เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 37 [บทที่ 5 มิไร] ไม่มีอะไรค้างคา
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 37 [บทที่ 5 มิไร] ไม่มีอะไรค้างคา
แรงกระแทกส่งผ่านไปทั่วร่างของผม
ลมหายใจจากปอดพุ่งออกมาจากปาก
ร่างกายเจ็บปวดจนดิ้นทุรนทุราย
แต่สติผมยังชัดเจน
“ทำไม… ฉันถึงยังไม่ตาย?”
เสียงอ่อนแอ สั่นเครือ ดังมาถึงหูผม
นัตสึกิยังมีชีวิตอยู่
ความโล่งอกแล่นผ่านความคิด
ก่อนที่ผมจะนึกขึ้นได้
ว่าตัวเองมาที่นี่พร้อมกับอิโอริและคนอื่นๆ
***
ที่ดาดฟ้าชมวิวซึ่งมองเห็นเมืองชนบทแห่งนี้
ผมหันไปหาอิโอริและพูดขึ้น
“ช่วยพวกเราด้วย”
“โอเค ไว้ใจได้เลย… เอ๊ะ พวกเรา?”
อิโอริเอียงศีรษะเล็กน้อยกับคำพูดของผม
“นัตสึกิกำลังจะตาย”
“…แต่ทำไมล่ะ?”
ด้วยสีหน้าวิตกกังวล อิโอริเอ่ยถาม
“เป็นเพราะการกลั่นแกล้งที่เธอเจอ…
และปัญหาในครอบครัวของเธอ”
“เป็นเพราะ… โทวะเหรอ?”
“ส่วนหนึ่งก็ใช่ อิโอริเองก็ทำให้เธอทนไม่ไหว
ผมก็เหมือนกัน หลายคนทิ้งเธอให้อยู่ลำพัง
และกดดันเธอจนเกินไป”
“นัตสึกิบอกอากิเรื่องนี้เหรอ?”
นัตสึกิไม่เคยบอกผมหรอก แต่ผมรู้
“มันเริ่มขึ้นตอนที่ผมกำลังหมดเศร้า
หลังถูกโคโยอิปฏิเสธ
ผมพยายามฆ่าตัวตาย
แต่พอเป็นเดียวผมดันทำไม่ได้น่ะ
ผมเลยสัญญากับนัตสึกิว่า
เมื่อไหร่ที่เธอตัดสินใจจะตาย
ผมจะตายไปพร้อมกับเธอ”
“งั้น… อากิได้รับข้อความจากนัตสึกิว่า
เธออยากตายเหรอ?”
ผมพยักหน้า
“แต่ผมมีเหตุผลที่ยังตายไม่ได้
และผมก็อยากให้นัตสึกิมีชีวิตอยู่ต่อด้วย”
ผมพูดกับอิโอริอีกครั้ง
“เพราะอย่างนั้น อิโอริ
ช่วยนัตสึกิด้วยนะ”
เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่น
และมองตรงมาที่ผม
“เข้าใจแล้ว… โทวะควรทำยังไงดี?”
***
หลังจากแยกกับอิโอริ
ผมก็ไปที่บ้านของนัตสึกิ
“สวัสดีครับ”
“อ้อ… เธอเองเหรอ แฟนของมิไรใช่ไหม?”
เมื่อผมกดกริ่ง
แม่ของนัตสึกิที่ดูอิดโรยเปิดประตูออกมา
ก่อนหน้านี้ผมเคยประหลาดใจ
กับความงามที่ดูไร้กาลเวลาของเธอ
แต่ตอนนี้เธอดูแก่ลงไปมาก
“เด็กคนนั้นไม่อยู่ เธอออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
คนที่ผลักดันนัตสึกิจนถึงขอบเหว
กลับพูดราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
ความโกรธพลุ่งพล่านในใจผม
แต่ผมสะกดกลั้นมันไว้
พยายามรักษาท่าทีที่สงบ
“ผมรู้ครับ เธอฝากผมให้เอาบางอย่าง
จากห้องของเธอมาให้ได้
ผมขอขึ้นไปดูได้ไหมครับ?”
ข้ออ้างนี้ฟังดูเหลวไหล แต่ถึงเธอปฏิเสธ
ผมก็ตั้งใจจะบุกเข้าไปในห้องของนัตสึกิอยู่ดี
“เชิญเลย… ตามสบาย”
แม่ของนัตสึกิอนุญาตอย่างง่ายดาย
เหมือนว่าเธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
เมื่อเข้ามาในห้องของนัตสึกิ
ผมเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน
และพบจดหมายลาตายในนั้น
ผมเปิดซองและอ่านเนื้อหาด้านใน
มันเกือบจะเหมือนกับสิ่งที่ผมเคยอ่าน
ในชีวิตที่สามของผม
ผมรีบออกจากห้อง
โดยไม่สนใจแม้แต่จะปิดลิ้นชักกลับ
“เจอสิ่งที่เธอฝากไว้ไหม?”
แม่ของนัตสึกิมองมาที่ผมและถาม
ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะไม่ใส่ใจอะไร
ผมยื่นซองให้เธอดู เธอเอียงคอมองดู
เนื้อหาในซองด้วยความสงสัย
“…นี่มันอะไร?”
เธอพึมพำออกมาอย่างตกใจ
“นัตสึกิตั้งใจจะตายวันนี้…
คุณรู้ไหมว่าทำไม?”
“ไม่! มันไม่ใช่ความผิดของฉัน!”
พอได้ยินคำพูดของผม เธอขึ้นเสียงทันที
จากนั้นก็โยนจดหมายลาตาย
ในมือของเธอลงบนพื้น
“ฉันเป็นภรรยาที่ดีและแม่ที่ใส่ใจ!
แต่พอเด็กคนนี้ถูกกลั่นแกล้ง
เราต้องย้ายมาอยู่ชนบท
ทุกอย่างก็ผิดพลาดไปหมด!
ฉันอดทนเพื่อเด็กคนนี้ ทำดีที่สุดแล้ว
และฉันก็แค่อยากให้เธออดทน
และทำดีที่สุดเพื่อฉันเหมือนกัน!
มันผิดตรงไหน?!”
โดยที่ไม่มีใครถามอะไร
เธอก็เอาแต่แก้ตัวของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
…ถ้าผมฆ่าเธอตรงนี้ นัตสึกิจะรอดไหม?
ผมคิดถึงมันอย่างจริงจัง
แต่โชคร้ายที่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว
นัตสึกิโทษตัวเอง
ที่ทำให้แม่ของเธอกลายมาเป็นแบบนี้
นั่นคือเหตุผลที่เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป
ถึงอย่างนั้น ถ้าทำได้ ผมก็อยากจะฆ่าเธอ
นัตสึกิเลือกที่จะตายก็เพราะผู้หญิงคนนี้
เพราะเธอ ผมไม่สามารถช่วยนัตสึกิได้
และต้องย้อนชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
“ผมไม่เคยเจอใครที่แย่เท่าคุณมาก่อนเลย…”
แต่ตอนนี้ ความสงสารในใจผม
มีมากกว่าความเกลียดชัง
ถึงผมฆ่าเธอในตอนนี้
มันก็คงแค่ทำให้เธอสบายใจขึ้นเท่านั้น
“สิ่งที่คุณทำมันน่าขยะแขยง
เกินกว่าจะบรรยายได้ จุดเริ่มต้น
อาจจะเป็นการย้ายมาที่เมืองนี้
และถูกปฏิเสธจากคนรอบตัว
คุณอาจจะโทษคนในเมืองนี้ก็ได้
หรือบางทีผู้ชายเลวๆ
ที่ฉวยโอกาสตอนคุณอ่อนแอ
อาจเป็นตัวการหลัก…”
“ใช่! มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันก็แค่เหยื่อ
ทำไมนัตสึกิถึงไม่เข้าใจล่ะ…”
“…แต่สิ่งที่ผลักดันให้นัตสึกิถึงจุดนี้
มันคือคุณต่างหาก”
พอได้ยินคำพูดของผม
เธอก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
เอามือขยี้ผมของตัวเองพลางพึมพำ
“ไม่…ไม่ใช่…”
“ไม่ว่าจะทำยังไง คุณก็ไม่มีทางกลับไป
เป็นแม่ที่แท้จริงของเธอได้อีกแล้ว”
แม้ว่าคำพูดของผมจะไม่เข้าถึงใจเธอ
ผมก็ยังพูดต่อไป
“ถ้ายังเหลือความเป็นมนุษย์
ในตัวคุณอยู่บ้างล่ะก็…
ช่วยผมช่วยนัตสึกิด้วย”
พูดจบ ผมหยิบจดหมายลาตายของนัตสึกิ
อย่างไรก็ตาม
ผมคิดว่าเธอคงไม่มีเจตนาจะช่วยนัตสึกิ
ผมกำลังจะเดินออกจากห้องไป
แต่แล้วคำพูดหนึ่งก็ทำให้ผมชะงัก
“ฉันควรทำยังไง…?”
เธอพูดพลางมองมาที่ผมด้วยสีหน้า
ที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างลึกซึ้ง
***
เมื่อผมมาถึงโรงเรียน
ผมโทรหาคนที่ผมบันทึกไว้ในโทรศัพท์
เสียงสายดังอยู่ไม่กี่ครั้ง เขาก็รับสาย
[ฮัลโหล นี่อัตสึตะครับ]
“ขอโทษที่โทรมาวันหยุดครับ ผมเก็นโนะ”
[อ้อ เก็นโนะ… มีอะไรหรือเปล่า?
เกิดอะไรขึ้นเหรอ?]
ทันทีที่ได้ยินชื่อผม
ครูอัตสึตะถามกลับมาด้วยน้ำเสียงกังวล
คงเพราะนักเรียนโทรหาเขาในวันหยุด
มันต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ ๆ
“ครับ ผมมีเรื่องที่พูดทางโทรศัพท์ลำบาก
อยากคุยต่อหน้ามากกว่า
ครูพอจะมาที่โรงเรียนตอนนี้ได้ไหมครับ?”
[โอเค ให้ฉันไปเดี๋ยวนี้เลยไหม?]
พอได้ยินคำพูดของผม
เขาก็ตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล
ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ครับ รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ”
หลังจากวางสาย
ผมก็นั่งรอให้ครูอัตสึตะมาถึงโรงเรียน
***
ในห้องแนะแนวมีพวกเราสี่คน ครูอัตสึตะ
อิโอริ แม่ของนัตสึกิ และผม
ผมส่งจดหมายที่นัตสึกิเขียนให้กับครู
และอธิบายสถานการณ์ทั้งหมด
“—สิ่งที่เขียนในนี้… เป็นเรื่องจริงหรือ?”
ครูอัตสึตะพึมพำ
สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ราวกับถามไปโดยไม่คาดหวังคำตอบ
“โทวะเป็นคนกลั่นแกล้งเธอเองค่ะ”
อิโอริพูดออกมา
และแม่ของนัตสึกิก็พยักหน้าตอบเงียบๆ
“สถานการณ์มันแย่จริงๆ…”
ครูพูดพร้อมมองแม่ของนัตสึกิ
ด้วยสายตาเย้ยหยัน
ทันใดนั้นเอง ผมก็ได้รับอีเมลสองฉบับ
จากนัตสึกิในเวลาไล่เลี่ยกัน
“นัตสึกิกำลังจะกระโดดลงมาจากดาดฟ้า
ของโรงเรียนครับ”
หลังจากพูดจบ
ผมก็ยื่นมือถือให้พวกเขาดูอีเมลที่ได้รับ
ใบหน้าของอิโอริซีดเผือดทันที
แม่ของนัตสึกิสะอื้นและทรุดตัวลงกับพื้น
โดยไม่พูดอะไร
ขณะที่ครูอัตสึตะเอามือกุมศีรษะ
“ตอนนี้นัตสึกิไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว ยกเว้นผม
เพื่อไม่ให้เธอตื่นตระหนกเกินไป
ผมจะขึ้นไปเกลี้ยกล่อมเธอเอง
แต่ในระหว่างนี้
ขอให้พวกคุณสามคนช่วยปูเบาะรองพื้น
ในตำแหน่งที่ผมบอกไว้
เผื่อกรณีเธอตัดสินใจกระโดด
ผมจะพยายามดึงเธอลงในจุดนั้น”
หลังจากฟังคำพูดของผม
ครูอัตสึตะนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า
“สามคนอาจจะไม่พอนะ
ขอผมเรียกคนมาช่วยเพิ่มได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำถามนั้น ผมส่ายหัวแล้วตอบว่า
“เธอตั้งใจจะตายจริงๆ
ถ้าพวกเรามากันเยอะเกินไปและเธอรู้ตัว
เธอจะกระโดดทันที
นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องการแค่
คนที่พร้อมจะช่วยเธอ
ด้วยความจริงใจเท่านั้นที่จะลงมือ”
“เข้าใจแล้ว ถึงครูจะไม่อยากคิดถึง
สิ่งที่อาจเกิดขึ้นถ้าเก็นโนะล้มเหลว…
แต่เราจะไปเอาเบาะจากห้องอุปกรณ์
มาปูให้ตามที่เธอบอก”
หลังจากพยักหน้าตอบรับครูอัตสึตะ
ผมก็อธิบายจุดที่ควรวางเบาะอย่างละเอียด
“ผมขอโทษที่ต้องทำให้ทุกคนลำบากครับ”
ถ้าผมล้มเหลวที่นี่… ครูอัตสึตะเอง
ก็อาจจะต้องรับผลกระทบไปด้วย
การที่ผมขอให้เขาเข้ามาช่วย
มันเหมือนกับผมฉวยโอกาส
จากความเมตตาของเขา
“เก็นโนะ ถ้าเธอต้องกระโดดลงไปจริงๆ…
ครูจะจับนายไว้ให้ได้แน่”
ครูพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อย่าพูดเหมือนลางร้ายแบบนั้นสิครับ
น่ากลัวนะ…
แต่ผมเข้าใจในความตั้งใจของครูนะ”
***
“ทำไม…ฉันยังมีชีวิตอยู่?”
นัตสึกิที่ผมโอบกอดเอาไว้ลุกขึ้นช้าๆ
สีหน้าของเธอดูสับสน
ราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
ทันใดนั้นเอง
อิโอริก็โผเข้ามากอดนัตสึกิแน่น
“ขอโทษนะ…ขอโทษ…ขอโทษจริงๆ”
อิโอริร้องไห้สะอึกสะอื้น
ขอโทษเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะที่นัตสึกิยืนมองด้วยสายตาว่างเปล่า
เธอหันไปมองรอบๆ ห้อง
แม่ของนัตสึกินั่งพึมพำซ้ำๆว่า
“ยกโทษให้แม่เถอะ…”
ครูดูตกใจเมื่อเห็นว่าการกระโดด
ลงจากดาดฟ้าเป็นเรื่องจริง เขายังสับสน
ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกที่เธอปลอดภัย
แม้ผมจะล้มเหลว
ในการเกลี้ยกล่อมเธอให้เปลี่ยนใจ
แต่นัตสึกิและผมยังคงรอดชีวิตอยู่
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ
กับความขัดแย้งในใจตัวเอง
แม้ว่าเราจะรอดมาได้…
แต่ที่นี่—สถานที่ซึ่งเธอตกลงมาจากดาดฟ้า
—ก็ยังเป็น “นรก” สำหรับเธอ
“นัตสึกิยังมีชีวิตอยู่… เพราะคนที่รังแกเธอ
คุณครูที่ไม่เคยรับรู้ว่ามีการรังแกเกิดขึ้น
แม่ที่ทำให้เธอตัดสินใจจบชีวิต
และตัวผมเอง คนที่ครั้งหนึ่ง
เคยพูดกระตุ้นให้เธอตาย
ผมไม่อยากให้เธอตาย นั่นคือเหตุผล
ที่ผมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีชีวิตต่อไป”
นัตสึกิยังคงมองมาที่ผมด้วยความสับสน
ผมจึงพูดต่อ
“พ่อที่เธอรัก
กำลังเตรียมงานพรุ่งนี้ในโตเกียว
และหลับสบายเหมือนเคย
ส่วนเพื่อนร่วมชั้นและครูคนอื่นๆ
ก็ยังเพิกเฉยต่อเธอเหมือนทุกวัน
พวกเขาไม่สนใจว่าเธอจะมีชีวิตอยู่หรือไม่”
ใบหน้าของเธอว่างเปล่า
ไม่มีอารมณ์ใดๆปรากฏขึ้น
“มันเลวร้ายจนถึงจุดที่เราทำได้
แค่หัวเราะออกมาเท่านั้น”
“…มันไม่ตลก”
ผมไม่รู้จริงๆ ว่านัตสึกิรู้สึกอย่างไรในตอนนี้
นั่นเป็นเหตุผล
ที่ผมพูดสิ่งที่เก็บไว้ออกไปทั้งหมด
“ผมอยากให้เธอโกรธ—
โกรธแม่ที่มีแต่ข้อแก้ตัว
โกรธพ่อที่ไม่สนใจอะไรเลย
โกรธโลกใบนี้ที่ทำร้ายเธอจนหมดสิ้น
และตะโกนว่า
‘ทุกคนตายไปซะ ยกเว้นฉัน!’ “
น้ำเสียงของผมเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
และความเจ็บปวด
ไม่มีใครเลย
ที่พยายามช่วยนัตสึกิในโลกที่โสมมใบนี้
ผมกล่าวขอโทษ… ทั้งต่อเธอ
และผมเองที่ไร้ค่าจนไม่สามารถช่วยเธอได้
“แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าไม่มีอะไรดีในชีวิต
แม้ว่าเธอจะต้องต่อสู้กับความเจ็บปวด
ความสิ้นหวัง และความทุกข์ทรมาน
จนอยากตาย
ผมอยากให้เธอมีชีวิตต่อไป… เพื่อผม”
คำพูดเหล่านี้ออกมาจากใจแต่ผมไม่แน่ใจ
ว่ามันจะส่งไปถึงเธอหรือไม่
ทว่า นัตสึกิถามกลับมาเสียงเรียบว่า
“แล้วอากิระจะทำอะไรให้ฉันล่ะ ในเมื่อ
ฉันต้องทนเจ็บปวดเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป?”
“…ผมคงทำได้ไม่มาก แต่ผมจะอยู่ตรงนี้
และช่วยพยุงเธอขึ้นทุกครั้งที่เธอล้ม”
เธอยกมือขึ้นปิดหู
ร้องออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
“หยุดพูดสักที… หยุดพูดอะไรไร้สาระ!”
เธอผลักอิโอริออก
และหันมามองผมด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ต่อให้พูดแบบนั้น
ความสิ้นหวังของฉันก็ไม่เปลี่ยนหรอก!
มันไม่ยุติธรรมเลยที่นายอยากให้ฉันอยู่…
มันจะดีมากถ้าฉันได้ตายไปจริงๆ!”
เธอโถมตัวใส่ผมจนล้มลงกับพื้น
และขึ้นคร่อมร่างของผม
น้ำตาของเธอไหลพรากเปียกแก้มผม
“…แต่ถึงอย่างนั้น…
ถ้าคนที่ฉันรักทำแบบนี้
แล้วบอกให้ฉันอยู่ต่อ…
ฉันจะตายได้ยังไงล่ะ?”
เธอสะอื้นไห้ น้ำตาไหลอาบใบหน้า
ขณะที่เธอร้องขออย่างหมดหนทาง
“ถ้านายจะช่วยอะไรฉันไม่ได้เลย
งั้นอย่างน้อย… บอกว่ารักฉันก็พอ”
ผมไม่อยากพูดคำพูดที่ว่างเปล่า
ผมจึงเช็ดน้ำตา
ที่ไหลอาบแก้มเธอด้วยปลายนิ้ว
พลางเอ่ยว่า
“มันยังเร็วไปสิบปี ยัยเด็กบ้า”
แล้วผมก็ตระหนักได้ว่า
สิ่งที่ผมต้องการมีเพียงแค่…
เช็ดน้ำตาของเธอแบบนี้
ความคิดสุดท้ายของผมคือ…
“ลาก่อนนะ”
…แล้วสติของผมก็ดับวูบไป
อีก 1 ตอนจบแล้วววว
ไว้เจอกันพรุ่งนี้ละกันน
ปล่อยค้างซักหน่อย
ไม่เป็นไรหรอก….