เริงรักร้ายใต้ขอบทราย - ตอนที่ 4 หน้าที่และความต้องการ
ตอนที่ 4 หน้าที่และความต้องการ
“ฉันรู้อยู่แก่ใจดีแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องตอกย้ำให้มันฝังรากลึกเข้าไปในหัวสมองของฉันนักหรอก ฉันจำได้ดีว่าถูกจับมาที่นี่เพื่ออะไร หรือคุณกลัวว่าฉันจะจำไม่ได้ งั้นก็จะบอกคุณอีกที ว่าฉันถูกคุณจับตัวมาที่นี่ เพื่อมาบำรุงบำเรอความใคร่ของคุณ และจำเป็นต้องอยู่ เพราะฉันไม่มีทางหนีกลับเมืองไทยได้ด้วยตัวเอง” พีรกานต์กัดริมฝีปากแน่น เมื่ออารมณ์โกรธถูกฉุดขึ้นมาจากจิตใจ ดวงตาคู่สวยตวัดตามองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของชีคหนุ่มด้วยความแค้น
“ฮันนี่ ข้าไม่คิดจะทำให้เจ้ารู้สึกย่ำแย่ขนาดนี้ แต่…”
“แต่เป็นเพราะคุณเบื่อแม่พวกสาวๆ ของคุณ และดันบังเอิญไปเจอฉันที่ถูกใจกว่า ก็เลยต้องหิ้วกลับมาที่นี่ด้วย พอเถอะค่ะท่านชีคผู้ยิ่งใหญ่ ฉันบอกท่านแล้วไงคะ ว่าจะยินดีทำตามที่ท่านต้องการทุกอย่าง แต่อย่าลืมสัญญาที่เรามีต่อกันเท่านั้นพอ” พีรกานต์บอกก่อนจะสะบัดหน้าพรืด มองไปทิศทางตรงกันข้ามกับที่จาฟาร์นั่งอยู่
“ฮันนี่ ข้าขอโทษที่ต้องทำแบบนั้นกับเจ้า แต่เพราะข้าอยากอยู่ใกล้ๆ เจ้า และอยากได้เจ้ามาเป็นของข้า เอาเถอะ ข้าจะไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าแน่นอน เจ้าสบายใจในข้อนี้ได้” จาฟาร์บอกพีรกานต์ ก่อนจะหันไปบอกสาวใช้ “พวกเจ้าไปยกอาหารมาได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ ท่านชีค” สาวใช้ตอบรับคำสั่ง และถอยห่างออกไปทันที
“มีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ฉันอยากจะขอร้องคุณ” พีรกานต์บอก เมื่อหันกลับมาสบตาจาฟาร์อีกครั้ง
“อะไร ถ้าข้าทำได้ ข้าจะทำให้เจ้า”
“ฉันต้องการชุดชั้นในสัก 5 ชุด หรือไม่ก็ขอชุดที่ฉันต้องใส่ มีเนื้อผ้าที่หนามากกว่านี้หน่อย” พูดไปแล้ว พีรกานต์ก็หน้าแดงซ่านอย่างเขินอาย และต้องหลบดวงตาคมที่ไหววูบขึ้นมาทันทีนั่น
“หึ…หึ” จาฟาร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ “ตกลง ข้าจะให้ฟารีดาจัดหามาให้เจ้า เพราะข้าเองก็ไม่ต้องการให้มีชายใดมาเห็นความงดงามของเจ้า อย่างที่ข้าได้เห็น แต่ข้าอนุญาตให้เจ้าใส่เฉพาะเวลาที่ออกมานอกห้องเท่านั้น ถ้าอยู่ในห้องข้าจะต้องไม่สวมเจ้าผ้าชิ้นน้อยนั้น ให้เกะกะสายตา ตกลงไหมฮันนี่”
“ไม่เห็นต้องถาม ยังไงฉันก็ต้องตกลงอยู่แล้ว คุณก็รู้” พีรกานต์ทำปากยื่นอย่างคนแสนงอน แต่น่ารักมากในสายตาของจาฟาร์
ชีคหนุ่มเอื้อมมือใหญ่รั้งร่างบางขึ้นมานั่งบนตักแข็งๆ ของตน เกลี่ยปลายนิ้วเรียวไปตามพวงแก้มเนียนสวย และสัมผัสเบาๆ ที่ริมฝีปากนุ่มชวนให้หลงใหล จาฟาร์ก็ไม่รอช้า กดจุมพิตลงบนเรียวปากนุ่มชุ่มชื้นของพีรกานต์ทันที
เมื่อริมฝีปากสัมผัสกันร่างบางก็กระตุกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต มือบางยกขึ้นขยำเสื้อบริเวณอกกว้างของจาฟาร์แน่น แม้ว่าจะเคยโดนสัมผัสมามากกว่านี้ แต่เธอก็ยังไม่รู้สึกคุ้นเคยอยู่ดี สัมผัสจากจาฟาร์ยังคงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเธอเสมอ
จาฟาร์กดริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะใช้ไรฟันงับเนื้อนุ่มๆ และดึงทึ้งอย่างหยอกเย้ามากกว่าจะทำให้เจ็บปวด ร่างบางผวาเฮือกเกร็งตัวรับความเจ็บปวด แต่ก็ต้องแปลกใจที่ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด ริมฝีปากบางเฉียบกดหนักๆ บนเรียวปากนุ่ม ก่อนจะใช้ปลายลิ้นสากไล้ไปตามไรฟันขาวสะอาดซี่เล็กๆ ของพีรกานต์
หญิงสาวเผยอริมฝีปากออก เมื่อถูกหลอกล่อด้วยชั้นเชิงและประสบการณ์ที่เหนือกว่ามากของชายหนุ่ม เรียวลิ้นสากซอกซอนเข้าไปควานหาความหวานภายใน ตวัดเกาะเกี่ยวดูดดื่มกับเรียวลิ้นเล็กๆ น่ารักของพีรกานต์ เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติความหวานล้ำ ก็ยากถอดถอนและตัดใจจาก จุมพิตดูดดื่มหนักหน่วงที่ได้เริ่มต้นก็ยืดเยื้อและยาวนาน จนพีรกานต์แทบจะขาดใจ
“ท่านชีคเจ้าคะ อาหารพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงของสาวใช้ ปลุกให้จาฟาร์และพีรกานต์ตื่นจากภวังค์ความหวาน ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่พีรกานต์ดันร่างหนาออกอย่างรวดเร็ว เพราะความตกใจและอับอายที่มีคนอื่นเข้ามาเห็นฉากรักอันดูดดื่มของเธอและเขา
“ขอบใจ พวกเจ้าออกไปได้ ถ้ามีอะไรข้าจะเรียกเอง” จาฟาร์บอก
สาวใช้ทั้งสองจึงถอยหลังออกไปทันที
พีรกานต์ขยับตัวจะลงจากตักแข็งๆ แต่ถูกอ้อมแขนกำยำรวบรัดเอาไว้แน่น
“จะไปไหน อาหารมาแล้ว เจ้าไม่หิวหรือไง” จาฟาร์ถาม แต่ยังซุกไซ้ปลายจมูกโด่งลงกับซอกคอหอมกรุ่น
“หิวค่ะ แต่คุณก็ปล่อยฉันลงก่อนสิคะ ไม่งั้นจะกินได้ยังไง” พีรกานต์บอก มือบางยันใบหน้าหล่อเหลา ที่คอยซุกไซ้กับซอกคอให้ออกห่าง
ชีคหนุ่มต้องจำใจผละใบหน้าออกจากความหอมหวานตรงหน้า อ้อมแขนแข็งแรงคลายออกแต่ยังไม่ยอมปล่อยจากร่างบาง มือใหญ่เอื้อมไปหยิบจานอาหารมาถือไว้พร้อมช้อนส้อมเสร็จสรรพ
“อ่ะ กินด้วยกันนี่ล่ะ กินบนตักข้าอร่อยกว่าที่เจ้าลงไปกินข้างล่างเยอะ” จาฟาร์บอกหน้าตาเฉย แถมยังกระตุกมุมปากหยักลึกขึ้นน้อยๆ
“แต่ว่า…”
“เร็วๆ สิ ไหนเจ้าบอกว่าหิวยังไงล่ะ ข้าก็หิวเหมือนกันนะ กินของคาวก่อน แล้วค่อย…กินของหวานทีหลัง” จาฟาร์ไม่พูดเปล่า แต่กดริมฝีปากลงกับแก้มนวลหนักๆ
พีรกานต์ถอนหายใจออกมาแรงๆ แบบไม่เกรงใจชายหนุ่ม มือบางจับช้อนและตักข้าวจ่อที่ริมฝีปากที่รู้ดีว่าร้ายกาจขนาดไหน ชีคหนุ่มอ้าปากรับข้าวจากช้อนที่หญิงสาวป้อนให้อย่างยินดี แต่พอมือบางตักข้าวส่งมาให้เขาอีก จาฟาร์ก็นิ่วหน้า
“เจ้าก็กินด้วยสิสลับกันไง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะป้อนคุณก่อนแล้วค่อยกินของตัวเองทีหลัง” พีรกานต์ปฏิเสธ
“ทำไม เจ้ารังเกียจริมฝีปากข้า และน้ำลายของข้างั้นเหรอ เมื่อกี้เจ้ายังไม่ปฏิเสธจูบดูดดื่มจากข้าเลยนี่นา”
“คนบ้า พูดออกมาได้” พีรกานต์ท้วง ใบหน้านวลแดงก่ำ
“เจ้ากล้าว่าข้าบ้าเหรอ ดีล่ะเดี๋ยวกินข้าวเสร็จ ข้าจะลงโทษเจ้าให้ร้องเสียงหลงเลยคอยดู แต่ตอนนี้เจ้าต้องกินข้าวร่วมช้อนและร่วมจานเดียวกันกับข้าก่อน ไม่งั้นเจ้าจะไม่ได้กินอีกนานหลายชั่วโมงทีเดียว” คำขู่แกมบังคับนั้น ทำให้พีรกานต์ต้องส่งข้าวในช้อนเข้าปากตัวเองอย่างฉุนๆ กิริยาน่ารักน่าใคร่ของหญิงสาว ทำให้จาฟาร์ยิ้มกว้างอย่างพอใจ
พีรกานต์ป้อนข้าวให้ชีคหนุ่มสลับกับป้อนเข้าปากตัวเอง มือหนาที่คอยวนเวียนอยู่แถวๆ หน้าตักของเธอ ทำให้หญิงสาวต้องคอยปัดป้องอยู่ตลอดเวลา แต่มือหนาก็เหมือนหนวดปลาหมึก เมื่อเธอปัดมือข้างโน้นมืออีกข้างก็ตวัดเข้ามาแทนทันที หญิงสาวขว้างค้อนคมให้ชายหนุ่มอย่างขวางๆ
“ถ้าคุณยังไม่หยุดมือคุณอีก ฉันจะหยุดกินข้าวและจะเลิกป้อนข้าวคุณด้วย”
“ก็ได้ฮันนี่ ข้ากลัวเจ้าจะหิวหรอกนะถึงยอม เพราะถ้าเรากินข้าวเสร็จแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปออกกำลังกายให้อาหารย่อยซะหน่อย” จาฟาร์บอก พร้อมกับเลิกคิ้วเข้มขึ้นข้างหนึ่งอย่างยียวน
พีรกานต์เข้าใจความหมายที่เขาพูด ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงก่ำขึ้นอีกเท่าตัว หญิงสาวไม่มีทางเลือก ต้องยอมกินข้าวและป้อนข้าวเขาให้เสร็จ ก่อนจะวางจานเปล่าลง และหยิบแก้วน้ำที่ทำจากทองเหลืองขึ้นมาส่งให้จาฟาร์ดื่ม ชีคหนุ่มรับแก้วน้ำมาดื่ม และส่งแก้วเปล่าให้เธอ พีรกานต์จึงรินน้ำใส่แก้วอีกครั้งสำหรับตนเอง แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้ดื่ม มือใหญ่ก็คว้าแก้วออกจากมือบาง และกระดกน้ำเข้าปาก ก่อนที่มือใหญ่อีกครั้งจะรั้งท้ายทอยของพีรกานต์และดันเข้ามาใกล้
จาฟาร์กดริมฝีปากของตนลงบนเรียวปากนุ่มที่เผยอออกทันทีเมื่อใบหน้าแหงนเงย ชีคหนุ่มจัดการป้อนน้ำให้พีรกานต์ด้วยปากของตัวเอง น้ำที่เคยมีรสชาติจืดชืดแปรเปลี่ยนเป็นรสหวานปะแล่มทันที
จาฟาร์ถอนริมฝีปากออกช้าๆ และหลุบตาลงมองที่ริมฝีปากนุ่ม เมื่อเห็นมุมปากอิ่มมีน้ำไหลรินออกมาเป็นทาง จาฟาร์จึงก้มลงอีกครั้งส่งปลายลิ้นตวัดไล้หยดน้ำที่มุมปากนุ่มจนหมด และมองสบตาหวานที่หรี่ปรือจากการกระทำของชายหนุ่ม
“เจ้าอยากดื่มน้ำอีกมั้ย” จาฟาร์ถามดวงตาคมกริบนั้นเป็นประกายระยิบระยับน่ามอง ไม่รู้ทำไม พีรกานต์ถึงได้พยักหน้าตอบรับง่ายๆ แล้ว เขาอมน้ำเอาไว้ก่อนจะป้อนเข้าปากของหญิงสาว พีรกานต์ดื่มกินน้ำจากปากของชายหนุ่มอีกครั้ง และจาฟาร์ก็ตวัดปลายลิ้นไล้หยดน้ำที่มุมปากอีกหน
“กินข้าวกับเจ้าช่างอร่อยดีจริงๆ”
“ถ้างั้น…คุณก็ต้องกินข้าวกับฉันทุกวัน ห้ามไปกินข้าวกับหญิงอื่น”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ นี่เจ้าหึงข้างั้นเหรอ”
“เปล่า แต่ผู้หญิงไทยไม่มีใครชอบให้ เอ่อ…สามีไปกินข้าวกับหญิงอื่น” พีรกานต์หลบสายตาคมกล้า ที่มองจ้องลงอย่างจับผิด
“เจ้าหมายถึง ผู้หญิงไทยไม่ชอบให้ผัวมีเมียหลายคนใช่มั้ย”
“ชะ…ใช่” เสียงใสๆ นั้นตอบอ้อมแอ้ม
จาฟาร์เชยคางมนขึ้น จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของพีรกานต์ หญิงสาวหลบตาไม่กล้าสบตาคมกล้านั้นตรงๆ
“มองตาข้าสิฮันนี่ แล้วบอกข้าหน่อย ว่าเจ้าเห็นอะไรในดวงตาข้า”
พีรกานต์มองสบตาคม แต่แล้วหญิงสาวก็ส่ายหน้า เมื่อเธอไม่เห็นอะไรในดวงตาคู่นั้นเลย
“ข้าไม่ได้อยากมีเมียหลายคน ข้าเองก็อยากเป็นผัวเดียวเมียเดียวกับใครสักคนที่ข้ารัก และเธอก็รักข้า แต่ที่ข้ามีนางในฮาเร็ม แต่นั่นก็นานมาแล้ว เดี๋ยวนี้ข้าไม่ได้เข้าไปอีก จนข้าเกือบลืมใบหน้าของพวกนางไปแล้วด้วยซ้ำ”
“และตอนนี้คุณก็มีฉัน”
“ใช่ ข้ามีเจ้าในตอนนี้ และจะมีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น จนกว่า…” จาฟาร์หยุดคำพูดที่ว่า จนกว่าข้าจะมีชีคคาอยู่เคียงข้าง แต่ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่บอก พีรกานต์ก็พอจะรู้ หญิงสาวหน้าเสีย มือบางดันอกกว้างออก พร้อมกับทรงตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ฉันขอตัวก่อน รู้สึกไม่ค่อยสบายอยากนอนพัก” พีรกานต์บอกเสียงเบา หญิงสาวพยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้โกรธหรือน้อยใจเขา เพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา แต่หัวใจดวงน้อยมันไม่บอกแบบนั้น หญิงสาวเบือนหน้าหนีไม่อยากให้จาฟาร์เห็นความขมขื่นในแววตาคู่สวย ถึงแม้ว่าเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เธอก็เป็นเมียเขาแล้ว
“ฮันนี่ เจ้าไม่สบายเหรอ ที่นี่อากาศร้อนมาก เจ้าคงยังปรับตัวไม่ได้สินะ” จาฟาร์เดินเข้ามาหาร่างบาง และแตะหลังมือกับหน้าผากนูนสวย “ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา” จากนั้นปลายนิ้วเรียวก็เชยคางมนขึ้น
“ฮันนี่ เจ้าร้องไห้เหรอ”
พีรกานต์รีบยกมือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีและตั้งท่าจะเดินหนีชีคหนุ่มกลับไปยังห้องนอนของตน แต่ร่างสูงก็เดินเข้ามาขวาง พร้อมอ้อมแขนกักตัวหญิงสาวเอาไว้
“ฮันนี่ เจ้าเป็นอะไรไป แล้วร้องไห้ทำไมกัน” จาฟาร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน หัวใจของเขากระตุก เมื่อได้เห็นน้ำตาของเธอ
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ หลีกทางให้หน่อยเถอะ”
จาฟาร์ไม่ตอบ แต่ช้อนร่างบางขึ้นในวงแขน และพาเดินออกไปจากห้องโถง ภาพของชีคหนุ่มที่อุ้มร่างบางของนางฮาเร็ม แต่เป็นนางฮาเร็มพิเศษที่ถูกแยกออกมาต่างหาก ทำให้เหล่าสาวใช้และองครักษ์ที่ยืนอยู่เป็นจุดๆ ต้องมองตามอย่างอดไม่ได้ หนึ่งในนั้นมีสายตาคู่คมกริบของหัวหน้าองครักษ์ไฮซานรวมอยู่ด้วย
ชีคจาฟาร์ค่อยๆ วางร่างบางบนเตียงนุ่ม ก่อนทับทาบร่างหนาของตนลงไป ริมฝีปากร้อนผ่าวจุมพิตที่แก้มนวลเบาๆ อย่างปลอบโยน
“ถ้าข้าเป็นสาเหตุทำให้เจ้าต้องร้องไห้ ข้าก็ขอโทษเจ้าด้วย และข้าจะปลอบโยนเจ้าให้หายเศร้าโศกเสียใจ”
จาฟาร์กดริมฝีปากบนเรียวปากนุ่มชุ่มชื้น ก่อนสอดปลายลิ้นร้อนสากเข้าไปในโพรงปากนุ่มแสนหวาน มือใหญ่ลูบไล้ผิวกายนวลเนียนผ่านเนื้อผ้าบางเบา ริมฝีปากร้อนผ่าวถอนจุมพิตออก แล้วไล้เรื่อยต่ำลงมาตามลำคอขาวผ่อง ก่อนจะซุกซบที่ทรวงอกอวบ
ชีคหนุ่มดูดกลืนยอดถันสีสวยเข้าปาก แม้จะมีเนื้อผ้าโปร่งบางขวางกั้นอยู่ แต่มิอาจกั้นความร้อนจากริมฝีปากที่เป่ารดได้ ปลายลิ้นสากตวัดถี่รัวทิ้งความเปียกชื้นผ่านเนื้อผ้าให้ผิวกายได้สัมผัส พีรกานต์หลับตาพริ้ม อีกครั้งที่หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่หัวใจเรียกร้องได้ เพียงแค่จาฟาร์แนบกายใกล้ชิดสนิทสนม ร่างกายของเธอก็ตอบสนองอย่างเร่าร้อน
มือบางกดศีรษะทุยของชีคหนุ่มให้แนบชิดทรวงอกนุ่มมากกว่าเดิม หญิงสาวกำลังต้องการบางสิ่งที่มากกว่านี้ บางสิ่งที่ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ บางสิ่งที่ผสานร่างของคนทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกัน
จาฟาร์รับรู้ความต้องการของหญิงสาว มือใหญ่เคล้นคลึงทรวงอกอวบหยุ่นนุ่มนิ่มทั้งสองข้าง ก่อนจะปลดเข็มขัดคาดเอวบางออก และสอดฝ่ามือใหญ่เข้าไปสัมผัสเนื้อแท้ที่อยู่ภายใน ชีคหนุ่มลูบไล้ผิวเนื้อนวลเนียนไปมา ผิวเนียนนุ่มเรียบลื่นนั้นเรียกเลือดหนุ่มของจาฟาร์ให้เดือดพล่าน กลิ่นหอมจากกายสาวฉุดรั้งความเป็นชายให้ลุกชันขึ้นทันที
ชีคหนุ่มดึงผ้าโปร่งบางออกจากเรือนร่างระหงทั้งสองชิ้น จนร่างงามเปิดเปลือยปรากฏสู่สายตาคมกริบที่กวาดไล้ไปทั่วความงามตรงหน้าอย่างหลงใหล ก่อนที่มือใหญ่จะสำรวจไปทั่วร่าง ปทุมถันคู่งามถูกมือใหญ่ช้อนขึ้น ริมฝีปากร้อนๆ ขบเม้มยอดทรวงที่แข็งชัน แสดงถึงความต้องการทางร่างกายของหญิงสาว
จาฟาร์แยกต้นขาขาวผ่องออกกว้าง ปลายนิ้วเรียวสัมผัสเนินสวาทแสนสวย กรีดไล้ไปตามรอยแยกของกลีบกุหลาบดอกงาม พีรกานต์ครวญครางเสียงกระเส่า ใบหน้างามเหยเกด้วยความเสียวซ่าน ชายหนุ่มเคลื่อนริมฝีปากลงต่ำไปยังหน้าท้องแบนราบ ทักทายสะดือบุ๋มด้วยเรียวลิ้นร้อนสากทิ้งความเปียกชื้นเอาไว้เป็นร่องรอยของไฟพิศวาส ปลายนิ้วเรียวสอดเข้าไปในความอบอุ่นที่คับแน่นของหญิงสาว
ร่างบางของพีรกานต์ผวาเฮือก แอ่นหยัดร่างกายเข้าหาร่างหนาอย่างไม่อาย สะโพกส่ายไหวไปมาอย่างเชิญชวน ปลายนิ้วเรียวขยับเข้าออกเป็นจังหวะ เรียวลิ้นร้อนสากไล้ต่ำลงมาจนถึงเนินสวาท มือใหญ่อีกข้างช้อนสะโพกผายขึ้นจนลอยเด่น ปลายลิ้นร้อนสากตวัดไล้เกสรสาวที่ขยายนูนสีชมพูสวย
พีรกานต์หยัดสะโพกตอบรับเรียวลิ้นร้ายกาจทันที อย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือบางขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับย่น ก่อนจะทุบตีอย่างทรมาน แต่เป็นการทรมานที่แสนหวาน ใบหน้างามสะบัดส่ายไปมาจนผ้าที่คลุมผมหลุดออก เส้นผมสลวยกระจายเต็มหมอน ริมฝีปากอิ่มเปล่งเสียงครวญครางราวกับคนจะขาดใจ
จาฟาร์ดูดดื่มน้ำหวานจากเกสรสาวเข้าปาก ถอดถอนปลายนิ้วเรียวออกจากกลีบกุหลาบ ชายหนุ่มยันตัวขึ้นปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างกำยำอย่างรีบเร่ง จดจ่อแก่นกายเคล้าคลึงกุหลาบดอกงาม ก่อนกดเข้าไปจนสุดทางรัก ชายหนุ่มครางในลำคอ เมื่อถูกกุหลาบงามตอดรัดจนแทบแตะขอบสวรรค์ ร่างสูงขยับร่างเข้าออกอย่างเชื่องช้า โน้มตัวประกบริมฝีปากร้อนผ่าวลงบนเรียวปากนุ่ม ปิดกั้นเสียงครางของพีรกานต์และเสียงครางของตนเองเอาไว้
ชีคหนุ่มเร่งความเร็วมากขึ้น ไม่นานมือใหญ่ก็จับจูงมือเล็กก้าวข้ามขอบสวรรค์ไปพร้อมๆ กัน จาฟาร์ทรุดร่างลงทาบทับร่างบาง แต่ยังไม่ถอดถอนแก่นกายออก เขายังอยากอยู่ในร่างเธอแบบนี้ เพราะมันช่างให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน
“ฮันนี่ เจ้าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ให้ความสุขแก่ข้าได้มากขนาดนี้”
“ฉัน…” พีรกานต์อยากจะบอกเขาว่า ให้ลงไปจากตัวเธอซะที แต่ก็พูดไม่ออก เพราะสิ่งแปลกปลอมที่ยังคงอยู่ในร่างของเธอ มันเริ่มขยายตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว
“ฮันนี่ เจ้ากำลังร่ายมนตร์อะไรใส่ข้า” จาฟาร์ถามเสียงเบา “รู้มั้ย ว่าข้าอยาก…ขยับกาย…อยู่ในร่างที่งดงามของเจ้า” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า แต่ยังขยับเรือนกายตามคำพูดด้วย
“ท่านชีค…” ความเสียวกระสันครั้งเก่ายังจางหายไม่หมด ความเสียวกระสันครั้งใหม่ก็มาเยือนหญิงสาวต่อทันที
“ข้าบอกเจ้าแล้วไงฮันนี่ ว่าข้าจะพาเจ้าออกกำลังกายให้อาหารย่อย”
“ท่าน…ชีค” พีรกานต์ครางเสียงกระเส่าติดขัด เพราะความเสียวซ่านที่ส่วนกลางลำตัว
“จำเอาไว้นะฮันนี่ ตราบใดที่เจ้าอยู่กับข้า ข้าจะไม่หนีห่างจากกายของเจ้าเด็ดขาด”
จาฟาร์ขยับร่างหนาเนิบนาบ ใบหน้าคมคายก้มต่ำลงและครอบครองยอดทรวงสีสวยเข้าปาก ดูดกลืนอย่างจาบจ้วงรุนแรงตามอารมณ์ปรารถนาที่คุกรุ่นในจิตใจ
ชีคหนุ่มถอนริมฝีปากออกจากยอดทรวงสีสวย และถอดถอนแก่นกายออก จากนั้นพลิกร่างบางให้นอนคว่ำหน้าลงบนที่นอน มือใหญ่ช้อนสะโพกผายขึ้นให้หญิงสาวอยู่ในท่าคุกเข่า มือบางยันที่นอนเอาไว้มั่น จาฟาร์มองกลีบกุหลาบแสนสวยตรงหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะก้มลงตวัดปลายลิ้นกรีดไล้ตรงรอยแยกของกลีบกุหลาบ
“ทะ…ท่านชีค” พีรกานต์ครางออกมาทันที ลำแขนอ่อนแรงจนแทบจะพยุงร่างเอาไว้ไม่อยู่
จาฟาร์ดูดดื่มยอดเกสรดอกไม้สีแดงอวบอย่างหิวกระหาย ดื่มด่ำน้ำหวานที่ขับออกจากเกสรงามทุกหยาดหยด ร่างบางกระตุกค้างก่อนจะทรุดฮวบลงบนที่นอนอย่างอ่อนแรง ชีคหนุ่มใช้มือใหญ่ช้อนสะโพกงอนงามขึ้น จดจ่อแก่นกายกับกลีบกุหลาบ ก่อนจะเคล้าคลึงและกดลึกจนสุดทางสวาท
“ฮันนี่…เจ้าช่างคับแน่นเหลือเกิน” จาฟาร์เริ่มขยับร่างอีกครั้ง เขาขบริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง เพราะความเสียวซ่านรัญจวนใจ
ร่างสูงควบขับอย่างรุนแรง ความอบอุ่นบีบตัวตอดรัดถี่ระรัว จนในที่สุดร่างสูงก็ผวาเฮือกเกร็งกระตุก พร้อมเสียงคำรามลั่นอย่างสุขสม ก่อนจะทรุดตัวลงทาบทับร่างบางอีกครั้ง ลมหายใจของทั้งคู่หอบกระเส่า ร่างกำยำชื้นเหงื่อพลิกกายนอนหงาย เมื่อคิดว่าหญิงสาวอาจจะหนัก ดวงตาคมปรายตามองร่างบางที่ยังคงนอนคว่ำหน้าอยู่เช่นเดิม
ชีคหนุ่มกดริมฝีปากจุมพิตขมับบางของพีรกานต์ ก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
“ท่านพี่อยู่ไหน”
เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นนั้น ทำให้องครักษ์และหญิงรับใช้ต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก เสียงแบบนี้ทุกคนต่างรู้ดี ว่าองค์หญิงจัสมิน อับดุล บิน ฮัสซาร์ กำลังโกรธอีกแล้ว และเหตุที่ทำให้น้องสาวแสนสวยของท่านชีคโกรธ ก็คงเป็นเพราะการดูตัวที่ท่านชีคขยันหาชายหนุ่มจากแคว้นต่างๆ มาให้หญิงสาวดูตัว
“ข้าถามว่า ท่านพี่อยู่ไหน” จัสมินถามอีกครั้ง พร้อมกับกวาดตาคมที่เปล่งประกายแวววาวไปรอบๆ
“ท่านชีคกำลังอยู่ในห้องขอรับ” องครักษ์หนุ่มคนหนึ่งเป็นคนบอก และก้าวขวางหน้าเอาไว้แทบไม่ทัน เมื่อร่างบางขององค์หญิงจัสมินจะเดินไปทางห้องนอนของผู้เป็นพี่ชาย
“เจ้ามาขวางทางข้าทำไม หลีกไป”
“เอ่อ…ตอนนี้ท่านชีคไม่ได้อยู่ในห้องนอนนะขอรับ แต่อยู่ในห้องของนางฮาเร็มคนใหม่”
“อะไรนะ ที่ท่านพี่มีนางฮาเร็มคนใหม่งั้นเหรอ”
“ขะ…ขอรับ”
จัสมินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนถอนหายใจออกมาแรงๆ ใบหน้างดงามพยักขึ้นลงช้าๆ
“ดีล่ะ พวกเจ้าทุกคน ไม่ต้องบอกท่านพี่นะว่าข้ามา” หญิงสาวบอก “ถ้าใครปากโป้งไปบอกท่านพี่ล่ะก็…ได้เจอดีแน่” จัสมินคาดโทษเอาไว้ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ…น่าเห็นใจองค์หญิงจัสมินอยู่นะ ท่านชีคไม่น่าต้องบังคับน้องอย่างนี้เลย” หญิงรับใช้คนหนึ่งพูด
“นั่นสิ แต่ข้าก็เข้าใจท่านชีคหรอกนะ องค์หญิงควรจะมีคู่ครองได้แล้ว แต่องค์หญิงกลับไม่ยอมมีใจให้ใครสักที เห็นบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านพี่จนตายจากกันไปข้างหนึ่งเลย” หญิงรับใช้อีกคนบอก
“มิน่าล่ะ ท่านชีคถึงต้องให้ดูตัวอยู่เรื่อย คงไม่อยากให้น้องสาวอยู่เป็นโสดจนตายนั่นล่ะ”
“อืม…ข้าว่าน่าเห็นใจทั้งคู่นั่นล่ะ”
จากนั้นสาวใช้ทั้งสองจึงเดินไปทำหน้าที่ของตนที่ค้างไว้ต่อ
องค์หญิงจัสมินเดินกลับเข้าไปในที่พักของตน ซึ่งเป็นตึกสีชมพูหวานเพราะเจ้าของชอบสีชมพูนั่นเอง ร่างบางเดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้อง ครุ่นคิดถึงแผนการหนีออกไปจากวัง และในช่วงเวลานี้คงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด หญิงสาวหมุนตัวเดินเข้าไปในส่วนที่แยกถัดไปจากห้องนอน 10 นาทีต่อมา ร่างบางขององค์หญิงจัสมิน ออกมาอีกครั้งในชุดสีดำสนิทมีเข็มขัดคาดเอวเป็นสีเดียวกับชุด เส้นผมสลวยสีน้ำตาลแดงยาวถึงกลางหลัง บัดนี้ถูกรวบขึ้นเป็นมวยสูง และซ่อนตัวอยู่ในผ้าสีดำที่เธอใช้โพกศีรษะ ริมฝีปากอิ่มสีชมพูสดและปลายจมูกโด่งสวยถูกปิดบังด้วยผ้าสีดำเช่นเดียวกัน เหลือเอาไว้แต่ดวงตาคู่งามที่เปล่งประกายแวววาวตลอดเวลา
“องค์หญิงจัสมินเจ้าคะ อุ๊ย! องค์หญิงทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะเจ้าคะ” รอบีอะห์นางต้นห้องขององค์หญิงจัสมินอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างบางในชุดสีดำสนิท แต่รอบีอะห์ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ สติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบไป
“ขอโทษนะรอบีอะห์ ข้าจำเป็นต้องทำ” จัสมินย่อตัวลงนั่งยองๆ และแตะปลายนิ้วมือลงบนบ่าของรอบีอะห์ พร้อมกล่าวขอโทษที่ต้องทำให้หลับใหล ไม่มีใครล่วงรู้ว่าจัสมินเรียนรู้มนตราแห่งการหลับใหลมาจากชีคจาฟาร์ เธอลงทุนอ้อนวอนขอร้องให้พี่ชายสอนการใช้มนตร์ขลังแห่งบาร์ยาเนียให้ และชีคจาฟาร์ก็ใจอ่อนยอมสอนมนตร์แห่งการหลับใหล แม้จะไม่ใช่มนตร์ที่เธอต้องการ แต่ได้แค่นี้หญิงสาวก็พอใจมากแล้ว
จัสมินรีบเดินอ้อมร่างของรอบีอะห์ที่หลับใหลอยู่บนพื้นไปยังประตูห้อง ก่อนจะเปิดออกและย่องออกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหลบเร้นหนีองครักษ์และสาวใช้ออกมาจนถึงกำแพงที่ห้อมล้อมวังสีชมพูของเธอ จัสมินมองซ้ายมองขวาเท้าบางๆ ในรองเท้าหนังหุ้มข้อแบบผู้ชายกำลังจะเดินออกไปทางประตูใหญ่ แต่แล้วต้องหยุดชะงัก เมื่อคิดได้ว่าบริเวณประตูใหญ่มีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่ตลอดเวลา ร่างบางคิดหาหนทางอื่น แล้วสายตาก็พลันเห็นกำแพงที่สูงประมาณ 4 เมตร ข้างหน้าเธอนั้นมีช่องเล็กๆ ที่เท้าบางๆ เล็กๆ ของเธอจะใช้ปีนป่ายขึ้นไปได้ องค์หญิงแสนสวยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ถ้าเธอปีนข้ามไปได้อย่างปลอดภัยก็ดี แต่ถ้าเธอตกลงมาล่ะ พื้นดินฝั่งนี้เป็นปูนถ้าเธอตกลงมาคงเจ็บ หรือไม่ก็อาจมีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแตกหัก แต่ถ้าเธอตกลงไปฝั่งโน้นซึ่งเป็นพื้นทรายล้วนๆ ล่ะก็ ร่างบางของเธอก็แค่เจ็บและถลอกปอกเปิกเล็กน้อยเท่านั้น คงไม่มีอะไรแตกหัก
องค์หญิงจัสมินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เป็นการเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปชิดกำแพง และค่อยๆ ปีนป่ายขึ้นไปช้าๆ ในวัยเด็กจัสมินขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กแก่นแก้วแสนซน ชอบปีนป่ายต้นไม้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีต้นใดที่สูงขนาดนี้
ร่างบางหอบแฮ่กๆ เมื่อขึ้นไปอยู่บนสันกำแพง ดวงตาคู่สวยมองลงไปที่พื้นทรายด้านล่าง และใบหน้างามก็ต้องซีดเผือดเมื่อรู้สึกเสียววูบขึ้นมา จัสมินอยากเปลี่ยนใจและกลับลงไปยืนที่จุดเดิม แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว จะให้เธอลงไปอย่างตอนขาขึ้นมาง่ายๆ คงทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ขาของเธอสั่นพั่บๆ อย่างกลัวตก
จัสมินค่อยๆ ก้าวขาข้ามฝั่ง ปลายเท้าบางในรองเท้าหนังสอดเข้าไปในช่องกำแพง จากนั้นค่อยๆ ไต่ลงมา แต่แข้งขาของเธอสั่นจนหญิงสาวไต่ลงต่อไปไม่ได้ และเมื่อร่างบางสั่นมากๆ เข้า เท้าบางที่เหยียบในช่องกำแพงก็ลื่นพรืด ร่างบางห้องต่องแต่งอยู่ที่กำแพง เพราะมือบางยังจับสันกำแพงเอาไว้แน่น
“ว้าย!” หญิงสาวกรีดร้องอย่างตกใจสุดขีด มือบางเกาะขอบกำแพงได้ไม่นานก็หมดแรง ร่างบางร่วงลงสู่เบื้องล่างทันที
ร่างของจัสมินไม่ได้ตกลงสู่พื้นทรายอย่างที่คิด แต่กลับอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงอบอุ่นของใครคนหนึ่งเข้า ดวงตาคู่งามจ้องมองใบหน้าของบุคคลที่เป็นเจ้าของอ้อมแขนอันอบอุ่น กลิ่นกายผสมกับกลิ่นเหงื่อนั้น ไม่ทำให้จัสมินรู้สึกคลื่นเหียนเหมือนในเวลาที่เธอได้กลิ่นเหงื่อของเหล่าทหารองครักษ์ แต่กลับทำให้เธอต้องเผลอสูดดมอย่างไม่เข้าใจตัวเอง แล้วหญิงสาวก็ต้องเบิกตากลมโตกว้างขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้ได้อย่างชัดเจน
“หัวหน้าองครักษ์ไฮซาน!”