเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปอุ่นให้นะ" เฉินซู่ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในครัว
"ฉันไม่อาหารที่เย็นแล้ว แล้วก็ไม่กินอาหารที่อุ่นซ้ำ"
เฉินซู่ชะงักไปชั่วขณะ "ถ้าคุณไม่ชอบ งั้นฉันทำอาหารอย่างอื่นให้คุณได้นะ คุณมีอะไรที่ทานไม่ได้บ้างไหม อย่างเช่นไม่กินเผ็ดเกินไปอะไรแบบนั้น"
เหลยถิงไม่ได้พูดอะไร เฉินซู่คิดแทนเขาว่าไม่มี
อุปกรณ์ในห้องครัวมีครบครัน เธอทำอาหารให้เหลยถิง ปกติพวกคนที่ไม่นับว่าเธอเป็นนายหญิงก็ถูกเธอเรียกใช้งานตลอด ทั้งยังมีพ่อครัวที่ไม่เลิกงานเป็นผู้ช่วยของเธออีกด้วย
กุ้งผัดถั่วลันเตาและข้าวโพด ผัดเต้าหู้หมูสับ และซุปซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน เฉินซู่ไม่ได้ชิมอาหารสักอย่างเลย เธอได้ยินเสียงของแม่เอ่ยชมฝีมือทำอาหารของเธอเมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ดังขึ้น เธอคิดถึงแม่อีกแล้ว
"นี่มันเป็นแค่กับข้าวธรรมดา ๆ ทานข้าวกันเถอะ" เฉินซู่พูดขึ้น เธอที่นึกถึงความทรงจำเมื่อสักครู่ สีหน้าก็ฉายความอ่อนโยนออกมา
เหลยถิงมองไปที่กับข้าวที่แสนธรรมดาบนโต๊ะ แล้วจึงหยิบตะเกียบขึ้นราวกับต้องมนตร์สะกด เฉินซู่ดูแลเขาอยู่ข้าง ๆ คอยใช้ช้อนตักถั่วลันเตาและข้าวโพดให้เขาไม่ขาด
เธอไม่ได้ถามเขาถึงรสชาติอาหาร แต่เมื่อเห็นว่าเขาทานเข้าไปหลายคำ เธอก็รู้ว่าเขาทานอาหารที่เธอทำได้
"มือฉันเจ็บอยู่ ฉันอยากได้สาวใช้ที่มาช่วยฉันทำอาหารโดยเฉพาะ ได้ไหม?" เฉินซู่ถามหยั่งเชิง
วันนี้เหลยถิงซิ่งรถเสร็จ เขาก็ดื่มน้ำเย็นเยอะมากในทีเดียว ระหว่างทางกลับบ้าน จึงรู้สึกปวดท้อง ซุปและข้าวของเฉินซู่ก็ช่วยอุ่นท้องของเขา เขารู้สึกพอใจ และสบายใจกับการทานอาหารมื้อนี้มาก
"คนรับใช้ที่นี่ไม่พอสำหรับเธอเหรอไง?"
"เปล่านะ แต่พวกเขาทั้งหมดก็มีงานที่ต้องทำประจำทุกวัน ทั้งทำความสะอาด ทั้งทำอาหาร ถ้าให้เพิ่มงานที่ฉันสั่งพวกเขาไปด้วย อาจจะยุ่งเกินไป แล้วก็ฉันให้พ่อครัวช่วยบ่อย ๆ ไม่ได้ด้วย ฉันกลัวคนอื่นจะหัวเราะเยาะด้วย"
เหลยถิงซดน้ำซุปหนึ่งอึก ตักเนื้อทานหนึ่งคำ
แล้วเขาจึงพูดอย่างสบาย ๆ ขึ้น "ถ้าเธอมีคนที่เหมาะสมแล้วก็บอกผู้ช่วยของฉันก็แล้วกัน เธอจะช่วยตรวจสอบให้ ถ้าคุณสมบัติเหมาะสมก็เซ็นสัญญาได้เลย"
"ขอบคุณนะ" เฉินซู่คีบกุ้งให้เขาชิ้นหนึ่ง
ดูเหมือนว่าเธอจะได้ค้นพบความลับอย่างหนึ่งแล้วว่า ผู้ชายคนนี้คุยง่ายมากเวลาทานอาหาร โดยเฉพาะตอนที่ทำอาหารถูกปากเขา
คนที่เคยชินกับอาหารหรูหรา ในบางครั้งการเปลี่ยนรสชาติอาหารเช่นนี้ ทำให้เขาชอบมาก แต่เคล็ดลับนี้ก็ใช้ไปตลอดไม่ได้ เฉินซู่มองมือของตัวเอง เธอเกลี้ยกล่อมเขาได้อย่างไร้ที่ติ ทำให้เธอมีเวลาพักรักษาตัวเอง เธอจึงรู้สึกพอใจมาก
หลังจากเหลยถิงทานอาหารเสร็จ เฉินซู่ก็เข็นเขาไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ ทว่าเมื่อเธอบังเอิญเห็นเขาสวมนาฬิกาข้อมือเรือนนั้นบนข้อมือที่วางไว้บนพนักแขนของรถเข็น หัวใจของเฉินซู่เต้นแรงจะแทบระเบิด
นี่ไม่ใช่นาฬิกาข้อมือที่เขาแย่งไปจากเธอเหรอ?
เหลยถิงสัมผัสได้ถึงท่าทีของเธอที่เปลี่ยนไป จึงหันมองกลับมามอง พบว่าเธอกำลังจ้องมองมาที่ข้อมือของเขาอยู่
"ทำไม? ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?"
"นั่นมันของของฉัน…" เฉินซู่กัดริมฝีปาก พูดขึ้นอย่างดื้อดึง
เหลยถิงหันรถเข็นกลับมา หันมองไปที่เฉินซู่ เขาโชว์ใบเสร็จและหลักฐานการสั่งทำนาฬิกาในโทรศัพท์ของเขา ทั้งยังเปิดภาพร่างที่นักออกแบบส่งมาให้เขายื่นให้กับเฉินซู่ดู
"พูดมาเถอะ เธอได้นาฬิกาเรือนนี้มาจากไหนกันแน่?" เหลยถิงรอคำตอบของเธอด้วยท่าทีสงบนิ่ง
เฉินซู่ไม่อยากจะเชื่อ มันเป็นนาฬิกาข้อมือของเหลยถิงจริง ๆ เหรอ? แต่ในคืนนั้น เธอมั่นใจว่า ชายที่เธอเห็นนั้นแข็งแรงร่างกายสมประกอบ แถมยังมีทักษะการต่อสู้กังฟูอีก แม้ว่าเธอจะจำรูปร่างหน้าตาและรูปร่างของเขาไม่ได้ แต่เธอมั่นใจว่าต้องไม่ใช่คนพิการอย่างเหลยถิงแน่นอน
"ไม่ มันไม่ใช่แน่นอน…" เฉินซู่ส่ายหัว "นั่นมันของฉัน มีคนให้ฉันมา มันจะเป็นของคุณได้ยังไงกัน?"
ผู้ชายที่กล้าหาญ และปกป้องเธอ จะเป็นคนเลวเอาของของคนอื่นมาให้สัญญากับเธอได้ยังไงกัน?
เธอไม่เชื่อ
"คนอื่นเหรอ? ใครให้มันกับเธอล่ะ" สายตาของเหลยถิงจ้องเขม็งมาที่เฉินซู่ คาดคั้นจี้ถามเธออย่างไม่ลดละ