เริงรักร้ายใต้ขอบทราย - ตอนที่ 9 เปิดหูเปิดตา /2
พีรกานต์ยิ้มหวานและยอบตัวลงทำความเคารพ ในแบบฉบับของสาวไทยให้องค์หญิงจัสมิน
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อพีรกานต์ ชื่อเล่นว่าน้ำหวาน แต่จะเรียกว่าฮันนี่เหมือนที่ท่านชีคเรียกก็ได้ค่ะ”
“สวัสดีค่ะ นครบาร์ยาเนียยินดีต้อนรับ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ” จัสมินบอกอย่างน่ารัก โดยมีสายตาของหัวหน้าองครักษ์หนุ่มมองมายังเธอ และยิ้มอย่างพอใจ
“จัสมินพูดได้ 5 ภาษา และหนึ่งในนั้นก็เป็นภาษาไทย” จาฟาร์บอก “เอาไว้ค่อยคุยกันนะจัสมิน พี่ต้องไปก่อน อย่าดื้อและอย่าซนจนไฮซานปวดหัวล่ะ”
จัสมินไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มหวานให้พี่ชายสุดที่รัก ไม่วายแอบปรายตามองร่างสูงของหัวหน้าองครักษ์หนุ่ม ก่อนมองกลับมายังพี่ชายอีกครั้ง
จาฟาร์อุ้มร่างบางของพีรกานต์ขึ้นนั่งบนหลังม้าตัวโต ก่อนเหวี่ยงตัวขึ้นตามอย่างคล่องแคล่ว
แล้วค่อยๆ กระตุ้นบังเหียนพาเจ้าม้าคู่ใจเหยาะย่างเดินไปเรื่อยๆ
ความที่ไม่เคยขี่ม้ามาก่อน ทำให้พีรกานต์นั่งตัวเกร็งไปตลอดทาง แถมยังเป็นม้าอาหรับตัวสูงใหญ่แบบนี้ด้วยแล้ว เธออดคิดไม่ได้ว่า ถ้าตกลงไปคงจะเจ็บมาก หรือไม่ก็หลังหักแน่นอน
“กลัวเหรอ” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง ดังข้างๆ ใบหู พีรกานต์ไม่กล้าแม้แต่หันหน้าไปมองร่างสูงที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง เพราะกลัวตก
“ค่ะ ฉะ…ฉันไม่เคยขี่ม้ามาก่อน” เสียงสั่นๆ เพราะหวาดกลัวนั้น ทำให้จาฟาร์ต้องละมือจากบังเหียน มาโอบกอดร่างนุ่มนิ่มเอาไว้อย่างปลอบประโลม
“เจ้าอย่าหวาดกลัวเลย มีข้าอยู่ด้วยทั้งคน ข้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
พีรกานต์ข่มความกลัวหันหน้าไปมองร่างสูงอย่างขอบคุณ ถ้อยคำแสดงความเป็นห่วงเป็นใย และสัญญาว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดีนั้น ทำให้หัวใจดวงน้อยของพีรกานต์พองโตคับอก และยิ่งทวีความรักที่มีต่อชีคหนุ่มมากขึ้นไปอีก
หญิงสาวยิ้มบางๆ มือบางวางบนหลังมือใหญ่ สัมผัสความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากเรือนกายสูงใหญ่ ด้วยการเอนตัวพิงอกกว้าง จาฟาร์ยิ้มบางๆ และเริ่มควบขับม้าอาหรับให้เร็วขึ้น พีรกานต์เกร็งตัวแข็งทื่อ เธอกัดริมฝีปากด้านในแน่น ปลายเล็บคมจิกลงที่หลังมือใหญ่
“เจ้าต้องปล่อยตัวตามสบาย ถ้าเจ้าเกร็งแบบนี้ ข้าจะควบม้าไม่ถนัด” ชีคหนุ่มเตือน
“ก็ฉะ…ฉันกลัวนี่นา คุณก็อย่าควบเร็วแบบนี้สิ” พีรกานต์ตอบ มือบางมีเหงื่อซึมจนเปียกชื้น และจาฟาร์ก็รับรู้ถึงความหวาดกลัวมากมายของเธอ
ชีคหนุ่มลดความเร็วของม้าลงและหยุดนิ่ง ม้าขององครักษ์ที่ติดตามมาทั้ง 10 ตัว ก็หยุดลงเช่น เดียวกัน จาฟาร์ยกร่างบางขึ้นและจับพีรกานต์นั่งคร่อมด้วยการหันหน้าเข้าหาเขา เรียวขาเสลาวางพาดไปบนต้นขากำยำ โดยที่สะโพกงอนงามยังคงอยู่บนหลังม้า กักเก็บเรือนกายหนาเอาไว้ระหว่างขาเรียว
“คุณ! แบบนี้มัน…” พีรกานต์เขินอายเกินกว่าจะยอมนั่งด้วยท่วงท่าแบบที่จาฟาร์จัดให้
“นั่งแบบนี้ เจ้าก็จะกอดข้าได้อย่างไม่ต้องกลัวว่าจะตก และถ้าไม่ยังขืนชักช้าอยู่ เราอาจต้องเจอพายุทะเลทรายเข้า” จาฟาร์มองทิศทางลม ก่อนจะก้มลงมองสบตากลมโต “เจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าจะทำอะไรเจ้าบนหลังม้านี่หรอกน่ะ ถ้าเจ้า…ไม่ซนกับร่างกายของข้าก่อน”
“ชีคบ้า คนผีทะเล” หญิงสาวบริภาษชีคหนุ่มและซุกหน้าหลบตาคมวาวกับอกกว้างที่แสนอบอุ่น
“เจ้าจำไว้นะ ว่าเจ้าว่าข้า 2 ครั้งแล้ว คืนนี้เจ้าจะต้องถูกข้าลงโทษที่บังอาจว่าข้ากลางทะเลทรายแน่นอนฮันนี่” จาฟาร์กระซิบบอกที่ข้างใบหู “2 ครั้ง ก็ 2 รอบ”
พีรกานต์หมั่นไส้ชีคจอมเจ้าเล่ห์ เลยหยิกหมับเข้าให้ที่ตุ่มเล็กๆ บนอกกว้าง
“โอ๊ย! นี่เจ้า…”
“เป็นอะไรรึเปล่าขอรับท่านชีค” องครักษ์คนหนึ่งส่งเสียงถาม เมื่อได้ยินเสียงร้องโอดโอยของชีคหนุ่ม
“ไม่…ไม่ ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้านำหน้าข้าไปก่อนได้เลย” จาฟาร์สั่งเสียงห้วน แล้วม้าขององครักษ์ทั้ง 10 ก็ค่อยๆ เหยาะย่างนำหน้าไปก่อน พวกเขาไม่ควบเร็วๆ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านชีค
“ฮันนี่ ถ้าเจ้าอยากบิด อยากหยิกข้าตรงไหน เอาไว้รอให้อยู่ในกระโจมดีกว่า แล้วข้าจะนอนนิ่งให้เจ้าบิด หยิก และกัดได้ทุกส่วนเลย”
พีรกานต์สะบัดหน้าพรืดอย่างคนแสนงอน จาฟาร์หัวเราะขำท่าทางของหญิงสาวจนอกกระเพื่อมขึ้นลง ก่อนกระตุกบังเหียนควบม้าตามเหล่าองครักษ์ไป และร่างบางผวาเข้ากอดร่างหนาแน่นทันที ที่ม้าเริ่มวิ่งเร็วยิ่งขึ้น พร้อมกับหลับตาปี๋ เวลาผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ หญิงสาวจึงลืมตาขึ้น เมื่อคลายความหวาดกลัวลงไปบ้าง ดวงตากลมโตเหลือบมองปลายคางผ่าและไรเคราเขียวที่ขึ้นประปราย กลิ่นกายที่หอมกรุ่น ถูกสูดดมครั้งแล้วครั้งเล่า
พีรกานต์แนบใบหูเข้ากับตำแหน่งที่ตั้งของหัวใจ ได้ยินเสียงหัวใจของจาฟาร์เต้นเป็นจังหวะสม่ำ เสมอ หญิงสาวยิ้มบางพลางคิดว่า จะดีแค่ไหนถ้าได้โอบกอดร่างหนานี้ไปชั่วชีวิต เธอรักเขา รักคนที่จับตัวเธอมาบำเรอความใคร่คนนี้ แม้จะต้องเสียใจในภายหลัง แต่ตอนนี้ขอแค่เธอได้รักเขาก็พอใจแล้ว