ตอนที่ 296 ความคิดไม่เข้าท่าของเถี่ยโส่ว
“ท่านชายเฟิงพึงพอใจกับของขวัญล้ำค่าชิ้นใดเจ้าคะ” นางรำทรงเสน่ห์ส่งเสียงนุ่มเอ่ยถามเฟิงอู๋โยวที่จ้องมองอย่างไม่ละสายตา
“ของขวัญล้ำค่า?”
เฟิงอู๋โยวตั้งสติ พลันถามกลับอย่างแปลกใจ “เหล่าบุรุษรูปงามล้ำเลิศเหล่านี้เป็นของขวัญล้ำค่าที่เซ่อเจิ้งหวางมอบให้จริงๆ หรือ”
คิ้วอันเรียวงามของนางรำทรงเสน่ห์ย่นเข้าหากันเล็กน้อย นางอธิบายเสียงแผ่ว “นายบำเรอทั้งหกคนนี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่ท่านราชครูไป๋หลี่เลือกสรรมาอย่างเอาใจใส่เจ้าค่ะ”
“ไป๋หลี่เหอเจ๋อ?”
“บุหงาจากพงไพรแม้สวย แต่น่าเสียดายที่มีหนาม”
ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันเฉียบคมของเฟิงอู๋โยวกรอกตาขึ้นเล็กน้อย แฝงแววขี้เล่นอยู่รำไร
นางรำทรงเสน่ห์ปิดปากคลี่ยิ้ม “ท่านชายเฟิงพูดจาตลกจังเจ้าค่ะ ท่านราชครูไป๋หลี่อุตส่าห์ตั้งใจเลือกนายบำเรอผู้บริสุทธิ์และไร้พิษภัย”
“ข้าไม่คิดเช่นนั้น”
เป็นดังที่เฟิงอู๋โยวพูด นางอยากรับ ‘ของขวัญล้ำค่า’ เหล่านี้จากไป๋หลี่เหอเจ๋อ
แต่ว่าหลังจากคิดดูแล้ว บุรุษรูปงามที่ไป๋หลี่เหอเจ๋ออุตส่าห์ตั้งใจเลือกมาต้องมีบางสิ่งที่พิเศษแน่นอน
แม้ว่านางจะไม่อาจนำมาใช้อุ่นเตียง[1]ได้ แต่ก็เป็นการดีที่จะใช้เพื่อกระตุ้นกิจการที่เรือนแพทย์พยากรณ์
ฟุบ
ทันใดนั้น ลูกดอกหนึ่งดอกก็พุ่งเข้าใส่เครื่องหัวหยกบนศีรษะของเฟิงอู๋โยวอย่างแม่นยำ
นางตาเร็วมือไว เอียงตัวเล็กน้อย ในชั่วพริบตาก็คว้าลูกดอกไว้ในกำมือแน่น
นางหลุบตาลงช้าๆ มีกระดาษข้อความคลุ้งกลิ่นไม้กฤษณาจางๆ ม้วนติดมากับลูกดอก
เห็นข้อความเขียนไว้ว่า “ขอมอบอัจฉริยะทั้งหกให้เจ้า พร้อมทั้งหัวใจของข้า”
เฟิงอู๋โยวกวาดตามอง จากนั้นก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“มันไม่ใช่หัวใจหมู กินไม่ได้ มอบให้ข้าจะมีประโยชน์อะไร”
เฟิงอู๋โยวเก็บลูกดอกเข้าไปในแขนเสื้อของนางอย่างไม่สนใจ ขณะกำลังจะเดินไปที่ประตู ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็เดินตรงเข้ามาหานางอย่างไม่เร่งรีบ
“เจ้าพอใจกับบุรุษรูปงามที่ข้ามอบให้หรือไม่”
“หยกขาวมีตำหนิ แต่ก็ยังพอไหว”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อคลี่ยิ้มเอ่ย “รูปลักษณ์ของพวกเขาดูคล้ายเซ่อเจิ้งหวาง อายุน้อยกว่าเล็กน้อย นิสัยอ่อนโยนกว่า ข้าสั่งให้ผู้เชี่ยวชาญฝึกพวกเขามา ทักษะบนเตียงเป็นเลิศกว่าเซ่อเจิ้งหวางร้อยเท่าแน่นอน”
เฟิงอู๋โยวจนปัญญา “เจ้าคิดจะบีบข้า?”
“เพื่ออิสตรีเลอโฉม แม้ตายกลายเป็นผีก็ยินดี[2]” สีหน้าของไป๋หลี่เหอเจ๋อเรียบนิ่ง ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะใช้ร่างกายของตัวเองบีบนางมากกว่าใช้ร่างของคนอื่น
“ในเมื่อเจ้ายืนกรานจะมอบให้ข้า เช่นนั้นเพียงเคารพมิสู้เชื่อฟังทำตาม[3]”
เฟิงอู๋โยวไม่อยากฉีกหน้ากับไป๋หลี่เหอเจ๋อ เพราะการวางอุบายทำร้ายคนของเขามักเป็นอุบายที่นางคาดไม่ถึง
ไป๋หลี่เหอเจ๋อพยักหน้าเล็กน้อย “คืนนี้ข้าจะส่งทั้งหกคนไปให้เจ้าพร้อมกัน”
“ได้ เป็นอันตกลง ข้ายังมีธุระสำคัญอื่นต้องทำ ขอตัวก่อน”
เฟิงอู๋โยวกำลังมุ่งหน้าไปที่โรงเตี๊ยมหลิงเทียน แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็ถูกฟู่เย่เฉินที่เอาพัดปิดครึ่งใบหน้าที่อยู่บนเวทีดึงดูดไว้อย่างอยู่หมัด
ภายใต้พัด ดวงตาเล็กเฉียวดุจนกการเวกของเขากึ่งยิ้มกึ่งหุบ เมามายพร่ามัว ท่วงท่างดงามเปี่ยมเสน่ห์
เวลานี้เหล่าคนดูด้านล่างเวทีล้วนถูกฟู่เย่เฉินกระชากวิญญาณไปแล้ว พวกเขาลืมทุกสรรพสิ่งไปอย่างสิ้นเชิง
สตรีใจกล้าบางคนแทบอยากจะทุ่มเงินอย่างหนักเพื่อได้ตัวเขามา
และยังมีเหล่าเศรษฐีน้ำลายสอที่แทบจะปีนขึ้นไปบนเวทีร่วมเต้นรำในบทลำนำดอกท้อไปกับฟู่เย่เฉินจนกว่าจะหมดแรง
เฟิงอู๋โยวถูกความงดงามแช่มช้อยอันโดดเด่นของฟู่เย่เฉินดึงดูด นางรู้สึกว่าเขาเหมือนดั่งหมอกควันสุดขอบฟ้า ล่องลอยไม่คงที่ จับต้องไม่ได้ ได้แต่มองดูอยู่ไกลๆ ไม่อาจเล่นด้วยได้
“ดี!”
“เต้นได้ดี!”
ตอนนี้ เสียงปรบมือด้านล่างเวทีดังกระหึ่มเคล้าเสียงตะโกนโห่ร้องดังเป็นระลอกๆ
เฟิงอู๋โยวอุทานขึ้นอย่างทึ่ง “นึกไม่ถึงว่าการที่ฟู่เย่เฉินขึ้นเป็นเต้นรำบนเวทีตามอำเภอใจจะสามารถกระชากวิญญาณคนดูได้มากมายขนาดนี้”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเม้มปากไม่เอื้อนเอ่ย ดวงตาดำวาวประกายแววเย็น
ณ ปากทางเข้าโรงเตี๊ยมหลิงเฟิง จวินมั่วหรันกำลังจ้องมองไป๋หลี่เหอเจ๋อ หลิงเทียนฉีและเฟิงอู๋โยวที่กำลังคุยสนุกด้วยใบหน้าอำมหิต ภายในใจรู้สึกอึดอัดยากจะระบาย
เขานั่งๆ ยืนๆ อยู่ไม่สุขรอนางในโรงเตี๊ยมหลิงเทียนเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม แต่นางกลับลืมคำเชิญของเขาไปเสียสนิท
หากเป็นปกติจวินมั่วหรันอาจจะหันกลับโดยไม่สนใจเฟิงอู๋โยว
แต่พอนึกถึงก่อนหน้านี้เมื่อสองสามชั่วยามก่อน ตอนที่เฟิงอู๋โยวข่มความกลัวเพื่อมอบเรือนร่างของตัวเองให้เขา ดวงตาของจวินมั่วหรันก็อ่อนลง
จุยเฟิงกับเถี่ยโส่วที่อยู่ด้านหลังเขามองหน้ากัน
เถี่ยโส่วตาไว เพียงแวบเดียวก็สังเกตเห็นว่านายบำเรอทั้งหกที่รุมปรนเปรอฟู่เย่เฉินอยู่บนเวทีมีบางอย่างผิดปกติ “จุยเฟิง ไฉนข้าถึงรู้สึกว่าคนเหล่านั้นบนเวทีคล้ายกับท่านใต้เท้ามาก”
จุยเฟิงมองพินิจไป๋หลี่เหอเจ๋อที่อยู่ข้างๆ เฟิงอู๋โยวที่ดูตระหง่านโดดเด่นราวกับยอดเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนและพูดเสียงต่ำ “ท่านราชครูไป๋หลี่เสียแรงครุ่นคิดอย่างหนักให้กับพิธีอภิเษกสมรสของท่านใต้เท้าจริงๆ”
“เจ้าหมายถึงท่านราชครูไป๋หลี่ชอบท่านใต้เท้าหรือ” ตาสองข้างของเถี่ยโส่วเหลือกกว้างและอุทานตกใจเสียงหลง
“เห้อ เถี่ยโส่ว ไฉนเจ้าถึงสมองต้นเอม[4]”
จุยเฟิงถอนหายใจอย่างเหลืออดก่อนอธิบายขึ้นเสียงเข้ม “เป็นไปตามคาด บุรุษทั้งหกคนบนเวทีน่าจะเป็นเพียงเครื่องมือประกอบฉากที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อใช้เพื่อเอาใจแม่ทัพเฟิง ไป๋หลี่เหอเจ๋อรู้ดีว่าแม่ทัพเฟิงตกหลุมรักท่านใต้เท้า จึงเลือกบุรุษรูปงามหลายคนที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายท่านใต้เท้ามาเพื่อสนองความต้องการแม่ทัพเฟิงและวางแผนที่จะเกลี้ยกล่อมแม่ทัพเฟิงด้วยกลยุทธ์บุรุษรูปงาม[5]”
“แต่ไฉนข้าถึงรู้สึกว่าสายตาของแม่ทัพเฟิงจับจ้องไปที่ฟู่เย่เฉินอยู่ตลอด” เถี่ยโส่วพูดขึ้น
“ชู่! เงียบๆ” จุยเฟิงรีบปิดปากและจมูกของเถี่ยโส่วเพราะกลัวว่าสิ่งที่เถี่ยโส่วพูดจะกระตุ้นให้จวินมั่วหรันโกรธ
ไฟอิจฉาของจวินมั่วหรันกำลังลุกโหม เขาในตอนนี้อยากจะถลกหนังหน้าของฟู่เย่เฉินออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ดูสิว่ายังจะสามารถยั่วยวนเฟิงอู๋โยวได้อีกหรือไม่
“ไปลากตัวฟู่เย่เฉินลงมาแล้วจุดไฟเผา!” จวินมั่วหรันตัวสั่นด้วยความโกรธ พอคิดว่าสายตาที่มีแค่เขาของเฟิงอู๋โยวกำลังจ้องมองชายอื่นอย่างสนใจ เขาก็แทบอยากจะจับบุรุษทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีตอนและฆ่าทิ้งทีละคน
จุยเฟิงเห็นเช่นนั้นก็กดเสียงต่ำปลอบจวินมั่วหรัน “ไม่ได้เด็ดขาดขอรับ ฟู่เย่เฉินเป็นขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นในราชสำนัก ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างละเอียดรอบครอบ ได้รับความเคารพนับถือจากประชาชน ดังนั้นจะฆ่าทิ้งตามอำเภอใจไม่ได้ขอรับ”
“เจ้าดูท่าทางเล่นหูเล่นตาเยี่ยงคนชั้นต่ำของเขาสิ! แบบนั้นไม่สมควรฆ่าทิ้งหรือ”
จวินมั่วหรันชี้ด้วยนิ้วไปที่ ฟู่เย่เฉินที่กำลังเดินบิดเอวไปมาราวกับงูเลื้อยคดเคี้ยวบนเวที ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็เกะกะสายตา
“ท่านใต้เท้าขอรับ กฎหมายแห่งแคว้นตงหลินไม่มีระบุว่าห้ามบุรุษเล่นหูเล่นตากับบุรุษด้วยกันเอง” จุยเฟิงรวบรวมความกล้าพูดขึ้น
จวินมั่วหรันโกรธจนพูดไม่ออก เขากลัวว่าเฟิงอู๋โยวจะถูกยั่วยวนด้วยความงามและกลัวว่านางจะโยนเขาทิ้งเหมือนรองเท้าชำรุด
เขาดูเหมือนคนที่ไม่ขาดแคลนอะไร แต่ถ้าสูญเสียนางไปเขาก็นึกไม่ออกเลยว่าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไรหลังจากนี้
จุยเฟิงไม่เคยเห็นจวินมั่วหรันกระวนกระวายจนทำตัวไม่ถูกเท่านี้มาก่อน เขารีบเข้าหาจวินมั่วหรันและเกลี้ยกล่อมอย่างไม่ลดละความพยายาม “ท่านใต้เท้าขอรับ หากท่านต้องการเอาชนะใจแม่ทัพน้อยเฟิงให้กลับมา ท่านต้องใช้เรือนร่างตัวเอง ท่านลองคิดดูสิขอรับ แม่ทัพเฟิงจิตใจยังโลเลอยู่ รอบกายรายล้อมไปด้วยเหล่านกกระจิบ นกนางแอ่น[6]อยู่ตลอด ไม่มีทางฆ่าทิ้งได้จนหมด ดังนั้นตอนนี้มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น”
“ว่ามา”
“ข้าวดิบได้กลายเป็นข้าวสุก[7]แล้ว” จุยเฟิงพูดอย่างจริงใจ
“ไม่ ข้าไม่อยากทำให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเสีย”
จุยเฟิงอึ้งกับคำพูดของจวินมั่วหรันจนพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าจวินมั่วหรันผู้ที่ใช้ความรุนแรงเข้าสยบปัญหาจะเริ่มมองหน้าเหลียวหลัง
ในทางกลับกัน ราวกับเถี่ยโส่วถูกเบิกเนตรขึ้นมา ดวงตาของเขาเป็นประกาย จากนั้นเขาก็กระซิบข้างหูของจวินมั่วหรัน “ท่านใต้เท้าขอรับ ข้าน้อยนึกแผนดีๆ ได้แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่”
“ลองว่ามา” ดวงตาของจวินมั่วหรันผุดแววสงสัย เขารู้สึกว่าเถี่ยโส่วไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไร
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เถี่ยโส่วก็รู้สึกตื่นเต้นมากจนเกือบจะประกบริมฝีปากของเขาลงบนหูของจวินมั่วหรัน
จวินมั่วหรันเหลือบมองด้วยความขยะแขยง “เจ้าจะทำอะไร”
เถี่ยโส่วพูดอย่างจริงจัง “ท่านใต้เท้า กอดข้าน้อยให้แน่นขอรับ!”
“…” จวินมั่วหรันมองเขาเหมือนมองคนโง่
“ท่านใต้เท้าขอรับ รีบๆ กอดข้าน้อยให้แน่น! หากแม่ทัพเฟิงมีท่านใต้เท้าอยู่ในใจ เขาจะต้องหึงหวงอย่างแน่นอน จากนั้นก็จะรีบวิ่งมากระชากข้าน้อยออก เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงอันตราย เขาก็จะรู้ว่าท่านใต้เท้าสำคัญกับเขามากเพียงใด”
เถี่ยโถ่วยิ้มยิงฟัน วางท่าทะมัดทะแมง ยืดอกเบ่งกล้าม จ้องมองจวินมั่วหรันอย่างดุดันและเตรียมใจที่จะถูกเฟิงอู๋โยวฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“สมองทึ่ม”
จวินมั่วหรันมองเขาอย่างเย็นชา ในที่สุดก็เข้าใจว่าเหตุใดจุยเฟิงถึงเรียกเถี่ยโส่วว่า ‘สมองทึ่ม’
เมื่อเห็นจวินมั่วหรันตะลึงอยู่กับที่และมองเขาด้วยสายตาที่ราวกับมองคนตาย เถี่ยโส่วก็กระวนกระวายขึ้นมา แต่กระนั้นก็พูดออกไปอย่างห้าวหาญ “หากท่านใต้เท้าไม่ต้องการกอดข้าน้อย เช่นนั้นข้าน้อยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเป็นฝ่ายเริ่ม เสียสละตัวเองเพื่อทำให้พิธีอภิเษกสมรสที่สวรรค์กำหนดมาระหว่างท่านกับแม่ทัพเฟิงเกิดขึ้นจริง”
ทันทีที่พูดจบ เถี่ยโส่วก็รวบรวมกำลังทั้งหมดของเขา ก้าวไปข้างหน้า กอดเอวที่แข็งแกร่งของจวินมั่วหรันด้วยความเร็วดุจสายฟ้าและอุ้มเขาขึ้น
มุมปากของจวินมั่วหรันกระตุกอย่างรุนแรง ใบหน้าอันหล่อเหลาไร้เทียมทานของเขาแดงก่ำในทันที
เขาอับอายจนโกรธจัด ดวงตาสีดำประกายทองของเขาฉายแววรำคาญ ถ้าไม่เห็นว่าเถี่ยโส่วติดตามรับใช้เขามาหลายปี ป่านนี้เขาคงโยนเถี่ยโส่วลงไปในคูเมืองให้ปลากินไปแล้ว
ปึ่ง!
จวินมั่วหรันเค้นแรงทั้งหมดจับตัวเถี่ยโส่วที่อุ้มเขาด้วยท่าแปลกๆ และทุ้มพาดไหล่ไปด้านข้าง
เขาจัดชายเสื้อที่ถูกเถี่ยโส่วกำจนยับด้วยท่าทางหงุดหงิดพร้อมกับพูดอย่างเคร่งขรึม “อย่าทำเสื้อผ้าของข้ายับ อู๋โยวเป็นคนขี้หึง หากเห็นเข้าจะต้องนึกสงสัยเป็นแน่”
เถี่ยโส่วคว่ำปากอย่างน้อยใจ เขาคิดว่าตัวเองได้เสียสละครั้งใหญ่แต่จวินมั่วหรันกลับดูรังเกียจและจับเขาทุ่มอย่างไม่สนใจเหมือนไล่ยุงและแมลงวัน
จุยเฟิงเอามือก่ายหน้าผาก เขารู้ดีว่าเถี่ยโส่วเป็นพวกบกพร่องทางด้านอารมณ์ที่แก้ไม่หาย
[1]อุ่นเตียง หมายถึงการพาหญิงสาวหรือชายหนุ่มมาหลับนอนร่วมเตียงด้วย
[2]เพื่ออิสตรีผู้เลอโฉม แม้ตายกลายเป็นผีก็ยินดี หมายถึงไม่ว่าใครก็ไม่อาจรอดพ้นเสน่หาของสตรีหรือบุรุษที่ตนคู่ควรได้ จนต้องยอมสละทุกสิ่งเพื่อให้ได้มา
[3]เพียงเคารพมิสู้เชื่อฟังทำตาม หมายถึงแม้จะไม่กล้าทำ แต่ขัดขืนไปก็ไม่ดี เป็นคำสุภาพเมื่อรับแขกหรือของขวัญจากอีกฝ่ายหนึ่ง
[4]สมองต้นเอม หมายถึงคนสมองทึ่ม แข็งทื่อไม่ยืดหยุน
[5]กลยุทธ์บุรุษรูปงาม เป็นคำที่ดัดแปลงมาจากคำว่า กลยุทธ์สาวงาม หมายถึงการการโจมตีจุดอ่อนทางใจเพื่อกำจัดศัตรู โดยใช้มนตร์เสน่ห์ของคนรูปงามเข้ายั่วยวนหว่านล้อมศัตรูยามช่วงที่มีสภาพจิตใจอ่อนแอที่สุด
[6]นกกระจิบ นกนางแอ่น หมายถึงสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การผสมพันธุ์ ส่วนใหญ่มักใช้เปรียบเปรยนางหรือนายบำเรอจำนวนมาก
[7]ข้าวดิบหุงเป็นข้าวสุก หมายถึงเรื่องราวเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนได้อีก มีเพียงต้องยอมรับความจริง
MANGA DISCUSSION