เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) - ตอนที่ 74 โทษประหารก็มีแบ่งประเภท
บทที่ 74 โทษประหารก็มีแบ่งประเภท
ฟางหนิงที่ยืนอยู่หน้าคุกของระบบมองผ่านหน้าต่างกระจกบานเล็กเข้าไป ผ่านไปพักใหญ่ถึงพบว่าตอนนี้ปีศาจไอหมอกหรือปีศาจฝันร้ายที่ถูกระบบจับเข้ามากำลังขดตัวอยู่มุมหนึ่ง ไร้ซึ่งความน่าเกรงขามเช่นก่อนหน้านี้
ฟางหนิงเอ่ยถาม “แกบอกว่าจะทำให้ฉันเป็นหนุ่มตลอดกาลไม่แก่เฒ่า ไหนพูดมาสิมีวิธียังไงบ้าง”
ปีศาจฝันร้ายพอได้ฟังก็ดีใจ คิดว่าคนธรรมดาก็คือคนธรรมดา! ไม่มีทางหนีกิเลสพ้น
มันอ้าปากเล่าขั้นตอนฝึกฝนชุดหนึ่งและคำสาปมั่วซั่วอีกมากมาย
ระบบแจ้งเตือน ปีศาจฝันร้ายส่งวิธีฝึกประเภทปีศาจร้ายให้ระบบ ระบบใช้ค่าประสบการณ์วิเคราะห์วิธีการฝึกประเภทนี้ ทุกครั้งที่สร้างฝันร้ายทำให้คนตายสิบคนจะได้รับพลังงานชีวิตเล็กน้อยจากอีกฝ่าย ขั้นต้นได้รับชีวิตเท่ากับหนึ่งวัน หลังจากเริ่มฝึกจะทำให้จิตใจของโฮสต์ค่อยๆ ดำดิ่ง สุดท้ายกลายเป็นโฮสต์ใหม่ของปีศาจฝันร้าย วิธีการฝึกนี้ขัดแย้งกับกฎของระบบขณะนี้อย่างรุนแรง ระบบจึงปฏิเสธการเรียน
ฟางหนิงอ่านแล้วก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ไม่เสียชื่อปีศาจร้าย มันเสนอวิธีการโหดเหี้ยมขนาดนี้ถือว่าล้ำเส้นของเขาไปมาก
ก่อนหน้านี้เคยได้รับวิธีฝึกหัดมาแล้วสองวิธี แต่ไม่มีการแจ้งเตือนมากขนาดนี้ เพียงแค่แจ้งว่ามีข้อขัดแย้งหรือไม่ และระบบเลือกที่จะเรียนรู้หรือไม่ก็แค่นั้น
แต่ครั้งนี้กลับวิเคราะห์ก่อนแล้วอธิบายผลการฝึกฝนชัดเจน แม้แต่ระบบก็ยังต้องเตรียมตัวเต็มที่ หลุมพรางในวิธีฝึกนี้ลึกจริงๆ!
มันเป็นปีศาจร้ายเจ้าเล่ห์มาก ไม่แปลกใจเลยที่มันจะพูดเชิญชวนเช่นนั้น ตราบใดที่หวั่นไหว ข้ามเส้นแล้วเริ่มฝึกฝนก็จะติดกับดักของมัน
เขาเข้าใจทันทีว่าปีศาจร้ายไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด พวกมันไม่มีทางบอกความจริง ทุกคำพูดมีหลุมพราง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฟางหนิงก็ส่ายหน้าพลางกล่าว “เหอะๆ ต้องฆ่าคนมากมายถึงจะได้รับอายุขัยเพิ่มขึ้นสินะ มิน่าถึงได้ดำขนาดนี้ ยอมรับโทษประหารชีวิตซะดีๆ คราวหน้าเกิดใหม่เป็นก้อนหินแล้วกัน”
ฟางหนิงเข้าใจนิสัยของปีศาจกระจ่างแล้ว ในสายตาพวกมัน มนุษย์เป็นเพียงวัตถุอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับปีศาจหนูยักษ์พวกนั้น ไม่มีทางที่จะมีจุดยืนเดียวกัน มิน่าสีบนแผนที่จึงเป็นสีแดงเข้มปนดำ ไม่ผิดพลาดจริงๆ
ปีศาจฝันร้ายฟังแล้วก็งุนงง ดำขนาดนี้หมายความว่าอะไร หมายความว่าตัวเองใจดำต้องการฆ่าคนแย่งชิงชีวิตงั้นเหรอ บางทีพวกมนุษย์ก็ทำเหมือนมันไม่ใช่รึ เป็นเรื่องปกติที่จะสละชีวิตคนธรรมดาเพื่ออายุยืน ทำไมพัศดีที่ดูเกียจคร้านคนนี้ถึงได้พูดแบบนั้นออกมาล่ะ
มันใช้วิธีนี้กัดกร่อนโฮสต์ของมันมาแล้วมากมาย กระทั่งล่าสุดก็เจอเข้ากับอุปสรรคจากผู้มีความสามารถพิเศษด้านจิตใจที่ชื่อเจิ้งเต้า อีกฝ่ายแสร้งทำเป็นจิตใจตกต่ำ หลังจากมันใช่ร่างแล้ว พูดให้เข้าใจง่ายๆ แทบไม่กระตุ้นมันให้มีแรงจูงใจสังหาร น้อยครั้งที่มันจะมีโอกาสออกไปทำร้ายผู้คน
ครั้งนี้มันไม่มีทางเลือก ในเมื่อมีโอกาสแล้วก็เลยกวาดมาสามสิบกว่าคนในคราวเดียวกัน แต่ว่ากลับผิดแผนเ เพราะกลายเป็นมันถูกขังเสียเอง
มันไม่คิดว่าพัศดีเล็กๆ จะมองเห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ในวิธีฝึกของตัวเอง
พัศดีคนนี้มองดูแล้วคงเคยมีประสบการณ์การฝึกฝนเล็กน้อย เขาถูกขังที่นี่เพื่อดูแลคุก ไม่มีทางมองทะลุปรุโปร่ง หรือว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้มีเมตตาจริงๆ
มันหัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ฮ่าๆ ทำไมเจ้าคร่ำครึขนาดนั้น รอจนเจ้าแก่ตัวแล้วจะเสียใจ”
ฟางหนิงไม่อยากจะพูดเรื่องไร้สาระกับมันอีก อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาเห็นกลอุบายของมันแล้ว เขาอาศัยระบบฝึกฝนอายุยืนก็ได้ หมอนี่ไม่น่าเชื่อถือเลย
เขาแอบเรียกระบบ
ฟางหนิง “ช่วยปิดเสียงคุกนั้นได้ไหม”
ระบบ “ตกลง”
ดูท่าระบบจะระวังตัวจากปีศาจร้ายที่จิตใจเต็มไปด้วยกลอุบายมากทีเดียว ตอนนี้ไม่มีเสียงดังมาจากคุกอีกแล้ว
เอาล่ะ ในที่สุดก็ได้เล่นเงียบๆ สักที ฟางหนิงกลับไปเพิ่มเลเวล ‘เกม Mount & Blade’ เขายังต้องทนอีกครึ่งปี ต้องสร้างสมดุลการทำงานและพักผ่อน เรื่องอายุยืนยาวอะไรพวกนั้น ปล่อยให้ระบบดูแลจะดีกว่า…
ขณะเดียวกันผู้คนภายนอกก็ตื่นขึ้นจากลมพายุโหมกระหน่ำ สีหน้าของแต่ละคนดีขึ้นบ้างแล้ว ต่างรีบหันมองหน้ากัน
เนิ่นนานกว่าจะมีใครพูดขึ้น “ปีศาจร้ายถูกมังกรตัวนั้นกลืนกินหรือไม่”
“ดูจากสถานการณ์สุดท้ายแล้วน่าจะใช่”
“ปีศาจร้ายยังไม่ตายเหรอ ไม่อย่างนั้นทำไมพวกเรายังอยู่ที่นี่ล่ะ”
ขณะที่ฟางหนิงเล่นเกมก็ได้ยินเสียงสนทนาของคนกลุ่มนี้ถึงคิดขึ้นได้ คนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา แม้ว่าออกไปข้างนอกแล้วอย่างมากเวลาก็แค่ผ่านไปครึ่งวัน แต่พวกเขาต้องแก่ขึ้นครึ่งปีจริงๆ ไม่เหมือนตัวเอง ที่นี่ก็ว่างเปล่าไม่มีอะไร ให้พวกเขารีบออกไปอย่าเปลืองอายุขัยของพวกเขาจะดีกว่า
ฟางหนิง “ช่วยเปิดเสียงในคุกหน่อย”
ระบบ “ทำไมล่ะ หรือว่าเสียใจขึ้นมา ยังคิดอยากจะเรียนวิธีอายุยืนเหรอ นั่นทำไม่ได้”
ฟางหนิง “ฉันคงโง่มากแน่ถ้าทำอย่างนั้น ให้ปีศาจร้ายนั่นปล่อยคนพวกนั้นไปเถอะ ฉันเชื่อว่าแกทำได้”
ระบบ “พวกเขาไปแล้ว แต่พวกเราอยู่ที่นี่ โฮสต์แน่ใจหรือว่าจะทนอยู่ที่นี่ได้ครึ่งปี”
ฟางหนิง “ขอแค่ให้ฉันได้เล่นเกมคนเดียวสักสองสามชั่วโมงทุกวันก็พอแล้ว ฉันลงนิยายไว้แล้วหลายเล่ม สามารถอ่านฆ่าเวลาได้ และฉันก็ไม่คิดจะรบกวนคนอื่นมาเป็นเพื่อนรับโทษ”
ระบบไม่ใช่แค่ไม่ฟังฟางหนิง แต่กลับทำท่าเหมือนกำลังใคร่ครวญบางอย่าง “อ้อ มิน่าทำไมตอนที่ระบบใช้ร่างโฮสต์ฝึกฝน ถึงได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก ยังเล่นเกมได้ยังไง ที่แท้ก็เล่นเกมคนเดียวนี่เอง รู้อย่างนี้ ดูท่าต้องตัดไฟซะแล้ว ต้องทำอย่างนั้นโฮสต์ถึงจะมีสมาธิ”
ฟางหนิงนึกไม่ถึงว่าการแสดงความปรารถนาดีของตน จะกลับกลายเป็นการเตือนให้ระบบบีบคั้นตนเอง เขาถึงกับพูดไม่ออก “ไม่มีไฟกับอินเทอร์เน็ต ฉันทนฝึกครึ่งปีไม่ไหวหรอก”
ทั้งสองโต้เถียงกันไปมา สุดท้ายฟางหนิงก็งัดไม้ตายสุดท้าย ได้แต่จำยอมเป็นฝ่ายถอยหนึ่งก้าว “ตอนฝึกฝนตัดไฟก็ได้ แต่ตอนเลิกงานอย่ามายุ่งกับฉัน อย่างนี้ปล่อยคนพวกนี้ได้แล้วยัง”
ระบบ “ปล่อยๆๆ อย่าเสียใจล่ะ”
ฟางหนิง “ฉันจะเสียใจอะไร ปีศาจร้ายนั่นจะฟังแกไหม มันรู้อยู่ว่าจะต้องตายแล้วจะทำตามเหรอ”
ระบบ “ขืนมันไม่ทำตาม ระบบจะให้มันรู้ว่าโทษประหารก็มีแบ่งประเภท ประเภทหนึ่งเรียกว่าจิตวิญญาณดับสลาย”
…………
เวลานี้ในเทียนฮุ่ยวิลล่า หลังจากสอบสวนเจิ้งเต้าแล้ว ไห่หลานไม่ได้เปลี่ยนสถานที่ แต่กลับรายงานเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักสัจธรรมในที่เกิดเหตุ
ไห่หลาน “ใช่แล้ว สมาชิก 30 คน หายตัวไป 29 คน และยังมีเจ้าหน้าที่ต้อนรับอีกหนึ่งคน รวมทั้งครูฝึกที่เพิ่งส่งมาใหม่สวี่เว่ยหวา”
เจ้าหน้าที่ระดับสูง “อะไรนะ หายตัวไปนานแค่ไหนแล้ว”
ไห่หลาน “ไม่ถึงสิบนาที”
เจ้าหน้าที่ระดับสูง “พวกคุณปฏิกิริยาเร็วมาก พวกเราจะเรียกประชุมด่วนเพื่อหารือแผนแก้ไขปัญหา”
ไห่หลาน “ไม่ต้องหารือวิธีแก้ปัญหาหรอก…พิจารณาวิธีรับมือเรื่องที่จะตามมาดีกว่า”
เจ้าหน้าที่ระดับสูง “สถานการณ์เป็นยังไงกันแน่”
ไห่หลาน “เราสอบสวนโฮสต์ของปีศาจแล้วทราบข้อมูลที่ไม่แน่นอนนัก คนเหล่านั้นถูกปีศาจดึงเข้าไปในพื้นที่พิเศษ เวลาของที่นั่นแตกต่างจากโลกของเรา เวลาสิบนาทีจะเท่ากับการเดินเข้าไปในพื้นที่นั้น ฉันเชื่อว่าคนส่วนใหญ่อดอาหารตายแล้ว”
เจ้าหน้าที่ระดับสูง “ในนั้นมีลูกชายของผู้อาวุโสสวี่ ไม่ได้การล่ะ ต้องรีบแจ้งครอบครัวของเขา”
ไห่หลาน “ขอให้แจ้งอ้อมๆ หน่อย…ข่าวยังไม่ยืนยันขั้นสุดท้าย บางทีโฮสต์อาจจะถูกปีศาจทำให้สับสนกระทั่งเทียบเวลาของสองโลกผิดพลาด”
เจิ้งเต้าที่อยู่ข้างๆ ฟังอีกฝ่ายวิเคราะห์ก็ย้อนคิดอย่างจริงจัง อดไม่ได้ที่จะมองผู้หญิงสวยสง่าและเย็นชาด้วยความชื่นชม มันอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เป็นไปได้มากที่ปีศาจจงใจทำให้เขาเกิดภาพลวงตาในการเทียบเวลาเพื่อสะท้อนความแปลกประหลาดและทรงพลังของมัน ทำให้ตัวเองหวาดกลัวและในที่สุดก็ตกอยู่ในการควบคุมของมัน นิสัยฉลาดแกมโกงของมันเป็นเรื่องที่รู้กัน
พูดจบแล้ว สีหน้าไห่หลานพลันเคร่งเครียด ตายทีเดียวสามสิบกว่าคนและยังเกิดขึ้นในโรงเรียนสังกัดสำนักสัจธรรม แม้ว่าจะไม่ใช่สำนักงานใหญ่ก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ
คงจะต้องเตรียมเขียนรายงานตรวจสอบให้ดีแล้วค่อยถูกไล่ออกกลับบ้าน
เธอเตรียมใจอย่างนี้แล้ว แต่ผ่านไปไม่เท่าไหร่ก็มีคนรายงานเธอทางวิทยุรับส่ง
ไห่หลาน “พูดมาสิ”
สมาชิกคนหนึ่ง “ดูจากกล้องวงจรปิดเมื่อครู่ยืนยันว่าทุกคนกลับมาแล้ว ไม่มีใครหายไปสักคน”
ไห่หลานดีใจ ดูท่าไม่ต้องเขียนรายงานตรวจสอบแล้ว “รีบเรียกพวกเขามารวมกัน ตรวจร่างกายก่อนแล้วแยกกันสอบถาม”
เจิ้งเต้าที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินเช่นนั้น ใบหน้ากลับฉายแววสงสัย เพราะเขารู้สึกได้ว่าปีศาจร้ายที่ครองร่างตนเองยังไม่ตาย เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมมันถึงใจดีปล่อยคนพวกนี้ออกมา
…………
ประธานจ้าวกลับไปห้องก็คิดว่าจะไปดูฟางหนิงสักหน่อยก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
พอเขาเปิดประตูก็เห็นตาอ้วนหลิว
ประธานจ้าว “อ้าว ฉันคิดว่าเดี๋ยวจะไปหา ใจตรงกันพอดี ไป ไปดูเสี่ยวฟางก่อน”
ตาอ้วนหลิวได้ยินก็ดีใจ “ดีเลย ฉันจะมาชวนแกกับเสี่ยวฟางไปหาอาหารมื้อใหญ่กิน สองวันนี้มีแค่บะหมี่กับไส้กรอกแฮม ไม่มีอะไรอร่อยๆ กิน และยังต้องแบ่งให้คนร่างกายอ่อนแออีก แบ่งไม่ถึงฉันเท่าไร รสชาติก็พอไหว แต่กินไม่อิ่มสักมื้อนี่สิ”
ประธานจ้าวพูดไม่ออก “มีกินก็บุญแล้ว! ตาอ้วนน่าจะปล่อยให้หิวสักสองวัน จะได้ลดความอ้วนไง”
ความหวังที่ตาอ้วนหลิวจะได้กินมื้อใหญ่ใกล้พังลง เพิ่งจะเคาะห้องฟางหนิงก็เห็น “ฟางหนิง” ลงมาจากเตียง กลุ่มคนชุดดำปรากฏตัวในอาคารแล้ว…
……………………………………………………