เวลาผ่านไปอย่างดวงจันทร์ - ตอนที่ 10 ขอความช่วยเหลือ
คำสุดท้ายทำให้เฉินซู่โมโห เธอใช้หลังมือตบเข้าที่หน้าคนใช้อย่างแรง "ปากเน่า ไม่ว่าฉันจะแย่แค่ไหนก็มีค่ามากกว่าคนที่ได้สามพันหยวนต่อเดือนอย่างเธอ"
คนใช้ปิดหน้าตัวเองและอยากจะโต้กลับ แต่เธอก็ยังไม่กล้าพอ
"คุณ…ก็แค่พวกหมกมุ่นไม่ใช่หรือไง? มีอะไรน่าภูมิใจกัน"
"ถ้าเธอพูดอีกคำเดียว ฉันจะตบเธอ อยากลองไหมล่ะ?" เฉินซู่จ้องเธอ แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอแสดงออกถึงความสยดสยองแค่ไหน "อย่ามารังแกคนอย่างฉัน ถ้าโมโหขึ้นมา เธอรับไม่ไหวแน่"
คนใช้ไม่กล้าพูดอะไรอีก กัดริมฝีปากด้วยความโกรธ
เฉินซู่หันกลับและขึ้นไปชั้นบน คงออกคำสั่งกับคนใช้ไม่ได้ คนหนึ่งคนไม่จริงใจกับเธอ เธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าคนอื่นจะจริงใจกับเธอ เธอควรถอดเสื้อผ้าที่สกปรกออกและฆ่าเชื้อที่เข่าก่อน สเปรย์ยาแล้วก็จัดการคราบเลือดบนฝ่ามือ
"ฮึก…" เฉินซู่ขมวดคิ้วทนต่อความเจ็บปวดตอนเทแอลกอฮอล์ลงบนบาดแผล ยาที่ลงแผลก็แสบร้อน ดีที่ทนอีกหน่อยก็ผ่านไป
เฉินซู่อยากจะร้องไห้ แต่เธอไม่ว่าง เธอรอให้เหลยถิงกลับมาคิดบัญชีเธอไม่ได้ เธอต้องคิดหาวิธี
ไม่ใช่เรื่องที่รอบคอบที่จะไปหาพ่อแม่สามีแบบเดินกะเผลก แต่จะไม่ไปก็ยิ่งไม่ได้ เธอคิดว่าควรโทรไปรายงานตัวแล้วรีบไปน่าจะดีขึ้นหน่อย
เฉินซู่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเหลย เธอมีเพียงเบอร์ของเหลยหย่า
เธอกัดฟันก่อนโทรหาเหลยหย่า "เหลยหย่า เธอมีเบอร์พ่อกับแม่ไหม?"
"เธอจะเอาเบอร์พ่อกับแม่ไปทำอะไร?" เหลยหย่าพูดอย่างหงุดหงิด
"ฉันมีเรื่องจริงๆ ได้โปรดล่ะ" เฉินซู่ถือโทรศัพท์มือถือ ในอดีต เธอก้มหัวให้เหลยหย่าเพื่อรับมือ ไม่ทำไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอก้มหัวให้เหลยหย่าคือการเหยียบศักดิ์ศรีตัวเธอเอง
อึดอัดแค่ไหนก็มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่รู้
"โธ่ เธอขอร้องฉันเหรอ? ไม่ได้บอกว่าพี่ชายฉันรักเธอมากหรือไง? ทำไมไม่ไปขอเบอร์พ่อแม่กับพี่ฉันล่ะ?" เหลยหย่าจะพลาดโอกาสเยาะเย้ยเฉินซู่แบบนี้ไปได้ยังไงล่ะ
นี่คือสิ่งที่เฉินซู่คาดการณ์ไว้ เธออดทนกับมันอย่างเงียบๆ เทียบกับฝีปากเหลยหย่าแล้ว เธอกลัวเหลยถิงมากกว่า
"เธอจะทำฉันขายหน้ายังไงก็ได้ จะตบจะตีฉันก็ได้ แต่ได้โปรดช่วยฉันด้วยเถอะนะ"
เหลยหย่าแปลกใจกับเสียงต่ำของเธอ เธอคิดว่าเธอเป็นคนหัวแข็ง อย่างน้อยก็ไม่ง่ายที่จะปราบ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?
"ก็ได้ ฉันจะให้เธอ แต่เธอต้องบอกฉันเรื่องหนึ่ง" ความเจ้าเล่ห์ฉายในดวงตาของเหลยหย่า "ผู้ชายของเธอคนนั้นเป็นแฟนเก่าสมัยมหาวิทยาลัยจริงๆ เหรอ?"
"ใช่" สมองเฉินซู่ประเมิณผลอย่างรวดเร็ว คิดว่าเธอจะถามเรื่องนี้ก็เลยพูดโกหกได้อย่างน่าเชื่อถืออย่างรวดเร็ว
เสียงของเหลยหย่าก็แหลมขึ้นทันที "เธอโกหก! ตอนที่พี่บอก ฉันก็ว่าแปลกมาก ฉันให้คนไปเช็กเเล้ว เธอไม่เคยมีแฟน เธอใช้ชีวิตอยู่กับแม่ เเล้วส่วนใหญ่ก็เอาแต่ดูแลแม่ด้วย ไม่อย่างนั้นก็ไปเรียนสายอาชีพ แล้วก็ไม่เคยมีแฟนเลย"
เฉินซู่ไม่คิดว่าเธอจะมาไม้นี้
ยังไงก็โกหกไม่ได้ สู้ชิงนำก่อนดีกว่า "เธออยากรู้ความจริงมากไหม? ถ้าอย่างนั้นเธอก็เอาเบอร์ให้ฉันสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะปล่อยให้ความจริงมันเน่าเปื่อยอยู่กับฉันนี่แหละ"
"เธอ…" เหลยหย่าต้องหาเรื่องราวของศัตรูคนนี้ให้ได้ "ฉันจะบอกเบอร์โทรของพ่อแม่ให้ เเล้วเธอต้องบอกตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นให้ฉันนะ ถ้าเธอไม่บอกฉัน ฉันจะบอกเรื่องของเธอกับพ่อแม่ ถึงตอนนั้นเธอแย่แน่"
"ได้เลย"
เหลยหย่ารักษาสัญญาและส่งเบอร์มา เฉินซู่โทรหาผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเหลย และตอนนี้เธอก็เรียกรถได้พอดีและกำลังรีบไปวิลล่าสตระกูลเหลย โทรศัพท์ดังขึ้นเเละคนที่รับสายเป็นแม่ของเหลยถิง
"แม่คะ หนูคือเฉินซู่นะคะ เช้านี้หนูรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว แล้วก็ไม่ระวังจนล้มแล้วได้รับบาดเจ็บ เลยไม่ได้ไปกับเหลยถิงน่ะค่ะ หนูเพิ่งทายาเสร็จ ตอนนี้กำลังจะไปนะคะ พ่อกับแม่อย่าโกรธเลยนะคะ" "เฉินซู่เกลียดตัวเองที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดแบบนี้ แต่เธอมีทางเลือกอื่นงั้นเหรอ?
ซินเหม่ยอิงที่เพิ่งเห็นลูกชายตัวเองเข้าประตูมา แต่ไม่เห็นเฉินซู่ เธอก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีมารยาทจริงๆ ตอนนี้เธอกำลังโทรมาอ้อนวอนเธอ เธอก็พูดอะไรไม่ได้: "โอเค เธอเข้ามาได้เลยนะ"
เหลยว่านจวินถามซินเหม่ยอิงว่าใครโทรมา ซินเหม่ยอิงก็พูดตามที่เฉินซู่พูดอีกรอบ เหลยว่านจวินก็พยักหน้า "ผู้หญิงคนนี้ก็ค่อนข้างรู้เรื่องนะ เหลยถิง ภรรยาลูกล้ม ลูกรู้ไหมเนี่ย? ทำไมลูกไม่อยู่ดูแลเธอที่บ้านล่ะ?"
"ไม่รู้สิครับ" เหลยถิงมองตัวหมากรุกบนกระดานหมากรุกและกั้นคำถามเหลยว่านจวินด้วยประโยคเดียว จากนั้นก็ขยับตัวหมากเรือไปขวางทางเหลยว่านจวิน
เหลยว่านจวินที่เผลอก็โดนลูกตัวเองจัดการ เขาเห็นความตายในทันที เขายกกาน้ำชาก่อนจะดื่มชา "ไม่คิดจะปล่อยพ่อเลยใช่ไหม?"
เหลยถิงก็ไม่ได้สนใจที่จะปล่อยเขาขนาดนั้น ตั้งแต่เริ่มเกมต่อสู้ ก็ต้องหนึ่งคนเป็นผู้แพ้
"ถ้ามีทักษะพูดแบบนี้ ก็คิดดีกว่าจะแพ้ท่าไหนนะครับ"
"เฮ้อ
พูดอย่างนั้นได้เหรอ?" เหลยว่านจวินพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แต่น่าเสียดายที่กลของเขาไม่ได้ผลมาตั้งนานแล้ว และเหลยถิงก็ไม่ตกหลุมพราง "วันหนึ่งวันลูกเหนื่อยกว่าพ่อ จำเป็นขนาดนั้นไหม? พ่อส่งต่อบริษัทให้ลูก ไม่ได้บอกให้ทำเงินเท่าไหร่หรือพัฒนาแค่ไหนนะ ดูลูกสิ ทำไมต้องกดดันตัวเองขนาดนั้น?"
แน่นอนว่าเหลยถิงต้องโหด สังคมนี้มันโหดร้ายขนาดนั้น เขาต้องแข็งแกร่งที่สุด เขาก็ต้องโหดร้ายที่สุด โหดร้ายกับคนอื่นและกับตัวเอง
"ถ้าแบบพ่อ บริษัทเหลยก็จะเป็นบริษัทเล็กๆ ที่มีพนักงานเพียงร้อยคน แล้วจะมีวันนี้ได้ยังไงกันล่ะครับ" แนวคิดเหลยถิงกับเขาไม่เหมือนกัน ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ก็จะต้องได้ทะเลาะกัน
ซินเหม่ยอิงรีบแก้สถานการณ์ "เอาล่ะ ถิงเอ๋อร์ปกติก็ยุ่งมาก ในที่สุดก็กลับมาทานข้าวเเล้ว ว่านจวินคุณก็อย่าไปพูดอะไรเลย แล้วก็นะ ฉันพูดกับคุณไปตั้งหลายรอบแล้วนะ ในเมื่อยกบริษัทให้ถิงเอ๋อร์ไปแล้ว คุณก็อย่าไปถามให้มากความเลย"
"ต้องมีสักวันที่ลูกจะต้องชดใช้ความเจ็บปวดที่ใช้เพื่อชื่อเสียงและโชคลาภของลูก ขาทั้งสองข้างของลูกเป็นคำเตือน" เหลยว่านจวินรู้สึกหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดโพล่งสิ่งที่เขาไม่ควรพูด
ใบหน้าของซินเหม่ยอิงก็เปลี่ยนเป็นตกใจทันที
แต่นัยน์ตาของเหลยถิงค่อยๆ เลือดเย็น เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และแม้กระทั่ง…ความมุ่งร้าย
เหลยว่านจวินเองก็คิดได้ว่าคำพูดตัวเองมันหนักหนาเกินไป แต่เขาคือพ่อ เหลยถิงคือลูก ลูกจะไม่ไว้หน้าพ่อแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน!
"ว่านจวิน คุณรีบขอโทษถิงเอ๋อร์เดี๋ยวนี้เลยนะ!" ซินเหม่ยอิงหวาดกลัวมาก แม้ว่าเหลยถิงจะเป็นลูกชายของเธอเอง แต่เธอเองก็กลัวอารมณ์ของเหลยถิง
เหลยว่ายจวินไม่ยอม "ฉันพูดผิดตรงไหนกันล่ะ?"
ซินเหม่ยอิงกังวลมาก เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะโน้มน้าวเหลยถิงได้ยังไง บรรยากาศของคนทั้งสามต่างก็เข้าสู่จุดเยือกแข็งอย่างกะทันหัน จนทำให้ผู้คนตื่นตระหนก
ในขณะนั้นเอง เฉินซูก็รีบเข้ามา เข่าทั้งสองของเธอได้รับบาดเจ็บทำให้ท่าเดินเธอน่าตลก