เมื่อสาวแกลผู้โดดเดี่ยวมาค้างคืน - ตอนที่ 7 การทำอาหารนั้นคือความรัก
แน่นอนว่าแผนการไม่ได้มีแค่การพึ่งพาโคโตริเพื่อเพิ่มเพื่อนให้กับซุซุฮาระซังเท่านั้น
ทำยังไงถึงจะสร้างความมั่นใจได้?
หลังจากที่ผมอ่านหนังสือวิชาการหลายเล่ม และค้นคว้าบทความต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต คำตอบที่ผมพบก็คือ การท้าทาย อะไรใหม่ๆ
(คนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง มักจะไม่กล้า “ท้าทาย” อะไรใหม่ๆ)
แต่ถ้าการท้าทายนั้นสำเร็จ ก็จะได้รับรางวัลที่เรียกว่า “ประสบการณ์แห่งความสำเร็จ” และทำให้ยอดเงินในบัญชี “ความมั่นใจ” เพิ่มขึ้น
「จะทำจริงๆ เหรอคะ?」
และแล้ววันเสาร์ เวลาบ่าย 3 โมงตรง
ในครัวของบ้านมาจิคาวะ ซุซุฮาระซังทำหน้าตาหวาดระแวง เหมือนกับแมวจรจัดที่ถูกรับเข้ามาอยู่ในบ้านคนเป็นครั้งแรก
「ฉันไม่เคยทำอาหารมาก่อนเลย นอกจากอาหารสำเร็จรูป」
「เพราะงั้นไงล่ะ ว่าแต่ทำไมถึงไม่เคยทำอาหารมาก่อนเลยล่ะ?」
「นั่นก็เพราะ…」
ซุซุฮาระซังพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า 「ฉันไม่คิดว่าจะทำออกมาได้ดีน่ะค่ะ」
บางทีเธอเองก็อาจจะรู้ตัวว่าตัวเองมองโลกในแง่ร้ายเกินไป
แต่นั่นแหละ ตอนนี้มันกลับเป็นผลดี
การทำอาหารคือความท้าทายใหม่สำหรับซุซุฮาระซัง ถ้าเธอทำสำเร็จ มันก็จะกลายเป็นประสบการณ์ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ
และด้วยเหตุนี้ “คลาสสอนทำอาหารฤดูใบไม้ผลิของมาจิคาวะ” จึงได้เปิดสอนแบบกะทันหัน
เมนูสำหรับวันนี้คือ “นิคุจะกะ” (เนื้อตุ๋นมันฝรั่ง)
「ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะช่วยด้วย」
「ฝากด้วยนะคะ ถ้าฉันทำคนเดียว คงสอบตกแน่ๆ แต่ฉันก็ไม่อยากล้มเหลว」
「รบกวนด้วยนะคะ ถ้าฉันทำคนเดียว คงได้คะแนนติดลบแน่ๆ แต่ฉันไม่อยากล้มเหลวค่ะ」
「ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นก็ได้」
「แฟนๆ บอกว่า 『อยากเห็นรูปอาหารหรือข้าวกล่องที่อาจารย์ซาบะโทระทำจังเลย!』 ถึงจะทำข้าวกล่องไม่ได้ แต่ถ้าเป็นอาหารสักจานก็…」
「นั่นคอมเมนต์จากทวิตเตอร์เหรอ?」
「ค่ะ หลังจากที่คุณอัปโหลดรูปอาหารเย็นที่คุณทำ ก็มีคอมเมนต์เข้ามา」
「อ่า นั่นสินะ ฉันตกใจมากเลยที่ได้ยอดไลค์เกินหมื่น」
แน่นอนว่าอาจเป็นเพราะชื่อเสียงของนักวาดขั้นเทพ และหัวข้อที่ว่า 【อาหารฝีมือของนักเขียนไลท์โนเวล!】 ล่ะนะ
「ก็อาหารของคุณน่าทานนี่คะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันก็เลยอยากจะทำให้มันได้รับความนิยมมากกว่านี้อีก」
「ถ้าอย่างนั้น ลองวาดการ์ตูนเกี่ยวกับตอนที่ทำอาหารวันนี้ดูไหม?」
「? หมายถึง…」
「การ์ตูนบันทึกชีวิตประจำวัน ฉันคิดว่าแฟนๆ ก็น่าจะสนใจชีวิตส่วนตัวของนักวาดขั้นเทพ และถ้าทำออกมาดีๆ ก็น่าจะได้รับความนิยมนะ」
ทันใดนั้น ซุซุฮาระซังก็หรี่ตาลง ราวกับเสือชีตาห์ที่เจอเหยื่อ
「น่าสนใจดีนะคะ วาดมาจิคาวะคุงเป็น 『หนุ่มสดใส』 ส่วนฉัน… จะวาดเป็นแมว SD ที่ใช้เป็นรูปไอคอน」
「ไอเดียดีมาก! เดี๋ยวฉันจะเขียนบทให้เอง ถ้าอ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ฉันน่าจะเขียนได้นะ ถึงจะอยู่ในช่วงตันก็เถอะ」
「ขอบคุณมากค่ะ! การ์ตูนเกี่ยวกับการอยู่ร่วมห้องของนักเขียน… ต้องได้รับความนิยม ต้องได้รับความนิยมแน่นอน มันเป็นหัวข้อที่น่าสนใจมากเลย!」
เธอดูกระตือรือร้นมาก จนน้ำลายแทบจะไหลออกมา ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มทำอาหารเลย
ผมคิดว่าการมีเป้าหมายบางอย่าง จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการทำอาหาร ก็เลยเสนอเรื่องการวาดการ์ตูนบันทึกชีวิตประจำวัน และผลลัพธ์ก็ออกมาดีเกินคาด
แต่ว่า…
「ว่าแต่ ชุดนั้นมันอะไร?」
สิ่งที่ขับเน้นรูปร่างที่น่าทึ่งของเพื่อนร่วมห้อง ก็คือชุดเมดสีขาวดำ
เพราะว่าผ้ากันเปื้อนไม่ได้คลุมปิดช่วงอก เนินอกอวบอิ่มที่วาดเป็นเส้นโค้งมนสวยงามจึงถูกเน้นให้เด่นชัดขึ้น
กระโปรงที่ตกแต่งด้วยระบายนั้นสั้น และเรียวขาทั้งสองข้างที่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงเท้ายาวก็ดูเย้ายวน
ชุดเมด
ไม่ใช่ชุดคอสเพลย์เลียนแบบที่ซื้อมาจากร้านขายสินค้าราคาถูก แต่ดูเหมือนจะเป็นของแท้ราคาแพง
「ฉันคิดว่ามาจิคาวะคุงน่าจะจำได้ ชุดเมดที่นางเอกใส่ตอนทำงานพิเศษในเมดคาเฟ่ จากไลท์โนเวลเล่ม 2 หน้า 73 ที่ฉันเพิ่งได้มาน่ะค่ะ…」
「จำได้สิ」 ก็เมื่อวานซืนซาบะโทระซังเพิ่งจะอวดไปเองนี่นะว่า “เอาไปเป็นข้อมูลสำหรับวาดแฟนอาร์ต เลยประมูลมาได้!”
「ฉันชอบแต่งตัวเป็นตัวละครที่ชอบ มันทำให้รู้สึกเหมือนได้กลายเป็นอีกคน และอีกอย่าง…มาจิคาวะคุงก็เคยพูดใน DM ว่า 『ชุดนั้นน่ารักดีนะ』 ฉันก็เลยคิดว่า…」
「หรือว่า อยากทำให้ฉันดีใจ?」 ซุซุฮาระซังพยักหน้า พร้อมกับแก้มที่แดงระเรื่อ
「ไหนๆ ก็จะสอนฉันทำอาหารแล้ว ฉันก็เลยอยากจะทำอะไรตอบแทนบ้างน่ะค่ะ」
สมกับเป็นนักสร้างสรรค์
ถึงวิธีการตอบแทนจะค่อนข้างแหวกแนวและหลุดโลกไปหน่อย แต่การปฏิเสธความคิดสร้างสรรค์ของเพื่อนสนิทในตอนนี้ ก็คงจะไม่ดี
| ถึงชุดจะน่ารัก แต่ถ้าฉันเป็นคนใส่ก็คงจะพังไม่เป็นท่าแน่ค่ะ |
ถ้าเกิดว่าเธอคิดลบแบบนั้นขึ้นมาจะแย่เอา
(เพราะฉะนั้น แผนกลยุทธ์สำหรับวันนี้ก็คือ ชมให้ตายไปเลย)
แน่นอนว่า คำต้องห้ามอย่าง 「ชอบ」 ห้ามพูดเด็ดขาด
「ขอบใจนะ ดีใจมากเลยที่ได้เห็นซุซุฮาระซังในลุคใหม่ๆน่ะ」
「ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้อยากจะอวดตัวเอง แต่อยากให้ดูชุดเมดต่างหาก…」
「ต่อให้เป็นชุดเมดธรรมดา ฉันก็ดีใจที่ได้เห็นเธอในชุดเมดมากกว่าอยู่ดี」
「หยุดพูดอะไรที่ชวนเขินแบบนั้นเลยนะคะ!」
「คนอื่นๆ ในห้อง คงนึกไม่ถึงแน่ๆ ว่า โซโลแกล สุดเท่ที่โรงเรียน จะน่ารักขนาดนี้เวลาอยู่บ้าน」
「อื้อ… ต่อให้ชม ก็ไม่มีอีเว้นท์เลิฟคอมเมดี้แบบในไลท์โนเวลเกิดขึ้นหรอกนะคะ」
「เสียดายจัง ทั้งๆ ที่ความรักเป็นสิ่งสำคัญในการทำอาหารแท้ๆ」
「นี่ มาจิคาวะคุง! ทำไมถึงพูดอะไรเลี่ยนๆ ออกมาง่ายๆ แบบนี้ล่ะคะ!」
ซุซุฮาระซังตะโกน พร้อมกับใบหูเล็กๆ ที่แดงก่ำ
(ยากจังเลยนะ)
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันพูดอะไรที่มันเลี่ยนจนฟันผุ หวานจนแสบคอแบบนี้
ภายนอกผมก็ยังยิ้มแย้ม แต่จริงๆ แล้วเขินสุดๆ
แต่การชมรูปลักษณ์ภายนอก มันเชื่อมโยงกับการเพิ่มความภาคภูมิใจในตัวเอง
และมันก็เป็นความจริงที่ว่า ซุซุฮาระซังในชุดเมดนั้นน่ารักมากๆ 「……」
แต่บางที การที่ผมคิดแบบนั้นอาจจะไม่ถูกต้อง
เพราะหลังจากนั้น แม้ว่าผมจะเริ่มทำอาหารแล้ว แต่ผมก็ยังคงชมเพื่อนร่วมห้องที่น่ารักจนเกินห้ามใจ ไม่หยุด
ตอนที่ซุซุฮาระซังเตรียมวัตถุดิบ 「ซุซุฮาระซังที่ยืนอยู่ในครัว น่ารักจัง」
ตอนที่ซุซุฮาระซังจับมีดด้วยท่าทางเงอะงะ 「ซุซุฮาระซังที่ดูเป็นแม่บ้านแม่เรือน น่ารักจัง」
ตอนที่ซุซุฮาระซังตรวจสอบสูตรอาหารในสมาร์ทโฟนอย่างจริงจัง 「ซุซุฮาระซังที่ดูจริงจัง น่ารักจัง」
จนในที่สุด เมื่อผมรู้ตัว…
「……เป็นความผิดของมาจิคาวะคุงนั่นเเหละค่ะ」
หลังจากชิมรสชาติของเนื้อตุ๋นมันฝรั่งที่อยู่ในหม้อแล้ว เพื่อนร่วมห้องก็จ้องมองผมด้วยสายตาที่เหมือนจะตัดพ้อ
「นิคุจะกะนี่ หวานเกินไปแล้วค่ะ」
「โทษที」
「รสชาติมันออกมาแย่มากเลยนะคะ」
「ก็บอกว่าขอโทษไง! ลืมตัว ไม่ได้ช่วยเธอเลย!」
「บอกจะช่วย แต่คุณก็เอาแต่พูดว่า ‘น่ารัก’ ‘น่ารัก’ ‘น่ารัก’ ซ้ำไปซ้ำมา นี่คุณติดตั้ง ASMR แนวเสียงหล่อลงในสมองเหรอคะ?」
เธอเหน็บแนมได้เจ็บแสบ แต่แทนที่จะเรียกว่าช่วย ผมกลับทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม จนเธอต้องมาตำหนิแบบนี้ ก็ไม่แปลก
(แต่ไม่มีปัญหา)
ผมได้เตรียมมาตรการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเอาไว้แล้ว
「เฮ้อ ถ้าฉันเป็นพวกซุ่มซ่าม ก็คงดี จะได้ทำอาหารไหม้ หรือทำไมโครเวฟระเบิด แล้วเอาไปใช้เป็นพล็อตในการ์ตูนได้」
「ขนาดนั้นคงจะรีเมคไม่ไหวหรอกมั้ง」
「……รีเมค?」
ผมพยักหน้าให้กับซุซุฮาระซังที่เอียงคอด้วยความสงสัย แล้วก็เริ่มเตรียมการ
สิ่งที่จำเป็นต้องใช้ก็คือ น้ำ โชยุ และ…
「ผงกะหรี่?」
「จากนี้ไปเราจะรีเมคนิคุจะกะนี่ ให้กลายเป็นแกงกะหรี่」
「ห๊ะ? ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอคะ?」
「แกงกะหรี่น่ะ ไว้ใจได้เสมอในสถานการณ์แบบนี้ เมื่อก่อนตอนที่ทำบูยยาเบส(ซุปปลา)มากเกินไป ฉันก็เคยรีเมคมันให้กลายเป็นแกงกะหรี่ซีฟู้ดมาแล้ว」
「ถ้าอย่างนั้น เนื้อตุ๋นมันฝรั่งนี่ก็…」
「แปลงโฉมเป็นแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่น เดี๋ยวฉันจะบอกขั้นตอน ลองทำตามที่ฉันบอกนะ」
ห้องเรียนทำอาหารเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ตามที่ผมบอก ให้ซุซุฮาระซังเติมน้ำลงในเนื้อตุ๋นมันฝรั่ง ใส่ผงกะหรี่ในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วก็เคี่ยวไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที
หลังจากชิมรสชาติในจานเล็กแล้ว ก็ให้เธอเติมโชยุลงไปเล็กน้อย เพื่อปรุงรส
「อืม เสร็จแล้ว」
「เสร็จแล้วเหรอคะ?」
「ลองชิมดูสิ」
พอผมยื่นจานให้ ซุซุฮาระซังก็ชิมเนื้อตุ๋นมันฝรั่งที่กลายร่างเป็นแกงกะหรี่ ด้วยท่าทางที่ยังคลางแคลงใจ
ทันใดนั้น ความรู้สึกสงสัยที่ล่องลอยอยู่ในดวงตาของเธอ ก็ถูกความรู้สึกตื้นตันและซาบซึ้งพัดหายไป
「รสชาติแปลกใหม่แต่อร่อยมากเลยค่ะ! ได้รสชาติของดาชิ กลายเป็นแกงกะหรี่ที่ไม่เคยกินมาก่อนเลย!」
「ดีใจที่ชอบนะ」
「อัจฉริยะชัดๆ! รีเมคได้ง่ายๆ แบบนี้เนี่ย!」
「ฉันเคยรีเมคหม้อไฟพิศดารที่ไม่มีใครกินแล้ว ให้กลายเป็นแกงกะหรี่ ตอนที่จัดปาร์ตี้ค้างคืนที่บ้านกลุ่มมัตสึโอกะ ครั้งนี้ง่ายกว่าเยอะเลย」
การช่วยเหลือซุซุฮาระซังเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี มันไม่ถูกต้อง
เพราะถ้าทำแบบนั้น…
「ขอชิมอีกรอบได้ไหมคะ?」
ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ซุซุฮาระซังก็ถามขึ้น
「อร่อยมากจริงๆ ค่ะ แบบนี้ฉันต้องหาอะไรตอบแทนเพิ่มเติมนอกจากชุดเมดแล้วล่ะค่ะ」
「ฮ่าๆ อย่ากินจนหมดนะ」
「อื้อ ฉันไม่ได้กินเยอะขนาดนั้นสักหน่อย …อ๊ะ」
ตอนที่เห็นซุซุฮาระซังแข็งค้าง ขณะที่กำลังดูจานเล็กสำหรับชิม ผมก็เพิ่งจะรู้ตัว ผมลืมไปเลยว่า ตอนที่เราชิมรสชาติ เราใช้จานเล็กใบเดียวกัน
「ฉันเจ็บคอ ขอน้ำหน่อยค่ะ」
อาจจะเพื่อลดอุณหภูมิของใบหน้าที่ร้อนผ่าว
ซุซุฮาระซังรินน้ำใส่แก้ว แล้วก็ดื่มรวดเดียว เหมือนกับจะกลบรสชาติของเนื้อตุ๋นมันฝรั่งที่หวานเกินไป
ถึงก่อนหน้านี้จะประกาศกร้าวไปว่าจะไม่มีเลิฟคอมเมดี้เกิดขึ้นก็เถอะ
(แต่ถึงอย่างนั้น ตัวผมก็ยังห่างไกลกับคำว่า “มนุษย์สดใส’ ของแท้อยู่ดี เป็นได้แค่เด็กหนุ่มเวอร์จิ้นที่ยังไม่เคยมีความรักครั้งแรกเท่านั้นแหละ)
แค่จูบทางอ้อมก็คิดมากแล้ว
ยังอ่อนหัดนักนะ เจ้าคนสดใสจอมปลอม
ผมบอกกับตัวเอง แต่ก็เผลอเอามือลูบริมฝีปากตัวเอง
&
「เอ๊ะ อิโอริ? วันนี้กินข้าวกล่องหมดด้วย แปลกจัง」
3 วันต่อมา
ค่าตอบเเทนเพิ่มเติมสำหรับการสอนทำอาหารของมาจิคาวะ อิโอริ ได้ถูกจ่ายในรูปแบบที่คาดไม่ถึง
「ถ้าทำข้าวกล่องให้ คุณจะกินไหมคะ?」
ในคืนที่แกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่นเสร็จเรียบร้อย และถูกจัดวางบนโต๊ะอาหาร ซุซุฮาระซังก็เอ่ยปากขอร้องด้วยท่าทีที่ดูตั้งใจ ดูเหมือนว่าเธออยากจะตอบแทนผมเรื่องที่รีเมคอาหารให้ ตอนแรกเธอบอกว่าทำข้าวกล่องไม่ได้ แต่พอได้เรียนทำอาหาร ก็เลยทำให้เธอมีความมั่นใจขึ้นมานิดหน่อย
「จริงด้วย! อาหารแช่แข็งก็เยอะมาก!」
「รู้สึกว่าวันนี้จะดูลวกๆ กว่าทุกวันนะ」
「หรือว่าจะนอนตื่นสาย เลยทำไม่ทันกันนะ?」
「ไม่เป็นไรนะ อิโอริ? ถ้านอนไม่พอจนต้องฝืน ก็บอกได้นะ」 ความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาของกลุ่มมัตสึโอกะ ทำให้เชฟซุซุฮาระที่กำลังกินไข่ม้วนจำนวนมากในกล่องข้าว ที่โต๊ะริมหน้าต่าง เม้มริมฝีปากมันวาวด้วยความอับอาย ไก่ทอดแช่แข็ง
กราแตงที่อุ่นจากไมโครเวฟ
และไข่ม้วน
นั่นคือสามทหารเสือเครื่องเคียงของข้าวสวยในวันนี้
ตอนแรกเธอตั้งใจจะทำเองทั้งหมด แต่เธอไม่สามารถจัดแต่งรูปทรงของไข่ม้วนได้ และหลังจากที่ลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง ในที่สุด เมื่อเธอทำไข่ม้วนที่พอจะผ่านเกณฑ์ออกมาได้ เวลาก็เหลือน้อยเต็มที
และด้วยเหตุนี้ อีก 2 อย่างที่เหลือก็เลยต้องใช้อาหารแช่แข็งที่ซื้อมาเผื่อไว้
【……ขอโทษจริงๆ นะ IORI】
มี DM ที่ดูสำนึกผิดส่งมา
อาจจะเป็นเพราะว่าเธอรู้สึกอับอายที่ทำให้เพื่อนสนิทต้องขายหน้า คิดว่าตัวเองทำอาหารได้แย่ ทั้งๆ ที่ทำคนเดียว และคิดว่าแบบนี้ต้องโดน IORI เกลียดแน่ๆ… เธออาจจะกำลังกังวลกับความผิดพลาดอยู่
「อืม อร่อย!」
รสชาติหวานเค็มและไข่ แผ่กระจายไปทั่วปาก
ถึงรูปทรงจะดูบิดเบี้ยวไปบ้าง แต่ความหวานก็กำลังดี
และที่สำคัญ นี่เป็นไข่ม้วนที่เพื่อนสนิทที่ทำอาหารไม่เก่ง อุตส่าห์พยายามทำมาให้
ไข่ม้วนนี้ มีคุณค่ามากกว่าอาหารราคาแพงจานไหนๆ
「เฮ้ อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ? ขอลองชิมคำนึงสิ」
「ไม่ให้ มิตสึยะ ต่อให้เกิดอะไรขึ้น ฉันก็ไม่ยอมยกไข่ม้วนนี้ให้ใครหรอกนะ」
「ว้าว แปลกจัง! ปกติอิโอริคุงจะยอมให้ชิมนี่นา!」
「นี่คงเป็นผลงานชิ้นเอกสินะ」
「ใส่อะไรเป็นสูตรลับรึเปล่า?」
อืม ถ้าจะให้พูดก็… ความรัก ล่ะมั้ง?
ผมพูดติดตลก เพราะอยากจะช่วยให้เพื่อนสนิทหายอับอาย แต่ 「แค่กๆ」 เสียงไออย่างรุนแรงก็ดังขึ้น
เมื่อมองไปที่ที่นั่งริมหน้าต่าง ซุซุฮาระซังก็ดูเหมือนจะทรมานอะไรบางอย่าง
「เอ๊ะ เป็นอะไรไหม!?」
ผมเข้าใจได้ในทันทีว่าเธอคงจะกินอาหารติดคอ
โคโตริรีบเข้าไปช่วย พร้อมกับยื่นชาขวด PET ให้
ซุซุฮาระซังก็ดื่มมันลงไปรวดเดียว แล้วก็…
「……ขอบคุณค่ะ」
หลังจากที่พูดขอบคุณ
เธอก็หันมาจ้องผมด้วยสายตาที่เหมือนกับกำลังมองคนทรยศที่แทงข้างหลัง
「น่ากลัวจัง โซโลแกล กำลังจ้องเขม็งเลย」
「สายตาน่ากลัวมาก! ที่แท้ก็เกลียดมาจิคาวะคุง อยู่นี่เอง」
「แต่ว่า ทำไมถึงโกรธมาจิคาวะ ทั้งๆ ที่อาหารติดคอล่ะ?」
ดูเหมือน จะมีแค่ผมคนเดียวที่เข้าใจ เพราะรู้ว่าคนอื่นๆ ยังไม่รู้ เรื่องความสัมพันธ์ของเรา
ผมเลยตัดสินใจส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทผ่าน DM เพื่อปลอบใจว่า 【อร่อยจริงๆ นะ! ให้คะแนนเต็ม 100 เลย!】
ใช่แล้ว ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว ไม่ได้หมายถึงจุดจบของทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ชีวิต หรือความสัมพันธ์กับคนอื่น ก็เหมือนกัน