เรื่องราวของทั้งสอง Ring Of Tale - ตอนที่ 2 พลังจากแหวน
หลังจากที่พวกเราได้เดินออกจากป่า
เบื้องหน้าของฉันได้พบกับทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ สายลมที่พัดผ่าน เปโกะได้บินขึ้นฟ้าอย่างสนุกสนาน
นี่หรอต่างโลก….เป็นโลกที่น่าสนุกดี
“ก่อนอื่นฉันจะสอนให้นายใช้พลังจากแหวนนายคงไม่เคยใช้มันเลยสินะ” เรน่าได้พูดจากด้านหลังของฉัน
“พลังจากแหวนเป็นพลังแบบไหนกัน” หวังว่ามันคงจะไม่ใช่เวทย์มนตร์ธรรมดาหรอกนะ จะว่าไปแล้วฉันไม่มีมานาด้วยสิจะใช้มันได้ไหมเนี่ย
“พลังจากแหวนใช้ง่ายมากนั้นคือ ความมุ่งมั่น” เธอพูดขึ้น ฉันได้แต่คิดว่าความมุ่งมั่นนี่มันยังไงกัน
“ความมุ่งมั่นที่ฉันพูดถึงคือ ความตั้งใจ ไม่ว่าจะพยายามสู้กับศัตรูเบื้องหน้า อยากจะรักษาคนนั้นด้วยพลังทั้งหมดของตัวเอง อยากจะสู้เพื่อปกป้องใครสักคนนั้นแหละคือ พลังของแหวน” เป็นการอธิบายที่ดีนะแต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าจะเป็นรูปธรรมยังไง
“แล้วผลลัพธ์จะเป็นยังไง สามารถสร้างอาวุธหรือปล่อยพลังได้หรอ” ฉันอยากจะรู้เรื่องพวกนี้มากกว่านะ
“ก่อนอื่นเลย การที่ฉันสร้างกรงจักรน้ำแข็ง ฉันตั้งใจที่จะฆ่าชายคนนั้นฉันจึงจินตนาการรูปร่างของมันขึ้นมา ให้ปรากฏอยู่ข้างหน้านายก็ลองทำดูสิ”
“ได้” (ฉันได้จินตนาการถึงดาบอัศวินปกติ ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยเรย์) ฉันสร้างมันออกมาได้แล้ว แต่ว่าความแข็งแรงของดาบนี้ละ
ในระหว่างที่ฉันกำลังดึงดาบเปโกะก็ร้องด้วยความตกใจ
ก็อบลินตัวหนึ่งได้พุ่งเข้ามาโจมตีฉันด้านหลัง เจ้านั้นถือขวานขนาดใหญ่ ฉันจะต้องเอาดาบฟาดสวนมัน
(ฉันจับดาบด้วยมือขวาอย่างแน่น แต่ว่า…) แย่แล้วมันหนักเกินไป โดนมันฟันแน่
ทันใดนั้น ก็มีแท่งน้ำแข็งพุ่งเข้าที่หัวของก็อบลินตัวนั้น ก็อบลินตัวนั้นตายลงในทันที
“การที่นายสร้างอาวุธออกมาได้แต่ถือไม่ได้แสดงว่ากำลังของตัวเองไม่พอกับความตั้งใจ” อย่างงี้นี่เองฉันควรจะฝึกร่างกายด้วยสินะ การที่เป็นนักเรียนธรรมดาก็ไม่สามารถหยิบดาบของผู้ใหญ่ได้หรอ
เปโกะบินมาเกาะไหล่ของฉัน เปโกะคงเป็นห่วงฉันสินะ
“ฉันควรจะพานายไปฝึกกับชายคนนึง” ฉันจะได้ไปฝึก ฉันก็อยากอยู่เหมือนกันแต่ว่ามันคงจะเหนื่อยมาก แย่จังเลยนะไม่มีเวทมนตร์สร้างพลังหน่อยหรอ
พวกเราได้เดินทางโดยที่ฉันไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหน พวกเราเดินมาไกลมาก
หิวจังเลย เธอกับฉันก็ไม่มีเงินด้วยสิเปโกะก็คงจะหิวแล้วสินะ
“ใกล้ถึงแล้วนะ ข้างหน้านั่นไง วิหารทองคำ” วิหารสีทองเปล่งประกาย วิหารนี้สูงใหญ่ ไม่ควรเรียกว่าวิหารแต่เป็นหอคอย
พวกเราได้เดินเข้าไปพร้อมกัน ข้างในนั้นมีนักบวชอยู่หลายคนพวกเขาได้จ้องมองพวกเราสงสัยว่าพวกเขาไม่เคยเห็นชุดนักเรียนของฉันมาก่อนสินะ
เบื้องหน้าของฉันมีนักบวชผิวสี เดินตรงมาร่างกายของเขากำยำเป็นอย่างมาก
“ยินดีที่ได้พบครับ ท่านเรน่า มีเรื่องด่วนอะไรหรือขอรับ ท่านถึงมาเยือนที่นี่ด้วยตัวของท่านเอง” นักบวชผู้นั้นได้กล่าวต้อนรับเรน่า
“ฉันมีเรื่องจะให้นายช่วย สอง อย่างลุค อย่างแรก วิหารเทพโดนทำลายแล้วเทพลมบาฮามุธก็โดนแย่งไปแล้ว ฉันอยากให้นายเข้าร่วมเพื่อไปแย่งคืน
อย่างที่สอง ฉันอยากให้นายสอนชายคนนี้หน่อย พอดีว่าเทพโอดินเลือกให้เขาใช้พลัง ไม่ต้องห่วงเขาเป็นคนของโลกอื่น”
นักบวชผู้นั้นเมื่อได้ฟังจบ เขาได้มองมายังตัวเราเขาได้ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันคือ ลุค เอวานอฟ “
หลังจากที่เขาแนะนำตัวแล้ว ฉันก็ต้องแนะนำตัวเองบ้างสินะ “ชื่อของผมคือ ชินจิ โคมาเอดะ”
ลุคได้พาพวกเราไปยังห้องกว้างขนาดใหญ่ แล้วเขาได้สอนถึงน้ำหนักของเวทมนตร์
ฉันได้ทำความเข้าใจแล้วก็สร้างอาวุธขึ้น ดาบเล่มนี้คือ ดาบที่มีด้านคมด้านหน้าแล้วทอดยาวจนถึงอีกด้าน ฉันจะเรียกมันว่า MoonBlade
เรน่าได้พาเปโกะออกไปข้างนอกเพื่อไม่ให้กวนสมาธิของฉัน เบื้องหน้าของฉันคือ ก้อนหินรอยฟ้า ลุคได้สร้างมันขึ้นมาแล้วให้ฉันฟันมันทิ้ง
นี่คือการฝึกเพื่อที่จะปราบปีศาจให้อยู่หมัดภายในการโจมตีครั้งเดียว
เวลาผ่านไปจนกระทั้ง
ตึบ… เสียงหินที่ถูกผ่าเป็นสองท่อนได้หล่นลงมา เหนื่อยชะมัดเลย นี่เราคงไม่ใช่นักเรียนธรรมดาแล้วละมั้งถึงขั้นตัดหินได้
อึก..กล้ามเนื้อแขนปวดชะมัด แย่แน่แบบนี้หักโหมร่างกายมากไป ตาก็เริ่มจะปิดแล้วด้วยสิ ฉันได้สลบลงที่พื้น