เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 11 ไม่ปล่อยเธอไป
"พ่อคะ แม่คะ ขอโทษนะคะที่หนูมาสาย" เฉินซู่รีบพูดขึ้นเมื่อก้าวขาเข้าประตูมา
ซินเหม่ยอิงราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต เธอเหลือบมองเหลยถิงอย่างเงียบ ๆ ดึงตัวเฉินซู่ไว้ด้วยท่าทางไม่พอใจ "รอเธอมาทานข้าวสักพักแล้ว ตรงไหนที่เธอล้มกัน?"
"แม่คะ ตรงที่แม่จับอยู่ค่ะ" ฝ่ามือของเฉินซู่ถูกเธอกุมไว้แน่น ทำเอาเฉินซู่เจ็บจนต้องสูดหายใจแรง ๆ
ซินเหม่ยอิงเบิกตากว้าง "แผลใหญ่ขนาดนี้ ทายาอะไรเนี่ย? ไม่ได้นะ ฉันจะเรียกหมอมา ดูว่าต้องปิดผ้าก๊อซกันเชื้อโรคไหม"
เหลยว่านจวินเห็นมือของเฉินซู่ ก็พูดขึ้นเช่นกันว่า "โทรเรียกหมอมา"
โทสะของเหลยถิงที่เก็บซ่อนไว้ปะทุขึ้นมา ส่วนจะระบายออกมายังไง มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ เห็นพ่อกับแม่อยู่รายล้อมรอบตัวเฉินซู่ เห็นใบหน้าที่ตกตะลึงของเฉินซู่ สีหน้าของเขาก็ยิ่งแสดงออกถึงความเย็นชามากขึ้น
เฉินซู่คาดไม่ถึงเลยสักนิดว่านิสัยและการปฏิบัติต่อผู้อื่นของผู้อาวุโสบ้านตระกูลเหลยทั้งสองจะแตกต่างกับสองพี่น้องอย่างสิ้นเชิง ความอวดดีและบ้าอำนาจของเหลยหย่านั้นถือเป็นความร้ายกาจขั้นสุดเท่าที่เธอเคยพบเจอมา คิด ๆ ดูแล้วก็คงมีแค่ความรักลูกแบบไม่ลืมหูลืมตาของพ่อแม่ที่สร้างนิสัยแบบนี้ขึ้นมา แต่พ่อแม่ก็ไม่จำเป็นต้องร้ายกาจแบบนั้นด้วยเสมอไป
ตอนที่เหลยหย่าสอนกฎให้เธอก็โม้ไว้ตั้งเยอะแยะ เธอยังคิดว่าผู้อาวุโสบ้านตระกูลเหลยทั้งสองจะเข้มงวดมาก แต่มองดูในตอนนี้แล้ว กลับไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด
เหลยหย่าอาจจะเรียนรู้กฎมากเกินไปจนเก็บกด จึงใช้เธอเป็นกระสอบทรายระบายอารมณ์ หาเรื่องเอากฎมากมายมากดเธอ
"ขอบคุณพ่อกับแม่นะคะ แต่หนูไม่เจ็บจริง ๆ ค่ะ" เฉินซู่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ทั้งยังได้รับการเอ็นดูอย่างน่าประหลาด จนกลัวว่ามารยาทที่ไม่ดีของตัวเองจะทำให้เหลยถิงหาเรื่องจับผิดได้
"งั้นพวกเราก็ทานข้าวกันเถอะ" ซินเหม่ยอิงสั่งให้คนรับใช้เตรียมอาหารกลางวัน เฉินซู่เป็นฝ่ายเข็นเหลยถิง แต่เพราะฝ่ามือมีบาดแผล เธอจึงใช้นิ้วมือในการเข็นเขาแทน
ซินเหม่ยอิงเห็นภาพนี้ในสายตา ก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา
จนเมื่อนั่งประจำที่แล้ว ซินเหม่ยอิงจึงถามขึ้น "ซู่ซู่ มือของเธอทานข้าวได้ไหมจ๊ะ"
"ได้ค่ะ ขอบคุณแม่ที่เป็นห่วงนะคะ" เฉินซู่ยิ้มหวาน แค่พวกอุปกรณ์ทานอาหารไม่ไปโดนฝ่ามือก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว
อาหารกลางวันเต็มโต๊ะไปหมด เทียบกับตอนที่เฉินซู่กลับบ้านไปกินข้าวที่ไม่ค่อยจะให้การต้อนรับเธอแล้ว บ้านตระกูลเหลยปฏิบัติต่อเธอดีมาก ๆ
"แกะปูให้ฉัน" จู่ ๆ เหลยถิงก็พูดออกคำสั่งขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ในใจลึก ๆ ของเฉินซู่รู้ตัวดีว่าเหลยถิงกำลังพูดกับเธอ น้ำของปูนั้นฉ่ำมาก แถมยังสดมากอีก หากเฉินซู่ลงมือแกะแล้วละก็น้ำของปูก็จะไหลโดนแผล รสชาตินั้นก็คงไม่ต่างกับแผลที่แช่ในน้ำเกลือ
"ถิงเอ๋อร์ ให้แม่เรียกคนใช้มาแกะดีกว่านะ" ซินเหม่ยอิงรีบแก้สถานการณ์
เหลยถิงพูดอย่างเย็นชาว่า "ผู้หญิงที่แม้แต่ปูยังแกะไม่ได้ ผมจะให้แต่งงานเข้ามาทำไม เป็นคนสวยแต่รูปจูบไม่หอม เธอคู่ควรงั้นเหรอครับ?"
เฉินซู่กัดฟันฉีกยิ้ม "แม่คะ หนูทำได้ ไม่ต้องเรียกคนใช้มาหรอกค่ะ หนูช่วยเขาแกะได้"
เธอหยิบปูขึ้นมาตัวหนึ่ง ลงมือแกะเปลือกในทันที น้ำภายในตัวปูไหลทะลักออกมา มือทั้งสองข้างของเฉินซู่แสบไปหมด มันแสบจนเธอตัวสั่นเผลอปล่อยปูหล่นลงบนโต๊ะ
เฉินซู่กลัวว่าเขาจะโกรธ รีบพูดขึ้นว่า "เดี๋ยวฉันเปลี่ยนตัวใหม่ให้นะ"
"งั้นตัวนั้นก็เสียเปล่าน่ะสิ? ถึงปูตัวนี้จะราคาไม่กับเท่าเธอ แต่ฉันก็จ่ายเงินซื้อมานะ" คำพูดที่เอ่ยขึ้นอย่างเรียบ ๆ ของเหลยถิง กลับทำร้ายคนได้อย่างร้ายกาจ
ใบหน้าของเฉินซู่ซีดเผือด เธอพูดขึ้นอย่างเบา ๆ ว่า "ไม่เสียเปล่าหรอก ฉันจะกินเอง"
เธอกล้ำกลืนความเจ็บปวด แกะเนื้อปูออกมาใส่ในชามใบเล็ก แล้วจึงส่งชามใบเล็กไว้ตรงหน้าของเหลยถิงด้วยมืออันสั่นเทา
เหลยถิงเหลือบมอง "นี่คือปูที่เธอแกะงั้นเหรอ?"
อารมณ์ของเฉินซู่พุ่งถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ทางด้านซินเหม่ยอิงก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป เหลยว่านจวินก็เช่นกัน เขาเกือบลืมว่าตัวเองเกือบจะหาเรื่องลูกชายเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
"เหลยถิง เธอก็แต่งเข้ามาเป็นภรรยาของลูกไง" เหลยว่านจวินปฏิบัติต่อซินเหม่ยอิงอย่างดีมาโดยตลอด เขาไม่เห็นด้วยกับทัศนคติที่เหลยถิงมีต่อเฉินซู่เป็นอย่างยิ่ง
"เธอเป็นภรรยาที่ผมซื้อมา" เหลยถิงแก้คำพูด
เหลยว่านจวินโกรธมาก แต่ต่อหน้าลูกชาย เขากลับไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น จึงทำได้แค่เขวี้ยงตะเกียบ แล้วขึ้นชั้นบนไป
ซินเหม่ยอิงพูดโน้มน้าว "ถิงเอ๋อร์ มือของเธอเป็นแผลอยู่นะ ช่างมันเถอะเนอะ"
"แม่ครับ ภรรยาของผม ผมสอนเองได้"
ซินเหม่ยอิงถอนหายใจ มองเฉินซู่ด้วยความเห็นใจ แล้วเดินจากไปตามเหลยว่านจวิน
เฉินซู่เป็นเหมือนกับกระต่ายน้อยสีขาวที่เหลยถิงข่มเหงรังแก กระทั่งแรงที่จะกัดคนยังไม่มี เธอยังคงถือชามใบเล็กชามนั้น รอการลงโทษจากเหลยถิง
แต่เมื่อเหลยถิงกำลังจะเริ่มลงโทษ เฉินซู่พลันรู้สึกถึงสายน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลออกมาจากส่วนล่างของร่างกาย ตามมาด้วยอาการเจ็บเสียดที่ท้องน้อย ดวงตาทั้งสองข้างมืดดำจากนั้นจึงเป็นลมล้มพับไป
เขามองเฉินซู่ที่ล้มอยู่ข้าง ๆ เห็นเลือดที่ไหลออกมาจากขาของเธอ ขมวดคิ้วแสดงท่าทีรังเกียจ แล้วจึงเรียกให้คนมาจัดการ
เฉินซู่ถูกส่งไปยังห้องพักแขก ร่างกายถูกคนรับใช้ทำความสะอาดจนหมดจด แล้วจึงวางเธอลงบนเตียง
เธอรอจนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงใด ๆ รอบตัว แล้วจึงตื่นขึ้นมาด้วยความโล่งใจ การแสดงตบตานี้เสี่ยงมากจริง ๆ ถ้าถูกเหลยถิงจับได้ เกรงว่าเธอคงได้ตายอย่างอนาถกว่าเดิม
เธอมองไปรอบ ๆ เปลี่ยนท่าทางเพื่อปิดท้อง ท้องน้อยของเธอเย็นเฉียบ ราวกับไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
ถ้าเธอแกล้งเป็นลมก็หลบได้เพียงชั่วครู่ แต่ถ้าจะหลบไปตลอดชีวิต สำหรับเหลยถิง เธอต้องคิดหาทางให้ดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอกลัวว่าตัวเองจะตายก่อนได้แก้แค้น
ขณะที่เฉินซู่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากประตู เธอจึงรีบหลับตาลงทันที
ซินเหม่ยอิงยืนอยู่นอกประตู ลังเลที่จะเปิดประตูเข้าไป "ว่านจวิน คุณก็รู้นิสัยของถิงเอ๋อร์ วันหลังถ้าเลี่ยงได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วนะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เฉินซู่ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้"
"ฉันก็คิดไม่ถึงว่านิสัยของลูกชายเรามันจะยิ่งฉุนเฉียวแล้วก็ยิ่งประหลาดขึ้นทุกวัน ในฐานะพ่อฉันเองก็ทนดูไม่ไหว ว่าแต่คุณตุ๋นซุปมาแล้วไม่ใช่เหรอ? รีบยกเข้าไปเร็วสิ" เหลยว่านจวินรู้สึกเสียหน้ามาก แม้ว่าเขาจะไม่พอใจสิ่งที่เหลยถิงทำ แต่เขาก็จนปัญญาที่จะหาทางแก้
ซินเหม่ยอิงถอนหายใจ นิสัยแบบนี้ของเหลยถิงเป็นปัญหามาเสมอ
เธอยกมือขึ้นเคาะประตู เฉินซู่ไม่กล้าลืมตาขึ้นมา ซินเหม่ยอิงผลักประตูเข้าไป เฉินซู่ได้ยินเสียงฝีเท้าพลางคิดว่าคนที่เข้ามาใช่เหลยถิงไหม เธอคิดจะหาจังหวะที่จะตื่นมาดู
"ซู่ซู่?" ซินเหม่ยอิงลองเรียกเธอ
เฉินซู่แสร้งทำเป็นเพิ่งตื่น "แม่คะ แม่…หนูเป็นอะไรไปเหรอคะ?"
ซินเหม่ยอิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจกับเด็กคนนี้ เธอช่างน่าสงสาร เป็นแผลแล้วประจำเดือนยังมาอีก แล้วยังถูกเหลยถิงรังแกจนเป็นลม "ร่างกายเธออ่อนแอมาก นอนลงก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปตุ๋นอินทผลัมกับโสมมาให้ เธอดื่มน้ำสักหน่อยนะ"
ในใจของเฉินซู่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา "ขอบคุณแม่นะคะ"
"นิสัยของถิงเอ๋อร์เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้เลยนะ ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเพราะว่าเกิดเรื่องบางเรื่องขึ้นถึงทำให้กลายเป็นคนแบบนี้ เธออย่าถือสาเขาเลยนะ แล้วก็อย่าไปปะทะอารมณ์กับเขา แบบนี้จะดีกับตัวเธอนะ"
คำพูดของซินเหม่ยอิงก็เหมือนกับก้างปลาที่ติดอยู่ในคอของเฉินซู่ ทำให้เธอพูดอะไรออกมาไม่ได้สักคำ แม้แต่ซุปก็ยังกินไม่ลง
ผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ เฉินซู่จึงพยักหน้า "หนูเข้าใจแล้วค่ะแม่"
ในบางครั้งมีดที่ไม่คมก็สามารถทำร้ายผู้คนได้เช่นกัน ภายในใจเฉินซู่รู้สึกเย็นยะเยือก
"นายหญิงคะ คุณชายโทรมาถามค่ะว่าคุณหนูตื่นหรือยัง ท่านบอกให้คุณหนูกลับไปค่ะ" คนรับใช้ยืนรายงานอยู่ที่หน้าประตู
มือของเฉินซู่สั่นระริก ความเย็นเยียบไล่จากฝ่าเท้าขึ้นมา ว่ากันตรง ๆ เหลยถิงก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เธอไม่อาจหนีไปได้