เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) - บทที่ 185 เขาเทียนชิง
บทที่ 185 เขาเทียนชิง
วันเวลาแห่งการพักผ่อนของฟางหนิงล่วงเลยมาถึงวันที่ห้า เนื่องจากหวังว่าจะมีรายรับมหาศาล ‘มังกรบินแห่งใต้หล้า’ บัญชีเทพมังกรขาวของเขา สุดท้ายก็ยอมทุ่มเงินก่อตั้งสำนัก ‘พันธมิตรเทพมังกร’
โชคดีที่เครื่องมือสร้างสำนัก ‘โทเค็นราชาหมาป่า’ ราคาตกลงไม่น้อย ใช้เงินแค่สองล้านก็ซื้อได้ นี่คือความผันผวนของราคาสิ่งของในเกม แค่ไม่กี่เดือนก่อน ยังราคาสิบล้านอยู่เลย…
ฟางหนิงเปิดสำนักแล้วก็เก็บตัวในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เขาไม่ลุกออกไป แค่ตะโกนไปทางเรือนจำฝั่งตรงข้าม “แอนเดอร์สัน เพิ่มบัญชีเกม ‘ปลีกวิเวก’ ของแกในพันธมิตรของฉัน! แล้วก็เพิ่มพวกนั้นมาพร้อมกันด้วย!”
หลังจากฟางหนิงตะโกนก็รู้สึกมีความสุขเหมือนอยู่บนสวรรค์ เพิ่งจะไม่นานมานี้ เขาอิจฉาพวกเถ้าแก่ใหญ่ที่เล่นเกมมาก เพราะพวกเขาสามารถเรียกลูกน้องในบริษัทเพิ่มกิลด์ในเกมได้ ฟาร์มบอสและสร้างดันเจี้ยนส่วนตัว ฆ่าฟันในสงครามระหว่างกิลด์ ความภักดีต่างกับคนแปลกหน้าฟ้ากับเหว กิลด์จะล้มเหลวเฉพาะเมื่อเถ้าแก่เบื่อแล้วหรือไม่มีเกมนั้นให้เล่นอีกแล้ว…
ไม่นานนักผู้เล่นเกมก็ถูกเพิ่มเข้ามาทีละคน พวกเขาต่างก็เป็นผู้ฝึกฝนที่ได้รับการยอมรับจาก ‘หลักสูตรการฝึกจิตขั้นพื้นฐาน’ ที่เพิ่มเข้ามาทีเดียวสามสิบคน
ตอนนี้นักโทษในเรือนจำสี่สิบคน แต่พวกหัวแข็งมีอยู่ทุกที่ ส่วนมากจะเป็นพวกเข้ามาทีหลัง ยังไม่ได้เข้าใจความจริงหลังเรียน ‘การศึกษาแห่งความรัก’ ของแอนเดอร์สัน ผู้แข็งแกร่งทั้งสองที่อยู่ในห้องขังเดี่ยวยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผู้ศรัทธาหัวรั้น ถ้าไม่ใช้เวลาหลายเดือนก็ยังไม่ยอมรับความจริงและไม่มีทางยอมจำนน ภายในห้องขังธรรมดา ยังมีอีกแปดคนที่มีความคิดต่างๆ นานา
สมาชิกส่วนใหญ่ของสำนักเกมก็คือคนธรรมดา มีผู้ฝึกฝนสักสองสามคนมาลงทะเบียนก็ถือว่าไม่เลวเลย ที่นี่เพียงแค่ฝึกฝน ‘หลักสูตรการฝึกจิตขั้นพื้นฐาน’ สำเร็จก็ใช้ได้แล้ว ในเมื่อสำหรับคนธรรมดาที่เข้ามา ผู้ที่มีพรสวรรค์สูงหน่อยถึงจะสามารถฝึกฝนได้สำเร็จภายในสองสามเดือน คนธรรมดาที่คิดจะเริ่มต้น ต้องใช้เวลาครึ่งปีกระทั่งหนึ่ถึงสองปีเลยทีเดียว พวกเขาไม่มีทางเทียบกับกลุ่มนักโทษของฟางหนิงได้
ตอนนี้ ‘พันธมิตรเทพมังกร’ มีผู้ฝึกฝนเข้ามาสามสิบคน แล้วยังมี ‘ผู้บุกเบิกการฝึกฝน’ ที่เป็นผู้นำ สำนักนี้มีแรงดึงดูดที่แข็งแกร่งมากขึ้นมาทันที
สำนักเพิ่งจะก่อตั้งและรวบรวมคน ฟางหนิงแทบรอไม่ไหวที่จะให้แอนเดอร์สันและพรรคพวก แสดงความสามารถในเกม โอ้อวดไปทั่วทำให้ผู้คนมากมายต้องร้องอุทานออกมา แล้วยังมีสายตาที่แอบมองอีกมากมาย…
ผ่านไปครู่หนึ่ง ระบบขัดขวางแผนโอ้อวดครั้งใหญ่ของฟางหนิง “เฮ้ โฮสต์ว่าที่เศรษฐีในอนาคต ฉันมีเรื่องที่ต้องแจ้งให้คุณทราบ”
ฟางหนิงออกจากโหมดเกมพลังจิต จากนั้นก็เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน “พูดมา”
ระบบ “คุณเล่นมากเกินไปแล้ว เจิ้งต้าวส่งข่าวมาทาง QQ”
ฟางหนิงได้ฟังก็เก็บอารมณ์ทันทีแล้วเปิด QQ อ่านข้อความที่ถูกส่งมา
อยากจะเล่นอย่างสบายใจ ก็ต้องจัดการเรื่องของตัวเองให้ดีๆ เจิ้งต้าวไม่เคยรบกวนเขาเรื่อง สัพเพเหระมาก่อน ครั้งนี้จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
แน่นอนว่าเป็นเรื่องใหญ่ ข้อความปรากฏขึ้นว่า “ท่านเทพ เมื่อกี้สำนักงานสัจธรรมออกหนังสือแจ้งแต่ละหน่วยความร่วมมือ อีกหนึ่งสัปดาห์จากนี้ หน่วยความร่วมมือระดับพิเศษของสำนักงานสัจธรรมต้องการที่จะเปิดประตูภูเขาอีกครั้ง แจ้งว่ามีคนของสำนักอยากลงจากเขา ทั้งหมดสองคน โดยเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง รูปร่างหน้าตา พฤติกรรมและนิสัยได้ส่งในกลุ่มแล้ว
“หน่วยความร่วมมือระดับพิเศษนี้เรียกว่า ‘เขาเทียนชิง’ ข้อมูลเป็นความลับสุดยอด สิทธิ์ข่าวกรองของพวกเราที่เป็นหน่วยงานร่วมมือระดับ 3A มีจำกัดจึงไม่สามารถหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้เลย ผมได้ถามเจ้าสำนักหม่าแห่งจื่อซานกวนเป็นการส่วนตัว เขาบอกว่าอีกฝ่ายเปิดประตูสามปีครั้ง ให้คนในสำนักลงจากเขา แต่เขาไม่ทราบตำแหน่งที่แน่ชัดของประตูภูเขา”
“เจ้าสำนักหม่ารู้แค่ว่าคนของสำนักนั้นจะลงเขาสามปีครั้ง อาศัย ‘เขาเทียนชิง’ ครอบครองทรัพยากรการฝึกฝนโดยผูกขาด ทำแค่สองเรื่อง หนึ่งคือแย่งชิงศิษย์ที่มีคุณสมบัติสูง ซึ่งไม่จำกัดแค่มนุษย์ ภูตผีปีศาจ และวิญญาณทุกชนิด…สองคือตักตวงวัตถุดิบหายาก ซึ่งไม่จำกัดแค่สมุนไพร แร่ธาตุ อาหาร และสัตว์แปลกประหลาดหายากต่างๆ…”
หลังจากฟางหนิงอ่านก็คิดว่า ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยโดยนักพรตหม่านั้นเต็มไปด้วยความแค้นเคืองคับอก ดูเหมือนจะเคยถูกแย่งชิงไปไม่น้อย…
เขารู้ว่าก่อนหน้าดาวตกเพลิงจะเกิดขึ้นเมื่อปีกลาย การฟื้นฟูพลังชีวิตเชื่องช้า ปรากฏการณ์แปลกประหลาดไม่มาก ความลับส่วนใหญ่แพร่หลายเพียงในกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ความลับมากมายถูกเก็บงำอย่างแน่นหนา คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางรับรู้แน่
เหมือนกับการวิจัยเห็ดยักษ์ของเสินโจวอย่างลับๆ มาหลายปี ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ออกมา คนธรรมดาไม่มีทางรู้ว่าประเทศตัวเองก็กำลังทำเห็ดยักษ์ ยิ่งกว่านั้นบุคคลสำคัญใช้เวลาหลายสิบปีถึงจะลดชั้นความลับ…
ดาวตกเพลิงลงมาบนโลก เหมือนกับการทดลองเห็ด เมื่อถูกเปิดเผยแล้วไม่อาจปกปิดอีกต่อไป นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องรวบรวมจิตใจและความคิดของผู้คน ซึ่งจะค่อยๆ เผยแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง
ฟางหนิงเอ่ยกับระบบ “ดูท่าเราต้องวางแผนเรื่องการสร้างพันธมิตรเป็นแกนหลักในขั้นต่อไป มีแค่พวกผู้อาวุโสเท่านั้นที่ล่วงรู้ความลับและข่าวกรองมากมาย กองกำลังใหม่ของเรามีแรงผลักดันที่แข็งแกร่ง แตมีข้อมูลไม่ลึก มีพันธมิตรมากก็รวบรวมกำลังคนได้เพียงพอ พลังของทุกคนต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ ยืดเวลาพัฒนาออกไป”
ระบบ “เรื่องพวกนี้คุณดูเองละกันจะทำยังไง โฮสต์มหาเศรษฐีมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ฉันเชื่อใจคุณ”
ฟางหนิงเห็นด้วยมากๆ ดูท่าเรื่องที่ตัวเองโกยเงินมหาศาลจากเกม ‘Beasts Fighting for Heroes’ ทำให้เจ้าระบบเล็กๆ ตกตะลึง มันคิดไม่ถึงพวกนักโทษที่ถูกขังในเรือนจำจะทำเงินได้อย่างมหาศาล เพราะสำหรับมันแล้ว นักโทษพวกนั้นหมายถึงค่าประสบการณ์ ค่าพลังปราณและชื่อเสียงอัศวิน ไปจนถึงวัตถุดิบ…
ฟางหนิงตบอก “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง แกแค่ช่วยสนับสนุนก็พอ”
หลังจากนั้นเขาก็อ่านข้อมูลเกี่ยวกับทั้งสองคนที่เจิ้งต้าวส่งมาให้ เห็นได้ชัดว่าสำนักงานสัจธรรมไม่ต้องการให้ใครมาขัดแย้งกับพวกเขา…เป็นเหตุผลที่ว่าก่อนหน้านี้ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อเขาเทียนชิงมาก่อน เรื่องนี้สำคัญมาก…………
หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ภูเขาสูงอันห่างไกลทางตะวันออกเฉียงใต้ของเสินโจว มีชื่อเสียงบ้างในพื้นที่แถบนั้น บางครั้งคนในท้องถิ่นจะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเที่ยวชมทัศนียภาพ ถนนบนภูเขานั้นขรุขระ ห่างไกลและเดินยาก
ตอนนี้ถนนบนภูเขาอันห่างไกลทุรกันดาร มองเห็นสามคนที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวกำลังเดินอยู่
ตอนนี้คือเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 ขณะนี้อากาศในตอนเหนือยังหนาวเหน็บ ทว่าแถบตะวันออกเฉียงใต้นั้นเขียวชอุ่มแล้ว ต้นไม้ใบหญ้ากำลังเจริญงอกงาม นกร้องจิ๊บๆ และแมลงส่งเสียงระงม
“ศิษย์พี่กู่ สามปีเหมือนเมื่อวาน ปีก่อนมีพรตกจากฟ้าครั้งหนึ่ง คิดว่าพวกนั้นน่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย คราวนี้ฉันจะได้มีอะไรสนุกๆ ทำ” หญิงสาวดูแล้วอายุยี่สิบกว่า หน้าตาสะสวย สวมเสื้อแขนสั้นลำลองและกางเกงขาสั้น เต็มไปด้วยพลังมีชีวิตชีวา กำลังมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น
“ศิษย์น้องฉี พวกเราต้องทำธุระสำคัญก่อน” ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมยาวแขนกว้าง อายุราวสามสิบปี หน้าตาธรรมดา แต่ทั้งตัวมีกลิ่นอายไม่ธรรมดา กำลังยิ้มบางๆ พลางพูดกับหญิงสาวพวกเขาไม่พกพาอะไรเลย ด้านหลังมีชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ที่ไม่ปริปากอะไรแต่กำลังแบกสัมภาระห่อใหญ่หนักอึ้งคอยติดตามทั้งสองคน
ทั้งสามเดินไปตามถนนบนภูเขา หลังเลี้ยวออกจากป่าทึบ ในเวลาเดียวกันนั้นก็หยุดลง ร่างกายสั่นเทา
หญิงสาวพลันขมวดคิ้ว “ไม่คิดเลยว่าสามปีที่ผ่านมา พลังชีวิตภายนอกยังเบาบางมาก แม้ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อสามปีก่อน แต่ยังคงห่างชั้นกับเขาเทียนชิงของเราราวฟ้ากับเหว คิดว่าคนภายนอกแข็งแกร่งยังไงก็ยังมีข้อจำกัด ไม่อาจแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่ อย่างนี้ก็ไม่สนุกสิ”
ศิษย์พี่กู่เอ่ยปลอบใจ “เอาเถอะ ไปทำเรื่องสำคัญก่อน พี่จะสื่อสารกับคนพวกนั้นสักหน่อย”
เขาเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างบน
“ฮ่าๆ อัจฉริยะทั้งสองแห่งเขาเทียนชิง ฉันรออยู่ที่นี่นานแล้ว”
จากนั้นชายหนุ่มก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า คนผู้นั้นก็คือเหรินรั่วเฟิงที่มีหน้าตาเหมือนเด็กอายุ 18
เมื่อศิษย์พี่กู่เห็นดังนั้นก็ไม่ได้ตกใจ เพียงแต่ยกมือคำนับพลางเอ่ยเสียงเรียบ “คารวะผู้อาวุโสเหริน ขอบใจมากที่รอ ตอนที่พวกเราออกจากประตูภูเขา พวกท่านคงจะรับรู้ได้ เครือข่ายเทียนลั่วสมคำเล่าสือจริงๆ ใช้เวลาสิบปีกว่าในที่สุดก็สร้างได้สำเร็จ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี”
เขากล่าวชื่นชมแต่น้ำเสียงกลับเรียบเฉย เห็นได้ชัดว่าแค่กล่าวไปตามมารยาทเท่านั้น
เหรินรั่วเฟิงหัวเราะไม่ถือสา “ชมเกินไปๆ เป็นเพราะทุกคนทำงานหนักตลอดวันตลอดคืน เชิญสองท่านมากับฉัน พวกเราทำทุกอย่างเหมือนเดิมเถอะ”
ศิษย์พี่กู่พยักหน้า “เช่นนั้นลงเขาครั้งนี้ต้องรบกวนผู้อาวุโสเหรินด้วย และแน่นอนว่าอะไรที่ควรจะให้ พวกเราก็จะแบ่งให้ไม่น้อย”
หลังจากทักทายพอเป็นพิธีแล้ว มีเพียงสองคนที่ไปกับเหรินรั่วเฟิง ส่วนชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ที่แบกสัมภาระห่อใหญ่มีรถอีกคันของสำนักงานสัจธรรมมารับไป
…
ไม่นาน เหรินรั่วเฟิงก็พาทั้งสองคนมายังฐานของหน่วยกิจการพิเศษแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อเข้ามาในสำนักงาน ก็พากันนั่งลง
ครู่หนึ่งเจ้าหน้าที่อีกคนก็เข้ามาเปิดแล็ปท็อป และเปิดพาวเวอร์พอยท์ขึ้นมาฉายขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่
เหรินรั่วเฟิงแนะนำกับทั้งสอง “สามปีผ่านไป สถานการณ์ในโลกนี้เปลี่ยนไปมาก ทำเหมือนเดิมละกัน ให้ฉันแนะนำอัจฉริยะทั้งสองท่านก่อน ให้การพบกันอีกครั้งดำเนินต่อไปอย่างน่าพึงพอใจ”
ศิษย์พี่กู่ “ควรจะเป็นอย่างนั้น เป็นเกียตรที่ผู้อาวุโสเหรินเป็นคนอธิบายเอง”
เหรินรั่วเฟิงโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอก ฉันก็เคยพักอยู่ใต้ประตูเขาเทียนชิง นับว่าเรามีวาสนาต่อกัน”
เมื่อศิษย์น้องฉีได้ยิน ร่องรอยของความดูแคลนก็ปรากฏขึ้นในแววตาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร
เหรินรั่วเฟิงดูเหมือนจะไม่รู้ตัว จึงเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “เมื่อปีกลายเกิดการเปลี่ยนแปลงมาก แม้ว่าท่านทั้งสองจะอยู่ในสถานที่ลับ ‘เขาเทียนชิง’ ก็น่าจะเคยได้ยินมาบ้าง”
ศิษย์พี่กู่พยักหน้า “อืม นั่นเป็นพรจากสวรรค์ บนภูเขามีศิษย์เพียงหลายร้อยคน เห็นได้ชัดว่าสิบกว่าคนที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ โลกภายนอกกว้างใหญ่และผู้คนหนาแน่น คนที่ได้รับพรน่าจะมีมากกว่าแน่ คราวนี้ท่านอาจารย์ขอให้พวกเราลงมาจากเขา ภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งคือคัดเลือกกลุ่มคนที่มีวาสนาต่อกัน เชื่อว่าครั้งนี้จะต้องมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่า”
เหรินรั่วเฟิงตอบ “เรื่องนี้ไม่ยาก พวกเราสำนักงานสัจธรรมและหน่วยกิจการพิเศษในท้องถิ่น ควบคุมพื้นที่ในเสินโจว ให้ความช่วยเหลือได้”
ในที่สุดใบหน้าของศิษย์พี่กู่ก็ปรากฏรอยยิ้ม “ถ้างั้นก็ดีไม่น้อย ตามธรรมเนียมแล้ว ขอแค่ท่านจัดหาศิษย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหนึ่งคนมาได้ ก็จะสามารถส่งคนหนึ่งคนไปฝึกฝนยังสถานที่ลับได้ ครึ่งปีฝึกฝนจิตใจและฝึกบำเพ็ญสองปี”
เหรินรั่วเฟิงได้ฟังก็ยิ้มแย้มเหมือนกัน “แบบนี้ก็ดี จากนี้ฉันจะเล่าสถานการณ์ต่อไป”
ศิษย์พี่กู่ “เชิญเล่ามาเถอะ”
เหรินรั่วเฟิงเอ่ยฉะฉาน “ช่วงสามปีมานี้ สองปีแรกยังสงบสุขดี ปีก่อนหลังเกิดเหตุดาวตกเพลิงก็เปลี่ยนไปมาก มีคนเก่งที่มีความสามารถพิเศษทยอยเกิดขึ้นมากมาย ความเข้มข้นของพลังชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงในหนึ่งวันเท่ากับสิบวันก่อนหน้านี้”
เวลานี้ ในที่สุดใบหน้าของศิษย์น้องฉีก็แสดงความสนใจ จึงเอ่ยแทรก “ใครคือคนที่มีความสามารถ ระดับพลังของพวกเขาตอนนี้มีกี่คนถึงการประเมินพลังระดับ A”
เหรินรั่วเฟิงมองเธอแวบหนึ่ง ยิ้มพลางอธิบาย”ตอนนี้พวกเราไม่ได้ใช้การประเมินพลังแบบ ABCD ที่พวกท่านเสนอเหมือนแต่ก่อนแล้ว บนโลกนี้มีผู้จุติจากเผ่ามังกรท่านหนึ่ง บอกเราถึงเกณฑ์การประเมินความแข็งแกร่งของเผ่ามังกรของพวกเขา จาก S ถึง E แบ่งเป็นระดับทะเลสาบ บ่อน้ำ อ่างน้ำ ถังน้ำ จานชาม และถ้วย วัดระดับพลังตื้นลึกจากปริมาณน้ำ”
“เฮ้อ” ศิษย์น้องฉีได้ฟังก็พูดอะไรไม่ออกเลย “นี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม ผู้จุติเผ่ามังกรอะไรนั่นต้องหลอกพวกคุณเล่นแน่ๆ…”
แต่ศิษย์พี่กู่กลับไม่ยิ้ม พยักหน้าแล้วกล่าวเสียงเรียบ “เกิดจากตระกูลใหญ่บนสวรรค์จริงๆ ทักษะการฝึกฝนของพวกเราก่อนหน้านี้ มีเพียงระดับ A ขึ้นไปเท่านั้นที่ถือว่าเป็นระดับเล็กน้อยในสายตาของพวกเขา ไม่ว่าจะใส่น้ำได้เท่าไร ระดับ A ลงไปคือตัวตลก เดิมทีก็ไม่นับว่าเป็นผู้ฝึกฝน แม้ว่าการยกยอตัวเองก็เป็นแค่กบในกะลา…”
เหรินรั่วเฟิงพยักหน้า จริงๆ แล้วเขาก็คิดแบบนั้น
แต่ตอนนี้เขามีความรู้สึกที่ดีต่ออัศวิน A จึงอธิบายอย่างคล่องปาก “ฮ่าๆ แม้แต่หน่วยการวัดที่พวกเราใช้ในชีวิตประจำวันยังมีสารพัดมาตรฐาน กิโลเมตร กิโลกรัม ฟุต นิ้ว เซนติเมตร ช่วงการฝึกฝน เป็นเรื่องปกติที่แต่ละตระกูลจะมีเกณฑ์การประเมินของตัวเอง ท่านเทพเป็นอัศวินที่รักษาคำพูดและมีชื่อเสียงขจรขจายจะต้องไม่ใช่แค่ล้อเล่นพล่อยๆ นอกจากนี้เกณฑ์การประเมินยังเข้าใจง่ายและครอบคลุม ตอนนี้จึงเริ่มใช้งานแล้ว”
ศิษย์น้องฉีถูกทั้งสองคนโต้แย้ง น้ำเสียงจึงไม่ค่อยพอใจ “ผู้จุติตระกูลมังกรนั่นชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร เขาใส่น้ำได้แค่ไหน ทำไมเขาไม่พูดถึงระดับทะเลสาบขึ้นไปล่ะ”
เหรินรั่วเฟิงส่ายหน้า “ท่านเทพคือมังกรแห่งจิตวิญญาณ เท่าที่สำนักงานสัจธรรมของเราสังเกตหลายครั้ง น่าจะยังอยู่ที่ระดับบ่อน้ำ ท่านเทพไม่พูดถึงระดับทะเลสาบขึ้นไปน่าจะเป็นเพราะรับรู้ได้ว่าขีดจำกัดสูงสุดของความแข็งแกร่งส่วนบุคคลที่ลกนี้รับได้อยู่ที่ระดับทะเลสาบเท่านั้น พูดถึงระดับอื่นก็ไม่มีความหมาย”
……………………………………