เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) - ตอนที่ 35 ไปเป็นมังกร
ช่วงเวลาอาหารกลางวัน
โต๊ะอาหารขนาดใหญ่ว่างเปล่า บนชั้นวางอาหารข้างๆ เต็มไปด้วยจานและหม้อสภาพสะอาดเอี่ยมวางซ้อนกัน
คุณนายจ้าวกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง เธอรู้สึกว่าหิวมากกว่าเดิม จึงส่งสายตาให้ตาแก่จ้าวว่า ‘บอกลูกเขยของคุณให้ทำอาหารมาอีกสิ’
ตาแก่จ้าวตอบกลับ ‘สำรวมหน่อย…’
คุณนายจ้าวทำท่าเหมือนจะบิดหูของเขา
ตาแก่จ้าวส่งสายตา ‘ถ้าเขากลายเป็นลูกศิษย์คุณแล้ว ต่อไปจะกินเท่าไรก็ได้’
คุณนายจ้าวดึงมือกลับ แล้วนั่งตัวตรงและจัดเสื้อผ้า เธอเริ่มจากกระแอมไอ ‘แค่กๆ’ และพูดว่า “เสี่ยวฟาง ฉันเห็นว่าคุณเป็นเด็กดี โลกนี้เปลี่ยนแปลงเร็วนัก มันจะดีกว่าถ้าคุณมีวิธีป้องกันตัวเอง…”
ฟางหนิง “คุณป้าพูดถูก ตอนนี้ผมไม่เคยออกจากบ้านตอนกลางคืนเลยครับ”
คุณนายจ้าว “อื้ม ดีแล้วที่คุณให้ความสนใจกับตัวเอง ตอนมาตาแก่จ้าวก็บอกคุณแล้ว ฉันกับเหยาเหยาต่างก็มีสายเลือดนารีมังกรโบราณ ในความทรงจำฉันเคยได้รับวิชาฝึกฝนพิเศษ ซึ่งมันล้ำค่าและหายากมาก ปกติฉันไม่ถ่ายทอดให้คนธรรมดา…”
ฟางหนิงพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว…”
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินกลับไปที่ห้องครัว ผ่านไปครู่ใหญ่ ภายใต้การรอคอยของคุณนายจ้าว ในที่สุดเขาก็กลับมาพร้อมกับลูกแกะย่างสีเหลืองทองอร่ามทั้งตัว
เมื่อแกะย่างถูกยกมาถึง สายตาของคุณนายจ้าวก็เฝ้าติดตามมันไม่ห่าง และคอยสูดกลิ่นของมัน ราวกับว่าเธอไม่ต้องการให้กลิ่นนั้นสูญหายไป…
หลังจากแกะย่างเสิร์ฟลงบนโต๊ะอาหารเรียบร้อย คุณนายจ้าวก็หยิบหนังสือผูกด้ายเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าถือของเธอ และส่งมันให้ฟางหนิงซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ฉีกขาแกะกินอย่างอดรนทนไม่ได้
เธอจึงกินไปพูดไปว่า “เสี่ยวฟาง… ลองศึกษาเองดูก่อน ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจให้ถามเหยาเหยาในวีแชทได้เลย ข้างในมีภาษาโบราณมากมาย ซึ่งเป็นภาษาที่ลึกซึ้งอย่างมาก อย่าได้เข้าใจผิดล่ะ การบรรลุนั้นไม่ง่ายเลย… หลังจากที่ฉันจับมือสองเหยาเหยา เธอยังคงต้องใช้เวลาถึงสองปีจึงจะบรรลุ ส่วนตาแก่จ้าว ฉันไม่เคยให้เขาอ่าน เพราะเขาหัวล้านมากพอแล้ว”
ประธานจ้าวคิดในใจ ‘ฉันอายุ 52 แล้วนะ ผมร่วงนิดร่วงหน่อยแปลกตรงไหนกัน?’
ฟางหนิง “ครับ ขอบคุณคุณป้า…”
คุณนายจ้าวโบกมือ ขณะนี้ในปากของเธอเต็มไปด้วยเนื้อแกะ จึงไม่พูดอะไรอีก
ดังนั้นฟางหนิงจึงก้มหน้าก้มตาและเปิดอ่านหนังสือคร่าวๆ เอาเถอะ เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาถึงสองปีถึงจะเข้าใจจริงๆ เขาเข้าใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งรวมถึงชื่อหนังสือด้วย…
ระบบแจ้งเตือน: ระบบเลือกที่จะเรียนรู้ ‘ทักษะการแปลงเป็นมังกร’ ระดับการฝึกฝน ‘เทคนิคการฝึกฝนที่หายาก’ ระดับปัจจุบัน ‘ระดับเริ่มต้น’ ระบบได้รับบัฟพิเศษคือ
ข้อหนึ่ง: ความอิ่มระดับต้น คุณสามารถรับประทานอาหารที่จำเป็นต่อกิจกรรมในหนึ่งสัปดาห์ในคราวเดียวได้ และภายในหนึ่งสัปดาห์นั้นคุณไม่จำเป็นต้องกินอาหารอีก
ข้อสอง: วิทยายุทธที่เกี่ยวข้องกับมังกรทั้งหมดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ระดับทักษะปัจจุบันจะเพิ่มขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์
ข้อสาม: เปิดความเป็นไปได้ของการหลอมรวมของวิทยายุทธที่เกี่ยวข้องกับมังกรทั้งหมด ขณะนี้ มีวิทยายุทธที่เกี่ยวข้องกับมังกรทั้งหมด 32 ท่า เริ่มการหลอมรวม…
ในพื้นที่ระบบ
ฟางหนิงรู้สึกตื่นตะลึง “แค่นี้เองเหรอ? ไม่ดีแน่ๆ ถ้าฉันเรียนรู้เร็วขนาดนี้ จะผิดปกติเอานะ ฉันจะแกล้งทำเป็นว่าตัวเองต้องใช้เวลาสองปีในการเรียนรู้ นี่เรื่องใหญ่มาก! ระบบ แกเข้าใจไหม?”
ระบบตอบกลับ “โฮสต์ไม่ต้องแกล้งทำ โฮสต์ไม่มีวิชาอะไร ระบบต่างหาก…”
ฟางหนิงชะงัก “ถ้าแกพูดแบบนี้ ถือว่าเราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป”
เมื่อเห็นท่าทีหดหู่ใจหลังจากอ่านตำรา คุณนายจ้าวผู้ซึ่งพิชิตแกะย่างทั้งตัวแล้วก็เช็ดปากอย่างพึงพอใจ และวางมันลงข้างๆ อย่างสง่า จากนั้นจึงจิบน้ำแล้วกล่าวว่า “เสี่ยวฟาง อย่ารีบสิ การฝึกวิทยายุทธเป็นเรื่องยาก ยิ่งเป็นเทคนิคการฝึกฝนที่หายากและล้ำค่าของฉันแล้ว ตอนนี้คุณต้องท่องให้ได้ก่อน หลังจากนี้ฉันจะมาช่วยชี้นำทุกสัปดาห์ แน่นอนว่า ทุกครั้งที่มาก็ต้องเหนื่อยและใช้พลังงานอย่างมาก…”
เขาเพิ่งให้เทคนิคการฝึกฝนที่ไร้เทียมทานมา เทพแห่งระบบก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก วิทยายุทธมังกรที่ทำให้เทพแห่งระบบพัฒนาขึ้นแบบร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน และนี่เป็นแค่ระดับเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงผลจากการฝึกลมปราณ หากรวมการเพิ่มขึ้นของพลังปราณ…
ด้วยท่าไม้ตายนี้ เวลาเล่นก็ยิ่งไม่ต้องกังวลน่ะสิ ผีทั้งหลายต้องหลบไปซะ
ด้วยบุญคุณที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร? ฟางหนิงไม่ใช่เทพแห่งระบบผู้ไร้ยางอาย ด้วยนิสัยของเขา ไม่สามารถทำแบบนี้ได้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงตอบกลับ “เมื่อถึงเวลา ศิษย์จะทำอาหารที่ดีที่สุดเพื่อตอบแทนอาจารย์”
ระบบแย้งขึ้นทันที “โฮสต์ตัดสินใจแทนระบบอีกแล้วนะ เดี๋ยวระบบจะคิดบัญชีกับโฮสต์ภายหลัง ในเมื่อโฮสต์เป็นคนตกลง ต่อไปโฮสต์ต้องเป็นคนทำอาหารนะ…”
ฟางหนิงชะงัก ‘หลังจากที่ปีศาจงูกินอาหารดิบที่ฉันทำ เธอจะโกรธหรือเปล่า จากพันธมิตรกลายเป็นศัตรูเป็นปัญหาเลยนะ’
คุณนายจ้าวไม่รู้ว่าทำไมฟางหนิงจึงหยุดชะงัก เธอคิดว่าเด็กคนนี้ดีใจจนบ้า จึงรู้สึกพึงพอใจมากกว่าเดิม “ฮ่าๆ เสี่ยวฟาง คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ตาแก่ของฉันไม่มีอะไรนอกจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์และฟาร์มเกษตรรอบๆ นี้หลายแห่ง เขาเป็นประธานกลุ่มผลิตอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉีเชียวล่ะ วัตถุดิบพวกนั้นฉันจะให้เขาเป็นคนจัดการ ซึ่งมีคุณภาพสูงกว่าที่คุณซื้อจากตลาดกว่ามาก และจะสบายใจในการกินด้วย”
ฟางหนิงกำลังจะปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้ง
เทพแห่งระบบแย่งร่างจากเขาและพูดว่า “อืม เมื่อถึงเวลานั้น โปรดนำวัตถุดิบมาให้มากที่สุด ผมจะทำในปริมาณที่มาก ให้ตัวเองกินในปริมาณของหนึ่งสัปดาห์ด้วย จะได้ไม่ต้องทำอาหารอีกครั้ง จริงด้วย อย่าลืมเตรียมยาสมุนไพรจีนมาเพิ่มนะครับ ผมจะเขียนรายการไว้ให้ ผมจะทำอาหารบำรุงร่างกายด้วย ซึ่งดีต่อร่างกายอย่างมาก”
เมื่อคุณนายจ้าวได้ยินก็ดีใจจนยิ้มแก้มแทบปริ “ดีมาก แกนี่มันพูดจาตรงไปตรงมาจริงๆ แต่คุณป้าชอบ… ตาแก่ คุณไม่มีความเห็นอื่นใดใช่ไหม?”
ประธานจ้าวรีบพยักหน้า “ที่รักพูดถูก ตอนนี้การแข่งขันในอุตสาหกรรมอาหารกำลังดุเดือด กินเยอะๆ จะได้ช่วยระบายคลังสินค้า…”
คุณนายจ้าวสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “หมายความว่าอย่างไร? คุณจะให้ฉันกับเสี่ยวฟางกินของที่ใกล้หมดอายุเหรอ?”
ประธานจ้าวส่ายหน้าไปมา “จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร รับรองว่าสดใหม่ทั้งหมด”
คุณนายจ้าว “แล้วยาสมุนไพรจีนที่เสี่ยวฟางต้องการล่ะ?”
ประธานจ้าวกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ตามนิสัยการกินของที่รักแล้ว มีแค่ร้านขายยาของตระกูลฉีเท่านั้นที่จะตอบสนองความต้องการระยะยาวได้ พวกเขามียาสมุนไพรเหล่านี้จำนวนมาก และได้ยินมาว่า พวกเขาวางแผนที่จะเริ่มปลูกสมุนไพรจีนในแถบเมืองใกล้เคียงอีกด้วย”
เมื่อคุณนายจ้าวได้ยินว่าเป็นตระกูลฉีก็พลันขมวดคิ้ว แล้วหันไปพูดกับฟางหนิงว่า “ไอเด็กเวรนั่นและปู่ของมันเพิ่งจะเสียชีวิตเพราะความขัดแย้งภายในตระกูลฉีเมื่อไม่นานมานี้ คนขวางหูขวางตาล้วนไม่อยู่แล้ว ถ้าตาแก่ไปซื้อยาสมุนไพรจากที่นั่น นายมีความเห็นอะไรไหม?”
ฟางหนิงจะมีความเห็นได้อย่างไร ตอนนี้เขาไม่มีความขุ่นเคืองกับตระกูลฉี และไม่ต้องการไปสะกิดผู้มีอำนาจในนั้นด้วย จึงรีบโบกมือ “ไม่เป็นไรครับๆ เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ให้มันแล้วกันไป”
คุณนายจ้าวพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อจากตระกูลฉีแล้วกัน อย่าลืมขอส่วนลดล่ะ คราวที่แล้วทำตระกูลเราเสียหน้าไม่น้อยเลย ตอนนั้นฉันกำลังยุ่ง แต่ตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรอีก ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเขาไป”
เมื่อคุณนายจ้าวพูดถึงเรื่องนี้ ร่างกายของเธอก็แผ่รัศมีสยดสยองโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่หลังจากรู้ตัวก็รีบดูดกลับ โดยใช้มือขวากุมปากและหัวเราะ ‘แหะๆ’ “เสี่ยวฟาง ไม่ได้ทำให้คุณกลัวใช่ไหม?”
ฟางหนิงส่ายหัว “ไม่เป็นไรครับๆ”
ฟางหนิงคิด ‘แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ฉันกลัวแทบตาย แต่ตอนนี้คุณคือพันธมิตร ฉันจะกลัวได้อย่างไร แค่ระบบไม่เผยร่างที่แท้จริงของคุณให้เราเห็นก็พอ’
แต่เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตาแก่จ้าวถึงซื่อสัตย์แบบนี้ มีน้อยคนนักที่จะกล้าเผชิญหน้ากับนักล่ายักษ์ ตาแก่จ้าวยังนอนกับเธอทุกคืน กล้าหาญไม่น้อยทีเดียว…
…
บนรถเบนซ์ คุณนายจ้าวรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง และปฏิบัติกับตาแก่จ้าวดีขึ้นเช่นกัน อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนดึงหูอีก
เมื่อประธานจ้าวเห็นภรรยากำลังอารมณ์ดี จึงถือโอกาสพูด “ในเมื่อเสี่ยวฟางบอกว่าเขาจะทำอาหารในปริมาณที่มาก ถ้าอย่างนั้นตอนที่รักมาสอนเขา ก็พาผมกับเหยาเหยามาด้วยดีไหม?”
คุณนายจ้าวมองประธานจ้าวหัวจรดเท้า เธอมองอยู่พักใหญ่จนเขารู้สึกกลัวว่าตัวเองขอมากไปหรือเปล่า คุณนายจ้าวจึงพูดขึ้นว่า “แน่นอนว่าต้องให้คุณมาด้วย คุณน่ะไม่เป็นปัญหาหรอก แค่ไก่ตัวเดียวคุณก็อิ่มแล้ว คุณแก่แล้วจำเป็นต้องบำรุงเหมือนกัน แต่เหยาเหยา?”
ประธานจ้าวรู้สึกสงสารลูกสาว จึงพูดทันทีว่า “คุณจะขังเหยาเหยาไว้ในบ้านตลอดแบบนี้ไม่ได้นะ อีกอย่าง คุณต้องการจับคู่พวกเขาสองคนด้วยไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อคุณนายจ้าวได้ยิน จึงฝืนใจพูดออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้น ทุกๆ ห้าครั้ง ฉันจะพาเธอมาด้วยหนึ่งครั้งก็แล้วกัน”
ประธานจ้าวถามกลับ “หมายความว่าเดือนหนึ่ง พวกเขาจะได้เจอกันหนึ่งครั้งหรือ?”
คุณนายจ้าวจึงรีบเปลี่ยนคำ “ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนเป็นทุกๆ สามครั้ง น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว เด็กคนนั้นกินจุกว่าฉันอีก ระวังคุณจะหมดตัวนะ”
ประธานจ้าว “ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นผมจะขยายฐานการผลิตอีกหน่อย แต่ดูเหมือนว่าฟาร์มบางแห่งจะไม่มั่นคง คนงานบางคนออกจากงานโดยไม่มีเหตุผลใดๆ ตามปกติแล้วไม่ควรเป็นแบบนี้ พวกเขาล้วนเป็นคนท้องถิ่น สวัสดิการก็ไม่เลวเลย ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พวกเขาอยากได้งานที่ดีกว่านี้”
คุณนายจ้าวสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “คุณอย่าเพิ่งไปดูเลย ช่วงนี้คุณอยู่ที่บ้านกับเหยาเหยาไปก่อน ฉันจัดการเอง”
จากนั้นเธอก็พูดกับคนขับรถที่ขับรถอยู่ข้างหน้าว่า “เสี่ยวเฮย ช่วงนี้คุณไม่ต้องไปไหน แค่เฝ้าบ้านก็พอ ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้รีบโทรหาฉัน!”
คนขับรถผู้มีผิวสีเข้ม ยังคงขับรถอย่างตั้งใจ เขาพยักหน้าและตอบรับ “ครับ พี่หลิ่ว”
…
ณ บ้านของฟางหนิง ในพื้นที่มิติของระบบ
จู่ๆ ระบบก็พูดขึ้นมา “วันนี้โชคดีจริงๆ ที่ได้เรียนรู้ทักษะการฝึกลมปราณที่เข้าคู่กับวิทยายุทธ์ของระบบ ดูเหมือนไม่เสียเปล่าที่เลี้ยงข้าวพวกเขา”
ฟางหนิงรู้สึกสงสัย “เฮ้ เขาว่ากันว่าการฝึกลมปราณดีกว่าวิทยายุทธ์ไม่ใช่หรือ ไม่ว่าได้เรียนรู้ทักษะไหนก็ถือว่าได้กำไรหรือเปล่า?”
ระบบโต้กลับ “ไร้สาระ โฮสต์ไม่เข้าใจด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะโฮสต์พูดก่อนหน้านี้ว่าแบบฝึกทักษะนี้จะสามารถประหยัดเวลาในการกินข้าวได้ ระบบก็ขี้เกียจที่จะเรียนรู้มันเหมือนกัน ถ้าเรียนรู้ทักษะมั่วๆ มีแต่จะทำลายระบบการอัพเลเวลของวิทยายุทธ์”
ฟางหนิง “เอาเถอะ แค่แกเข้าใจก็พอ ฉันไม่เข้าใจฉันก็จะไม่พูดอะไรแล้ว”
เทพแห่งระบบพึงพอใจกับท่าทีถ่อมตัวของฟางหนิงเป็นอย่างมาก “อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้กำไรมากทีเดียว และได้จัดการปัญหาเรื่องการกินในอนาคตของเราด้วย และช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากในการสลับตัวตนในตอนกินข้าวด้วย ก่อนหน้านี้ต้องเสียค่าอาหารหลายล้านต่อเดือน เงินที่ประหยัดมาได้ก็ซื้อวัตถุดิบอีกจำนวนมาก”
ฟางหนิงถอนหายใจและพูดว่า “ใช่น่ะสิ แกได้กำไรเยอะจริงๆ แต่ฉันต้องเสียหน้ามากกว่าเดิม…”
ระบบพูดต่อ “เมื่อตอนโฮสต์นั่งกับเด็กสาวคนนั้นหลังจากกินข้าวเสร็จครั้งที่แล้ว โฮสต์ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าโฮสต์เสียหน้าหมดแล้ว แล้วตอนนี้โฮสต์จะเสียหน้ามากกว่าเดิมได้อย่างไร?”
ฟางหนิงเงียบ “…”
หลังจากนั้นไม่นาน ฟางหนิงจึงพูดขึ้นว่า “สอนทักษะพลังมังกรให้ฉันหน่อยสิ”
ระบบงุนงง “ทำไมล่ะ? ระบบทำได้ก็พอ โฮสต์ขี้เกียจขนาดนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่โฮสต์อยากเรียนรู้ทักษะเองเลยนะ ระบบขอเตือน การฝึกฝนทักษะนี้ยากและเหนื่อยมาก”
ฟางหนิงถอนหายใจเฮือก “ตอนนี้ฉันไม่มีหน้าจะเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นก็เลยต้องไปเป็นมังกร…”
……………………………………………………….