เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 34 [บทที่ 5 มิไร] ความเสียใจที่ไม่ถูกเติมเต็ม
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 34 [บทที่ 5 มิไร] ความเสียใจที่ไม่ถูกเติมเต็ม
คืนก่อนวันพิธีจบการศึกษา
ผมยืนอยู่หน้าประตูที่นำไปสู่ดาดฟ้า
อาจฟังดูแปลก แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว
ที่ผมขึ้นมาบนดาดฟ้าโรงเรียนแบบนี้
ผมมองข้อความที่ส่งมาถึงในโทรศัพท์
หลังข้อความที่เขียนว่า [มาที่ดาดฟ้าโรงเรียน]
มีอีกสองข้อความต่อมาที่เขียนว่า
[สัญญา—รักษาสัญญาด้วย]
จากนั้นผมก็หยิบสายคล้องรูปแผ่นป้ายเอมะ
ที่นัตสึกิให้ผมในวันคริสต์มาสขึ้นมาดู
มันมีคำว่า [สอบผ่าน] เขียนอยู่
ก่อนหน้านี้ ผมเคยคิดแต่จะช่วยชีวิตนัตสึกิ
โดยไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเธอเลย
แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก
เพราะอิโอริทำให้ผมเข้าใจว่า
แม้ว่าผมจะทำพลาดไปมากมาย
แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งจะผิดพลาดทั้งหมด
รอยยิ้มและความรู้สึกที่นัตสึกิมอบให้ผม
ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดพลาดทั้งหมดเช่นกัน
ถ้าผมปฏิเสธสิ่งนั้น
แล้วพยายามแค่รักษาชีวิตเธอไว้…
ผมมั่นใจว่าความเสียใจ
จะยังคงติดค้างอยู่ในใจของผม
ดังนั้นสุดท้ายแล้ว ผมไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากต้องเผชิญหน้าด้วยความมุ่งมั่น
—ผมจะช่วยหัวใจของนัตสึกิ มิไรให้ได้
ผมเช็ดหน้าจอโทรศัพท์ให้สะอาด
ด้วยผ้าที่ติดอยู่กับสายคล้อง
จากนั้นก็พับเก็บโทรศัพท์ลง
ผมสูดลมหายใจลึก
ก่อนจะเปิดประตูที่นำไปสู่ดาดฟ้า
ซึ่งถูกปลดล็อกไว้แล้ว ผมเดินขึ้นไป
และมุ่งหน้าไปหานัตสึกิ
ที่กำลังนั่งอยู่อีกฝั่งของราวกั้น
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ผมเรียกเธอ และนัตสึกิหันกลับมา
เธอยิ้มให้ผมด้วยสีหน้าเหมือนงุนงง
ผมรู้ดีว่าเราเพิ่งเจอกันเมื่อไม่นานนี้เอง
แต่ความรู้สึกของผมกลับเหมือนกับว่า
เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบสิบปี
“ก็ไม่ได้นานขนาดนั้นหรอก ใช่ไหม?”
รอยยิ้มของนัตสึกิ
ดูเหมือนจะแฝงความเหงาอยู่ในนั้น
ผมปีนข้ามราวกั้นไปนั่งข้างเธอ
“มันก็แค่เรื่องของความรู้สึกน่ะ”
เมื่อผมพูดแบบนั้น
นัตสึกิก็พยักหน้าอย่างงงๆ และมองหน้าผม
“อืม… มันมืดจนมองไม่ค่อยชัดเลย
แต่นายเจ็บหน้าหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้น?”
ผมได้ทำแผลก่อนขึ้นมาที่นี่
แต่ดูเหมือนผ้าก๊อซ
และผ้าพันแผลที่ปิดไว้จะเห็นได้ชัด
“โคโยอิชกผมน่ะ เป็นชุดเลย”
“…นายได้พูดอะไรกับโคมาเอะ โคโยอิ
เกี่ยวกับเรื่องของเราหรือเปล่า?”
นัตสึกิถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกังวล
เพราะคำสัญญาที่เราทำไว้
เป็นคำสัญญาที่เป็นความลับระหว่างเราสองคน
เธออาจจะสงสัยว่าผมไปบอกเรื่องนี้กับคนอื่น
โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือเปล่า
“ผมไม่ได้พูดอะไร ผมแค่บอกลากับเธอน่ะ”
มันไม่ใช่คำพูดที่นัตสึกิจินตนาการไว้
แต่ผมก็ได้บอกถึงความตั้งใจ
ที่จะตัดขาดจากโคโยอิไป
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
นัตสึกิก็มีสีหน้าที่ดูซับซ้อน
“นายโกรธเธอในวันงานเทศกาลโรงเรียน
ใช่ไหม? แต่สุดท้ายก็ยังไปบอกลาเธออีก…
หมายความว่าอะไร?”
หลังจากพูดแบบนั้น
นัตสึกิก็มองมาที่สีหน้าของผม
“ขอโทษนะ ฉันขอเปลี่ยนคำถามใหม่แล้วกัน”
ด้วยคำเกริ่นแบบนั้น
นัตสึกิจึงถามผมอย่างกล้าๆกลัวๆ
“นายยัง—รักเธออยู่หรือเปล่า?”
“รักสิ”
ผมตอบคำถามของนัตสึกิทันที
เธอดูผิดหวังเล็กน้อย
แต่ผมไม่สามารถโกหกความรู้สึก
ที่มีต่อโคโยอิได้
ความเกลียดชัง ความขยะแขยง ความรัก
ความรู้สึกที่มีต่อโคโยอิมันซับซ้อนจนไร้เหตุผล
และบริสุทธิ์อย่างน่าเหลือเชื่อ—
“–แต่ผมไม่ได้เลือกอนาคตที่มีโคโยอิ
ผมถึงได้มาที่นี่”
และตอนนี้
คำพูดที่ผมบอกกับนัตสึกิก็เป็นความจริงเช่นกัน
ผมไม่สามารถมีความสุขกับโคโยอิได้
และผมก็ไม่สามารถปล่อยให้นัตสึกิอยู่คนเดียว
อย่างทุกข์ทรมานและโดดเดี่ยวอีกต่อไป
“…ขอบคุณนะ”
เมื่อผมพูดแบบนั้น นัตสึกิก็ตอบกลับมา
ด้วยท่าทีมีความสุข และเอนตัวมาซบไหล่ผม
“เราคุยกันหน่อยได้ไหม?”
“ทำไม? นายยังอยากรู้เหตุผล
ที่ฉันอยากตายอยู่อีกเหรอ?”
นัตสึกิพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูหนักแน่นเล็กน้อย
“ตั้งแต่ย้ายโรงเรียนมาที่นี่ เป็นยังไงบ้าง?”
ผมส่ายหัวและถามคำถามแทน
เธอเหลือบมองมาที่ผม
แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มแหย่ ๆ
“มันแย่มาก… ยกเว้นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับนาย”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ยินแบบนั้น”
ผมยิ้มและถามคำถามอื่นต่อ
“แล้วถ้าผมบอกว่าอยากอยู่กับเธอตลอดไป
และใช้ชีวิตด้วยกันต่อไป เธอจะทำยังไง นัตสึกิ?”
นัตสึกิแสดงสีหน้าประหลาดใจ
ในคำพูดของผม และมองมาที่ผม
จากนั้นเธอก็ตอบด้วยรอยยิ้มเขินอาย
“ฉันคงจะมีความสุข… มีความสุขมากจริง ๆ”
แต่แล้วเธอก็ก้มหน้าลงและพูดต่อ
“แต่… ไม่ ฉันยังอยากตายที่นี่กับนาย”
เธอจับแขนเสื้อของผมแน่นและพูดออกมา
“เข้าใจแล้ว…”
ผมพึมพำตอบกลับ
“นายมีอะไรที่เสียใจไหม…?”
นัตสึกิถามผม
ผมไม่ได้คาดว่าจะโดนถามแบบนั้น
และรู้สึกกระวนกระวายแต่เธอไม่ได้มองมาที่ผม
และดูเหมือนไม่รู้ถึงความสับสนของผม
“ถ้าผมตายที่นี่… ผมจะมีสิ่งที่เสียใจ”
ถ้าผมไม่สามารถช่วยนัตสึกิได้
ผมจะต้องมีสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ
—และผมจะต้องวนเวียนอยู่ในชีวิตที่ไร้จุดหมาย
แบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ขอบคุณพระเจ้า”
“ขอบคุณพระเจ้า? ทำไมล่ะ?”
“ถ้านายมีสิ่งที่เสียใจ
นายกับฉันจะได้กลายเป็นผีทั้งคู่”
นัตสึกิแหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนและพึมพำ
“ถ้าเป็นแบบนั้น
เราคงได้ดูดอกไม้ไฟด้วยกันอีกครั้งใช่ไหม?”
วันนั้นในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
ที่เราดูดอกไม้ไฟด้วยกัน
นัตสึกิเคยบอกผมว่าเธอจะพาผมเที่ยวโตเกียว
ถ้าเราได้เข้าโรงเรียนที่เราต้องการได้
บางทีเธออาจจะกังวลว่าเธอจะไม่สามารถ
รักษาคำสัญญานั้นไว้ได้ก่อนที่จะตาย
อย่างไรก็ตามผมรู้ดีว่า
[ความเสียใจ]
ของเธอไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น
ผมกอดร่างของเธอไว้แน่น
“อ๊ะ…”
นัตสึกิครางเสียงเบา แต่เธอไม่ได้ขัดขืนเลย
เธอปล่อยตัวเองพิงผม
และวางมือของเธอลงบนหลังของผม
ในสถานการณ์แบบนี้—
ถึงแม้นัตสึกิจะตกใจ
และพยายามกระโดดลงจากตรงนี้
ผมก็จะสามารถรั้งเธอไว้ได้
“ความเสียใจของนัตสึกิ…
คือเรื่องคุณพ่อใช่ไหม?”
ในขณะที่กอดไหล่ของนัตสึกิ
ผมหยิบจดหมายลาตาย
ที่เธอเพิ่งเขียนขึ้นในวันนี้ออกมาจากกระเป๋า
และยื่นมันให้เธอ
“…หา? ทำไมนายถึงมีสิ่งนี้ได้?”
ในอ้อมแขนของผม นัตสึกิแสดงสีหน้าหวาดกลัว
“ผมเข้าไปในบ้านของเธอและเอามันมา”
“งั้น…เนื้อหาในนั้น…”
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สนใจว่าผมรู้ได้ยังไง
ว่าเธอเขียนจดหมายลาตาย
“ใช่ ผมอ่านมันแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของผม—
ใบหน้าของนัตสึกิบิดเบี้ยวด้วยความสิ้นหวัง
จากนั้นเธอพูดออกมา
“ทำไมต้องเป็นนาย… ฉันไม่อยากให้นาย…
ฉันไม่อยากให้นายเห็นมัน!”
พูดจบ เธอก็ซบหน้ากับอกของผม
ปิดบังไม่ให้ผมเห็นสีหน้าของเธอ
เห็นสภาพของเธอและได้ยินคำพูดของเธอ
ผมคิดในใจว่า
นัตสึกิเป็นแบบนี้เสมอ
ไม่มีใครนอกจากผม
ที่เธอสามารถระบายความในใจได้
คนเดียวที่เธอไว้ใจและใกล้ชิด
เธอมักจะเก็บปัญหาไว้กับตัวเอง
กลัวว่าผมจะมองเธอในแง่ลบ
แกล้งทำเป็นว่าเธอไม่เป็นอะไร
ทั้งที่จริงๆ แล้วหัวใจของเธอกำลังพังทลาย
มันมาถึงจุดที่เกินจะช่วยไหวแล้ว
หัวใจของเธอแตกสลาย
เธอคิดว่าเธอเข้มแข็ง
สามารถจัดการทุกอย่างได้โดยไม่พึ่งพาคนอื่น
การคิดแบบนั้นไม่ได้หมายความว่าเธอเข้มแข็ง
แต่มันคือข้อบกพร่องร้ายแรงของนัตสึกิ
การที่เธอไม่สามารถมีเพื่อนที่เธอพึ่งพาได้
ไม่สิ การโทษเรื่องนี้
ว่าเป็นความผิดของนัตสึกิคนเดียวคงไม่ยุติธรรม
ถึงจะรู้ถึงข้อบกพร่องนี้
แต่มันก็เป็นเพราะผมเอง
ที่ไม่สามารถเป็นคนที่เธอพึ่งพาได้อย่างเต็มที่
“มันไม่ใช่ความผิดของนัตสึกิ”
นี่คือโอกาสสุดท้ายของเธอที่จะระบายทุกสิ่ง
และทุกอย่างออกมาและก้าวไปข้างหน้า
“ใช้เวลาให้เต็มที่
ผมอยากให้เธอปล่อยทุกอย่างที่อัดอั้นไว้ให้หมด
ที่นี่ ตอนนี้ ผมจะอยู่ข้างเธอจนถึงที่สุด
ผมสัญญา”
ผมจ้องมองไปยังนัตสึกิที่เงยหน้าขึ้น
และถ่ายทอดคำพูดเหล่านี้ออกไปอย่างจริงจัง
ตามนั้นแหละครับ คุณพ่อของเรานั้นเอง
จากใจ ผู้ใหญ่ที่ต่อยเด็กจนตาบอด
คิดไงก็ไม่ปกติ