เมื่อสาวแกลผู้โดดเดี่ยวมาค้างคืน - ตอนที่ 12 จุดเริ่มต้นของเช้าวันใหม่
【เก่งมากเลย อิโอริ!】
หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่มาจิคาวะคุงมาค้างที่บ้านฉัน
ตอนนี้เป็นเวลา 8 โมงเช้า
ฉันส่ง DM หามาจิคาวะคุงในห้องเรียนที่มีคนอยู่ประปราย
【นิยายใหม่ที่อัปเมื่อวาน กระแสตอบรับดีมากเลยนะ! ทั้งยอดไลก์และรีทวีตเพียบเลย!】
【ขอบคุณครับ】
ฉันกับมาจิคาวะคุงกลับมาอยู่รูมแชร์ด้วยกันอีกครั้ง
แน่นอนว่ากฎที่ห้ามไปโรงเรียนพร้อมกันยังคงอยู่
ดังนั้น มาจิคาวะคุงคงจะตอบกลับมาในระหว่างที่กำลังเดินไปโรงเรียน
【สมกับเป็นคู่หูของฉันจริงๆ! ใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียวก็เขียนเสร็จแล้ว!】
ในคืนที่ฉันสอบผ่านอีกครั้ง และได้เริ่มต้นค้างคืนที่บ้านเขา
มาจิคาวะคุงก็เริ่มกลับมาเขียนนิยายที่ไม่ได้เขียนมานาน
เจ้าตัวบอกว่า 「เจอแรงบันดาลใจที่ทำให้กล้าลงมือทำแล้ว」
และเมื่อคืนที่ผ่านมา ในที่สุดอิโอริก็ได้อัปนิยายลงจนได้ หลังจากที่ไม่ได้ลงมานาน
ถึงจะมีพวกแอนตี้เข้ามาวิจารณ์เหมือนอย่างเคย แต่ว่า…
【รออ่านนิยายของ IORI เซนเซย์มาตลอดเลยค่ะ!】
【รู้สึกว่าตัวละครมีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อนอีกนะคะ】
【ต่อไปนี้จะรอติดตามไม่ใช่แค่มังงะ แต่ยังรวมถึงนิยายด้วยนะคะ!】
เสียงชื่นชมจากแฟนๆ มีมากมาย จนฉันเองก็อดดีใจไปด้วยไม่ได้ ราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง
แน่นอนว่าฉันเองก็อ่านแล้ว และมันก็สนุกมากจริงๆ
(แถมยังตกใจมากด้วย)
ก็เพราะว่าตัวละครที่โผล่มาในนิยายเรื่องนั้นมัน…
【ที่ผมหลุดพ้นจากช่วงตกต่ำมาได้ ก็เพราะซาบะโทระซังเลยนะครับ】
【?! ฉันทำอะไรเหรอ?】
【ครับ ผมคิดว่าผมน่าจะกลัวคำวิจารณ์ของพวกแอนตี้น่ะครับ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังอยากจะเผยแพร่ผลงานออกไป เพราะอยากจะเห็นรอยยิ้มของคุณที่คอยสนับสนุนผมมาตลอด】
ข้อความ DM ที่แสนจะตรงไปตรงมานั้น ทำให้หัวใจเต้นแรง
【ผมตัดสินใจแล้วว่า จะไม่สนคำใส่ร้ายป้ายสีอะไรนั่น ผมจะมั่นใจในตัวเอง คนที่ซาบะโทระซังคอยสนับสนุนมาตลอดให้มากขึ้นครับ】
【…ยินดีด้วยนะ ที่เรียกความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมาได้】
【ครับ! ว่าแต่… นิยายของผม สนุกไหมครับ? ผมลองเอาตัวละครกับsettingจากมังงะที่เขียนสมัยเป็นอิโอริมาใช้ดูน่ะครับ】
【แน่นอนอยู่แล้ว! สนุกมาก!】
รู้สึกเหมือนได้กลับมาพบกับเพื่อนเก่าที่พลัดพรากจากกันไปเมื่อนานมาแล้วอีกครั้ง
ผลงานใหม่ของมังงะที่เคยช่วยฉันเอาไว้ ตอนนี้สามารถอ่านได้ในรูปแบบนิยาย
แถมยังบอกว่า ที่หลุดพ้นจากช่วงตกต่ำมาได้ ก็เป็นเพราะฉัน
【ดีใจที่คุณชอบนะครับ ผมเองก็อยากจะทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนในคืนนั้น】
「อ๊ะ!」
ตอบแทน… คงหมายถึงการกระทำที่ฉันขอร้องเขาในคืนนั้นสินะ
【คืนนี้ มานอนข้างๆ กันไหมคะ?】
พูดตามตรง ฉันเองก็ตกใจ
ไม่คิดเลยว่า ค่ำคืนที่จะได้ทำตามสิ่งที่อยากทำลำดับที่ 3 จะมาถึง
(คิดว่าจะช่วยแบ่งเบาปมด้อยของมาจิคาวะคุง ที่บอกว่าไม่มีประสบการณ์กับผู้หญิงได้บ้าง ถ้าได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ว่า…)
คืนนั้นฉันดีใจที่ได้นอนด้วยกัน
เพราะรู้สึกว่ามันช่วยให้ลืมความเหงาที่ต้องแยกกันอยู่กับมาจิคาวะคุงตลอด 1 อาทิตย์ได้
ดังนั้น หลังจากที่เราสองคนเข้านอนบนเตียงเดียวกันแล้ว
「นี่ ชิดเกินไปแล้วมั้ง?」
「ก็เพราะว่าฉันใฝ่ฝันมาตลอดว่า อยากนอนกอดกับเพื่อนสนิทแบบนี้นี่」
「 กอดฉันแน่นจากข้างหลังแบบนี้…!」
「อืม…」
「จะ จู่ๆ ก็สอดมือเข้ามาใต้เสื้อ…!」
「ตกใจเหรอคะ?」
「ก็ใช่น่ะสิ ยิ่งไปกว่านั้น นิ้วของเธอยังเย็นเฉียบอีก…」
「ถ้างั้น… คุณช่วยทำให้มันอุ่นขึ้นมาได้ไหมคะ?」
「เอ๊ะ?」
「ช่วย… กอดฉันทีได้ไหมคะ」
「ซุซุฮาระซัง…」
「คนที่ทำให้ฉันกล้าขอร้องอะไรแบบนี้ ก็คือ… คุณนั่นแหละคะ? อีกอย่าง พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่คนรักสักหน่อย ถ้าแค่นอนกอดกัน… ก็ไม่น่าจะมีปัญหานี่คะ」
ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องมีปัญหาอยู่แล้ว! — ตอนนี้ผมอยากจะกุมขมับจริงๆ
(ฉันเองก็บ้าไปแล้วเหมือนกันในคืนนั้น)
เขาตะโกนว่า 「ไม่ใช่สิ่งของ!」 ออกมา
ทั้งๆ ที่ฉันส่งคอมเมนต์แบบนั้นไปในสมัยที่ใช้นามปากกาว่าอิโอริ แต่เขาก็ยังขอบคุณฉันจากใจ
ทั้งๆ ที่คิดว่าจะต้องถูกดูถูก แต่เขากลับยอมรับในตัวตนของฉัน
ทั้งยังบอกว่าอยากจะอยู่ด้วยกันต่อไป
และฉันเองก็ได้พูดความในใจที่อยากจะบอกเขามาตลอดออกไปได้
ความดีใจเหล่านั้น ทำให้สติของฉันหลุดลอยไปอย่างสมบูรณ์
ถึงจะอายมากเมื่อมาคิดดูตอนนี้ แต่ในคืนนั้น พวกเรานอนกอดกันจากทางด้านหน้า
แค่คิดย้อนกลับไป หน้าก็ร้อนขึ้นมาแล้ว
(ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย)
การได้นอนกับใครสักคนที่ไว้ใจได้
จะทำให้รู้สึกอบอุ่นในอก สบายใจ และอุ่นไปทั้งตัวขนาดนี้
(โชคดีจริงๆ ที่ไม่ได้รักมาจิคาวะคุง)
ถ้าเกิดว่าฉันชอบเขาขึ้นมา… คงแอบขโมยจูบเขาไปแล้ว
คืนนั้นฉันเผลอพูดออกไปว่า 「ชอบที่สุด」 แต่นั่นเป็นความรู้สึกในฐานะเพื่อน
แน่นอนว่า มาจิคาวะคุงเองก็คงเข้าใจดี
พวกเราก็เป็นแค่เพื่อนสนิทกัน
แถมยังเป็นพวกไร้ประสบการณ์รักครั้งแรกทั้งคู่
「อ๊ะ อรุณสวัสดิ์ อิโอริ!」
ฉันหันไปรอบๆ ตามเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน และพบว่ามีนักเรียนอยู่เต็มห้อง
และตรงจุดที่พวกเขากำลังมองไปนั้น ก็คือ มาจิคาวะคุงที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง
「อรุณสวัสดิ์ ทุกคน」
「อิโอริคุง อิโอริคุง! มังงะที่แนะนำมาคราวก่อน กระแสตอบรับดีมากในกลุ่มเพื่อนที่เล่นIGเลยล่ะ!」
「ฉันเองก็อ่านตอนพักเบรกบาส น้ำตาไหลพรากเลยล่ะ」
「เหรอ เรื่องอะไรเหรอ? บอกฉันด้วยสิ!」
「ฉันด้วย ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้หญิงชอบล่ะก็ จะได้เอาไปเป็นหัวข้อสนทนาตอนนัดบอดครั้งหน้า」
「ได้อยู่แล้ว!」
มาจิคาวะคุงพูดคุยกับสมาชิกกลุ่มมัตสึโอกะที่เป็นกลุ่มเด็กป๊อปของห้อง 1-A พลางนั่งลงที่ที่นั่งของตัวเอง
เป็นจังหวะเดียวกับที่สายตาของเขาสบเข้ากับฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ
「อรุณสวัสดิ์ ซุซุฮาระซัง」
เขาทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสราวกับน้ำโซดาในหน้าร้อน
แน่นอนว่า ฉันกลั้นหายใจ
ทุกคนในห้องเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ ฉันปฏิเสธเขาไปว่า 「เกลียดที่สุดในโลก」
ตั้งแต่นั้นมา เพื่อนร่วมชั้นทุกคนก็คงคิด
ว่าระหว่างพวกเรา มีกำแพงที่ไม่มีวันพังทลาย
「อรุณสวัสดิ์ค่ะ มาจิคาวะคุง」
แต่ว่า ความคิดนั้นกลับพังทลายลง
เพราะว่าฉันเผลอตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม ทั้งๆ ที่ยังตกใจอยู่
「เดี๋ยวนะ นี่มันยังไงกัน…!?」
นิชิโนะซัง สมาชิกกลุ่มมัตสึโอกะ ร้องออกมาด้วยความตกใจ
แม้แต่มัตสึโอกะคุงที่ปกติจะสุขุมเยือกเย็น ก็ยังแสดงท่าทีลุกลนอย่างเห็นได้ชัด
「อะ เอ่อ! อิโอริ! นี่นาย…!」
「ที่จริงแล้ว ฉันเป็นเพื่อนกับซุซุฮาระซังแล้วล่ะ ซุซุฮาระซังดูเผินๆ เหมือนจะเย็นชา แต่จริงๆ แล้วเป็นคนใจดีมากเลยนะ เนอะ โคโตริ?」
「เอ๊ะ…!? อะ อืม! อิโอริพูดถูกแล้วล่ะ เป็นคนดีมากๆ เลย!」
โคโตริจังพยักหน้าตามคำพูดของมาจิคาวะคุงทั้งๆ ที่ยังตกใจ
ถึงอย่างนั้น ความโกลาหลในห้องก็ยังไม่สงบลง
「ล้อเล่นใช่ไหม…!? เป็นไปได้ยังไงเนี่ย!?」
「Solo Gal คบกับอิโอริคุงเป็นเพื่อน…!?」
「ซุ ซุซุฮาระ ไม่ได้เกลียดมาจิคาวะหรอกเหรอ!?」
「ฉันนึกว่า ที่สนิทกับโคโตริจังได้เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกันซะอีก…!」
「สมกับเป็นมาจิคาวะคุง! มนุษยสัมพันธ์ขั้นเทพเหมือนเดิมเลย〜」
หัวข้อสนทนาของเพื่อนร่วมชั้นกลายเป็นเรื่องของฉันกับมาจิคาวะคุง
【นี่มันยังไงกันเเน่เนี่ย!?】
ฉันแอบส่ง DM ไปถาม มาจิคาวะคุงก็ยังคงทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่เล่นสมาร์ทโฟน
【ผมคิดว่ามันน่าเสียดาย】
【หืม?】
【ก็ผมอยากคุยกับซาบะโทระซังที่โรงเรียนด้วยนี่นา】
【แต่ว่า คนอื่นอาจจะรู้ว่าเราอยู่ด้วยกัน…!】
【เรื่องนั้นก็ต้องพยายามปิดบังกันหน่อยล่ะนะ】
【อาจจะถูกเข้าใจผิดได้นะ? ก็อิโอริคบกับโคโตริจังอยู่ไม่ใช่เหรอ!】
【ผมมีเพื่อนผู้หญิงตั้งหลายคน เพิ่มมาอีกสักคนก็ไม่เป็นไรหรอกครับ】
【ไอ้หนุ่มร่าเริง! เจ้าชู้! โอตาคุเปิดเผย〜!】
【ขอโทษครับ ผมแค่อยากจะอยู่กับซาบะโทระซัง ไม่ใช่แค่ที่บ้าน แต่ที่โรงเรียนด้วย】
【อิโอริ…!】
ฉันแอบส่งความรู้สึกผ่านสมาร์ทโฟน โดยไม่ให้ใครรู้
【ฉันเองก็รู้สึกเหมือนกัน! อยากสนิทกับอิโอริที่โรงเรียนให้มากๆ ด้วย!】
【ขอบคุณครับ】
【ตกใจหมดเลย นึกไม่ถึงว่าจะทำอะไรแบบนั้น】
การมีชีวิตอยู่โดยการอ่านสีหน้าคนอื่น และปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศรอบข้าง
นั่นคือรูปแบบการใช้ชีวิตของ มาจิคาวะ อิโอริ
แต่เขากลับทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้กลางห้องเรียน
【พอคิดดูอีกทีว่าซาบะโทระซังคอยสนับสนุนผมมาตลอด ผมก็เลยมีความมั่นใจที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นน่ะครับ เพราะฉะนั้น…】
ท่ามกลางเสียงจอแจในห้องเรียนที่ยังไม่สงบลง
จู่ๆ มาจิคาวะคุงก็หันมามองฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง
「ตั้งแต่วันนี้ไป ฝากตัวด้วยนะ ซุซุฮาระซัง」
เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ เขาพูดประโยคเดียวกับที่บอกฉันตอนที่ได้มานั่งข้างกัน
ด้วยรอยยิ้มที่สดใสและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นของจริง
…แต่ว่า
ฉันไม่ได้ตอบคำทักทาย แต่หันหน้าไปทางหน้าต่างห้องเรียนเพื่อเบนสายตาหนีจากเขา
「อ๊ะ? ซุซุฮาระเมินอีกแล้ว!」
「นั่นสินะ ต่อให้เป็นเพื่อนกันแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะสนิทกันได้ในทันทีหรอกเนอะ〜」
「ก็คู่กรณีดันเป็นSolo Gal นี่นะ ช่วยไม่ได้หรอก」
「ฮ่าๆๆ! ยัยนั่นไม่เชื่องกับใครหรอก!」
ฉันได้ยินเสียงของเพื่อนร่วมชั้น… เฮ้อ ให้ตายสิ
(ทุกคนเนี่ย ไม่รู้อะไรเลยสักนิด)
สถานการณ์ตอนนี้มันต่างจากเดือนมิถุนายนอย่างสิ้นเชิง
ตอนนั้นฉันคิดว่า 「ไม่มีทางหลงใหลรอยยิ้มแบบนั้นหรอก」แต่ว่า…
(……ทำไม……กัน!?)
ไม่เพียงแค่ใบหน้า แต่ทั้งตัวของฉันมันร้อนไปหมด
ฉันไม่กล้าสบตากับมาจิคาวะคุงที่นั่งอยู่ข้างๆ
ไม่อยากให้เขาเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของฉันที่สะท้อนอยู่ในหน้าต่าง
แต่ว่า ลึกๆ ในใจของฉันกลับร่ำร้องอยากจะเห็นรอยยิ้มของเขาให้มากกว่านี้
แบบนี้มันก็เหมือนกับ…
(มะ ไม่จริงน่า)
พวกเราก็เป็นแค่เพื่อนสนิทกัน
แถมยังเป็นพวกไร้ประสบการณ์รักครั้งแรกทั้งคู่
แต่ทำไมถึงได้รู้สึกใจเต้นขนาดนี้ มันแปลกเกินไปแล้ว
(คงเป็นเพราะว่า ดีใจเกินไปที่จะได้สนิทกับเพื่อนสนิทที่โรงเรียนด้วย ก็เลยรู้สึกเขินขึ้นมาเท่านั้นเอง)
ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ
อ๊ะ ฉันต้องขอโทษเขาเรื่องที่ไม่ได้ตอบคำทักทายเมื่อกี้สินะ
มาจิคาวะคุงเองก็คงจะสงสัยอยู่เหมือนกัน
ใช่ สำหรับคนสดใสและเป็นโอตาคุแบบเปิดเผยอย่างเขา
การทักทายกับเพื่อน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
…แต่ว่า
เมื่อฉันแอบหันไปมองที่นั่งข้างๆ
ใบหน้าด้านข้างของเพื่อนร่วมห้องที่มักจะประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ กลับแต้มไปด้วยสีชมพูจางๆ