ตอนที่ 176 กลยุทธ์ทุกข์กาย / ตอนที่ 177 หยุนเฟยไป๋ ราชทายาท แห่งแคว้นหยุนฉิน
ตอนที่ 176 กลยุทธ์ทุกข์กาย[1]
จวินมั่วหรันดีใจเป็นที่สุดทีเฟิงอู๋โยวเชิญเขาเข้ามาในห้อง หรือว่านางตัดสินใจจะให้เขาสำรวจร่างกาย?
เมื่อคิดเช่นนี้ ริมฝีปากบางๆ ที่เม้มเล็กน้อยของเขาก็รั้งขึ้นเป็นมุมโค้งอย่างไม่รู้ตัว
ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นจวินมั่วหรันอมยิ้มแบบนี้ ต่างก็รู้สึกตกใจราวกับเห็นผี
เพราะเล่าลือกันว่า เซ่อเจิ้งหวางเป็นพวกเหี้ยมโหดรุนแรงและฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา
จะยิ้มได้ก็ต่อเมื่อตอนทำเรื่องทารุณโหดร้าย
แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ก่อนหน้านี้มีไป๋หลี่เหอเจ๋อที่นอนอยู่หน้าเรือนแพทย์พยากรณ์ ไม่ว่าใครจะเข้าไปช่วยก็ไม่ยอมลุก ต่อมามีจวินมั่วหรันจอมกระหาย อมยิ้มมีความสุข…วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“บาดเจ็บสาหัสแบบนี้แล้วยังมีกะจิตกะใจจมองสาวอื่นอีก!” เฟิงอู๋โยวเหลือบเห็นใบหน้ายิ้มกระหยิ่มของจวินมั่วหรันก็แค่นเสียงพูดอย่างอารมณ์เสีย
“ไม่ร้ายแรงขนาดนั้น อย่างน้อยก็ยังใช้การได้”
“แล้วได้ใช้มันหรือยัง”
เฟิงอู๋โยวมองเขาอย่างสงสัย เมื่อคืนเขาได้รับบาดเจ็บและเมื่อเช้าก็ใช้เวลาไปหลายชั่วยามที่ศาลต้าหลี่ ดังนั้นเขาไม่น่ามีเวลาทำอย่างอื่น
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะไปที่ศาลต้าหลี่ เขาก็ยังพอมีเวลาเล็กน้อยเพื่อลองทดสอบการทำงานของตรงส่วนนั้นของเขาอยู่บ้าง
อยู่ๆ จวินมั่วหรันก็รู้สึกว่าท่าทางขมวดคิ้วเค้นถามของเฟิงอู๋โยวดูเหมือนภรรยาที่กำลังเค้นถามสามีว่าได้ไปเล่นซนที่ไหนมาหรือเปล่า…ทำให้นางตอนนี้ดูน่ารักน่าหลงใหลยิ่งนัก
เมื่อคิดว่านางน่าจะหึง จวินมั่วหรันก็นึกสนุกขึ้นมา
“…” จวินมั่วหรันนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ!
เฟิงอู๋โยวเห็นแบบนั้นก็ยิ่งโกรธ นางใช้เวลาทั้งคืนรักษาบาดแผลของเขา เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป
นึกไม่ถึงว่าจวินมั่วหรันจะใจร้อนลองทดสอบการใช้งานตรงนั้นของตัวเอง
“แค่เรื่องเล็กน้อย เจ้าจะโกรธไปทำไม” จวินมั่วหรันมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังหน้าบึ้ง ปีกจมูกกระเพื่อมเล็กน้อย ลมหายใจฟืดฟาด
เฟิงอู๋โยวสะบัดหน้าและปัดมือของจวินมั่วหรันที่จับบนไหล่ของนางออกทันที “กระหม่อมมีธุระอื่นต้องทำ ดังนั้นไม่ต้องตามกระหม่อมมาแล้ว”
หัวใจของจวินมั่วหรันรู้สึกโหรงเหรงขึ้นมาทันที
ถ้ารู้ว่านางเป็นคนขี้หึงแบบนี้ตั้งแต่แรก เขาจะไม่หยอกนางเด็ดขาด
เขาได้แต่เดินตามหลังต้อยๆ อย่างจนปัญญา อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองหาเรื่องใส่ตัวเอง
“เฟิงอู๋โยว หายโกรธได้แล้ว ข้าแค่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้น ข้ายังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่”
“ท่านกล้าพูดสาบานหรือไม่ว่าตัวเองไม่เคยแตะต้องผู้หญิงหน้าไหนมาก่อน”
จวินมั่วหรันนึกถึงหัวขโมยหญิงสาวก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที แต่ในสถานการณ์แบบนี้คงไม่เหมาะที่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เขาจึงปฏิเสธ “ไม่”
“จริงอย่างที่เขาบอก คำผู้ของพวกผู้ชายเชื่อถือไม่ได้” เฟิงอู๋โยวโกรธยิ่งกว่าเดิม
นางไม่เข้าใจว่าทำไมจวินมั่วหรันถึงโกหกนาง
มุมปากจวินมั่วหรันเกร็งกระตุก แวบหนึ่งเขาอยากจะตีนางจนกว่านางจะเชื่อฟังให้รู้แล้วรู้รอด
นับวันยิ่งเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่พอใจอะไรหน่อยก็หาเรื่องทะเลาะกับเขาทุกครั้ง
ตนเองยิ่งได้รับการชื่นชอบเป็นที่โปรดปราน ก็ยิ่งได้ใจไปกันใหญ่ มันต้องรู้จักพอเหมาะพอควรบ้าง
“เฟิงอู๋โยว หยุด!”
“ไหนสัญญากับกระหม่อมแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไว้หน้ากระหม่อม หากท่านคิดจะใช้กำลังกับกระหม่อม รบกวนช่วยรอตอนคนน้อยๆ หน่อยไม่ได้หรือ”
เมื่อเห็นท่าทางน้อยใจของนาง จวินมั่วหรันจึงพยายมระงับความโกรธในใจลงและพูดช้าๆ อย่างใจเย็น “หากเจ้าเชื่อฟังและทำตัวดีๆ ข้าจะใช้ความรุนแรงกับเจ้าได้เยี่ยงไร”
เฟิงอู๋โยวเม้มปากและทำท่าไม่สนใจเขา
เมื่อคิดว่าจวินมั่วหรันคงเหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ที่สามารถนอนกับสาวใช้ในบ้านคนนั้นคนนี้ไปเรื่อน อยู่ๆ เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมาในใจ
แก้มนางป่องขึ้นมาด้วยความโมโห ก่อนวิ่งหนีไปราวกับพายุเพื่อไม่ต้องการให้จวินมั่วหรันตามนางมาอีก
“ช่วยข้าด้วย…อู๋โยวช่วยข้าด้วย”
“เจ็บ เจ็บจัง…”
เฟิงอู๋โยวเพิ่งก้าวเข้าในเรือนแพทย์พยากรณ์จากประตูด้านหลังก็ได้ยินเสียงผู้ชายแผ่วเบาดังมาจากนอกประตู นางตกใจเล็กน้อยก่อนโผล่หัวออกไปมองไปรอบๆ “ใครเรียกข้า”
กู่หนานเฟิงบุ้ยปากชี้ไปตรงทางเข้าเรือนแพทย์เพื่อพยายามบอกนางให้มองไป๋หลี่เหอเจ๋อที่นอนอยู่บนพื้นก่อนเอ่ย “หลังจากฟู่เย่เฉินกับไป๋หลี่เหอเจ๋อกลับมาจากศาลต้าหลี่ก็ถูกล้อมโจมตี ฟู่เย่เฉินถูกม้าไล่กระทืบหน้าและหนีไป ส่วนไป๋หลี่เหอเจ๋อถูกลูกธนูยิงสองดอกตรงจุดสำคัญทั้งสองจุด ดอกหนึ่งอันตรายถึงชีวิต อีกดอกเกือบทำเอาเขาสืบสกุลไม่ได้”
ตอนที่ 177 หยุนเฟยไป๋ ราชทายาท แห่งแคว้นหยุนฉิน
เฟิงอู๋โยวกวาดมองไป๋หลี่เหอเจ๋อในสภาพรอมร่อด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและนึกอยากหัวเราะใส่ “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง สมน้ำหน้า”
แต่เมื่อได้ยินว่าจวินมั่วหรันเอาคืนฟู่เย่แทนนางแบบนั้น ความโกรธในใจเมื่อครู่ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อครู่ถูกจวินมั่วหรันยั่วโมโหจนหน้ามืด
คนที่หยิ่งทระนงตนแบบเขาจะทำตัวเหมือนจี้มั่วจื่อเฉินได้เยี่ยงไร
“หาตัวฉู่อีอีเจอหรือยัง” เฟิงอู๋โยวยืนพิงบานประตู พลางหันไปถามกู่หนานเฟิง
กู่หนานเฟืงส่ายหน้า “คาดว่าน่าจะมีคนแอบช่วยเหลือ หลังจากนางถูกทหารนำตัวออกจากศาลต้าหลี่ก็หายตัวไปเลย”
“ทางทหารรายงานว่าเยี่ยงไร”
“รายงานมาว่า ได้นำศพของนางไปประกอบพิธีกรรม แต่ข้ามองว่าคนอย่างอีอีไม่ตายง่ายๆ หรอก แม้ว่านางจะเลือดออกไม่หยุด แต่แค่เป็นเพราะมดลูกได้รับความเสียหายแค่นั้น”
เฟิงอู๋โยวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ก่อนหน้านี้คิดว่าอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของไป๋หลี่เหอเจ๋อ นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าที่มาที่ไปของนางจะมีเงื่อนงำซับซ้อนแบบนี้”
“ทั่วแคว้นตงหลิน นอกจากเซ่อเจิ้งหวางแล้ว มีใครบ้างที่กล้าต่อกรกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ เพียงแต่เซ่อเจิ้งหวางคุ้นชินกับการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา แต่ภายในใจคงไม่ได้เจ้าเล่ห์เพทุบายแบบนั้น”
“บางทีเจ้านายที่แท้จริงของฉู่อีอีอาจจะไม่ใช่คนของแคว้นตงหลิน”
เมื่อนางพูดขึ้นเช่นนี้ รูม่านตาของกู่หนานเฟิงก็หดเกร็งลงทันที ต่อมาเขาก็หลุดพูดชื่อแปลกๆ แต่ฟังดูคุ้นหูออกมาชื่อหนึ่ง “หยุนเฟยไป๋!”
“หยุนเฟยไป๋?”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูมาก แต่เหมือนจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
กู่หนานเฟิงมองนางอย่างแปลกใจ “เจ้าไม่รู้ว่าหยุนเฟยไป๋คือใครอย่างนั้นหรือ”
“จำไม่ได้”
“แปลก! หยุนเฟยไป๋ที่เป็นราชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉิน เจ้าไม่รู้จักจริงๆ หรือ”
กู่หนานเฟิงมองพินิจเฟิงอู๋โยวข้างหน้าที่ไม่รู้อะไรเลย เขาคิดในใจว่า ในเมื่อเฟิงอู๋โยวเป็นทหารแห่งแคว้นเป่ยหลีที่เปี่ยมประสบการณ์ เชี่ยวชาญศึกสงครามมาเป็นเวลาหลายปี ก็ต้องรู้จักบุคคลที่เหี้ยมโหดพอๆ กับจวินมั่วหรันอย่างราชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินชื่อคนนี้
ไม่นาน เเฟิงอู๋โยวก็นึกออกว่ามีราชทายาทที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่คนหนึ่งในแคว้นหยุนฉิน
มีข่าวลือว่า ไท่จือแห่งแคว้นหยุนฉินผู้นี้กระหายเลือดและโหดร้ายมาก ทุกครั้งที่เขายึดเมืองใดได้ เขาจะสั่งสังหารหมู่คนในเมืองและเอาเลือดของผู้คนเหล่านั้นมาย้อมประตูเมือง
ดังนั้น เฟิงอู๋โยวจึงรู้สึกไม่ดีต่อราชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินผู้นี้เท่าไรนัก
“เฟิงอู๋โยว เจ้าไม่รู้จักหยุนเฟยไป๋ผู้นี้จริงๆ หรือ” กู่หนานเฟิงถามเฟิงอู๋โยวอย่างสงสัย
“จำได้แล้ว ฆาตกรปีศาจโรคจิต”
ทันทีที่เฟิงอู๋โยวพูดจบและกำลังจะหันกลับมา อยู่ๆ จวินมั่วหรันก็ปรากฏตัวต่อหน้านางอีกครั้ง
“จำไว้ อย่าไปมีเรื่องหยุนเฟยไป๋”
เมื่อพูดถึงหยุนเฟยไป๋ ดวงตาสีดำก็อัดแน่นไปด้วยไฟโทสะ พร้อมกับสั่งเฟิงอู๋โยวเสียงเคร่งขรึม
“รู้แล้ว”
เมื่อเห็นท่าทางเชื่อฟังของเฟิงอู๋โยว จวินมั่วหรันก็ดึงแขนของนางเบาๆ พร้อมกับพูดช้า ๆ “เปลี่ยนยาให้ข้า”
เฟิงอู๋โยวส่ายหัว “ไม่ขอรับ เดี๋ยวให้กู่เหวยเหมิ่งทำแผลเปลี่ยนยาให้”
“กู่เวยเหมิ่ง?”
จวินมั่วหรันมองไปที่กู่หนานเฟิงอย่างเย็นชา ภายในใจรู้สึกไม่เป็นสุขขึ้นเรื่อยๆ
เจ้านี่เพิ่งมาที่นี่แท้ แต่คนของเรากลับไปตั้งชื่อให้เขาใหม่แบบนี้ มันน่าหงุดหงิดชะมัด!
กู่หนานเฟิงปัดมือปฏิเสธ “ไม่ดีกว่า ข้ายังไม่ได้กินข้าว ขืนทำแผลเปลี่ยนยาให้เสร็จ ข้าคงไม่ได้กินข้าว”
“วางใจเถิด เห็นใบหน้าหล่อเหลาท่านใต้เท้าแบบนี้ เรือนร่างก็เป็นไม่ต่างกัน แต่ยังห่างไกลจากคำว่าสวยงามทานได้อีกเยอะ “เฟิงอู๋โยวพูดอย่างไม่ใส่ใจ แต่นางลืมไปเสียสนิทว่าก่อนหน้านี้นางยังอยากเลียเส้นเลือดที่กล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาอย่างหิวโหยอยู่เลย
“ข้าหมายความว่าข้ายังไม่ได้กินข้าวที่เป็นข้าวจริงๆ ขืนได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น ข้าคงกินข้าวไม่ลง”
จวินมั่วหรันอึดอัดใจเป็นที่สุด เพราะเฟิงอู๋โยวกำลังวิจารณ์เรือนร่างของเขาอีกครั้ง!
ผู้ชายก็มีแบบนี้ทุกคนไม่ใช่หรือ…ไม่รู้จริงๆ ว่านางรังเกียจอะไรนักหนา
“เฟิงอู๋โยว”
“ก็ได้! กระหม่อมจะทำแผลเปลี่ยนยาให้ท่านเอง”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เยือกเย็นลงของเขาที่ราวกับมีเมฆฝนอึมครึมลอยอยู่บนหัว นางก็หดคอห่อไหล่ลงอย่างไม่รู้ตัว ก่อนรวบรวมความกล้าพาเขาเดินเข้าไปในเรือนแพทย์
ปึ้ง!
จวินมั่วหรันปิดประตูลงอย่างเคยชิน ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เข้าใกล้นางทีละก้าว
เฟิงอู๋โยวเงยหน้าขึ้นมองจวินมั่วหรันอย่างเขินอาย ก่อนพูดตะกุกตะกัก “รบกวนท่านใต้เท้าขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยขอรับ กระหม่อมจะเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้ใหม่”
เขาจับคางเฟิงอู๋โยวด้วยมือข้างหนึ่งและถามนางเสียงเรียบ “ข้าน่าเกลียดหรือ”
“ท่านใต้เท้าหล่อเหลารูปงามเป็นที่สุดขอรับ”
“แล้วถ้าเทียบกับเจ้าแล้ว ข้าดูเป็นเยี่ยงไร”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน จวินมั่วหรันไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้ออกไปเด็ดขาด
แต่ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าเฟิงอู๋โยวที่เคยเห็นเขาตอนเปลื้องผ้าทำแผลแล้วบอกว่าเขาน่าเกลียดก่อนหน้านี้ จะคิดว่าตัวเองเป็นเยี่ยงไรเมื่อเทียบกับเขา
เฟิงอู๋โยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ล้มเลิกความคิดที่จะเปรียบเทียบรูปร่างหน้าตาของตัวเองกับเขา นางกระซิบออกไปเสียงแผ่ว “อย่างที่เขาว่ากัน พูดมากไปใช่ว่าดี แต่โดยส่วนตัวคิดว่าตัวกระหม่อมเองก็ดูดีไม่น้อย ฮิฮิ…”
จวินมั่วหรันแค่นเสียงในลำคอก่อนเดินไปที่เตียง “มาเปลี่ยนยาให้ข้า”
จากนั้น เฟิงอู๋โยวก็เตรียมของอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินถือถาดเครื่องมือและยาไปหาจวินมั่วหรันอย่างไม่เต็มใจ
จวินมั่วหรันหลับตานอนราบแน่นิ่งอยู่บนเตียง
เฟิงอู๋โยวยกมือข้างหนึ่งทาบหน้าอกตัวเองพร้อมกับหายใจลึกๆ หลายครั้ง ก่อนรวบรวมความกล้าปลดผ้าพันแผลที่หน้าอกของจวินมั่วหรันออก
“ท่านใต้เท้าควรระมัดระวังกว่านี้นะขอรับ อันที่จริงบาดแผลบริเวณนี้ควรเริ่มสมานและค่อยๆ ตกสะเก็ดไปบ้างแล้ว แต่ตอนนี้ปากแผลเปิดอีกครั้งแล้ว ขืนปากแผลเปิดแบบนี้ซ้ำๆ มันจะทิ้งรอยแผลลึกอย่างแน่นอน”
“ไม่มีปัญหา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกโกรธ “ท่านไม่คิดจะฟังกันหน่อยหรือ”
“เฟิงอู๋โยว ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ”
“บอกว่าอะไร”
“ข้าผู้นี้ไม่เคยมีนางบำเรอ อยู่คนละขั้วกับจี้มั่วจื่อเฉิน ข้าไม่เคยแตะต้องสาวรับใช้ในตำหนักเลยแม้แต่ปลายนิ้ว”
“อืม”
เฟิงอู๋โยวเม้มปากอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรขึ้นต่อ
นางแอบมีความสุขก็จริง แต่ถ้าถามว่าทำไมนางถึงแอบมีความสุข นางก็ตอบไม่ได้ว่าทำไม
บางทีนางอาจจะเริ่มรู้สึกดีกับจวินมั่วหรันแล้วกระมัง
หรืออาจจะมากกว่ารู้สึกดีก็เป็นได้
เมื่อคิดเช่นนี้ นางจึงรีบหยิกแก้มตัวเองอย่างแรง
นี่ตัวเองกำลังคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับจวินมั่วหรันคนเจ้าอารมณ์อยู่อย่างนั้นหรือ!
ความอ่อนโยนของเขาเป็นเพียงภาพลวงตา ความรุนแรงของเขาต่างหากคือธรรมชาติที่แท้จริงของเขา
ถ้าตกหลุมรักคนแบบนี้ขึ้นมา จุดจบไม่สวยแน่
จวินมั่วหรันมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังหยิกแก้มของนางจนแดง ก่อนจับข้อมือของนางด้วยความไม่พอใจ “ข้ากำลังทำให้เข้าลำบากใจหรือไม่”
“ไม่ขอรับ”
เฟิงอู๋โยวปฏิเสธเสียงเรียบ นางรีบดึงมือออกอย่างรวดเร็วก่อนมุ่งความสนใจไปที่การเปลี่ยนยารักษาให้เขา
นางจ้องไปที่ชุดคลุมเปื้อนเลือดอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็ตัดผ้าส่วนที่เปื้อนเลือดออกและเช็ดทำความสะอาดบาดแผลที่เปื้อนเลือดด้วยผ้าสะอาดอย่างเบามือ ขณะกำลังจะโรยผงยาลงไป ก็พบว่ามีแป้งบางๆ เปื้อนอยู่ตามบาดแผล
“…”
นี่แป้งอะไร
หรือว่าเป็นเพราะนางบอกว่าเขาน่าเกลียด เขาจึงพยายามใช้แป้งกลบรอยแผลอย่างนั้นหรือ
มุมปากเฟิงอู๋โยวเกร็งกระตุก นางอึ้งจนพูดไม่ออก
“แค่กๆ”
จวินมั่วหรันสัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มแปลกๆ จึงกระแอมไอเพื่อกลบเกลื่อน
สักพักเฟิงอู๋โยวก็ตั้งสติกลับมาได้
แก้มของนางร้อนผ่าวขึ้นมา ปากที่พูดมากเป็นต่อยหอยก่อนหน้านี้ เม้มเข้าหากันแน่น ไม่พูดจา
“เจ้าเป็นอะไร” จวินมั่วหรันเห็นใบหน้าแดงเรื่อของเฟิงอู๋โยวจึงถามขึ้นอย่างสงสัย
“ท่านใต้เท้าขอรับ ผงแป้งผสมไขมันของผู้หญิงใช้กับบาดแผลไม่ได้นะขอรับ ห้ามใช้มั่วซั่ว หากแผลของท่านยังไม่แห้งสนิท ห้ามทาเครื่องสำอางลงไปเด็ดขาด หากติดเชื้อขึ้นมาจะรักษายากกว่าเดิมนะขอรับ”
“หุบปาก”
จวินมั่วหรันรู้สึกอายจนโมโห
สวรรค์รู้ดีว่าทำไหมเขาถึงทำเรื่องแบบนี้!
“ยาดีแม้มีรสขมแต่รักษาโรคได้ฉันใด คำพูดที่จริงใจแม้ฟังขัดหูแต่ย่อมมีประโยชน์ต่อการปรับปรุงตัวฉันนั้น…ดังนั้น ถ้าอยากหายไวๆ ก็อย่าทาเครื่องสำอางลงไป”
“พอได้แล้ว”
จวินมั่วหรันหน้าแดงก่ำจนอยากจะเคาะมะเหงกเฟิงอู๋โยวหนักๆ สักที
ก็อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังลอยมาจากข้างนอก
“เซ่อเจิ้งหวาง ข้าได้ยินจากทหารเฝ้ายามที่ตำหนักของท่านมาว่า ท่านมาพักฟื้นรักษาบาดแผลที่เรือนแพทย์พยากรณ์ ข้าจึงสั่งให้ชิวเซียงตุ๋นซุปไก่มาให้ ข้าขอเข้าไปได้หรือไม่” เย่เชี่ยวเคาะประตูเบาๆ พอคิดว่าอีกเดี๋ยวจะได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของจวินมั่วหรัน ก็รู้สึกดีใจกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
ตอนนี้เฟิงอู๋โยวทำแผลให้เขาเสร็จพอดี ประสาทสัมผัสของนางที่เพิ่งจะผ่อนคลายลงก็กลับมาตื่นตัวเพราะเสียงหวานๆ ของเย่เชี่ยวอีกครั้ง
ดวงตาเฉี่ยวคมทรงดอกท้อกวาดมองจวินมั่วหรันที่กำลังใส่เสื้อผ้าอยู่พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ให้เย่เชี่ยวออกไปเร็วๆ อย่านำกลิ่นแป้งหอมเข้ามาในเรือนแพทย์ของกระหม่อม กระหม่อมไม่ชิน”
ปึ้ง!
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบในห้อง เย่เชี่ยวจึงเปิดประตูเข้ามา “เซ่อเจิ้งหวางอาการดีขึ้นหรือยัง”
และทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นมา ก็พบกับจวินมั่วหรันในสีหน้าไร้ความรู้สึกนั่งอยู่บนเตียง
ส่วนเฟิงอู๋โยวกำลังก้มหน้าหมอบอยู่ข้างหน้าเขา ไม่รู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
“ออกไป” ดวงตาดำสนิทของจวินมั่วหรันมองใบหน้ายิ้มแย้มของเย่เชี่ยวอย่างหงุดหงิด
โชคดีที่เขาใส่เสื้อผ้าเสร็จไว ขืนถูกผู้หญิงเห็นสภาพเขาตอนเปลื้องผ้าก่อนหน้านี้คงน่าอายน่าดู
“พวก…พวกท่านทำอะไรกันอยู่”
เย่เชี่ยวสังเกตเห็นมานานแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างจวินมั่วหรันกับเฟิงอู๋โยวนั้นค่อนข้างพิเศษ แต่นางไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีความสัมพันธ์ทางกายกันแบบนี้
เดิมทีเฟิงอู๋โยวคิดจะอธิบาย แต่นางก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คนแปลกหน้าอย่างเย่เชี่ยวรู้
เดิมทีเย่เชี่ยวคิดจะหันหลังกลับไป แต่เมื่อคิดดูอีกครั้ง นางก็คิดว่าตัวนางกับเฟิงอู๋โยวต่างก็เป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน
อีกอย่าง สำหรับผู้ชายแล้ว การเที่ยวสนุกหรือมีนางสนม นางบำเรอมากมายรอบกาย ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ยิ่งเป็นถึงเซ่อเจิ้งหวางผู้สูงส่ง แถมยังหน้าตาหล่อเหล่าโดดเด่นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ส่วนตัวเย่เชี่ยวเองก็มีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง หากนางคิดจะเข้าตำหนักเซ่อเจิ้งหวางจริงๆ นางจะต้องได้แต่งเข้าเรือนในฐานะนางสนมเอกแน่นอน
ส่วนเฟิงอู๋โยว ต่อให้จะได้รับความสนใจและความโปรดปรานมากแค่ไหน แต่ก็พาออกสังคมไม่ได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่เชี่ยวก็ยืดตัวตรงและก้าวเข้าไปในห้องอย่างมาดมั่นงามสง่า
[1] กลยุทธ์ทุกข์กาย คือกลยุทธ์ที่ทำให้ศัตรูหลงเชื่อและบรรลุจุดประสงค์ที่วยางเอาไว้
MANGA DISCUSSION