เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 12 ถูกเขาลงโทษ
ซินเหม่ยอิงมองเฉินซู่อย่างเห็นใจ เฉินซู่ยิ้มอย่างขมขื่น "หนูจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ"
"ผู้หญิงน่ะ ต้องเป็นฝ่ายยอม แบบนี้จะได้ไม่ลำบากนะ" ซินเหม่ยอิงพูดกำชับ สำหรับตัวเธอถือว่าเป็นความคิดที่ดี แต่เฉินซู่กลับฟังแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก
นี่มันสมัยไหนกันแล้ว ผู้หญิงยังต้องยกให้ผู้ชายสูงส่งคับฟ้าอีกเหรอ?
เธอทำไม่ได้
เฉินซู่พยักหน้า "ขอบคุณค่ะ งั้นหนูกลับก่อนนะคะ"
"เธอเอายาพวกนี้ติดไปด้วยนะ มีทั้งยารักษาแผลภายนอก แล้วก็มียาแก้ปวดประจำเดือน เธอต้องดูแลร่างกายดี ๆ นะ" ซินเหม่ยอิงเดินไปส่งเฉินซู่จนถึงหน้าประตู ทั้งยังให้คนขับรถไปส่งเธอที่บ้านอีก
แม่สามีคนนี้ดีกว่าที่คิดไว้มาก เฉินซู่รู้ตัวดีว่า การที่แม่สามีปฏิบัติต่อเธอดีขนาดนี้ก็ถือเป็นบุญมากแล้ว เธอจึงไม่กล้าเรียกร้องขออะไรอีก
เมื่อกลับมาที่วิลล่าของเหลยถิง เฉินซู่มองมือของเธอที่พันด้วยผ้าก๊อซ ก่อนหน้านี้ที่เธอจะแกล้งเป็นลม ตอนที่เหล่าคนรับใช้ทำความสะอาดมือและทายาให้เธอ เธออดทนไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ ตอนที่ทนไม่ไหวก็แค่ขมวดคิ้ว คนพวกนั้นก็เลยคิดว่าเธอเจ็บแล้วจะเป็นแบบนี้
อาจจะเป็นเพราะแผลบนมือทั้งลึกทั้งปวด เฉินซู่จึงไม่ได้สนใจความเจ็บปวดที่ท้องน้อยเลยสักนิด
"นายหญิงกลับมาแล้ว" คนรับใช้ที่ถูกเฉินซู่ทุบตีไม่กล้าใช้น้ำเสียงดูถูกกับเธออีก ทั้งยังกล่าวรายงานออกมาอย่างซื่อตรง
เฉินซู่เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เห็นเหลยถิงกำลังนั่งอยู่ที่โซฟา ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ดูไม่ออกว่าเขาอารมณ์ไหม
"แสดงสมจริงมาก" เหลยถิงค่อย ๆ เปิดปากพูดขึ้น หัวใจของเฉินซู่เต้นตุ๊บ ๆ ด้วยความหวาดกลัว
ถูกเขาจับได้แล้ว!
เธอคิดว่าตัวเองหลอกเขาได้เนียนมากแล้วแท้ ๆ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะรู้ทุกอย่าง "ฉัน…"
"พูดอะไรไม่ออกเลยเหรอไง?" เหลยถิงเลิกคิ้วขึ้น
เฉินซู่ส่ายหัว "ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองแสดงเนียนมาก คิดไม่ถึงว่าคุณจะดูออก"
เธอไม่กล้าที่จะหลอกเขาต่อ เธอจินตนาการได้เลยว่าผลที่ตามมานั้นจะร้ายแรงขนาดไหน
"ไม่กี่วันก่อน คนคนหนึ่งกับเถ้าแก่ที่ทำงานกับฉันเล่นลูกไม้ในสัญญาแล้วถูกฉันจับได้ เธอเดาสิว่าฉันทำอะไร?"
เฉินซู่กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว "ไม่รู้สิ แต่คงไม่ได้ชมเขาว่าฉลาดแน่ ๆ"
"ตอนนี้บริษัทของเขากำลังอยู่ในการชำระบัญชีล้มละลาย" เหลยถิงกล่าวขึ้นอย่างไม่ไยดี
งั้นบริษัทนั้นก็ล้มละลายได้ภายในไม่กี่วันเองงั้นเหรอ?
เฉินซู่พยายามสงบสติอารมณ์ สมองของเธอคล้ายจะลัดวงจร คิดอะไรก็คิดไม่ออก เธอทำได้แค่อธิษฐานต่อพระเจ้าให้เหลยถิงเปลี่ยนใจปล่อยเธอไป
แต่ว่า มันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ?
"วันนี้เป็นวันหยุดของคนรับใช้ งานที่ยังทำไม่เสร็จยกให้เธอทำทั้งหมด ก่อนทานข้าวเย็นฉันจะมาตรวจดู" เหลยถิงขยับรถเข็น เสียงของเครื่องจักรที่หมุนดังกระแทกหัวใจของเฉินซู่ ทำเอาหัวใจของเธอแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เมื่อเห็นภาพด้านหลังของเหลยถิง เฉินซู่ก็ทนไม่ไหวเข้าไปทุบตีเขาจนตาย ทำแบบนี้ก็ไม่มีคนมาอวดดีกับเธอ แล้วก็ไม่ต้องถูกกดขี่เหมือนทาสอีกแล้ว แต่ทว่าในความเป็นจริงนั้น เธอทำได้เพียงต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อไป
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและมัดผมแล้ว เฉินซู่ก็สวมถุงมือหนา ๆ เริ่มลงมือทำความสะอาด
วิลล่าของเหลยถิงมีสี่ชั้น หากต้องทำความสะอาดทั้งหมด เธอจะไปทำเสร็จหมดได้ยังไงกัน เธอเริ่มจากทำความสะอาดจากชั้นหนึ่ง ทำถึงแค่ตรงไหนก็ตรงนั้นพอ ยังไงขาของเหลยถิงก็ไม่ดี ความถี่ในการใช้งานชั้นล่างก็มากกว่าชั้นบนอยู่แล้ว
ถุงมือแยกสารเคมีที่อยู่ในอุปกรณ์ทำความสะอาดพวกนั้นได้ แต่ไม่อาจกำจัดความเจ็บปวดขณะจับสิ่งของออกไปได้ เฉินซู่ได้แต่กัดฟันอดทน เมื่อเธอทำความสะอาดห้องครัวเสร็จ เธอก็กัดริมฝีปากจนแตกหมดแล้ว
ช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว เฉินซู่เพิ่งจะทำความสะอาดห้องอ่านหนังสือเสร็จ ตอนนี้เธออยู่ที่ชั้นสอง ยังไม่ได้ขึ้นไปที่ชั้นสามและชั้นสี่
เธอเร่งความเร็ว เช็ดส่วนที่ดูสกปรกของห้องบนชั้นสาม มีประตูอยู่สุดทางเดินที่เปิดไม่ได้ เธอลองเขย่าดูสองครั้ง ถุงมือก็ถูกเคลือบด้วยฝุ่น ห้องนี้ไว้ใช้ทำอะไรกันแน่ล่ะเนี่ย? ปกติไม่ต้องทำความสะอาดหรือไงกัน?
เฉินซู่สงสัยขึ้นมา เธอหันซ้ายหันขวา มองหน้ามองหลัง แกะกิ๊บติดผมสีดำยาวออกมาจากหัวของเธอ เธอง้างกิ๊บติดผมให้แยกออกจากกัน ใช้ด้านหนึ่งหมุนเข้าไปข้างใน และตามด้วยเสียงดังคลิก ตัวล็อกถูกปลดล็อกออก
นี่คือ… ห้องออกกำลังกาย?
ใหญ่มาก!
เฉินซู่อยู่ที่หน้าประตูใช้สายตามองสำรวจรอบ ๆ เครื่องออกกำลังกายทั้งหมดนี่เป็นของเหลยถิงงั้นเหรอ? แต่เขาขาพิการนี่นา
หรือว่าเมื่อก่อนเขาเคยใช้ แต่ต่อมาหลังจากขาไม่ดีก็เลยไม่ได้ใช้แล้ว?
เมื่อดูร่องรอยของคราบฝุ่นที่เกาะบนเครื่องออกกำลังกายแล้ว เหมือนกับผ่านการใช้งานมาไม่นาน ราว ๆ หนึ่งถึงสองปีเห็นจะได้ งั้นหมายความว่าขาของเหลยถิงได้รับบาดเจ็บในช่วงหนึ่งหรือสองปีที่ผ่านมา แต่ว่าเขามีทั้งเงินและฐานะ จะบาดเจ็บได้ยังไงกัน?
เฉินซู่ไม่กล้าเสียเวลาต่อ เธอรีบออกจากห้องนั้น และล็อกประตูใหม่
เธอได้ยินเสียงเหลยถิงมาจากชั้นล่าง จึงรีบเก็บของแล้วลงลิฟต์มา
เหลยถิงกำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหาร เมื่อเขาเห็นเฉินซู่แสดงท่าทีจนตรอก เขาก็ขมวดคิ้วและพูดตำหนิขึ้น "อย่ามาเกะกะสายตาฉันที่นี่"
เขาใช้คำว่าตรวจสอบสองคำนี้มาขู่ให้เธอกลัว และไม่ได้จะถามถึงผลลัพธ์ของการใช้งานเธอ ถ้ารู้แต่แรกแบบนี้ เธอคงไม่ทุ่มเททำงานหนักขนาดนั้น
แต่ว่าเฉินซู่ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเขา เธอจึงใช้โอกาสนี้รีบหนี "งั้นฉันขึ้นไปข้างบนก่อนนะ"
เธอเหนื่อยมาตลอดทั้งบ่าย จึงถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ยืนชำระร่างกายอยู่ใต้ฝักบัว หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วก็หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาห่อตัว แล้วจึงค่อยทายาเปลี่ยนผ้าก๊อซให้ตัวเอง
"นายหญิงคะ ให้ฉันช่วยไหมคะ" คนรับใช้เคาะประตูอยู่นอกห้องเธอเบา ๆ
เฉินซู่เปิดประตูออก เป็นคนรับใช้ที่ชื่อเสี่ยวอวี่ หญิงสาวที่มีอายุราว 30 ปี ฝีมือการทำงานดี ดูแล้วท่าทางเป็นคนค่อนข้างซื่อสัตย์
"ขอบคุณนะคะ" เฉินซู่ยื่นยาที่ซินเหม่ยอิงมอบให้เธอกับเสี่ยวอวี่
เสี่ยวอวี่ฉีกพลาสติกใสบนเข่าของเธอ จากนั้นแกะผ้าก๊อซที่เปียกออก เมื่อเห็นแผลสีแดงภายใน เธอก็มองเฉินซู่ด้วยความเห็นใจ "นายหญิงคะ คราวหน้าอย่าปิดแผลแน่นขนาดนั้นนะคะ แผลจะได้หายง่ายขึ้น แล้วคืนนี้ไม่ต้องปิดผ้าก๊อซ ปล่อยให้มันแห้ง พรุ่งนี้มันจะตกสะเก็ดค่ะ"
"แล้วมือของฉันล่ะคะ?" ความเจ็บปวดที่หัวเข่ามันเทียบอะไรไม่ได้เลย ตอนที่เธอล้ม ฝ่ามือของเธอก็กดลงถนนลาดยางอย่างแรง แผลตรงนั้นมันแย่ยิ่งกว่า
เสี่ยวอวี่มองมือของเฉินซู่ ถอนหายใจออกมา "แผลนี้มันไม่หายภายในสี่ห้าวันหรอกค่ะ คุณทำอะไรตั้งเยอะ แผลเลยยิ่งแย่กว่าเดิม"
เฉินซู่ก็ไม่ได้อยากทำอะไรหรอก แต่เธอจะทำยังไงได้ล่ะ
"ขอบคุณนะคะ" เธอกล่าวออกมาด้วยความซาบซึ้ง
เมื่อทายาเสร็จแล้ว เสี่ยวอวี่ก็ยังช่วยเฉินซู่เป่าผม "วันหลังนายหญิงจะทำอะไรเรียกใช้ฉันได้เลยนะคะ"
"ไม่ถึงขั้นเรียกใช้หรอก คุณช่วยฉัน ฉันก็จะจำไว้นะ"
เสี่ยวอวี่ยิ้มออกมา "งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวถ้าคุณผู้ชายมาเห็นเข้าแล้วจะไม่ดีเอา"
เฉินซู่เอนตัวนอนลงบนเตียง ท้องของเธอว่างเปล่า ร่างกายยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้าง เธอประมาณเวลา เหลยถิงน่าจะกินข้าวเสร็จแล้ว เธอไปหาอะไรทานที่ห้องครัวดีกว่า ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้จะทนอยู่ในค่ำคืนที่แสนยาวนานนี้ยังไง
ห้องครัวของเหลยถิงไม่เหลือข้าวหรือกับข้าวอะไรเลย ในตู้เย็นก็เต็มไปด้วยของสด เธอหาผักเจอนิดหน่อย แล้วเธอก็หยิบสปาเก็ตตีออกมา คิดว่าจะเอาไปทำบะหมี่ทาน
"เมื่อกี้คุณผู้ชายก็ทานไปน้อยมากเลย ไม่รู้ว่าเบื่ออาหารหรือเปล่า" พ่อครัวบ่นพึมพำขณะเปลี่ยนชุดทำงาน เขาอยู่ในห้อง เฉินซู่ที่อยู่นอกห้องจึงได้ยินเข้าพอดี
เธอชะโงกหน้ากล่าวถาม "เขากินไปแค่ไหนเหรอ?"
พ่อครัวเรียกนายหญิง แล้วตอบกลับว่า "กินข้าวกับกับข้าวไปไม่กี่คำเองครับ"
เฉินซู่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง "คุณช่วยฉันทำเส้นบะหมี่ทำมือให้หน่อยได้ไหม? รบกวนด้วยนะคะ"
"ครับ ได้แน่นอนอยู่แล้ว"