เริงรักร้ายใต้ขอบทราย - ตอนที่ 7 ตามหาเมียรัก
ตอนที่ 7 ตามหาเมียรัก
ภายในห้องทำงานของจาฟาร์ หลังจากที่ชีคหนุ่มออกจากห้องของพีรกานต์ก็ตรงเข้าห้องทำงานต่อ เพราะคนของไฮซานมีข่าวสำคัญจะแจ้งให้ทราบ
“ว่าไงซาเล็ม เจ้ามีข่าวอะไรจะมาบอกข้า”
“คนของข้ารายงานมาว่า เห็นจอมโจรซียาสเข้ามาในเขตนครบาร์ยาเนียขอรับ” ชายฉกรรจ์ที่มีนามว่าซาเล็มบอก
“งั้นเหรอ เมื่อไหร่”
“วันนี้ขอรับ เมื่อตอนบ่ายที่เขตชายแดนน่ะขอรับ”
“สั่งคนของเราเฝ้าดูมันไว้ อย่าให้มันเข้ามาลึกมากกว่านั้น จอมโจรซียาสไม่ใช่โจรกระจอก มันคงไม่ได้คิดจะเข้ามาปล้นสะดม แต่มันต้องมีแผนการบางอย่าง เฝ้าดูมันอย่าให้คลาดสายตา อย่าทำอะไรหุนหัน และระวังตัวกันด้วย เพราะลำพังพวกเจ้า 5 คน อาจจะสู้มันคนเดียวไม่ได้”
“ขอรับท่านชีค”
“แล้วนี่ไฮซานไปไหน ทำไมไม่มาบอกข่าวนี้แก่ข้าเอง” จาฟาร์ถามอย่างแปลกใจ ที่ไฮซานน่าจะเป็นคนนำข่าวนี้มาบอกเขา แต่กลับเป็นซาเล็มที่มาบอก
“ข้ายังไม่เจอท่านหัวหน้าองครักษ์ แต่คิดว่าเรื่องนี้สำคัญจึงต้องรีบนำมาบอกท่านชีคให้ทราบก่อนขอรับ”
“ไปไหนของเขานะ เจ้าไปตามตัวไฮซานมาพบข้าเดี๋ยวนี้” ชีคจาฟาร์สั่ง
“ขอรับ” ซาเล็มก้มหน้ารับคำ และถอยหลังออกไปทันที
หลังจากคล้อยหลังซาเล็มได้ไม่นาน ประตูห้องทำงานของชีคหนุ่มก็ถูกเปิดเข้ามา ร่างบางระหงของจัสมินในชุดสีชมพูผ้าบางเบาเดินตรงเข้าไปหาพี่ชายสุดที่รัก
“ท่านพี่”
“อ้าว…จัสมิน ดึกป่านนี้แล้วทำไมเจ้ายังไม่นอนอีก”
“ข้า…” องค์หญิงจัสมิน อยากจะบอกเรื่องระหว่างตนกับไฮซาน แต่บางสิ่งบางอย่างปิดปากเธอเอาไว้
“อะไร เจ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”
“เอ่อ…” จัสมินอับจนคำพูด แต่พอคิดไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ใจเต้นรัว ใบหน้างามก็เปลี่ยนสีทันตาเห็น และหนีไม่พ้นสายตาที่มองจ้องตลอดเวลาของเหยี่ยวทะเลทราย
“ถามแค่นี้ ทำไมเจ้าต้องหน้าแดงด้วยล่ะจัสมิน เอ…หรือว่า เจ้าตกหลุมรักใครเข้าแล้ว”
“มะ…ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านพี่ แต่ว่าอากาศร้อนไปหน่อย ข้าก็เลยหน้าแดงเท่านั้น” จัสมินรีบปฏิเสธ
“งั้นเหรอ พี่อุตส่าห์ดีใจ คิดว่าในที่สุดเจ้าก็พบรักซะที”
“หัวใจของข้าภักดีต่อท่านพี่ และข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งท่านพี่ หนีออกเรือนไปกับชายใดแน่เจ้าค่ะ”
“จัสมิน” จาฟาร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าน้องสาวคนสวย “เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่ พี่รู้ว่าเจ้าจงรักภักดีต่อพี่มากขนาดไหน แต่เจ้าจะต้องออกเรือน เจ้าจะต้องมีสามี และสามีของเจ้าจะต้องเป็นคนดูแลเจ้าต่อจากพี่”
“ท่านพี่ ข้ารู้ดี แต่ข้าจะขอรอให้ท่านพี่มีชีคคาเป็นเพื่อนคู่ใจเสียก่อน”
“จัสมิน พี่รู้ดีว่าสักวันพี่ต้องมีชีคคา แต่คงจะไม่ใช่ตอนนี้ และจะเป็นเวลาอีกนานแค่ไหนนั้น พี่ก็ตอบไม่ได้” จาฟาร์ถอนหายใจยืดยาว “พี่ไม่อยากให้เจ้าต้องรอพี่ เจ้ารู้ตัวรึเปล่า ว่าเจ้าเป็นที่หมายปองของบรรดาหัวหน้าเผ่า และพี่ก็เห็นว่าหลายคนเป็นคนดีที่คู่ควรกับเจ้า”
“แต่ข้าไม่อยากแต่งงานในตอนนี้ ได้โปรดเถอะท่านพี่ อย่าให้ใครมาดูตัวข้าอีกเลยนะเจ้าคะ ถ้าข้าจะมีครอบครัว ก็ขอให้ข้าได้เลือกเอง และไม่จำเป็นที่ท่านพี่จะต้องหาให้ข้า”
“เจ้าพูดแบบนี้ แสดงว่าเจ้าคงจะมีชายในดวงใจแล้วสิ”
“ไม่นะเจ้าคะ ข้า…ยังไม่มีใครในดวงใจ”
จาฟาร์ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับต้นแขนเรียวบางขององค์หญิงจัสมิน ริมฝีปากได้รูปแต้มรอยยิ้มบางๆ ให้น้องสาว
“เอาเถอะ ถ้าเจ้าไม่พอใจที่พี่หาผู้ชายดีๆ มาดูตัวเจ้าแล้วล่ะก็ ต่อไปพี่ก็จะไม่หามาอีก แต่เจ้าต้องรับปากกับพี่ก่อน ว่าเจ้าจะต้องออกเรือนเมื่อถึงเวลา”
“เจ้าค่ะ ข้ารับปาก” จัสมินยอมรับปาก และสวมกอดร่างหนาของคนเป็นพี่ด้วยความรัก
“ท่านพี่ ข้ารู้มาว่าท่านพี่มีนางฮาเร็มคนใหม่ และเป็นคนที่ท่านพามาจากเมืองไทย แถมยังให้นางแยกออกมาเป็นสัดส่วน ท่านพี่ทำแบบนี้ แสดงว่านางคงจะถูกใจท่านพี่มากกว่าใคร ถ้าเป็นเช่นนั้น จะเป็นไปได้มั้ยเจ้าคะ ที่นางจะได้เป็นชีคคาของท่านพี่”
ชีคหนุ่มยังไม่ทันได้ตอบคำถามของจัสมิน ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามา ร่างสูงของไฮซานเดินเข้ามา เขาหยุดชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าชีคจาฟาร์ไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง แต่อยู่กับองค์หญิงแสนสวยที่เขาได้เป็นเจ้าของร่างกายเธอเรียบร้อยแล้ว
“อ้าว…ไฮซานมาพอดี”
จัสมินหันขวับไปมองหัวหน้าองครักษ์หนุ่มทันที ใบหน้านวลบึ้งตึงขึ้นทันที ก่อนจะหันกลับมาหาพี่ชาย
“ท่านพี่คงจะมีเรื่องสำคัญ ถ้างั้นข้าคงจะต้องขอตัวก่อน รู้สึกว่าอากาศในห้องนี้จะลดน้อยลงจนข้าแทบจะหายใจไม่ออกซะแล้ว”
องค์หญิงแสนสวยบอกพี่ชาย ก่อนจะหมุนตัวเดินไปหยุดเผชิญหน้าไฮซานนิ่งชั่วครู่ ดวงตาทั้งสองคู่สบกันไม่ยอมหลบ หากแต่ฉายแววกันไปคนละอย่าง คนหนึ่งรู้สึกผิดและต้องการการให้อภัย ส่วนอีกคนหนึ่งแค้นเคืองและเจ็บปวด
จัสมินกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อยราวกับจะเย้ยหยันให้ไฮซาน
“อ้อ…ข้าอยากจะเตือนท่านพี่สักเรื่อง” จัสมินหันกลับไปหาพี่ชาย “ว่าท่านพี่ไม่ควรไว้ใจใครมากเกินไปนะเจ้าคะ” หญิงสาวบอก และเดินเชิดหน้าออกไปทันที
“นางเป็นอะไรของนางนะ พูดจาฟังแปลกๆ ชอบกล เจ้าว่ามั้ยไฮซาน” จาฟาร์ถามองครักษ์หนุ่ม แต่ไฮซานไม่ได้ฟัง ดวงตาของเขามองไปยังบานประตูที่ถูกจัสมินผลักออกไป ราวกับว่าเธอยังอยู่ตรงนั้น
“ไฮซาน!” จาฟาร์เรียกเป็นครั้งที่สอง ไฮซานถึงกับสะดุ้งขึ้นสุดตัว “เจ้าก็อีกคน เป็นอะไรไปท่าทางแปลกๆ”
“ปะ…เปล่านะขอรับท่านชีค เอ่อ…เรียกข้ามาตอนดึกๆ เช่นนี้ มีอะไรหรือเปล่าขอรับ”
“คนของเจ้าเข้ามาส่งข่าวให้ข้าถึงในนี้ ว่าพบจอมโจรซียาสในตอนวันนี้”
“อะไรนะขอรับ จอมโจรซียาสมันเข้ามาในเขตบาร์ยาเนียแล้วเหรอขอรับ”
“จริงๆ แล้วคำถามนี้ ข้าต้องเป็นฝ่ายถามเจ้ามากกว่า แต่ตอนนี้เจ้ากลับเป็นฝ่ายถามข้า” จาฟาร์หรี่ตาลงมองสหายคนสนิทและหัวหน้าองครักษ์หนุ่มอย่างครุ่นคิด ไฮซานไม่เคยทำงานบกพร่อง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แถมยังเป็นเรื่องที่สำคัญมากด้วย แต่ที่สำคัญก็คือ อะไรเป็นสาเหตุให้ไฮซานเป็นแบบนี้
“ข้า…ข้าขออภัย ต่อไปนี้ข้าจะไม่ละเลยหน้าที่อีก”
“เจ้าไม่ได้ละเลยหน้าที่หรอกไฮซาน ข้ารู้จักเจ้าดี แต่จะต้องมีสาเหตุที่ทำให้เจ้าเป็นแบบนี้ บอกข้าได้มั้ย หรือว่า…เจ้ากำลังถูกใจหญิงคนใดอยู่ เจ้าแอบไปพลอดรักกับนางมาใช่มั้ย”
“มะ…ไม่ใช่นะขอรับ ข้า…ข้าไม่ได้ถูกใจผู้หญิงคนไหนเลย” ไฮซานละล่ำละลักรีบปฏิเสธอย่างมีพิรุธ
“แล้วทำไมเจ้าต้องดูร้อนรนขนาดนั้นด้วยล่ะ เจ้ามีอะไรปิดบังข้ารึเปล่าไฮซาน”
“ข้า…มะ…ไม่มีขอรับ”
“แต่…ข้าสังเกตเห็นแววตาของเจ้าที่มองจัสมิน มันผิดแปลกไปจากเมื่อก่อนนี้ ไฮซาน…เจ้าคิดอะไรกับน้องสาวข้ารึเปล่า” จาฟาร์ยิงคำถามจี้แทงใจดำไฮซานอย่างไม่รู้ตัว เขาแค่เห็นไฮซานจ้องมองประตูห้องที่พ้นจากร่างของจัสมินไปแล้ว เหมือนกับยังคงคิดถึงคนที่เดินผ่านประตูไป
“ท่านชีค!”
“ไฮซาน ทำไมข้าถามแค่นี้เจ้าต้องตกใจด้วย นี่เจ้าอย่าบอกนะ ว่าที่ข้าสงสัยเป็นเรื่องจริง”
“ท่านชีคสงสัยอะไรเหรอขอรับ” ไฮซานกลั้นใจถามออกไป
“ข้าสงสัยว่าเจ้าคิดไม่ซื่อกับจัสมิน”
ไฮซานอึ้งไป แต่ไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการแก้ตัว เพราะไม่มีอะไรที่อินทรีทะเลทรายอย่างจาฟาร์ จะมองไม่ออก องครักษ์หนุ่มได้แต่ก้มหน้านิ่งอยู่แบบนั้น
“ไฮซาน…นี่เจ้าคิดแบบนั้นจริงๆ น่ะเหรอ” จาฟาร์ครางออกมาเบาๆ “เจ้า…เจ้ารู้รึเปล่าว่ากำลังคิดผิดมหันต์ จัสมินเป็นองค์หญิงเป็นน้องของข้า ส่วนเจ้า…จริงอยู่ที่เจ้าเป็นสหายรักของข้า แต่เจ้าก็เป็นแค่หัวหน้าองครักษ์”
“ข้า…” ไฮซานไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดๆ มาอธิบายให้ชีคหนุ่มฟัง
“ถึงข้าจะไม่รังเกียจเจ้า แต่ประชาชนของข้าจะไม่ยอมรับเจ้าง่ายๆ หรอกนะ เจ้าก็น่าจะรู้ดีนี่ ขนาดข้าเอง บางสิ่งบางอย่างข้าอยากจะแหกกฎ แหกขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาเนิ่นนาน ข้ายังทำไม่ได้เลย”
“ข้าผิดไปแล้ว อภัยให้ข้าด้วยนะขอรับท่านชีค” ไฮซานทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นห้อง เขาจะยอมรับผิดทุกประการ ไม่ว่าจะต้องเจอกับสิ่งใด เขาก็จะยอม
“ไฮซาน!”
“ที่ข้าไม่รู้เรื่องจอมโจรซียาส เพราะข้า…ข้า…”
“ไฮซานอยู่กับน้องเองเจ้าค่ะ” ไฮซานอาจคิดจะบอกความจริง เพราะเขาไม่ใช่คนหนีความผิด ถ้าเขาเป็นคนขี้ขลาดแบบนั้น เขาคงไม่มีวันได้เป็นสหายคนสนิทและหัวหน้าองครักษ์แบบนี้แน่
“องค์หญิงจัสมิน!” ไฮซานหันไปมองต้นเสียงนั้นทันที
“น้องแอบหนีออกไปนอกวังด้วยการปีนกำแพงข้ามไป แต่พลัดตกลงไป เผอิญไฮซานอยู่แถวนั้น ก็เลยช่วยรับข้าเอาไว้ได้ และ…ข้าก็เลยให้ไฮซานพาข้าออกไปเดินเที่ยวเล่นใกล้กับกองคาราวานที่มาตั้งกระโจมที่พักอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น” จัสมินไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องโกหก เธอรู้อย่างเดียวว่า ยังไม่อยากให้ไฮซานบอกความจริง ที่สำคัญเธอไม่อยากให้ไฮซานต้องถูกเฆี่ยน
“งั้นเหรอ”
“ขอรับท่านชีค” ไฮซานรับคำเสียงอ่อย
“แล้วทำไมเจ้าไม่บอกข้า ว่าจัสมินหนีออกไป” จาฟาร์หันไปมองหน้าน้องสาว “นี่เจ้าหนีการดูตัวด้วยการปีนกำแพงที่สูงมากขนาดนั้นเลยเหรอจัสมิน เจ้านี่นะ ทำไมถึงดื้อและแสนซนตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาวขนาดนี้แล้วนะ เจ้าก็ยังไม่เลิกนิสัยเดิมอีก พี่น่าจะตีเจ้าให้เข็ดหลาบจริงๆ”
“อย่านะขอรับ” ไฮซานเงยหน้าขึ้นบอก และก้มหน้าลงไปใหม่ เพราะไม่กล้าสบตาคมกล้าของชีคจาฟาร์แบบเต็มๆ ข้าเพิ่มหน้าที่ให้เจ้าอีกหน้าที่นึงแล้วกันไฮซาน เจ้าต้องคอยดูแลจัสมินให้ดี อย่าให้นางดื้อและซนแบบนี้อีก ไม่งั้นคนที่รับโทษจะไม่ใช่จัสมินคนเดียว แต่จะเป็นเจ้าด้วยอีกคน”
“ท่านพี่! ข้าไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องมีผู้ใหญ่คอยคุมอยู่ทุกฝีก้าวนะเจ้าคะ ข้าโตแล้ว และอยากมีอิสระ” ใบหน้างดงามของจัสมินบูดบึ้ง และทำปากยื่นอย่างคนแสนงอน
“เจ้าปฏิเสธพี่ไม่ได้หรอกจัสมิน อีกอย่างตอนนี้จอมโจรซียาสเข้ามาในบาร์ยาเนียแล้ว เจ้าอาจได้รับอันตรายได้ ให้ไฮซานคอยคุ้มครองเจ้าน่ะดีแล้ว”
“ท่านพี่!” องค์หญิงน้อยกระทืบเท้าไปมาอย่างขัดใจ ดวงตาคู่สวยตวัดมองใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชาย ก่อนจะตวัดมองใบหน้าคมเข้มของคนที่ก้มหน้านิ่งอยู่ “ดี…งั้นตามข้าให้ทันก็แล้วกัน รับรองได้ว่างานนี้ ข้าไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่นอน ไม่งั้นเจ้าจะสบายเกินไปไฮซาน” จัสมินกระทืบเท้าเดินออกไป พร้อมกับปิดประตูโครมใหญ่
ชีคจาฟาร์ได้แต่ส่ายหน้าให้กับความดื้อดึงของน้องสาว และเห็นใจที่ไฮซานกำลังได้รับศึกหนัก
“เจ้าไปได้แล้วไฮซาน ส่วนเรื่องจอมโจรซียาส เจ้าก็อย่าลืมคอยสืบข่าวตลอดเวลาด้วย อย่าให้ข้าล่วงรู้จากคนอื่นแทนได้ฟังจากเจ้าอีกแล้วกัน”
“ขอรับ”
“เรื่องจัสมิน ข้าอยากให้เจ้าลองทบทวนดูอีกที เจ้าคงรู้ว่าบาร์ยาเนียมีกฎเหล็กเช่นใด ถ้าเจ้าฝืนกฎ เจ้าจะถูกลงโทษสถานหนัก เมื่อถึงเวลานั้น แม้ข้าจะไม่อยากลงโทษเจ้า แต่จะให้ข้าละเลยโทษของเจ้าคงจะไม่ได้” จาฟาร์เตือน
“ขอรับท่านชีค” ไฮซานลุกขึ้นยืน มองสบตาคมของจาฟาร์นิ่งอยู่ชั่วครู่ เขาอยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ทันแล้ว แต่ที่ทำได้ก็คืนโค้งคำนับ แล้วเดินออกไปเงียบๆ
บุรุษหนุ่มในชุดดำมองเผินๆ เหมือนกับชุดนักรบของชนเผ่า แต่โดยปกติแล้วหากเป็นนักรบจริง ในเวลาดึกดื่นแบบนี้ ไม่น่าจะยังเดินอยู่ในตลาดที่ร้างแล้วเช่นนี้
จอมโจรซียาสยืนหลบอยู่ในมุมมืด ดวงตาสีน้ำตาลมองกวาดไปรอบๆ เพื่อสังเกตว่ามีอะไรเริ่มไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า หรือมีใครสงสัยและเริ่มติดตามเขาบ้างแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ไม่เห็นใคร มือหนาล้วงเข้าไปในเป้สะพายสีเดียวกับชุด และหยิบขวดน้ำเล็กๆ ขึ้นมากรอกปาก ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำเปล่าที่ไหลเยิ้มไปตามลูกคางบึกบึน เมื่อดับความกระหายด้วยน้ำเปล่าเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงกำยำของจอมโจรหนุ่มก็ออกเดินต่อ แต่ยังไม่ทันเดินไปไกล ดวงตาสีน้ำตาลก็หรี่ลงเมื่อเห็นร่างคุ้นตา
ซียาสจรดปลายเท้าก้าวย่างเบาๆ แฝงร่างไปกับเงามืด ตรงไปยังกระโจมที่เห็นร่างนั้นหายเข้าไป เขาหันไปมองซ้ายขวาดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นตน ก็มุดม่านกั้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ยามีลาเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เมื่อเห็นผู้บุกรุกถนัดจากแสงไฟในตะเกียงที่ส่องสว่าง และก่อนที่เธอจะกรีดเสียงร้อง ซียาสก็ก้าวเข้าไปใช้มือปิดปากเธอได้ทันควัน
“หยุดนะ ถ้าเจ้าไม่เงียบ ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้”
ยามีลาเงียบกริบทันที มือหนาละจากปากอิ่มแต่ท่อนแขนกำยำยังรัดคอระหงไว้มั่น
“ทะ…ท่านมาที่นี่ทำไม” เธอกระซิบถาม เพราะถ้าเปล่งเสียงดังกว่านี้ เกรงว่าชีวิตของตนคงไม่รอด
“ข้าต้องถามเจ้ามากกว่า”
“ข้าเป็นชาวบาร์ยาเนียมาก่อน แต่ไปขายตัวที่อื่นอยู่นาน”
“ข้าไม่คิดว่าจะมาเจอเจ้าที่นี่”
“ฮึ…ข้าโชคดีที่ได้เจอกองคาราวานผ่านไปแถวนั้น ก็เลยติดตามมากับกองคาราวาน พระเจ้ายังไม่ให้ข้าตายก่อนท่านหรอก ท่านซียาส” ยามีลากล้าทำปากดี เพราะคิดว่าซียาสคงไม่กล้าทำอะไรเธอที่นี่ แต่ก็อดหวาดกลัวไม่ได้
“ข้าไม่อยากฆ่าเจ้านะยามีลา อย่ายั่วโมโหข้าให้มากนัก” ซียาสข่มขู่เสียงเย็น แต่ยามีลาเริ่มคลายความหวาดกลัวลงไป เมื่อคิดได้ว่าซียาสเป็นโจรร้ายที่แอบเข้ามาในบาร์ยาเนีย และเวลานี้ชีคจาฟาร์ที่มีหูตาว่องไว คงรู้แล้วว่าซียาสเข้ามาบาร์ยาเนียแล้ว และคงจับตามองความเคลื่อนไหวของอดีตคนที่เธอหลงรักหมดใจตรงหน้า
“ท่านเคยว่าข้าว่าเป็นคนชั่ว แต่ท่านคงลืมไปกระมังว่าท่านเองก็ชั่วไม่น้อยกว่าข้า”
“หุบปากเจ้าซะยามีลา อย่าให้ข้าหมดความอดทนกับเจ้า”
“ฮึ…ท่านคงมาตามหาฟารีดาสินะ ข้าจะบอกท่านให้ก็ได้ ว่าท่านมาตามถูกที่แล้วล่ะ” หญิงสาวบอก เธอเคยเห็นฟารีดาเดินอยู่แถววังฮัสซาร์ แต่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยด้วย เพราะฟารีดาไม่ได้เดินอยู่คนเดียว แต่เธอมักจะเดินกับหญิงชราคนหนึ่งเสมอ
“เจ้าเคยเจอฟารีดาเหรอ”
“เคยสิ เอ…นางน่าจะเป็นนางฮาเร็มของท่านชีคจาฟาร์แล้วนะ” พูดจบร่างอิ่มก็ปลิวหวือ
“โอ๊ย! ท่านลืมไปแล้วเหรอว่ากำลังอยู่ที่ไหน ถ้าทำร้ายข้า ท่านชีคจาฟาร์คงปล่อยท่านเอาไว้แน่”
“หึ…ข้าไม่กลัวหรอก ถ้าข้าได้ฆ่าเจ้าแล้วต้องตาย ข้าก็คงไม่เสียดายชีวิต” ซียาสกัดฟันกรอด
“รังเกียจข้าขนาดนั้นเลยเหรอ ชิ…ตอนนี้เมียรักของท่าน เข้าไปเป็นนางฮาเร็มของท่านชีคแล้ว ถึงไม่ได้ขายตัวให้ชายอื่น แต่นางฮาเร็มก็ไม่ต่างอะไรกับโสเภณีอย่างข้า”
“เพี๊ยะ” ฝ่ามือใหญ่ฟาดใส่ใบหน้ายามีลาเต็มแรง จนร่างอิ่มถลาลงกับพื้นเหมือนนกปีกหัก
“นี่เป็นโทษฐานที่เจ้าว่าร้ายฟารีดา และข้าก็ไม่มีวันหลงเชื่อเจ้าอีกแล้ว”
“เจ้า…เจ้าทำร้ายข้า เจ้าจะต้องถูกท่านชีคลงโทษ” ยามีลาโกรธจนตัวสั่นที่ถูกตบจนกระเด็น สรรพนามที่ใช้เรียกซียาสอดีตคนที่เธอเคยรัก ก็เปลี่ยนไปตามอารมณ์โกรธ
“ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าไม่กลัวตาย ข้าฆ่าเจ้าได้ทันที แต่ตอนนี้ข้าต้องตามหาฟารีดาก่อน แล้วข้าจะมาชำระความกับเจ้า” ซียาสชี้หน้ายามีลา เขายังไม่อยากเสียเวลาฆ่าเธอในตอนนี้ เพราะถ้าเธอตาย เหล่าทหารของบาร์ยาเนียที่หูไวตาไวไม่แพ้ชีคหนุ่มผู้ครองนคร คงตามล่าเขาและขัดขวางการตามหาฟารีดาแน่นอน
ซียาสหันหลังและทำท่าจะเดินออกไปจากกระโจม เขาไม่คิดว่ายามีลาจะทำร้ายเขาได้ลงเพราะรู้ว่าหญิงสาวนั้นหลงรักเขาหมดใจ แต่ซียาสคิดผิด ยามีลาในตอนนี้มีแต่ความโกรธแค้นที่ถูกทำร้าย แค้นเคืองที่ชายหนุ่มไม่คิดจะรัก ยิ่งรักมากก็แค้นมาก ตอนนี้หมดรักแล้วแต่ความแค้นกำลังเดือดปุด
ยามีลาคว้ามีดที่วางอยู่ใกล้ๆ พุ่งเข้าไปแทงร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ ซียาสเบี่ยงตัวหลบแต่ไม่พ้น ปลายมีดแทงเข้าที่สีข้าง แต่ร่างของยามีลาถูกเหวี่ยงกระเด็น ความเจ็บแล่นวาบเข้ามาทำให้ร่างสูงเซเล็กน้อย ยามีลาลุกขึ้นมาเมื่อเห็นซียาสเซ เธอกวาดตามองหาอาวุธใกล้ตัว และเจอมีดปลอกผลไม้วางอยู่ มือบางคว้ามีดนั้นและพุ่งตัวเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง ยามีลาคิดอย่างเดียวในตอนนี้ว่าต้องฆ่าผู้ชายตรงหน้าให้ได้ แม้ตัวจะตายตามแต่ถ้าได้ฆ่าคนที่ทำร้ายหัวใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ เธอคงนอนตายตาหลับ
ซียาสเห็นหญิงสาวพุ่งตัวเข้ามาหมายจะฆ่าเขา ก็ดึงมีดที่เหน็บอยู่ที่ออกและหลบคมมีดของยามีลา ก่อนสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว ยามีลายังไม่ยอมแพ้ เธอยังง้างมีดในมือขึ้นสูงหมายจะจ้วงแทนซียาสไม่ยั้งมือ แต่คนที่แกร่งกว่าเร็วกว่าก็หลบได้ทุกครั้ง และผลักร่างอวบจนล้มลง ยามีลาแพ้ภัยตัวเอง เมื่อร่างของเธอล้มทับคมมีดที่ถืออยู่ปักเข้ากลางหน้าท้อง ไม่มีแม้แต่เสียงร้องเพราะร่างเธอแน่นิ่งไปทันทีในสภาพคว่ำหน้ากับฟูกบาง
จอมโจรหนุ่มกัดฟันดึงมีดที่เสียบคาที่สีข้างของตนออก ก่อนเก็บมีดสั้นคู่กายเหน็บเข้าเอวเหมือนเดิม ร่างสูงเดินเข้าไปพลิกศพของยามีลาให้นอนหงาย ดวงตาของเธอเบิกค้าง แม้ขนาดตายแล้วดวงตาคู่นั้นก็ยังแสดงออกถึงความแค้นที่มีต่อเขา
“ยามีลา เจ้าทำร้ายตัวเอง เจ้าฆ่าตัวเอง ข้าอยากสงสารเจ้า แต่…ข้าไม่มีวันลืมว่าเจ้าเป็นคนทำลายครอบครัวของข้า ลาก่อนยามีลา”
จาฟาร์ย่องเงียบเข้ามาในห้องพีรกานต์ เขาหยุดมองร่างบางที่กำลังหลับสบายอยู่บนเตียงนุ่ม ร่างสูงค่อยๆ ก้าวขึ้น และสอดร่างเข้าในผ้าห่มผืนใหญ่ โอบกอดร่างน้อยเอาไว้หลวมๆ ปลายจมูกโด่งแตะแผ่วๆ กับพวงแก้มนุ่ม ก่อนกดหนักและลากไล้ต่ำลงยังปลายคางมนสวย หญิงสาวยังคงหลับลึกอย่างไม่รู้สึกตัว
ชีคหนุ่มหัวเราะแผ่วๆ ในลำคอ ที่สัมผัสของเขาไม่อาจปลุกให้หญิงสาวตื่นขึ้นมาตอบรับได้ ปลายลิ้นอุ่นเลียไล้ปลายคางมน ลากไล้แตะสัมผัสผิวเนื้อบอบบางของริมฝีปากอิ่ม มุมปากสวยกระตุกขึ้นน้อยๆ เป็นรอยยิ้มเหมือนเธอกำลังฝันดี ยั่วให้ปลายลิ้นสากตวัดที่มุมปากนุ่มก่อนลากวนไปรอบกลีบปาก มือหนาสอดเข้าไปสัมผัสเนื้อแท้ใต้เสื้อผ้าบางเบา กอบกุมทรวงอกอวบใหญ่เต็มมือก่อนนวดคลึงเบาๆ
“อื้ม” พีรกานต์ครางออกมาเบาๆ เธอกำลังฝันดี เนื้อตัวเบาสบายราวปุยนุ่น และยังมีคนนวดทรวงอกให้อีกด้วย
‘นวดทรวงอก’ หญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับผงกศีรษะขึ้นทันที
“ชู่ว์…ข้าเอง” ชีคจาฟาร์กระซิบบอก
“ท่านชีค…ตกใจหมดเลย ทำไมเข้ามาเงียบๆ ล่ะคะ” พีรกานต์หงายหลังกลับไปใหม่
“ข้าเข้ามาเงียบๆ ก็จริง แต่ข้าถึงตัวเจ้านานแล้วนะ และถ้าเจ้าไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกล่ะก็ ข้าคงร่วมรักกับเจ้าไปแล้ว”
“ก็ฉันเหนื่อยและก็เพลียมากนี่นา”
“เจ้าน่ะเหรอเหนื่อย ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายโอดครวญ” จาฟาร์กระเซ้า และกดริมฝีปากรุมร้อนของตนปิดเรียวปากนุ่ม บดคลึงเบาๆ จนพีรกานต์ต้องเผยอเรียวปากออกยอมให้เรียวลิ้นช่ำชองสอดแทรกเข้ามาลิ้มรสความหวานในโพรงปากนุ่ม
“ท่านชีค”
“หืม…ว่าไง” จาฟาร์ขานรับเมื่อผละออกจากเรียวปากนุ่ม และก้มลงซุกไซ้เนินเนื้อด้านบนที่หอมกรุ่น
พีรกานต์พูดไม่ออก เมื่อเรียวปากร้อนเข้าครอบครองยอดทรวงเต่งเอาไว้ จาฟาร์ดูดกลืนยอดทับทิมเข้าปากอย่างหิวกระหาย เรียวลิ้นร้อนตวัดไล้ยอดเต่งถี่รัว มือหนาเคล้นคลึงทรวงอกอวบอีกข้าง ปลายนิ้วหัวแม่มือสะกิดแผ่วที่ปลายยอดถันงดงาม
เรียวปากร้อนชื้นถอนออกจากยอดทรวงเต่ง ทิ้งร่องรอยแห่งความเสน่หาเอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนย้ายไปครอบครองยอดทรวงอีกข้างที่อุ้งมือหนาช้อนขึ้นส่งเข้าปาก มือข้างที่ว่างลูบไล้ไปตามสีข้าง รั้งชายเสื้อขึ้นสูง ก่อนจะถอนริมฝีปากออกเพื่อดึงตัวเสื้อผ่านศีรษะสวย
“ถ้าเจ้าไม่บอกข้าตอนนี้ เจ้าจะไม่มีทางได้บอกข้าไปอีกนาน”
แม้จะถูกย้ำถาม แต่พีรกานต์ก็ไม่อาจตอบได้ เพราะเปลวเพลิงแห่งไฟพิศวาสเริ่มครอบคลุมร่างบางจนร้อนผะผ่าว เรือนร่างระหงแสนสวยบิดกายไปมาราวกับใบไม้ไหวเมื่อยามต้องลม แขนแข็งแรงสอดเข้าใต้ร่างบาง และดันขึ้นสูงจนทรวงอวบแอ่นหยัด ริมฝีปากหนาจุมพิตที่ปลายยอดสวยอย่างหยอกเอิน ดูดกลืนเข้าไปอีกครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ
“หมดเวลาของเจ้าแล้วฮันนี่ เพราะข้าจะทำให้เจ้าได้แต่ครวญครางเสียกระเส่า และสมองของเจ้าก็จะคิดเรื่องอื่นอีกไม่ได้ด้วย”
ชีคหนุ่มลากปลายลิ้นร้อนสากไปตามผิวเนื้อเนียนเรียบ ทักทายสะดือสวยแผ่วเบา พีรกานต์แขม่วท้องเพราะจั๊กจี้ แต่เธอหัวเราะไม่ออก เพราะถูกความรู้สึกเสียวซ่านดึงรั้งไปหมดทั้งตัว ใบหน้างามเอียงซุกกับหมอนนุ่ม
จาฟาร์ดึงขอบกางเกงตัวบางออกจนพ้นเรียวขาสวย ต้นขาแข็งแกร่งเข้าแทรกกลางหว่างขางาม และดันออกกว้าง ดวงตาคมกริบของเหยี่ยวทะเลทรายจับจ้องมองความงดงามของเนินเนื้อนุ่มใจกลางร่างสาว ก่อนกดใบหน้าจุมพิตความนุ่มอันงดงามนั้นทันที ปลายลิ้นสากร้อนไล้เกสรสาวที่ขยายตัว ปลายนิ้วเรียวกรีดไล้กลีบกุหลาบแสนสวย ก่อนจะสอดเข้าไปช้าๆ พร้อมกับทรมานร่างงามด้วยปลายลิ้นสากตวัดไล้ถี่ระรัวติ่งเนื้อแสนสวย
“ท่านชีค…” พีรกานต์เปล่งเสียงครางออกเพราะอดกลั้นต่อไปไม่ไหว ริมฝีปากนุ่มถูกขบกัดจนเกิดรอยฟันลึก แต่ไม่เจ็บปวด
มือบางจิกทึ้งขยุ้มเส้นผมบนศีรษะทุยได้รูปสวย ลูบไล้สอดแทรกนิ้วเรียวอย่างรัญจวน ต้นขาอวบถูกผลักดันไปข้างหน้าเปิดทางให้ปากลิ้นร้ายกาจดื่มด่ำความหวานจากเกสรดอกไม้ ปลายนิ้วเรียวยาวของชีคหนุ่มยังคงทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนร่างงามเกร็งกระตุก
จาฟาร์ถอดถอนปลายนิ้วเรียวออกจากความหฤหรรษ์อันอบอุ่น หยัดกายขึ้นปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่รัดรึงออกจนเรือนกายสูงสง่ากำยำเปลือยเปล่า
พีรกานต์ลืมตาขึ้นมองร่างสูงอย่างโหยหา ความร้อนผ่าวกลายเป็นความหนาวเหน็บทันทีที่ร่างสูงถอยห่าง แต่เพียงชั่วครู่เดียวความอบอุ่นจนร้อนก็ทาบทับลงมาใหม่อีกครั้ง เนื้อแท้ของทั้งคู่สัมผัสกัน ทรวงอกนุ่มเบียดแนบไปกับอกกว้างสร้างความสยิวกายเสียวซ่านให้เกิดขึ้นมากมาย
“สัมผัสข้าสิฮันนี่ เรียนรู้ร่างกายของข้า แล้วเจ้าจะมีความสุขมากขึ้น”
พีรกานต์ลูบไล้แผ่นหลังของคนในอ้อมกอด ความหนาหนักไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเธอ มือบางเลื่อนลูบความตึงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเครียดขมึง ก่อนวกสอดเข้ามาระหว่างลำตัว จนชีคหนุ่มต้องยกตัวขึ้นเท้าฝ่ามือกับที่นอนนุ่ม ปล่อยให้มือน้อยสัมผัสทักทายร่างแกร่งของตนจนพึงพอใจ
“ต่ำลงไปอีกฮันนี่ ต่ำลงไปหาความเป็นข้าและทักทายมัน”
หญิงสาวทำตามที่จาฟาร์บอก แม้จะเคอะเขินบ้างเพราะสายตาคมของเหยี่ยวทะเลทรายจับจ้องใบหน้าเธอตลอดเวลา แต่ความอยากรู้อยากลองและอยากค้นหาก็ทำให้มือน้อยเคลื่อนต่ำลงทักทายความแข็งแกร่งที่อวบหนาของชายหนุ่ม ปลายนิ้วเรียวเล็กแตะแผ่วอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะกดหนักที่ส่วนปลายยอดเรียบลื่นนวลเนียน
พีรกานต์เพิ่งจะมีประสบการณ์รักครั้งแรกก็กับจาฟาร์ ในตอนนี้เธอเองต้องการจะเรียนรู้ถึงเรือนร่างที่งดงามสมชายชาตรี และสัดส่วนความเป็นชายที่เห็นครั้งแรกก็ต้องตื่นตะลึงตกใจปนหวาดหวั่น ถ้าเธอต้องอยู่บาร์ยาเนียอย่างไม่มีกำหนด เธอก็ต้องเรียนรู้วิธีมอบความสุขให้ชีคหนุ่มบ้าง เหมือนกับที่เขาเป็นครูให้กับเธอ เพื่อมัดใจจาฟาร์ให้อยู่หมัด
“เก่งมากฮันนี่ ขยับมือของเจ้าสิสาวน้อย”
พีรกานต์ทำตามที่ชีคหนุ่มบอก มือน้อยขยับลูบไล้เบาๆ ก่อนกำรอบและเลื่อนขึ้นลง
“โอวววว ข้าจะตายเพราะมือของเจ้ามั้ยเนี่ยฮันนี่” จาฟาร์ครางเสียงสั่นพร่า
“ท่านชีคคะ ฉันจะมอบความสุขให้คุณขอเพียงคุณบอกและสอนฉันทุกอย่าง”
“ข้าเต็มใจบอกและสอนเจ้าฮันนี่ แต่เจ้าต้องรับปากกับข้าก่อน ว่าเจ้าจะไม่เอาวิชาที่ข้าสอนไปปฏิบัติกับชายอื่น”
เหมือนเข็มทิ่มแทงใจของพีรกานต์ หญิงสาวผลักร่างหนาออกทันที ชีคหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัวต้องผงะหงายหลังอย่างไม่เป็นท่า
“คุณเห็นฉันเป็นผู้หญิงขายตัวรึไงถึงได้พูดแบบนี้ ที่ฉันมาอยู่ที่นี่ก็เพราะคุณเป็นคนจับตัวฉันมาเอง โดยที่ฉันไม่เต็มใจเลยสักนิด ฉันไม่ได้ขายตัวให้คุณ และไม่คิดจะขายให้ชายอื่นเด็ดขาด ถ้าหากฉันต้องไปจากคุณเมื่อไหร่ หรือคุณเบื่อฉันแล้ว ฉันก็ไม่มีทางขายตัวแน่นอน”
“ฮันนี่! เจ้ากำลังเข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“คุณบอกว่าไม่ตั้งใจ แต่จำได้มั้ยคะ ว่าคุณคิดว่าฉันขายตัวตั้งแต่ที่เราได้เจอกันครั้งแรกแล้ว” พีรกานต์ตัดพ้ออย่างเจ็บปวด
“ข้ายอมรับว่าคิดแบบนั้นกับเจ้าในครั้งแรกที่เราเจอกัน แต่ตอนนี้ข้าไม่มีความคิดแบบนี้เลยนะฮันนี่”
พีรกานต์ไม่ตอบ แต่สะบัดหน้าพรืดและสูดน้ำมูกที่ทำท่าว่าจะไหลออกมาแรงๆ
“ฮันนี่…ข้าขอโทษ ถ้าคำพูดที่ไม่คิดของข้าจะทำให้เจ้าเสียใจ”
จาฟาร์ขยับตัวเข้าใกล้ร่างบางอีกครั้ง ดวงตาของพีรกานต์ตวัดมองร่างหนา และหลุบลงมองความเป็นชายที่สิ้นฤทธิ์ ก่อนจะหน้าแดงแปร๊ดเมื่อเพียงเธอมองสัดส่วนนั้นกลับขยายเหยียดอีกครั้ง
“คนทะลึ่ง คนลามก”
“อ้าว…นี่เจ้ามาว่าข้าทำไมกัน ก็เจ้าเป็นฝ่ายมองข้าเองนี่นา” จาฟาร์อมยิ้ม และกอดร่างบางเอาไว้ เพราะเห็นว่าพีรกานต์คงหายงอนแล้ว “ข้าเป็นแบบนี้ก็เพราะสายตาของเจ้า และตอนนี้ข้าก็อยากเข้าไปในกายเจ้าจนปวดร้าวไปหมดแล้ว”
“เชอะ…ปล่อยนะ ดีให้เจ็บให้ปวดอย่างที่ฉันเป็นบ้างแหละดี จะได้รู้สำนึก” พีรกานต์ผลักร่างหนาให้ออกห่าง แต่จาฟาร์กลับรัดร่างบางแน่นขึ้น
“ไม่ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าอีกแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้าเดี๋ยวนี้”
“รับผิดชอบอะไรกัน ฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณสักหน่อย”
“ฮันนี่…เจ้าไม่สงสารข้าบ้างเหรอดาร์ลิ่ง” จาฟาร์ไม่รอคำตอบ จมูกโด่งๆ จรดลงที่พวงแก้มนวล คลอเคลียหาความชื่นใจไม่ห่างหาย
“ไม่เห็นน่าสงสารตรงไหนเลย ไปให้พ้นนะ” พีรกานต์ไล่เสียงเบา ไฟปรารถนาแรงกล้าเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง การต่อต้านของหญิงสาวก็เริ่มอ่อนลงมาก
“ข้ารู้…ว่าเจ้าไม่ใจร้ายกับข้าหรอกฮันนี่” จาฟาร์กระซิบเสียงแหบพร่า ดูดเม้มติ่งหูเล็กๆ ของพีรกานต์ จนหญิงสาวขนลุกซู่
“คุณไม่รู้หรอกว่าฉันอยากใจร้ายกับคุณมากแค่ไหน” แต่ฉันไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง เพราะฉันดันบ้าไปรักคุณเข้าแล้วไงล่ะท่านชีค พีรกานต์บอกต่อในใจ
จาฟาร์จับมือน้อยวางทาบที่หน้าอกกว้างกำยำ ดวงตาคมของเหยี่ยวทะเลทรายมองสบตาหวาน ก่อนหลุบลงมองริมฝีปากอิ่มและก้มลงประทับเรียวปากหนาบนกลีบปากนุ่มทันที เมื่อไม่ได้รับการทัดทานจากร่างสาว ชีคหนุ่มก็สอดเรียวลิ้นร้อนสากเข้าไปเกี่ยวพันดูดรัดลิ้นนุ่ม เขามอบความอ่อนโยนและเนิบนาบและทำท่าเหมือนจะถอดถอน เรียกให้เรียวปากนุ่มตามติดอย่างหลอกล่อ และเป็นฝ่ายทาบทับเรียวปากลงไปใหม่อีกครั้งอย่างเร่าร้อนและหนักหน่วง
มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังเปล่าเปลือยเนียนเรียบ และขยับร่างของตนให้นั่งพิงหัวเตียง เหยียดขาออกให้อยู่ในท่าสบายๆ และช้อนใต้สะโพกงอนงามขึ้นนั่งทับส่วนกลางร่าง ความแข็งแกร่งที่เหยียดขยาดถูกเคล้าคลึงด้วยกุหลาบสาว แม้จะไม่ได้สอดใส่ แต่ก็สร้างความเสียวซ่านรัญจวนไม่น้อยกว่ากัน
“ท่านชีค” พีรกานต์ครางเรียกจาฟาร์เสียงแผ่ว
“ไม่…ไม่ฮันนี่ ข้าไม่ได้อยากทรมานเจ้าเลย แต่ข้าต้องเตรียมความพร้อมให้กับเจ้าเสียก่อน”
“ฉันพร้อมแล้ว ได้โปรดเถอะท่านชีค” พีรกานต์เรียกร้องอย่างไม่อาย ตอนนี้เธอต้องการจะหลุดพ้นจากความทรมานที่แสนหวานนี้ เพราะเธอกำลังขาดใจ
“อีกนิดนะฮันนี่ เจ้าต้องพร้อมมากกว่านี้”
ชีคหนุ่มผลักร่างบางให้หงายหลังนอนราบกับที่นอนนุ่ม จากนั้นคุกเข่าอยู่กลางหว่างขาอวบ ผลัก ดันต้นขาเสลาไปข้างหน้า ก่อนก้มลงทักทายเนินสวรรค์ที่เกลี้ยงเกลาด้วยริมฝีปาก เรียวลิ้นหนาสากร้อนตวัดไล้เกสรสาว
“ท่านชีค”
จาฟาร์ไม่สนใจต่อเสียงคราง กรีดเรียวลิ้นไปตามรอยแยกของกุหลาบสาว ก่อนห่อเรียวลิ้นจนแข็งและสอดเข้าไปในความอบอุ่น ตวัดไล้เนื้อนุ่มอย่างหลงใหล
“ทะ…ท่านชีค”
ร่างบางส่ายสะบัดไปมาเพราะไฟพิศวาสที่ร้อนระอุกำลังแผดเผา ทรมานแต่มีความสุข ไม่นานนักร่างบางก็หลั่งสายธารน้ำหวานออกมาจากเกสรดอกไม้
จาฟาร์สอดนิ้วเรียวยาวเข้าไปในความฉ่ำชื้น กดลึกสลับกับถอดถอนเนิบนาบ ดวงตาคมกริบมองใบหน้านวลแดงก่ำที่ดูคล้ายกับได้รับความทรมานอย่างสาหัส แต่ตรงกันข้ามพีรกานต์กำลังพบกับความสุขล้ำที่ยากจะลืมเลือน
ชีคหนุ่มถอดถอนนิ้วเรียวออก และทรงตัวขึ้นจดจ่อแก่นกายอวบหนาเข้าหาดอกไม้งาม ค่อยๆ สอดลึกช้าๆ จนสุดทางสวาท เรือนกายใหญ่โตเอนตัวลงทาบทับร่างบางของพีรกานต์ บดขยี้ริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย
“จาฟาร์” พีรกานต์ครวญครางเสียงกระเส่าและแหบพร่า ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะถูกปิดลงอีกครั้ง ดูดกลืนเสียงครางอันเย้ายวนเข้าไปในลำคอหนาทันที
จาฟาร์ขยับร่างที่สอดประสานไปมา ความเชื่องช้าแปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรง หญิงสาวจิกปลายเล็บคมเข้าที่บ่ากว้าง และเมื่อถึงเวลาที่ได้เยือนดินแดนวิมานฉิมพลี เธอก็กรีดปลายเล็บคมเป็นทางยาวต่ำลงที่กลางแผ่นหลังกว้าง
“โอววว” ชีคหนุ่มคำรามลั่นร่างกระตุก เมื่อได้เยือนดินแดนวิมานฉิมพลีตามติดหญิงสาวไป