เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 33 [บทที่ 5 มิไร] โล่งใจ
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 33 [บทที่ 5 มิไร] โล่งใจ
“อะไรกัน!? อากิ!?”
เสียงคุ้นเคยเรียกชื่อผม
ขณะที่ผมยังคงนั่งร้องไห้อยู่
“พระเจ้า… อากิ หน้านายเป็นอะไรไป!?
เกิดอะไรขึ้น ลุกขึ้นไหวมั้ย?”
เจ้าของเสียงนั้นจับมือผม
แล้วพยุงขึ้นให้นั่งบนม้านั่งใกล้ ๆ
ผมเหลือบมองเธอเล็กน้อยด้วยสายตาเลื่อนลอย
…ใครกันนะ?
“แย่ที่สุด มันดูเจ็บมากเลยนะ…
เดี๋ยวโทวะจะไปเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมาให้
รออยู่ตรงนี้นะ อากิ”
โทวะ? อ้อ ใช่แล้ว… โทวะ อิโอริ
เพื่อนเก่าของผมเอง
แต่ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่…? ช่างมันเถอะ
ไม่มีอะไรสำคัญแล้ว
พูดจบ เธอก็เดินไปที่ก๊อกน้ำ
ชุบผ้าเช็ดหน้า แล้วกลับมาประคบหน้าผมเบาๆ
“แค่นี้คงเย็นไม่พอ ต้องใช้น้ำแข็ง…
เดี๋ยวโทวะจะลงไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อ
รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ อากิ”
เธอยืนขึ้น เหมือนจะเป็นห่วงผม…
“มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”
ผมพูดใส่เธอ
เธออึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบเบาๆ
“เข้าใจแล้ว” แล้วนั่งลงข้างผมเหมือนเดิม
“ว่าแต่…เกิดอะไรขึ้น?”
แม้ผมจะพูดจาไล่เธอไป เธอก็ไม่ได้ดูโกรธเลย
“ฉันเดินผ่านผู้หญิง
ที่ดูเหมือนโคโยอิมาก่อนหน้านี้…
ใช่เธอจริงๆ ใช่มั้ย?”
ผมไม่ตอบคำถามนั้น
“ตอนแรกโทวะไม่แน่ใจเลยไม่กล้าทัก…
แต่พอเห็นคนที่ดูเหมือนจะเจ็บหนัก
แถมยังร้องไห้อยู่
โทวะก็คิดว่า ‘แย่ล่ะ ไม่อยากยุ่งเกี่ยว’
แต่ปรากฏว่าคนๆ นั้นคืออากิ
นี่มันบ้าไปแล้ว! เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”
ผมยังคงเงียบ
“แบบนี้ใช่มั้ย? อากิทำให้โคโยอิเสียใจ
โคโยอิโกรธเลยมาชกหน้าอากิ
อากิเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม
แต่เพราะรู้สึกผิดเลยไม่ตอบโต้…
แต่โดนชกก็เจ็บเป็นธรรมดา
เลยรู้สึกแย่จนลงเอยด้วยการนั่งร้องไห้แบบนี้?
หรืออยากให้โทวะปลอบใจ?”
แม้ผมจะไม่อยากตอบ แต่เธอก็ยังถามไม่หยุด
จนผมเริ่มหงุดหงิด
“ปล่อยผมไว้คนเดียวเถอะ”
ผมแค่อยากอยู่คนเดียว
ผมไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งในใจของผมอีกแล้ว
ไม่ต้องการความสงสารหรือคำปลอบโยนใด ๆ
“โทวะจะไม่ปล่อยอากิไว้คนเดียวหรอก”
“ทำไมล่ะ?”
“ทำไมเหรอ? ก็อากิกำลังร้องไห้อยู่ไง”
พูดจบ โทวะก็เช็ดน้ำตา
ที่ไหลออกมาจากตาของผมด้วยผ้าเช็ดหน้า
“เวลาใครสักคนกำลังเจ็บปวด ถ้ามีใครอยู่ข้างๆ
มันช่วยให้ดีขึ้นได้มากเลยนะ
เพราะแบบนั้น…โทวะถึงอยู่ตรงนี้กับอากิไง”
เธอจ้องมองผมด้วยสายตาอ่อนโยนและยิ้มให้
ผมไม่อยากให้เธอเห็นผมในสภาพแบบนี้อีกแล้ว
…สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีแบบนี้
มันมองเห็นแต่ความน่าสมเพชของผมเท่านั้น
“ผมไม่ใช่คนที่ควรได้รับการปฏิบัติ
ด้วยความใจดีแบบนี้!”
ผมตะโกนออกมา
โทวะยังคงเงียบ
มองผมด้วยสายตาเมตตาเหมือนเดิม
“ผมมันคนเลว! ผมมองข้ามความรู้สึกของคนอื่น
เพื่อความพอใจของตัวเอง
ใช้คนอื่นโดยไม่สำนึก!
ผมถึงขั้นใช้กำลังโดยไม่เสียใจ
แล้วยังมานั่งสงสารตัวเอง
เหมือนเป็นคนเดียวที่ต้องทุกข์อีก…
ผมมันคนสารเลว
ที่ทำให้ทุกคนรอบตัวไม่มีความสุข!”
ผมจ้องมองอิโอริด้วยสายตาแข็งกร้าว
ก่อนจะพูดต่อ
“แล้วอิโอริเองก็เหมือนกัน สำหรับผม
อิโอริก็เป็นแค่เครื่องมือเพื่อโคโยอิเท่านั้น
ผมถึงได้สอนเธอ ออกเดทกับเธอ
แล้วก็ไปงานเทศกาลวัฒนธรรมด้วยกัน
ทั้งหมดก็เพื่อทำให้โคโยอิหึง!
ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับอิโอริเลย!”
ความรู้สึกอัดอั้นของผมพุ่งออกมาจากปาก
ที่หยุดแสร้งทำเป็นคนดีไปแล้ว
มันมีแต่คำพูดที่เห็นแก่ตัวหลุดออกมา
อิโอริคงจะผิดหวังในตัวผมจนหมดสิ้น
ก็ปล่อยไปสิ… เดินจากไปซะ
“แต่โทวะน่ะ ได้รับการช่วยเหลือจากอากินะ”
แต่ถึงอย่างนั้น อิโอริก็ยังอยู่ข้างผม
ทั้งๆ ที่ผมพูดเรื่องร้ายๆ ใส่เธอ
เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ถ้าอากิไม่ได้บอกให้โทวะหยุดรังแกนัตสึกิ
โทวะคงจะทำอะไรที่แย่กว่านี้มากแน่ๆ
มั่นใจเลยว่าโทวะจะทำเรื่องที่แย่ลงไปเรื่อยๆ
กับนัตสึกิ”
เธอพูดพลางมองออกไปไกล
แน่นอนว่าในชีวิตก่อนของผม
การกลั่นแกล้งนัตสึกิรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ถ้าอากิไม่ได้บอกให้โทวะไปขอโทษ
นัตสึกิด้วยกันหัวใจของโทวะคงจะด้านชา
จนไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป
แม้ว่าโทวะจะทำเรื่องเลวร้ายใส่คนอื่นก็ตาม”
เธอพูดเหมือนมั่นใจเต็มที่ว่าเธอคือคนแบบนั้น
“โทวะเป็นคนโง่และชอบเลือกทางที่ง่ายที่สุด
เหมือนที่นัตสึกิเคยพูดไว้
สุดท้ายเธอคงจะทำเรื่องที่เลวร้ายมากขึ้น
โดยไม่สนใจใครเลยแล้วก็แน่นอนว่า
เธอจะโดนจับเพราะความโง่ของเธอเอง
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็คงไม่ยอมรับผิด
และโทษทุกอย่างรอบตัว
ว่าเป็นความผิดของคนอื่น…
แล้วลงเอยด้วยการเป็นผู้ใหญ่
ที่น่ารังเกียจแบบนั้น”
…ผมรู้ว่าที่อิโอริพูดมันไม่ได้ผิด
แต่ที่ผมเข้าไปยุ่งกับเธอ
ไม่ใช่เพราะผมคิดถึงเธอเลย
“ทั้งหมดมันก็แค่…
แค่สิ่งที่ผมทำไปอย่างเห็นแก่ตัว
โดยไม่คิดถึงใครทั้งนั้น!
เพราะผมหงุดหงิดที่เห็นนัตสึกิโดนแกล้ง!
ผมไม่ได้คิดถึงอิโอริเลยแม้แต่นิดเดียว!
เพราะงั้นอย่าขอบคุณผมเลย!
อย่าทำให้ผมรู้สึกแย่ไปกว่านี้อีกเลย!”
คำร้องขอของผมไม่ได้ทำให้อิโอริสนใจ
“การที่อากิช่วยโทวะที่กำลังเกลียดตัวเอง
เพราะกลั่นแกล้งนัตสึกิ การที่อากิบอกว่า
โทวะไม่ต้องฝืนใจตัวเองเพื่อชอบผู้ชาย
แล้วการที่อากิเป็นห่วงโทวะ
ที่ร้องไห้หลังจากขอโทษนัตสึกิ
ทุกอย่าง…ทุกอย่าง! มันคือตัวของอากิเองนะ”
อิโอริพูดพร้อมกับโอบกอดผม
“อากิอาจจะใช้โทวะ มันอาจจะจริง
แต่ช่วงเวลาที่เราใช้ร่วมกัน
โทวะรู้สึกถึงความใส่ใจของอากิ
ความอบอุ่นที่โทวะสัมผัสได้ในตอนนั้น…
อากิปฏิเสธไม่ได้หรอก”
หลังพูดจบ เธอลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณที่ช่วยโทวะไว้นะ อากิ”
“…”
เวลาที่ผมใช้ในการวนเวียนชีวิตนี้ซ้ำไปซ้ำมา
ผมคิดว่ามันไม่มีความหมายเลย
ผมเชื่อว่ามันเป็นแค่เครื่องเตือน
เตือนถึงความโง่และความล้มเหลวของตัวเอง
…บางที ผมอาจจะคิดผิด
ถึงแม้สิ่งที่ผมทำมันจะเต็มไปด้วยความผิดพลาด
แต่มันก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด
“ขอบคุณนะ อิโอริ…”
ผมกระซิบออกมา
แล้วซุกหน้าลงกับอกของอิโอริ ร้องไห้เสียงดัง
เสียงหัวใจ ความอบอุ่นของร่างกาย
ลมหายใจของเธอ ห่อหุ้มผมไว้อย่างแผ่วเบา
“ไม่เป็นไร”
เสียงอันอ่อนโยนของอิโอริ
ดังแว่วเข้ามาในหูของผม
***
“…ว่าแต่ว่า ทำไมอิโอริถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
หลังจากสงบอารมณ์
จากการร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้
ผมก็รวบรวมความกล้าถามออกไป
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับอากิน่ะ”
เธอตอบอย่างเขินอายเล็กน้อย
“เรื่องที่จะคุย…?”
“ใช่แล้ว อากิสอนโทวะหลายอย่าง
เกี่ยวกับการเรียนใช่ไหม
แต่สุดท้ายโทวะก็ตัดสินใจ
สอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยไม่ได้ปรึกษาอากิเลย
มันรู้สึกผิดนะ ทั้งๆ ที่อากิอุตส่าห์สอนโทวะ
ตั้งเยอะ”
อิโอริพูดต่อ
“โทวะเองก็เคยช่วยคนที่ลำบากมาเยอะ
อย่างเช่นตอนที่พี่สาวเมาแล้วไม่มีใครดูแล
หรืออย่างตอนที่อากิป่วยหนัก
ตอนเทศกาลวัฒนธรรม…
จนถึงตอนนี้ โทวะก็ยังไม่รังเกียจ
ที่จะอยู่เคียงข้างคนที่อ่อนแอ
และก็มีความสุขมากเวลาที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น
เพราะแบบนั้น
โทวะก็เลยตัดสินใจไปเรียนพยาบาล”
อิโอริอธิบายถึงเส้นทางที่เธอเลือก
ผมจินตนาการถึงอิโอริในชุดพยาบาล
และคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
“อิโอริต้องกลายเป็นพยาบาลที่ดีมากแน่ๆ
ผมมั่นใจเลย เพราะเธอดูแลผมดีมาก
ก่อนหน้านี้”
“ถ้าอากิพูดแบบนั้น
งั้นมันต้องแน่นอนอยู่แล้วแหละ”
อิโอริพูดล้อเล่น ผมยิ้มมุมปากตอบกลับ
และเธอก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“แต่ถ้าอย่างนั้น เราก็คุยกันทางโทรศัพท์
หรือในงานจบการศึกษาได้นี่?”
ผมถามด้วยความสงสัย
“อืม…ก็แค่อยากให้มันดูโรแมนติก
ถ้าเราได้เจอกันโดยบังเอิญ
ที่สถานที่ที่อากิเคยเล่าให้ฟังน่ะ”
หลังพูดจบ
อิโอริมองตรงมาที่ผมด้วยสีหน้าจริงจัง
ก่อนจะประกาศออกมา
“ความรู้สึกของโทวะที่มีต่ออากิ—
มันคือความรักจริงๆนั้นแหละ”
ครั้งหนึ่ง อิโอริเคยพูดคำนี้กับผม
ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป
คำพูดของเธอที่เคยว่างเปล่า
ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่สัมผัสได้
ผมรู้สึกซาบซึ้งในความอ่อนโยน
ของอิโอริอย่างลึกซึ้ง
เธอคือคนที่ช่วยดึงผม
ขึ้นมาจากความเจ็บปวดและสิ้นหวัง
ในขณะที่ผมกำลังจะตอบคำพูดของเธอ–
“แต่เอาจริงๆ มันไม่ได้โรแมนติกเลยซักนิด”
อิโอริถอนหายใจเฮือกใหญ่
พร้อมกับยักไหล่อย่างเกินจริง
“ก็โดนผู้หญิงต่อยหน้า บวมไปทั้งแถบ
ร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วยังมาไล่คนอื่นอีก
ถ้าความรักจะหายไปในพริบตา
ก็คงไม่แปลกใช่ไหมล่ะ?”
อิโอริมองผมด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเล็กน้อย
“…เรื่องนั้น ขอโทษจริงๆ”
ผมพึมพำ ขอโทษเธอจากใจ
“เฮ้ อากิ อย่าเข้าใจผิดนะ
ความรู้สึกของโทวะมันเป็นของจริงเสมอเลยนะ”
“ผมเข้าใจ ผมจะไม่มีวันปฏิเสธความรู้สึกจริงๆ
ของอิโอริหรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม
อิโอริพยักหน้าอย่างพอใจและพูดต่อ
“อากิ ถ้าชอบนัตสึกิจริงๆ ล่ะก็
อากิควรบอกความรู้สึกนั้นให้เธอรู้นะ”
อิโอริพูดพลางมองลึกเข้ามาในดวงตาของผม
ด้วยความเป็นห่วง
บางทีเธอคงคิดว่า
ผมบอกความรู้สึกกับโคโยอิไปแล้ว
แต่…เธอคิดผิด
ผมส่ายหัวเบา ๆ และตอบกลับ
“ความรู้สึกของผมที่มีต่อนัตสึกิ…
มันไม่เคยเลยที่จะเป็นความรู้สึกที่สวยงาม”
เมื่อผมพูดแบบนั้น อิโอริก็หัวเราะคิกคักออกมา
ผมสงสัยว่าทำไมเธอถึงหัวเราะและมองไปที่เธอ
“โทษทีๆ”
เธอบอกแล้วยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ
“การที่รู้ว่าความรู้สึกของการตกหลุมรัก
ใครสักคนมันไม่ได้สวยงามเสมอไป…
ถึงโทวะที่เพิ่งมีรักครั้งแรกก็เข้าใจนะ”
ผมมองเสี้ยวหน้าของอิโอริขณะเธอพูด
—เธอสวยมากจริงๆ
ผมหลับตาลงและครุ่นคิดถึงคำพูดของอิโอริ
ผมมั่นใจว่าผมมีความรู้สึกบางอย่างต่อนัตสึกิ
มันเป็นอารมณ์ที่แตกต่างจากความรัก
ที่ผมรู้สึกต่อโคโยอิ
ช่วงเวลาที่ผมใช้ร่วมกับนัตสึกิ
ในช่วงมัธยมปลาย…
มันเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน
ความสิ้นหวัง ความเสียใจ
และการยอมจำนน…
แต่มันก็เกี่ยวข้องกับอารมณ์ซับซ้อนอื่นๆ อีก
มันไม่ใช่สิ่งที่สวยงามเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้น—
“แต่ถึงอย่างนั้น… ความรู้สึกที่ผมมีต่อนัตสึกิ
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอธิบายด้วยคำว่า
[รัก] เพียงคำเดียว”
อิโอริยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของผมและพูดว่า
“เข้าใจแล้วล่ะ”
“ยังไงก็ตาม
โทวะกับอากิจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ…!
หลังจากจบการศึกษาแล้ว
ถ้าอากิกลับมาที่นี่อีก ก็บอกกันด้วยนะ
เรามาเที่ยวด้วยกันอีกครั้งเถอะ!”
“อืม ผมสัญญา”
“อากิเนี่ยสุดยอดเลยนะ ดูไม่กังวลเลย
ว่าตัวเองจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในฝันไม่ได้”
อิโอริยิ้มสดใสแล้วพูดแบบนั้น
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน
ผมเองก็ลุกขึ้นยืนตาม
“ถ้าครั้งไหนอากิรู้สึกแย่ โทวะจะอยู่ช่วยเสมอ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ถ้ารู้สึกแย่
ก็ทักมาหาโทวะได้เลยนะ”
อิโอริยิ้มและพูดกับผมตรงๆ
เธอคงเป็นห่วงผมมากจริงๆ
คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกโล่งใจอย่างแท้จริง
ผมหันไปหาเธอ
ผมพูดออกไปจากก้นบึ้งของหัวใจ–
“ขอบคุณนะ อิโอริ”
มีรูทโคโยอิแล้ว แล้วรูทอิโอริอะมีไหม~