เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) - ตอนที่ 64 วิธีตบหน้าที่ตรงไปตรงมา
บทที่ 64 วิธีตบหน้าที่ตรงไปตรงมา
อัศวิน A กุ่ยเอ้อร์และคนอื่นต่างหันไปมองตามเสียงนั้นที่ดังขึ้น
ก็เห็นเพียงเงาเลือนรางของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างน่าเกรงขามในหุบเขา กำลังย่างเท้าเข้ามาช้าๆ
“คารวะพระโพธิสัตว์” กุ่ยเอ้อร์รู้แต่แรกแล้วว่าเป็นพระโพธิสัตว์ปรากฏตัว แต่เวลานี้ย่อมไม่อาจพูดอะไรได้ เขายังคงหมอบกายอยู่บนพื้น เพียงแต่รีบลุกขึ้นวิ่งไปคุกเข่าเบื้องหน้าพระโพธิสัตว์
ชายหนุ่มเดินเข้ามาแล้วเอ่ยกับกุ่ยเอ้อร์ “ข้ารู้เรื่องแล้ว พวกเจ้าเลือกเป็นพันธมิตรกับมารหนูยักษ์ก็ไม่เป็นไร นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าอยากหาความมั่นคงให้สมาคมของเรา เป็นการทำเพื่อส่วนรวม แต่พวกเจ้าสองคนไม่ควรสมรู้ร่วมคิดกับบรรพบุรุษตระกูลไป๋เพื่อทำร้ายน้องชายมังกรท่านนี้ กุ่ยชีเห็นแก่ตัวมากเกินไป ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกล้าหลอกลวงข้าด้วย ครั้งนี้ยิ่งทำผิดใหญ่หลวงแล้ว แม้ตายไปก็ยังมีความผิด ข้าจะไม่ช่วยออกหน้าให้เขา”
“พระโพธิสัตว์โปรดอภัย ต้องโทษข้าที่โลภมาก บรรพบุรุษตระกูลไป๋บอกว่าจะให้สมาคมราชาผีเช่าโลกใต้ดินบางส่วนเพื่อสร้างจวนผีใต้ดิน ข้าถึงได้ตอบตกลงทำร้ายอัศวินท่านนี้” กุ่ยชีตายแล้ว กุ่ยเอ้อร์ย่อมไม่ตำหนิเขา เวลานี้ยิ่งออกหน้ารับผิดชอบ พระโพธิสัตว์ก็ยิ่งดีใจ
ชายหนุ่มคนนั้นได้ยินก็พยักหน้าเบาๆ ดูแล้วท่าทางพอใจกับคำตอบ
เขาหันไปหาอัศวิน A ประสานมือคารวะ จากนั้นในมือก็ปรากฏสมุดเล่มเล็กสีเขียวมรกตลอยเข้าไปหาอัศวิน A ช้าๆ
“ต้องขออภัยด้วยที่ปกติแล้วข้าเก็บตัวมากเกินไป ไม่ดูแลพวกเขาให้เข้มงวด ต้องขอโทษน้องมังกรด้วย ข้าขอมอบ ‘คัมภีร์โพธิ’ เล่มนี้ให้ท่านเป็นการชดเชย ไม่ใช่ของมีราคาค่างวดอะไรหรอก แต่หากฝึกถึงระดับสูงได้ก็นับว่าล้ำเลิศยิ่งนัก”
อัศวิน A เพียงสะบัดมือทีหนึ่ง คัมภีร์เล่มนั้นก็มาอยู่ในมือ
กุ่ยเอ้อร์ที่อยู่ข้างๆ ได้ฟังแล้วก็รู้สึกอิจฉานัก เขาเคยได้ยินชื่อ ‘คัมภีร์โพธิ์’” เล่มนี้มานานแล้ว ถ้าหากฝึกฝนได้ถึงขั้นสูงสุดก็จะฟื้นคนตายให้เป็น กระดูกกลับมีเลือดเนื้อได้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้อาวุโสคนใดของสมาคมราชาผีได้รับถ่ายทอด พระโพธิสัตว์กล่าวว่านิสัยของพวกเขาไม่พอที่จะเข้าใจความลึกลับของมัน หากฝืนเรียนไปรังแต่จะทำลายรากฐาน
แต่พระโพธิสัตว์กลับมอบมันให้กับอัศวิน A อย่างง่ายดาย เพื่อเป็นการชดเชย ข่าวลือที่ว่าพระโพธิสัตว์อยากจะดึงอัศวิน A มาเข้าร่วมสมาคมราชาผีดูท่าทางจะเป็นเรื่องจริง ตอนนี้เมื่อมั่นใจแล้วว่าอัศวิน A เป็นมังกร เกรงว่าพระโพธิสัตว์มองว่าไม่มีอะไรที่จะรักษาหน้าได้ไปกว่ามังกรแท้ผู้พิทักษ์
น่าเสียดายที่เขาคิดว่านี่คงเป็นการเตะหมูเข้าปากหมาเสียแล้ว เพราะด้วยนิสัยท่าทางอย่างอัศวิน A คงไม่มีทางเข้าร่วมองค์กรใดๆ
…………
ในพื้นที่ระบบ
ฟางหนิงเห็นการแจ้งเตือนระบบใหม่
ระบบได้รับ ‘คัมภีร์โพธิ์’ ซึ่งเป็นคัมภีร์ลับสำหรับการฝึกบำเพ็ญที่หาได้ยาก เพราะขัดแย้งกับระบบวิทยายุทธ์ขณะนี้ ระบบจึงเลือกที่จะไม่ฝึกมัน
ฟางหนิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว แต่ไม่พูดออกมาน่าจะดีกว่า หลังจากนี้เมื่อถูกขังในห้องมืด เขาคงมีของเล่นฆ่าเวลาเพิ่มอีกชิ้นหนึ่ง…
เวลานี้ระบบไม่ได้เอ่ยถึงคัมภีร์นี้ แต่กลับพูดว่า “บอสใหม่คนนี้ โฮสต์ดูที่แสดงในแผนที่สิ พื้นที่ใหญ่กว่าบรรพบุรุษตระกูลไป๋มากทีเดียว แต่เหลือเชื่อว่าเป็นสีขาวทั้งตัว ปราณขาวมากกว่าเฉียวจื่อซานเสียอีก อีกอย่างเมื่อเขาปรากฏตัว นอกจากจะเอ่ยขอโทษยังมอบคัมภีร์หายากให้ ใจกว้างทีเดียว ปรมาจารย์มารอสรพิษส่งคัมภีร์หายากยังต้องขอร้องพวกเรา เพียงแต่ทำไมในมือเขาถึงมีของที่เป็นความลับสองอย่างนี้นะ”
ฟางหนิงปาดเหงื่อ แม้ระบบจะไม่สนใจ ‘คัมภีร์โพธิ์’ ในตอนนี้ แต่ด้วยความจำของระบบแล้ว ระบบจะไม่มีทางลืมมัน
เขารีบอธิบาย “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ตรงไหน ลูกน้องรับมือยากกว่าเจ้านาย เขาคงจะเป็นคนที่หลงใหลการฝึกบำเพ็ญ คาดว่าคงถูกยกย่องมานานแล้วจึงไม่สนใจซักถามเรื่องราวของลูกน้อง ในเมื่อเป็นอย่างนี้ พวกเราก็อย่าไปยั่วยุเขาเลย กลับบ้านไปจับปีศาจอัปเกรดเลเวลกันเถอะ”
ระบบเอ่ย “เขาเป็นคนชั่วก็ดีสิ การเตรียมจับบอสสองสามวันนี้จะได้ไม่ต้องเสียเปล่า ถึงอย่างไรตอนนี้บรรพบุรุษตระกูลไป๋ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แน่ๆ”
ฟางหนิง “ความคิดของแกนี่มันแปลกประหลาด (งี่เง่า) จริงๆ… ไล่จับเขาตั้งสามเดือนไม่หยุดหย่อน แล้วตอนนี้บรรพบุรุษตระกูลไป๋จะไม่รู้ข่าวหรือ ถึงตอนนั้นต่อให้สองบอสมาจับพวกเรา สุดท้ายก็ได้แต่วิ่งหนีเท่านั้น”
…………
อัศวิน A “อย่างนี้แล้วกัน ข้าจะไว้หน้าพระโพธิสัตว์ กุ่ยเอ้อร์นี่ก็ส่งให้พระโพธิสัตว์จัดการเอง แต่ต้องให้มันทำให้อันตรายของหนูยักษ์เมืองฉีสงบก่อน เห็นแก่บุญกุศลนี้ ข้าจะไม่ตามเอาเรื่องอีก”
กุ่ยเอ้อร์คุกเข่าคำนับไม่หยุด “ขอบคุณท่านอัศวินมาก กุ่ยเอ้อร์จะทำให้ดีที่สุด จะไปทำทันที จะไม่ขออะไรตอบแทนอีก”
พระโพธิสัตว์เอ่ยขึ้นบ้าง “เอาล่ะ ยากที่น้องมังกรจะเอ่ยปากปล่อยเจ้า ต่อไปเจ้าต้องแก้ไขข้อผิดพลาด ทุกเรื่องต้องทำเพื่อส่วนรวม ตอนนี้ลุกขึ้นเถอะ”
กุ่ยเอ้อร์เข้าใจความหมายของพระโพธิสัตว์ดี หากทุ่มเททำงานให้กับสมาคมราชาผี ซื่อสัตย์จนตาย เมื่อเกิดเรื่องจะปกป้องจนถึงที่สุด มิเช่นนั้นก็จะมีจุดจบแบบกุ่ยชี
เขาหยัดกายลุกขึ้น พยักหน้าหงึกหงัก
อัศวิน A “ข้ายังมีธุระอีก ขอไม่ผูกมิตรกับพระโพธิสัตว์ ลาก่อน”
ชายหนุ่มพยักหน้าพลางยิ้มอย่างเข้าใจให้แก่อัศวิน A
ตอนนั้นเอง จูซานเม่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ พลันเกิดปราณดำพวยพุ่งออกจากใบหน้า ร่างผีสั่นคลอน คล้ายกับที่กุ่ยชีเอ่ยก่อนตาย ท่าทางวิญญาณใกล้จะแตกสลายแล้ว
อัศวิน A ชะงักฝีเท้า แล้วหันมองไปที่จูซานเม่ย
ฟางหนิงสงสัย “หยุดทำไมหรือ”
ระบบ “กฎมีข้อจำกัด เราจะละเมิดเส้นทางอัศวินไม่ได้ วิญญาณผู้หญิงตนนี้ไม่เคยทำเรื่องชั่วร้าย เคยถูกลงโทษครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ต้องตายเพราะพวกเราสังหารกุ่ยชี เราจะไม่สนใจไม่ได้”
ฟางหนิงไม่เข้าใจ “น่าปวดหัวจริงๆ ฉันรู้แล้วว่าทำไมพวกอัศวินถึงอายุไม่ยืนกัน เหมือนก๊วยเจ๋งในเรื่องมังกรหยก เห็นได้ชัดว่ามีเกาะดอกท้อให้หลบหนีไปเสวยสุขได้ ยังจะเลือกไปตายในสมรภูมิรบที่เมืองเซียงหยางอีก วันหน้าพวกเราจะต้องลงเอยแบบนี้สินะ พอหลับตาฉันก็เห็นภาพทางตันในข้อกำหนดอัศวิน N+1”
ระบบตอบกลับ “งั้นก็แล้วแต่โฮสต์ ถึงอย่างไรชีวิตก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง อัศวินอันดับสอง โฮสต์ลองดูแล้วกันว่าจะทำอย่างไร”
ฟางหนิงตอบ “คัมภีร์โพธิ์เล่มนี้ช่วยได้บ้างไหม”
ระบบท่าทางใคร่ครวญเล็กน้อย “น่าจะได้ แต่ระบบเรียนไม่ได้ ระดับความสอดคล้องกับวิทยายุทธ์ที่มีตอนนี้ไม่เพียงพอ มันขัดแย้งกัน แต่โฮสต์เรียนได้ เพราะหลักๆ แล้ว มันคือการฝึกฝนพลังจิต”
ฟางหนิงเข้าใจ “ฉันรู้อยู่แล้วแกจะต้องส่งให้ฉัน แต่ไม่ใช่ว่าปุ๊บปั๊บฉันจะเรียนได้ทันที กว่าจะเรียนสำเร็จน้องสาวคนนี้คงตายไปก่อนแล้วล่ะ แต่ช่างเถอะ ฉันจะบอกวิธีหนึ่งให้”
ระบบ “? ? ?”
ฟางหนิง “อยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูด”
ระบบนิ่งอึ้ง “ทำอย่างนี้ได้หรือ ความคิดของโฮสต์ประหลาดจริงๆ”
อัศวิน A ยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าปราศจากอารมณ์มองวิญญาณจูซานเม่ยที่กำลังย่ำแย่ ท่าทางของเขาดูเหมือนไม่สนใจ แต่เท้ากลับไม่ยอมขยับเขยื้อนแสดงถึงเจตนาที่ไม่ยอมจากไป
กุ่ยเอ้อร์เริ่มสงสัยแต่หลังจากนั้นก็เข้าใจได้ อีกฝ่ายต้องการให้พวกเขาลงมือ สองมือของเขาร่ายมนต์ ลมปราณสีดำหม่นพุ่งออกมาจากตัวของเขาแล้วแผ่คลุมร่างจูซานเม่ย
ร่างจูซานเม่ยค่อยๆ หยุดนิ่ง แต่หลังจากนั้นก็สั่นสะท้านมากขึ้น เธอเพียงแต่กัดฟันแน่นไม่ร้องสักแอะ ดูเหมือนว่าจะมีความสุขจากการปลดปล่อยอย่างเงียบๆ ท่ามกลางความหวาดกลัวต่อการดับสูญ
เสี้ยววินาทีต่อมา ทั้งตัวของเธอก็ระเบิด วิญญาณแตกดับ ปราณดำกระจายไปทั่ว แค่อึดใจก็สลายหายไปสิ้น
อัศวิน A ยังคงมีท่าทีเฉยเมย กุ่ยเอ้อร์มองด้วยความกังวล ‘อย่าลากข้าซวยไปด้วยล่ะ ข้าเคยทำผิดใหญ่หลวงแล้ว แต่ก็สารภาพหมดแล้วไม่ใช่หรือ’
พระโพธิสัตว์ยิ้มบางๆ ผ่านไปอึดใจหนึ่งก็ยื่นมือออกมาทำท่าวิตรรกะมุทรา เห็นแต่ปราณขาวหลั่งไหลออกมาจากง่ามนิ้วไปยังกลางอากาศว่างเปล่า
กุ่ยเอ้อร์พลันต้องตกตะลึง
เห็นแต่วิญญาณที่แตกกระจายของจูซานเม่ยถูกปราณขาวดึงไว้ ลอยใหม่อีกครั้งกลางอากาศ คล้ายหญิงสาวถูกปั่นด้ายถักทอขึ้นใหม่อีกครั้ง
ครั้งนี้ร่างของเธอไม่ได้ประกอบร่างจากปราณดำของภูตผี แต่มาจากปราณขาว ช่างน่าทึ่ง ร่างกายห่อด้วยเสื้อคลุมสีแดงสดทั้งตัว ในมือมีหอกสีแดงเพลิงเพิ่มขึ้นมา การเคลื่อนไหวดูผึ่งผายสง่างามราวกับเป็นคนจริง
“แม้เจ้าจะเป็นวิญญาณ แต่จิตใจยังมีความเมตตา ต่อไปเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ของสมาคมราชาผี คอยออกตรวจสอบแทนข้า หากมีคนทำชั่ว เจ้าจะรับรู้ได้เอง” พระโพธิสัตว์เอ่ยเสียงเรียบ
“จูซานเม่ยซาบซึ้งถึงเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์ ซานเม่ยจะออกลาดตระเวนกลางวันกลางคืน ไม่ทำให้ชื่อเสียงความเมตตาของพระโพธิสัตว์แปดเปื้อน” จูซานเม่ยท่าทางดีใจท่วมท้วน รีบคุกเข่าคำนับ
“หึๆ ลุกขึ้นเถอะ เจ้าฉลาดมาก แค่นิดเดียวก็เข้าใจแล้ว มีคุณสมบัติของราชาผีจริงๆ น่าเสียดายที่กุ่ยชีใช้งานไม่ถูกต้อง ต่อไปข้าจะแนะนำเจ้าเอง ว่าควรจะฝึกบำเพ็ญอย่างไร ข้าจะมอบชื่อใหม่ให้เจ้า ‘หงอิง’ คนราวกับพู่แดง จิตใจแข็งแกร่งดั่งหอก สยบผู้มีใจคิดชั่วร้ายทั้งหลาย” พระโพธิสัตว์ยิ้มบาง
“จูหงอิงขอบคุณพระโพธิสัตว์ที่ประทานชื่อให้” จูหงอิงฮึกเหิม ปราศจากความคับข้องใจเหมือนก่อน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าได้มาดพี่ใหญ่ของพี่น้องร่วมสาบานสี่คนกลับมาเหมือนเก่า
ภายในพื้นที่ระบบ
ฟางหนิงพูด “ลองคิดดูสิ ดีขนาดไหน มีคนที่รักษาความยุติธรรมและความสงบเรียบร้อยจะทำให้เรารู้สึกสบายใจมากขึ้นเวลาเราเดินเล่น”
ระบบน้ำเสียงหงุดหงิด “ไม่ดีสักนิด”
ฟางหนิงเอ่ยเซ็งๆ “ทำไมอีกล่ะ”
ระบบตอบกลับ “มีหอกเพิ่มขึ้นกลายเป็นตัวอันตราย…”
ฟางหนิงกลอกตา “บ้าเอ้ย ง่ายนิดเดียว ให้ QQ กับเว่ยป๋อเธอสิ เข้าใจไหม…”
ระบบตอบ “ระบบเข้าใจ”
อัศวิน A ยื่นมือออกไป ทันใดนั้นก็มีนามบัตรลอยออกมา “ฮ่าๆ พระโพธิสัตว์มีปัญญายิ่ง สาวน้อย ขอแสดงความยินดีที่เจ้าได้ชีวิตใหม่ ต่อไปพระโพธิสัตว์เจอคนชั่วที่ฆ่าไม่ได้ เชิญมาหาข้าได้ทันที นี่คือ QQ และเว่ยป๋อของข้า อย่าลืมเพิ่มข้าเป็นเพื่อนล่ะ”
จูหงอิงรับนามบัตรไปด้วยสีหน้างงงวย อัศวิน A คนนี้หมายความว่าอย่างไรกัน เธอหันมองพระโพธิสัตว์ ก็เห็นว่าเขากำลังยิ้มให้และพยักหน้าให้เธอ
“เช่นนั้นก็ขอบใจท่านอัศวินแล้ว” จูหงอิงเก็บนามบัตรไว้
ผ่านไปครู่หนึ่ง พระโพธิสัตว์ก็ไม่พูดอะไรอีก พยักหน้าแล้วหายไปทันที กุ่ยเอ้อร์และจูหงอิงก็จากไปเช่นกัน
ฟางหนิงถอนหายใจ “นี่เราโดนตบหน้าจังๆ เลยหรือ”
ระบบ “โฮสต์พูดอะไร”
ฟางหนิง “พวกเราเพิ่งฆ่ากุ่ยชีไปนะ แต่เขาไม่เรียกวิญญานของมันกลับมา แต่เรียกวิญญาณของจูหงอิงกลับมาแทน แถมยังแต่งตั้งให้เป็นวิญญาณรับใช้ แข็งแกร่งกว่าร่างกายมนุษย์ อย่างนี้ไม่ใช่ตบหน้าพวกเราหรือ แกสุดยอด ถึงขั้นทำให้คนตายฟื้นได้ไหมล่ะ”
ระบบ “ทำไม่ได้ โฮสต์อยากเล่นก็เล่นไป พวกเราไม่ได้เสียอะไร”
ฟางหนิงเงียบ “ขอโทษที ฉันลืมไปว่าแกไม่มีใบหน้า แกเลยไม่รู้สึกว่ากำลังโดนตบหน้าสินะ”
ระบบโต้กลับ “โฮสต์ก็ไม่มีหน้าตั้งนานแล้ว ยังกลัวอะไรกับการถูกตบหน้า ถ้ากลัวถูกตบหน้ามากนักก็ตั้งใจเรียนคัมภีร์โพธิ์สิ ระบบเห็นว่าพระโพธิสัตว์ราชาผีใช้วิชาในนั้น เห็นเขาทำเป็นสบายๆ แต่ระบบก็รู้สึกได้ว่าเขาหมดพลังไปมากทีเดียว ถึงได้รีบร้อนกลับไปขนาดนั้น มนุษย์อย่างพวกโฮสต์เสแสร้งเก่ง โฮสต์เรียนได้แล้วก็จะเสแสร้งได้เหมือนกัน”
ฟางหนิง “…คนไม่เสแสร้งจะต่างอะไรกับคนขี้แพ้ล่ะ เรียนก็เรียน รีบๆ คืนไฟกับอินเทอร์เน็ตมาก่อนสิ ขืนตัดการเชื่อมต่ออย่างนี้ ฉันจะยอมแพ้แล้วนะ”
ระบบ “โฮสต์แกล้งหมดอาลัยตายยากไม่สำเร็จหรอก ระบบครองร่างของโฮสต์ทั้งหมด มีการเคลื่อนไหวของจิตใจอะไรก็ย่อมรู้ดีแจ่มแจ้ง ก่อนหน้านี้หมดอาลัยตายอยากจริงๆ แต่ตอนนี้โฮสต์มีชีวิตชีวาตั้งนานแล้ว”
ฟางหนิง “เรื่องเกี่ยวกับบอสยุติลงชั่วคราว แกอย่ามัวแต่คิดเรื่องนั้นสิ รีบไปจับปีศาจอัปเกรดเร็ว”
ระบบ “จะรีบไป แต่โฮสต์ศึกษาคัมภีร์โพธิ์ก่อน พอค่าประสบการณ์อัปเกรดการเปลี่ยนร่างมังกรถึงระดับกลาง ก็จะใช้ค่าประสบการณ์ไปพอสมควรแล้ว ไม่อาจแสดงภาพและข้อความที่ดีเยี่ยมเรียบง่ายและทันสมัยได้”
ฟางหนิง “งั้นก็รีบคืนอินเทอร์เน็ตกับไฟมาให้ฉันสิ ไม่มีอินเทอร์เน็ตฉันจะเรียนยังไงล่ะ”
……………………………………………..